คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Y o u r M i n i s t r a n t - CHAPTER 10 -
ผ่านไปหลายชั่วโมงหลังจากที่ขับรถออกมาจากเขตปูซานแล้ว ร่างสูงก็ยังทำหน้าที่ขับรถต่อไปเรื่อยๆแม้จะง่วงจนเกือบจะหลับคาพวงมาลัยแล้วก็ตาม แต่ด้วยอานุภาพกาแฟรสเข้มข้นที่เขาพึ่งซัดไป 3 กระป๋องก่อนหน้านี้ทำให้เขาตาค้างทั้งคืน ความเงียบปกคลุมทั้งคันรถหลังจากที่จองจินยองพึ่งผล็อยหลับไปเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา ระหว่างทางที่เงียบและมืดทำให้กงชานชิกแบบกลัวๆอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะมีรถคันๆขับอยู่บนถนนบ้างก็ตาม แสงสว่างจากไฟนีออนข้างทางก็ยังไม่ทำให้เขาอุ่นใจซักเท่าไหร่อ่ะนะ-__-
เขาไม่ใช่คนกลัวผีนะ แต่ตอนนี้คงกลัวความมืดกับความเงียบมากกว่า ครั้นจะเปิดเพลงก็กลัวจะทำให้คนที่นอนอ้าปากน้ำลายยืดอยู่ตรงเบาะหลังตื่น ... เฮ้อ ภาพพจน์ที่รักษามาหายวับไปกับตาตอนนอนจริงๆ -___- เขาจึงจำเป็นต้องตั้งหน้าตั้งตาขับต่อไป อีกอึดใจเดียวก็ถึงแล้วกงชานชิก จริงๆเขาอยากจะหาโรงแรมเล็กๆนอนไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทาง แต่คนตัวเล็กนี่สิ -___-...
ย้อนไปก่อนหน้านั้น 1 ชม.
"พี่จินยอง ผมว่าเรา ... หาโรงแรมแถวๆนี้นอนก่อนมั้ย"
"หมายความว่าไง"
"เราไปม่านรูดกันเถอะ เอ้ยไม่ใช่แบบนั้นดิ ผมหมายความว่า ผมกับพี่ เราไปนอนโรงแรมกันมั้ย"
"นี่นายชวนฉันเข้าม่านรูดหรอ-__-..."
"ไม่ได้หมายความแบบนั้นครับผมหมายถึงพี่กับผม..."
"พอๆๆ นายยิ่งพูดยิ่งส่อ"
"ผมพูดผิดตรงไหน"
"ผิดตั้งแต่พูดคำว่าม่านรูดแล้ว ขนลุกชะมัด"
"ทำไม ก็แค่ไปนอน ไม่ได้มีเซ็กส์กันนี่ครับ"
"นายมัน .. คนประเภทไหนเนี่ย พูดเรื่องนั้นได้หน้าตาเฉยมาก"
"เอ้าก็ผมเป็นผู้ชายอะ พี่ไม่เข้าใจหรอกเพราะพี่เป็นตุ๊ด"
ตะ..ตุ๊ด ...
ตุ๊ดงั้นหรอ !!!!!!! = [ ] =
ตุ๊ดบ้านป้าแกสิวะ
"ผมอยากนอนอะให้ผมนอนเหอะ นี่ผมง่วงมากเลยนะ"
"ไม่ !!! หุบปากแล้วขับไปซะ"
"โถ่ก็แค่ไปนอนเฉยๆเองนี่ครับ"
"บอกว่าไม่ก็ไม่ไง-__-"
"กลัวโดนผมปล้ำจริงๆสินะ:P"
"จะหุบปากได้หรือยังวะ"กร๊าซซ พ่อจะพ่นไฟแล้วนะโว้ย
"จะกลัวทำไมครับก็ผู้ชายทั้งคู่ ผมลีลาดีนะจะบอก"
อ้ากก
มันมากเกินไปแล้วว T///////////////T
ทำไงดี จองจินยองกำลังเป็นบ้าา
ฮืออ *ดิ้นนน*
"พี่เหมือนคนสติแตกเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ"
สัส =___=
นี่แหละเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องขับรถงกๆอยู่ตรงนี้ ตาค้างก็ใช่ว่าจะไม่ง่วงนะบอกเลย อีกตั้งสิบกว่ากิโลฯถึงจะเข้าโซล เมื่อยจะแย่อยู่แล้วว T _ T
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเกือบตีหนึ่ง ร่างสูงนำรถมาจอดที่คอนโดหลังจากใช้ความพยายามเฮือกสุดท้ายพารถมาจอดที่นี่ได้อย่างปลอดภัย เขามองผ่านไปยังเบาะหลัง จินยองยังหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาจึงเดินอ้อมไปยังประตูเบาะหลังแล้วปลุกเขา
"พี่จินยองครับขึ้นไปนอนบนห้องเถอะ"
"งืมม"
-_______-
"ผมรู้ว่าพี่ตื่นแล้ว ถ้าไม่ตื่นผมจะทิ้งพี่ให้นอนอยู่ในลานจอดรถนี่แหละ" กงชานขู่ก่อนจะทำท่าเดินหนีเขาไปจริงๆ แต่จินยองไวกว่าเลยใช้มือคว้าแขนเขาไว้
"นาย หันหลัง "
"ทำไมผมต้องหันอ่ะ" ถึงจะถามแบบนั้นแต่กงชานก็ยอมหันหลังโดยดี
"ย่อตัวลง"
"ฮะ ???"
"ย่อเซ่ เร็วๆฉันง่วง" จินยองเร่ง จนสุดท้ายหลังของกงชานก็ค่อยๆลดระดับลงจนอยู่ระดับเดียวกับจินยองที่นั่งอยู่บนรถ
ฟึ่บ!!
"เฮ้ยพี่"
คนที่ย่ออยู่อุทานขึ้นมาอย่างตกใจ เพราะจู่ๆก็รู้สึกถึงแรงหนังๆที่โถมลงมาบนหลังเขา หลังจากที่จองจินยองขยับตัวไปใกล้ๆเขาแล้วใช้มือจับหัวไหล่แกร่งทั้งสองข้าง และโดดขึ้นไปบนหลัง
"เล่นงี้เลยหรอครับ "
"ขี่หลังผมเนี่ยนะ..."
"หยุดพูดแล้วก็ขึ้นห้องได้แล้วน่า"
ปากเรียวบางขยับบ่นอย่างหงุดหงิด ท่อนแขนขาวเล็กค่อยๆยกขึ้นคล้องคอคนตรงหน้า แขนเนียนนุ่มสัมผัสเข้าที่ลำคอของกงชาน ก่อนที่มือสองข้างจะเลื่อนมาด้านหน้าจนหลังมือนุ่มนิ่มนั่นเฉียดโดนปลายคางของกงชานเล็กน้อยจนเขาสะดุ้งเฮือก จองจินยองประสานมือตัวเองไว้ตรงบริเวณกลางอกของร่างสูงแล้วใช้หัวยุ่งๆนั่นซบลงกับแผ่นหลังกว้างก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง การกระทำดังกล่าวของคนตัวเล็กบนหลังทำให้กงชานรู้สึกถึงกลิ่นหอมๆของแชมพูและครีมอาบน้ำที่เจ้าตัวใช้ลอยเข้ามาแตะจมูกเหมือนคราวก่อน
ยังหอมเหมือนเดิมไม่มีผิดเลย .....
แขนแกร่งของกงชานยกขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะจับเข้าที่ข้อพับขาของคนตัวเล็กทั้งสองข้างเพื่อประคองไว้ไม่ให้ร่วงไปจากหลัง
ขาหรือตะเกียบกันแน่เนี่ย
วันรุ่งขึ้น
แสงแดดยามสายของวันสาดส่องผ่านผ้าม่านสีเรียบเข้ามาในห้องนอนของร่างบางที่ยังนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม แสงสว่างของแดดแยงเข้าที่เปลือกตาเรียวจนต้องลืมตาขึ้นมา จองจินยองกระพริบตาสองสามทีแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาเรือนหรูที่ติดอยู่บนฝาผนัง
10 โมง .... -___-
โชคดีที่ตารางช่วงนี้ยังว่าง ปกติถ้างานยุ่งจริงๆอย่างช่วงโปรโมตเพลงนี่เขานอนวันละไม่ถึง 4-5 ชั่วโมงต่อวันเลยด้วยซ้ำ ล้มตัวลงบนที่นอนตี 2-3 ก็ต้องตื่นมาอีกตี 5 บ้าง 6 โมงบ้าง แทบจะเป็นซอมบี้เลยแหละ -__-
ตีนกานี่ขึ้นเป็นฝูง
รอยเหี่ยวนี่ขนมาทั้งโครตอะ
แพนด้าเรียกบรรพบุรุษ
แล้วเขาจะมาบ่นทำไมวะ จินยองถามตัวเองก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมายังนอกห้องนอน
ปกติถ้าเขาตื่นมาก็คงต้องเห็นร่างสูงอันคุ้นหน้าคุ้นตาเดินไปเดินมาอยู่บริเวณนี้ ไม่ก็กำลังทำอาหารอยู่ บลาๆๆ ใช่มั้ยล่ะ ก็อยู่ด้วยกันแล้วนี่ .. แต่วันนี้มันแปลกๆไป เพราะว่าเขา
ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ....
กงชานไม่อยู่ ?
คิ้วบางทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ หายไปไหนของเขานะ ? คิดไปคิดมาก็คงไม่ได้คำตอบเลยตัดสินใจเดินไปหลังเคาท์เตอร์ครัวเพื่อที่จะหาน้ำเย็นๆดับกระหาย แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อสายตาพลันไปเห็นกระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆสีฟ้าแปะอยู่หน้าตู้เย็นในระดับสายตาของจองจินยองพอดีเป๊ะ
มือบางค่อยๆดึงกระดาษโพสท์อิทออกจากตู้เย็นแล้วก้มลงอ่านข้อความบนกระดาษที่เขียนด้วยลายมือหรือลายตีนก็ไม่อาจทราบได้ -__-;;
To ... จองจินยองคนขี้เซ้า
ถ้าพี่ได้อ่านกระดาษแผ่นนี้แสดงว่าพี่ตื่นแล้ว ใช่มั้ยครับ ?
ไม่ต้องตกใจนะที่ไม่เห็นผมอ่ะ อย่าร้องไห้งอแงล่ะ :P ผมมาหาพ่อแม่ที่บ้านครับ เห็นตารางงานว่างก็เลยมา ถ้ามีอะไรด่วนโทร.หาผมนะ
อ้อ ข้าวเช้าผมทำไว้ให้แล้วนะอยู่ในตู้เย็น อุ่นกินเองนะครับ อ๊ะๆ ไม่ต้องยิ้ม อย่ายิ้มนะ อ่าา ผมบอกว่าอย่ายิ้มไงครับ :)
อ่านจบแล้วไปกินข้าวซะ เดี๋ยวปวดท้อง ลำบากผมอีก
ปล.อย่าคิดถึงผมล่ะ :)
From ผู้จัดการสุดหล่อ
"ไอ้เด็กบ้าเอ๊ยย ใครคิดถึงนายกันวะ .. แล้วฉันก็..ไม่ได้ยิ้มนะ (./////.) "
ถึงปากจะบอกแบบนั้นก็เถอะแต่ปฏิกริยาของจินยองมันโครตจะตรงกันข้าม ที่บอกห้ามยิ้มนี่ยิ้มจนแก้มจะแตก เขินจนแทบจะมุดตู้เย็นอยู่แล้ว T//////T
กงชานนายพอซักทีเถอะ ...
ช่วงเช้าของวันผ่านไปอย่างสดใสหลังจากที่ได้อ่านโพสท์อิทจากผู้จัดการสุดหล่อแผ่นนั้น และรู้สึกว่าจองจินยองจะตาบอดสีชั่วคราวซะด้วย
เพราะอะไรน่ะหรอ ..
เพราะโลกมันเป็นสีชมพูไงล่ะ -__-!!!
ไม่อยากจะยอมรับซักเท่าไหร่หรอกไอ้เรื่องหวานๆเลี่ยนๆอะไรแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อก่อนนี่โครตจะเกลียดแสนเกลียด สีชมพูดูแล้วหวานแหววหน่อมแน้มเห็นแล้วรู้สึกเหมือนเป็นคิดตี้นี่ขยะแขยงสุดๆ ยกเว้นของจากแฟนคลับน่ะนะ ...
นี่สินะที่เขาว่ายิ่งเกลียดยิ่งเจอ
ร่างบางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานั่งจุมปุ๊กอยู่บนโซฟา ที่โต๊ะด้านหน้ามีกล่องของขวัญสีชมพู(อีกแล้ว)ของแฟนคลับที่กงชานยกมาวางไว้ตั้งแต่เมื่อคืน มือบางล้วงหยิบของขวัญออกมาเล่นมาดูทีละชิ้น รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน ยิ่งเห็นมันก็ยิ่งมีกำลังใจ
หลังจากที่ดูในส่วนที่เป็นของขวัญแล้วก็มาถึงคราวของจดหมาย ที่มีประมาณ 80 กว่าฉบับได้ เขาจึงใช้เวลาในส่วนของวันนี้นั่งอ่านจดหมาย เมื่ออ่านไปได้ประมาณสิบฉบับแล้วจึงเดินไปหาอะไรกินเล่นก่อนจะยกมาวางบนโต๊ะข้างๆกัน มือของจินยองตั้งใจจะหยิบซองจดหมายสีเขียวอ่อน แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นจดหมายซองสีแดงซองเดียวอยู่วางเด่นอยู่ภายในกล่องนั้น มานั่งนึกดูดีๆมันเป็นของแฟนคลับคนนั้นไม่สบายนี่นา .. เขาเลยเปลี่ยนมาหยิบจดหมายซองนั้นแทน
นิ้วเรียวค่อยๆแกะที่ปิดผนึกจดหมายออกช้าๆ เมื่อแกะได้แล้วจึงหยิบแผ่นกระดาษด้านในออกมา มันถูกพับเป็นสามทบเหมือนฉบับอื่นทั่วๆไปแต่น่าแปลกใจตรงที่กระดาษมันโล่งเหมือนไม่ได้เขียนอะไรลงไปเลย ... ความสงสัยทำให้จินยองคลี่กระดาษออกมาอย่างรวดเร็ว
"ห น้ า ด้ า น"
เหมือนมีอะไรตบเข้าที่ใบหน้าหวานแรงๆ เหมือนลูกสะอื้นลูกใหญ่จุกอยู่ที่ลำคอ แต่เขาก็กลั้นมันเอาไว้ เพ่งดูคำที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีแดง แต่สีมันเข้มกว่าหมึกแดงทั่วไป และเมื่อเขาเพ่งดูดีๆจึงพบลิ่มสีแดงขนาดเล็กที่ดูเหมือนจะแห้งกรังติดอยู่บนกระดาษ เมื่อเขี่ยเบาๆมันก็หลุดออก . . เขาจึงรู้ว่าสิ่งที่ใช้เขียนนั้นไม่ใช่หมึกแดง แต่มันเป็น "เลือด" ....
จากโลกที่สดใสเหมือนหลุดเข้าไปแงในโลกคิดตี้เมื่อตอนเช้ากลับเหมือนมีใครมาสับสวิตส์ดึงเขาลงสู่เหวลึกอันมืดมิดไร้แสงสว่าง ดวงตาใสสั่นระริกราวกับผืนน้ำที่กระเพื่อมอย่างรุนแรง จองจินยองตั้งสติก่อนจะเปิดจดหมายฉบับนั้นอีกครั้ง
ซาแซงหรอ ?
เขาก็เคยได้ยินมาบ้างเรื่องซาแซงแฟนที่คอยทำร้ายตัวเองโดยการเขียนจดหมายด้วยเลือดจากการกรีดข้อมือบ้าง เลือดประจำเดือนบ้าง ซึ่งข้อความที่พวกเธอเขียนลงไปมันแสดงถึงการรักอย่างบ้าคลั่ง ไม่ก็ตามศิลปินไปทุกที่จนไม่มีความเป็นส่วนตัว
หรือจะเป็นแอนตี้แฟน ?
ดูท่าว่าอย่างหลังนี่จะเหมาะสมกว่า ถ้าซาแซงเขาคงไม่เขียนด่าแบบนี้หรอกมั้ง แล้วถ้าเป็นแอนตี้จริงๆ เขาไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจกันล่ะ จู่ๆถึงมาใช้เลือดเขียนคำด่าแบบนี้
ในตอนนี้สมองเขาตื้อจนคิดอะไรแทบไม่ออก เจอจังๆแบบนี้ก็งงเหมือนกัน แต่ถ้าเขาตั้งตัวได้เมื่อไหร่ล่ะก็ เขาไม่ปล่อยไว้แน่
"กงชาน ...มาที่คอนโดหน่อยสิ"
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย" จินยองที่พอจะมีสติขึ้นมามั่งแล้วนั่งมองคนที่เสียสติรายต่อไปซึ่งนั่นก็คือกงชาน ที่พออ่านจดหมายเสร็จก็หัวฟัดหัวเหวี่ยง จนจินยองต้องปรามให้ใจเย็นๆ เหมือนเป็นคนโดนเองซะงั้น
"ไปสถานีตำรวจมั้ยพี่
"อย่าเลย มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่แอนตี้แฟนธรรมดาแหละมั้ง"
ร่างบางยักไหล่ก่อนจะเก็บของทั้งหมดลงกล่องตามเดิม แต่ยกเว้นกระดาษสีแดงฉบับนั้น แล้วยกเอากล่องนั้นเข้าไปวางไว้ในห้องนอน มือหนาเอื้อมมาหยิบจดหมายอีกรอบ แต่ดูเหมือนคราวนี่จะสังเกตุเห็นความผิดปกติที่อยู่ในจดหมาย เพราะขณะที่เขาจับมัน รู้สึกเหมือนมีวัตถุแข็งๆเป็นทรงกลมและบางอยู่ในนั้น เขาไม่รอช้าจึงเปิดจดหมายและหยิบมันออกมา แล้วก็เป็นไปตามที่กงชานคาดไว้จริงๆ
"พี่จินยอง ดูนี่สิครับ" กงชานเรียกคนอายุมากกว่าทันทีที่จินยองเอาของไปไว้ในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว
"อะไรอ่ะ"
"เครื่องดักฟังน่ะ"
"นายอย่ามาอำพี่เล่นนะ-___-"
"อ้อมีอีกอย่างที่ผมยังไม่ได้บอกพี่ ผมน่ะ สอบติดตำรวจนะ J เรื่องอะไรพวกนี้ผมก็ต้องรู้เป็นธรรมดา " ว่าแล้วเขาก็ยักคิ้วให้จินยองแบบหล่อๆหนึ่งที
"...!!"
โอ้ยเท่ เท่ระเบิดดดด > _ <
"แล้วนายไม่ไปเรียนหรือไง"
"อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะเปิดเทอม ช่วงนี้ผมก็หาพวกหนังสืออ่านไปก่อน เป็นพื้นฐาน"
"เฮ้ย นี่นายพกปืนหรือเปล่าเนี่ย" จินยองว่าอย่างแซวๆก่อนจะกระเด้งตัวออกไปอีกด้านของโซฟา ลืมเรื่องว่าพวกเขาโดนดักฟังไปเสียสนิท แต่กงชานก็รอบคอบพอจึงเดินไปที่ห้องน้ำแล้วจัดการโยนมันลงชักโครกซะ
ไปที่ชอบๆนะครับ :)
"ผมจะพกได้ยังไงเล่า ยังไม่ได้เริ่มเรียนเลย" ร่างสูงว่าก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟา
"แน่นะ-__-" จินยองมองอย่างหวาดๆก่อนจะขยับตัวมานั่งที่เดิม
"ถ้าผมพกมาจริงๆ ระบบรักษาความปลอดภัยมันก็ต้องดังแล้วสิ"
“นั่นสินะ ย่าาห์ นายนี่มันสุดยอดไปเลย”
“ว่าแต่พี่เหอะ ไปทำอะไรให้เขา เขาถึงมาเขียนด่าพี่ว่าหน้าด้านแบบนี้” กงชานว่าก่อนจะโยนจดหมายลงบนโต๊ะตามเดิน ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆเป็นเชิงตอบ
“จะไปรู้ได้ไงวะ ฉันก็ทำงานงกๆแต่งเพลงเข้าๆออกๆบริษัทอยู่ทุกวัน”
“เอ้า แล้วเขามาด่าพี่ทำไมละครับ =___=”
“ไอ้เด็กบ้านี่ เดี๋ยวก็ฟาดด้วยแจกัน บอกว่าไม่รู้ไง” จองจินยองหัวเสียใส่
“จดหมายนี้พี่บอกว่าได้มาจากแฟนคลับคนสุดท้ายที่ได้แปะมือกับพี่ใช่มั้ยครับ”
“อืม” จินยองตอบเนือยๆให้อีกคนที่กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังใช้ความคิด กงชานนั่งนิ่งอยู่ซักพักจู่ๆเขาก็ลุกขึ้นจนร่างบางสะดุ้ง ก่อนจะถือวิสาสะคว้าข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นตามก่อนจะลากออกไปทางประตูหน้าห้อง
“เฮ้ยๆๆๆ จะไปไหน”
“ไปบริษัท J”
ให้ตายเหอะ สุดท้ายเขาก็กระเด็นมาอยู่บนรถกับกงชานจนได้ ภาวนาอย่าให้เรื่องนี้มันถึงหูคุณน้าเลยเถอะ มันจะยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายเพราะจดหมายขู่โง่ๆฉบับนั้น ถามไอ้คุณผู้จัดการที่กำลังขับรถไปตามเส้นทางที่ไปยังบริษัทเขาก็ยังไม่ปริปากบอกอะไร บอกว่าเดี๋ยวถึงบริษัทก็จะรู้เอง L
ไอ้พามาบริษัทนี่มันไม่เท่าไหร่หรอก
แต่ไอ้ที่ขังเขาไว้ในห้องทำงานของตัวเองนี่คืออะไร
โว้ยยยยยย รนจนแทบจะพังคีย์บอร์ดแล้ว
“มาแล้วครับมาแล้ว” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงก็เดินผลักประตูเข้ามาแล้วล็อคให้สนิท ก่อนจะโยนแฟ้มข้อมูลลงบนโต๊ะข้างหน้าจินยองที่กำลังนั่งมึนอยู่บนโซฟา จองจินยองหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านไปทีละหน้าอย่างไม่เข้าใจนักว่าเขาจะสื่ออะไร
“อะไรของนายเนี่ย”
“ข้อมูลของแฟนคลับ 100 คนที่ได้ไฮทัชกับพี่เมื่อวาน”
“ ? “
“ทางบริษัทยังไงก็ต้องมีข้อมูลพวกนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ? ข้อมูลการจำหน่ายบัตร เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ ชื่อ ที่อยู่ อีเมลล์ของผู้เข้าร่วมงานยังไงมันก็ต้องอยู่ที่นี่”
“อ๋อ....”
“รวมถึงข้อมูลของแฟนคลับที่ได้ไฮทัชเมื่อวานด้วย ยังไงพวกเขาก็ต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนไม่ใช่หรอ”
“อ่านั่นสิ แล้วนายเอามาได้ยังไงน่ะ มันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลนะ”
“ก็ไม่อยาก ผมไปหาพี่บาโรแล้วขอมันมา บอกว่าพี่จินยองเขาอยากรู้ว่าแฟนคลับที่ได้ไฮทัชเมื่อวานเธอชื่ออะไรกันบ้าง” เขาหยุดพูดแล้วหันหน้ามามองจินยองนิ่ง “ก็แค่นั้น” แล้วก็หันกลับไป
“พี่นี่ไม่รู้อะไรซะเลย”
“ใครจะฉลาดเป็นกรดเหมือนนายล่ะ”
“แล้วจะเถียงกันทำไมเนี่ย” กงชานว่าก่อนจะทิ้งตัวลงข้างๆ แล้วหยิบแฟ้มนั้นขึ้นมา ก่อนจะเปิดไปหน้าสุดท้าย “พี่บอกว่าเป็นคนสุดท้าย ใช่มั้ยครับ” ร่างสูงหันไปถามใบหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาพยักหน้าเป็นคำตอบ นิ้วเรียวยาวไล่ลิสต์รายชื่อลงมาทีละคนๆจนมาถึงคนสุดท้าย ...
‘คิม ยูจอง
ที่อยู่ : x/xx x xxx xxxxx xxxxx
เบอร์โทรศัพท์ 010–8587 - 98xx ‘
“คิมยูจอง” กงชานทวนชื่อ “พี่ได้ถามเธอมั้ยว่าชื่ออะไร”
“เปล่า … เฮ้ยนายจะทำอะไร” จินยองขึ้นเสียงทันทีที่กงชานชิกหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดเบอร์ดังกล่าวลงไปอย่างรวดเร็วแล้วกดโทรออก แต่เขาไม่ตอบได้แต่เอานิ้วชี้แนบไว้ที่ปากตัวเองเป็นเชิงให้เงียบ
[ฮัลโหล] เมื่อปลายสายรับแล้วกงชานจึงกดเปิดลำโพงทันที
“เอ่อ ... ครับสวัสดีครับ คุณใช่ ... คิม ยูจองหรือเปล่า” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบ
[ค่ะใช่ค่ะ คุณเป็นใครคะ ?]
“ผมขออนุญาตไม่บอกแล้วกันครับ เมื่อวานคุณได้ไปที่งานแฟนมีตติ้งของจินยองหรือเปล่า”
[สรุปคุณเป็นใครกันแน่คะ บอกฉันมาก่อน]
“ครับ ผมเป็นผู้จัดการของคุณจองจินยอง”
[............!!!!] ปลายสายเงียบไป
“คุณครับ คุณยูจอง”
[ถือสายรอซักพักนะคะ]
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดของเธอที่ดังทะลุออกมาจากโทรศัพท์ จนกงชานและจินยองเอาตัวห่างแทบไม่ทัน แถมยังเปิดลำโพงอีก หูเขาคงไม่บอดใช่มั้ย
[ค่ะ เมื่อวานฉันไปงานมีตติ้งของจินยองโอป้ามา แต่...] ปลายสายเงียบไป [แต่ฉันเข้าไปในงานไม่ได้ค่ะ เพราะฉันทำบัตรประชาชนหายไปตอนก่อนเข้างาน คนมันเยอะมากๆ มันคงโดนขโมย T _ T]
“งั้นคุณก็ไม่ใช่เจ้าของจดหมายซองสีแดงหรอกหรอ?”
[คะ จดหมาย ? จดหมายอะไรคะ ? ฉันไม่ได้เข้าไปในงานเมื่อวานจะเอาจดหมายให้จินยองโอป้าได้ยังไงล่ะ T _ T น่าเสียดาย ฉันติดไฮทัชคนสุดท้ายนะ โอ้ยบุญมีแต่กรรมบังจริงๆ]
เธอบ่นกระปอดกระแปด จนทั้งกงชานและจินยองเอะใจว่าใครกันแน่ที่เป็นคนเอาจดหมายนั่นมาให้เขา แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่เธอคนนี้แน่ๆ ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นแฟนคลับที่รักจินยองเอามากๆ ไม่น่าจะทำเรื่องแบบนั้นได้
“เอ่อ แล้วคุณแจ้งความหรือยังครับ”
[ค่ะ แจ้งเรียบร้อยแล้ว ฉันไม่รู้จริงๆนะว่าใครเอาไป คือ .. ตอนต่อแถวลงทะเบียนไฮทัชฉัน .. เผลอทำมันหล่น พอจะก้มลงเก็บอีกทีมันก็หายไปแล้วค่ะ T _ T ฉันเลยเข้างานไม่ได้]
“อ่าา”
[โอป้าคะ พี่จินยองอยู่กับโอป้ามั้ย] เธอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างสูงหันมามองจินยองเหมือนจะถามเป็นนัยๆว่าจะให้ตอบยังไง ซึ่งคำตอบที่ได้มาก็คือเขาพยักหน้า ซึ่งนั่นแปลว่า
“ครับ เขาอยู่ข้างๆผม”
[กรี๊ดจริงหรอคะ T/////////////////T]
“จะคุยมั้ยครับเดี๋ยว ...”
[ไม่ๆๆๆๆๆค่ะไม่เป็นไร โอ้ยตื่นเต้น ฮืออออ ฝากบอกจินยองโอป้าด้วยนะคะว่าฉันรักโอป้ามากมากมากจริงๆ รีบๆคัมแบคนะคะ ตั้งใจทำงานนะโอป้าสู้ๆ] เธอพูดด้วยน้ำเสียงรนๆ จนจินยองต้องหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะจับโทรศัพท์มาใกล้ๆปากของเขา ซึ่งนั่นทำให้มือของทั้งสองคนโดนกันเล็กน้อย
“ครับ ขอบคุณมากๆครับ”
[อะ...โอป้า = [ ] = !!!!!!!!]
“เอ่อ ถ้าหมดธุระแล้วผมขอวางนะครับ ขอโทษที่พวกผมโทร.มารบกวนนะ”
[เดี๋ยวค่ะเดี๋ยวๆๆ มีเรื่องอะไรกันหรอคะ]
“เอ่อเปล่าหรอกครับ งั้นแค่นี้นะ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลนะครับ” กงชานตัดบทแค่นั้นก่อนจะวางสายแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ
“ผมว่านี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วนะพี่”
“ฉันก็ว่างั้น ....”
“แฟนคลับคนสุดท้ายที่ให้จดหมายฉบับนั้นให้พี่ไม่ใช่ยูจอง เธอโดนขโมยบัตรประชาชน และคนที่ขโมยบัตรเธอไปนั่นแหละก็คือเจ้าของจดหมายฉบับนั้น ซึ่งไม่มีหลักฐานแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอเป็นใคร”
“นายเป็นโคนันหรือไงนะ” จินยองพูดจิกกัด “เฮ้อช่างมันเถอะ ก็แค่จดหมายอย่าซีเรียสเลยน่า” ร่างบางบอกปัดๆอย่างไม่ใส่ใจ ก็แค่เป็นแอนตี้ที่แฝงตัวเข้ามาในงานแล้วก็ด่าเขาในจดหมายแค่นั้นเอง ตัวเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรซักหน่อย แต่ทำไมกงชานถึง ....
เพราะอะไรนะ ...
ห่วงหรอ ?
“นายเป็นห่วงฉันอีกแล้ว .... ใช่มั้ย” จินยองตัดสินใจถามคนตรงหน้าไป
"ทำไมครับ"
"ถ้าผมจะเป็นห่วงพี่มันผิดตรงไหนหรอ"
"ก็....!!"
ยังไม่ทันที่ร่างบางจะพูดจบ เสียงโทรศัพท์ของร่างสูงก็ดังขึ้นก่อน เขาล้วงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์เดนิมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอ 산들형 เขายิ้มน้อยๆแล้วกดรับ
"ว่าไงครับพี่ ...."
"คะ...ครับ ใช่ครับ"
"อะไรนะ โรงพยาบาล!!!!" กงชานชิคอุทานขึ้นอย่างตกใจ ทำให้จองจินยองยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"ครับ เดี๋ยวผมรีบไป" กงชานวางสายอย่างรีบร้อนแล้วผลักประตูห้องออกไป และเหมือนเขาจะลืมไปเลยว่ายังมีคนตัวเล็กนั่งอยู่ข้าง จินยองจึงรีบลุกขึ้นแล้วตามกงชานออกไป
"พี่ซานดึลพี่ต้องไม่เป็นไรนะ" เสียงทุ้มๆพูดขึ้นตลอดทางที่เขาขับรถไปโรงพยาบาล กงชานประคองพวงมาลัยด้วยมือขวาข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็กำสร้อยไม้กางเขนที่เขาใส่แน่น และภาวนาอธิฐาน ขอพรให้พระเจ้าคุ้มครองคนรักของเขาให้ปลอดภัย จินยองนั่งมองกงชานอยู่ที่เบาะหลังด้วยแววตาเลื่อนลอย ในหัวก็คิดอะไรต่างๆนาๆ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ
"ขอโทษนะครับ คนไข้ที่ชื่ออีจองฮวานพักอยู่ห้องไหนครับ" เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาลแล้วเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปถามนางพยาบาลที่อยู่ประจำเคาท์เตอร์ในโรงพยาบาล
"ญาติของคุณจองฮวานใช่มั้ยคะ ? "
"ครับ" กงชานตอบด้วยเสียงร้อนรน ดูเหมือนเขาจะไม่สนอะไรแล้วนอกจากคนรักของเขา จองจินยองที่ยืนอยู่ข้างๆเขาตรงนี้ก็เหมือนเป็นธาตุอากาศ โชคดีที่วันนี้เขาใส่ฮู้ดมา ยังพอที่จะปิดหน้าปิดตาได้อยู่บ้าง
"คุณจองฮวานพักอยู่ห้อง 458 ค่ะ" พยาบาลสาวตอบกงชานจึงจะรีบวิ่งไป แต่เธอก็ขัดขึ้นก่อน "เขาไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ คุณใจเย็นๆนะคะ" เธอเตือนกงชานเพราะเห็นจากท่าทางที่ดูรีบร้อนขนาดนั้นต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ ร่างสูงได้แต่พยักหน้ารับและรีบวิ่งไป
จินยองจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วปล่อยให้เขาวิ่งนำหน้าไปก่อน เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะตามมาให้ช้ำใจเล่นทำไมกัน ...
"พี่ซานดึล!" ร่างสูงรีบพรวดพราดเข้าไปหาซานดึลทันทีหลังจากที่ถึงห้องแล้ว เขาเข้าไปใกล้ๆเตียงแล้วก้มลงกอดร่างนุ่มนิ่มที่นอนอยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลอยู่บนเตียง
"ผมขอโทษ"กงชานพูดเสียงแผ่ว คนน่ารักค่อยๆยกมือซ้ายที่ตรงข้อมือถูกพันด้วยผ้าก็อตสัคขาวขึ้นมาลูบกลุ่มผมบนหัวกงชานอย่างแผ่วเบา
"พี่ไม่เป็นไรหรอกเจ้าบ้า ใจเย็นๆก่อนสิ แล้วนี่ขอโทษพี่ทำไมหืม ?"
"ผมไม่น่าให้พี่อยู่คนเดียวเลย"กงชานพูดก่อนจะคลายกอดออกมา แล้วลากเก้าอี้แถวๆนั้นมานั่งข้างๆเตียง
"ไม่ใช่ความผิดของนายซักหน่อย"
"เกิดอะไรขึ้นพี่เล่าให้ผมฟังได้มั้ยฮะ" เขาพูดน้ำเสียงอ่อนลงก่อนจะกุมมือคนรักแน่น
"ก็ .. ตอนเช้าพี่ลงไปซื้อข้าวเช้าข้างล่างคอนโด พอขึ้นมาก็เห็นประตูหน้าห้องมันเปิดอยู่อ่า คือพี่ลืมล็อคประตูห้องก่อนลงมา นึกได้อีกทีก็ตอนซื้อเสร็จแล้ว T _ T"
"แล้ว ?"
"นั่นแหละพี่ก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง ก็เห็นผู้ชายคนนึงมันกำลังรื้อห้องพี่อยู่ พูดง่ายๆคือขโมยมันขึ้นห้องพี่นั่นแหละ"
"พี่เห็นหน้าไอ้เลวนั่นมั้ย" กงชานถามเสียงฉุน ส่วนซานดึลก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ
"มันใส่หมวกกันน็อค พี่ไม่เห็นหน้ามัน ..."
"แล้วไอ้เหี้ยนั่นมันทำอะไรพี่บ้าง"
จากไอ้เลวเป็นไอเหี้ยทันทีเพราะความโมโห ใครกล้าแตะต้องคนรักของเขาแม้แต่ปลายผม มันต้องไม่อยู่ดีแน่
"พี่ก็สู้กับมันซักพัก พยายามจะโทรหาตำรวจก็ไม่ได้เพราะมันขัดตลอด พี่เลยวิ่งไปหยิบมีดในครัวมาขู่มันแทน"
"แล้วยังไงต่อ"
"โอยไม่อยากจะเล่าเลยว่ะ มันแย่งมีดในมือพี่ไป พี่ก็พยามจะเข้าไปเอาคืนไง แต่มันจับข้อมือพี่ไว้แล้วกรีดลงบนข้อมือซ้ายพี่ ฮือ พี่กลัวอ่ะกงชาน T _ Tหลังจากนั้นพี่ก็สลบไปเลย"
"พี่ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่นี่แล้ว" กงชานว่า ก่อนจะโผเข้ากอดคนรักแล้วลูบผมเบาๆ
"ผมจะไปแจ้งความ ให้ตำรวจมาลากคอมัน" กงชานผละซานดึลออกช้าๆแล้วหันหลังจะเดินออกไปจากห้อง แต่ซานดึลขว้าข้อมือไว้ก่อน
"อย่าเลย ช่างมันเถอะ.."
"แต่พี่ ..!!!"
"พี่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก เอาน่าชานชิค ปล่อยเขาไปเถอะ"
กงชานมองหน้าคนรักที่นอนทำตาบ้องแบ๊วอย่างอ้อนๆส่งให้ เขานิ่งไปก่อนจะถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านของวันออกมา
"เฮ้อ ก็ได้ครับ" กงชานยิ้มบางๆก่อนจะนั่งลงตามเดิม มือหนาจับข้อมือซ้ายที่โดนกรีดของคนที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมา
"โดนไปลึกมั้ย"
"พยาบาลบอกว่าเกือบตัดโดนเส้นเลือดใหญ่..."
"แม่งงง" กงชานสบถ "ผมอยากจะฆ่าไอ้เหี้ยจริงๆนะ"
"ไม่เอาน่าชาน T v T"
"เฮ้อ"
"ถอนหายใจมากหน้าแก่นะเว้ย"
"ตลกละพี่ เอ้อ พี่อยากกินอะไรมั้ยเดี๋ยวผมลงไปซื้อให้"
"อยากกินน้ำผลไม้ (' ' )อืมม .. นายอยากกินอะไรก็ซื้อมาแล้วกัน"
"ได้คร้าบที่รักก ~ เดี๋ยวผมไปซื้อให้" กงชานตอบรับอย่างกวนๆแล้วเดินออกจากห้องไป ในขณะเดียวกันกับที่จองจินยองกำลังเดินมาสวนกับเขาพอดี
"อ้อพี่จินยอง อยากกินอะไรมั้ย ผมจะลงไปข้างล่าง"
เห็นหัวฉันแล้วหรือไง ...
"ไม่ล่ะ แล้วแฟนนาย ... เป็นไงมั่ง"
"ก็ไม่เป็นไรมาก ผมฝากอยู่เป็นเพื่อนซานดึลหน่อยนะ" เขาพูดทิ้งท้ายแล้วเดินลงไปข้างล่าง ไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าไอ้เป็ดนั่นเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ต้องเจออยู่ดีแหละนะ ...
"ลืมอะไรหร...อ้าว คุณจินยอง" ใช่ว่าซานดึลก็อยากเจอไอ้หน้าจิ้งจอกนี่ซะเมื่อไหร่ละ สงครามเย็นขนาดย่อมๆเลยล่ะมั้ง
"เป็นไงบ้าง"จินยองถามแบบประสาเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก
"ก็ยังไม่ตาย"
อ้าวไอ้เวรนี่ ....
"หน้าตาก็ดีทำไมนิสัยเถื่อนแบบนี้ล่ะครับ"
"คุณก็เหมือนกัน หน้าตาก็ดี เป็นคนดังซะเปล่า ไม่มีปัญหาหาแฟน ถึงได้คอยมาแย่งของชาวบ้าน!"
"...!!!!"
"เอาแฟนคนอื่นไปกกที่ห้องตัวเอง มีความสุขมากนักสิ.."
จองจินยองกำมือแน่น แววตาที่หม่นหมองแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเคืองอย่างห้ามไม่ได้ จู่ๆก็มีคนมาเหยียดหยามเขาทั้งๆที่มันไม่เป็นความจริงแบบนี้ อยากจะให้มันตายคามือให้รู้แล้วรู้รอด
ใจเย็นไว้จองจินยอง
มันก็แค่ยั่วโมโห
"ขอโทษนะครับคุณจินยอง ผู้ชายคนนี้ผมยกให้ไม่ได้จริงๆ"
"......"
"ถึงคุณจะหน้าด้านแย่งไปก็เถอะ"
หน้าด้าน .. คำนี้อีกแล้ว วันนี้เขาโดนด่าแบบนี้ตั้งสองครั้งแล้วนะ !!! ทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย คนแรกก็แอนตี้แฟน คนที่สองก็ไอ้อ้วนนี่ ....อย่างในกรณีนี้จะด่าก็ไม่แปลก ก็ในเมื่อเขาก็มีส่วนผิดอยู่ แต่แอนตี้คนนั้นเขามีเหตุผลอะไรถึงมาด่าเขาหน้าด้านล่ะ เขาก็ไม่รู้อยู่ดี
เอ๊ะเดี๋ยวนะ ..
หน้าด้านงั้นหรอ ...
ร่างบางยืนนิ่งก่อนจะค่อยๆคิดอะไรในหัวอย่างช้าๆ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ตรงข้อมือซ้ายของซานดึลที่มีผ้ากอซพันอยู่
ไม่น่า ...
ไม่ใช่เขาหรอก ...
จะเป็นไปได้ไง ในเมื่อ ...
"โอ๊ะโอ ดูเหมือนจะโดนจับได้ซะแล้ว"
"ของขวัญที่ผมให้ไป ถูกใจมั้ยครับ"
"จดหมายสีแดงที่คุณได้ในคืนเมื่อวานน่ะ :)"
TBC.
ความคิดเห็น