คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1:จูบแรกจากแวมไพร์
1:จูบแรกจากแวมไพร์
หลังจากที่ข่าวหนังสือพิมพ์ยามเช้าวางแผงขาย ข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ดูเหมือนว่าจะดังที่สุดโดยเฉพาะ ข่าวนักเรียนหญิงวัย 14 ร.ร. นิวเซนต์ ตายด้วยเลือดหมดตัว สร้างความหวาดกลัวให้คนอื่นๆเป็นจำนวนมาก ยิ่งถ้าเด็กนักเรียนหญิง ร.ร. นิวเซนต์ แล้วก็ยิ่งกลัวมากกว่าคนอื่นๆ เพราะทุกวันจะนักเรียนหญิงตายสาเหตุเดียวกันหมดอย่างน้อยวันละ 5 คน ซึ่งทางตำรวจก็ยังจับผู้ร้ายที่ฆ่านักเรียนพวกนี้ไม่ได้ซักที ไม่แปลกอะไรที่นักเรียนหญิงโรงเรียนนี้จะหวาดกลัวกันเกือบทุกคน
“เฮ้! แทยอน!? เธอได้ข่าวนักเรียนโรงเรียนเรายัง???” ร่างบางเจ้าของชื่อ “ยูริ” ทักขึ้นก่อนจะนั่งลงข้างๆเพื่อนสาวที่ชื่อ “แทยอน”
“ฮื่อ.. ได้แล้ว น่าสงสารนักเรียนคนนั้นเนอะ... เมื่อไรน้า ไอ้พวกแวมไพร์มันจะกลับไปยังที่ๆมันอยู่ซักที” แทยอนทำหน้าเศร้าๆ เมื่อยูริได้ยินคำพูดของแทยอนก็เกิดความสงสัยขึ้นมา
“แวมไพร์!? หมายความไงหรอ? ทำไมเธอถึง...” ยังพูดไม่จบ แทยอนก็ลุกพรวดขึ้นซะก่อน
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก.. อย่าสนใจเลย อ เอ่อ ฉันขอตัวไปที่ห้องสมุดก่อนนะ ต้องรีบไปช่วยบรรณารักษ์น่ะ ฉันไปละนะ” ว่าจบแทยอนก็คว้ากระเป๋าเป้ใบสีขาวขึ้นมาสะพายไว้ที่ไหล่ก่อนจะสาวเท้าเดินไปยังห้องสมุดให้เร็วที่สุด ฝ่ายยูริก็มองตามแผ่นหลังเล็กไปอย่างงๆ แปลกใจกับคำพูดของแทยอน อยากจะถามแต่แทยอนก็ไปซะแล้ว จึงได้แต่เก็บคำถามไว้ในคนเดียว
คฤหาสน์ตระกูลโจว
“คุณชายโจวครับ คุณหนูจูฮยอนมาขอพบครับ” ชายหนุ่มร่างสูงว่าขึ้นในขณะที่คนที่ถูกเรียกว่าคุณชายกำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจ
“บอกว่าฉันไม่อยู่” ตอบอย่างเซ็งๆ จู่ๆร่างหญิงสาวก็บุกเข้ามาเสียดื้อโดยที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของห้อง
“ทำไมจะไม่อยู่ล่ะคะ!? คุณชายคยูฮยอนก็นั่งอยู่หัวโด่นี่ไงล่ะ” หญิงสาวเจ้าของชื่อ “จูฮยอน” ว่าขึ้นในขณะที่ก้าวเท้าเดินเข้ามาหาร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะทำงานสีดำตัวใหญ่
“เธอมีอะไร?” เอ่ยถามเสียงเรียบ สายตาคมช้อนมองไปทางอื่นๆ
“ฉันขอคุยเรื่องของเรา” ว่าจบก็นั่งลง ก่อนจะส่งสายตาไปที่ชายร่างสูงอีก 2 คน เชิงว่าพวกเขากำลังเป็นส่วนเกิน ฝ่ายคยูฮยอนมองใบหน้าสวยของจูฮยอนเล็กน้อย ก่อจะหันไปพยักหน้าให้กับชายหนุ่มร่างสูง 2 คน เชิงว่าให้ออกไปได้แล้ว ชายหนุ่มร่างสูง 2 คนมองจูฮยอนเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมๆกัน
“ฮึก ฮือ ฉันขอโทษจริงๆ ก่อนนั้นฉันยอมรับนะว่าฉันเคยไม่ซื่อสัตย์ต่อนาย แต่ตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว ขอโอกาสให้ฉันอีกซักครั้งนะ ได้โปรด...” คำอ้อนวอนขอร้องที่ออกมาจากใจจริง น้ำตาเม็ดสวยไหลรินลงมาอาบผิวแก้มขาวสวยเป็นสายยาวติดต่อกันลงมาเรื่อยๆไม่มีท่าว่าจะหยุดไหลง่ายๆ
“โอกาส!? โอกาสงั้นหรอ!? 2 ปีที่เธอทิ้งฉันไปแบบนี้ เธอยังมีหน้ากล้ามาขอโอกาสจากฉันอีกหรอ ห๊ะ! เธอจำไม่ได้หรือไง ตอนนั้นเธอเองไม่ใช่หรอที่ร่วมมือวางแผนกับผู้ชายคนใหม่ของเธอเพื่อที่จะฆ่าฉัน ฉันอยากรู้จริงๆว่าหัวใจเธอมันทำด้วยอะไรกัน ห๊ะ! เธอใช่มนุษย์หรือเปล่า จูฮยอน!!!” ตวาดลั่นพร้อมบีบแขนทั้ง 2 ข้างของจูฮยอนอย่างรุนแรง จนทำให้จูฮยอนเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด
“ฉันขอโทษ เรื่องที่ฉันไม่ซื่อสัตย์กับนายมันจริงฉันยอมรับ.. แต่เรื่องที่นายบอกว่าฉันกับพี่ยงฮวาพยายามจะฆ่านาย นาย
“ไม่ต้องมาตอแหลบีบน้ำตาแก้ตัว ฉันไม่เชื่อผู้หญิงอย่างเธอหรอก เธอรู้อะไรมั้ย!? ผู้หญิงอย่างเธอมันไม่เคยรู้จักความรักจริงๆไงล่ะ ถึงได้กล้าไปคบผู้ชายคนใหม่แถมยังคิดจะฆ่าฉัน หัวใจเธอมันก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ชนิดต่ำๆหรอกนะ จูฮยอน!!!” ว่าจบก็ผลักร่างจูฮยอนกระเด็นออกไปชนกับโต๊ะทำงานอย่างแรง ทำให้ท้องของจูฮยอนกระแทกมุมโต๊ะอย่างไม่ทันตั้งตัว
พลั่ก!!!
“โอ๊ย!” ร้องเสียงหลงเมื่อความเจ็บปวดพุ่งเข้าสู่บริเวณท้องที่ชนเข้ากับมุมโต๊ะทำงานอย่างจัง คยูฮยอนตกใจไม่น้อย ก่อนจะรีบวิ่งไปหาจูฮยอนแล้วค่อยๆช่วยพยุงร่างจูฮยอนด้วยความห่วงใย
“เจ็บมากหรือเปล่า?” ถามน้ำเสียงนุ่มเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วงคนๆนี้มากนัก จูฮยอนส่ายหน้าเบาๆก่อนจะยิ้มบางที่เห็นว่าคยูฮยอนเองยังคงห่วงเธอเหมือนเดิม แสดงว่าลึกๆในหัวใจคยูฮยอนยังคงรักเธออยู่เสมอแต่แค่ยังยอมรับไม่ได้กับเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้น
“ขอบใจนะคยูฮยอนที่นายยังเป็นห่วงฉันไม่เปลี่ยนแปลง” ว่าอย่างยิ้มๆ ก่อนจะค่อยๆตั้งตัวให้ตรงแม้ว่ายังคงเจ็บท้องอยู่
“ฉันแค่ไม่อยากให้เธอมาเป็นอะไรในที่ของฉัน และเธอก็กลับไปได้แล้ว ส่วนเรื่องเมื่อกี๊ ฉันจะถือซะว่าเธอไม่ได้พูดถึงมัน ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว เธอกลับไปซะเถอะ” ว่าเสียงเรียบก่อนจะละตัวกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานตัวเดิม
“ฉันรู้ว่านายอาจจะโกรธเรื่องที่ฉันเคยทำไม่ดีกับนายเอาไว้ แต่ฉันอยากให้นายรู้นะว่า ฉันขอโทษจริงๆ ฉันรักนายอยู่เหมือนเดิม ส่วนเรื่องพี่ยงฮวานายจะคิดยังไงก็ช่างเถอะ ถึงฉันอธิบายยังไง นายก็ไม่เชื่ออยู่ดี... แต่ฉันยังหวังนะ หวังว่าซักวัน นายคงจะเปิดใจยอมรับฟังคำขอโทษและคำอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และฉันก็หวังว่า นายคงจะให้อภัยฉันและให้โอกาสฉันอีกซักครั้ง...” กล่าวเสียงปนเศร้า ก่อนจะยิ้มบางให้คยูฮยอนก่อนไป แม้ว่าคยูฮยอนจะไม่มองใบหน้าเธอเลยก็ตาม จูฮยอนค่อยๆหันหลังก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของคยูฮยอน เพราะไม่อยากอยู่รบกวนอีกต่อไป
คยูฮยอนละสายตาออกจากการเป็นอิสระ ทอดมองไปยังประตูห้อง ก่อนจะถอนใจออกมาเล็กน้อย สายตาคมเต็มไปด้วยความเศร้า เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้จูฮยอนร้องไห้และมาเจ็บตัวแบบนี้ แต่ยังไงซะเขาก็ต้องทำ เพราะจริงอย่างที่จูฮยอนบอก หัวใจเขายังไม่พร้อมที่จะเปิดใจยอมรับฟังคำอธิบายจากปากจูฮยอน นั่นอาจเป็นเพราะ เขายังฝังใจโกรธอยู่ ส่วนเรื่องที่เขาโกรธจูฮยอน มันมีเหตุผล เขาจะไม่โกรธเลยถ้า เมื่อวันนั้นเขาไม่เข้าไปเห็นด้วยตาของตัวเอง ไม่คิดด้วยซ้ำว่าคนที่เป็นดั่งหัวใจของเขาจะกล้าทรยศความรักของเขาได้ถึงเพียงนี้ เขาเสียใจจริงๆ เสียใจมาก เจ็บจนจุกพูดออกมาไม่ได้ ราวกับว่าทุกอย่างในร่างกายเขาตอนนี้มันชาและตื้อตันไปหมด จะมีก็เพียงแต่น้ำตาเท่านั้นที่จะแทนที่ทุกอย่างในร่างกายในตอนนี้ของเขาได้จริงๆ
ร.ร. เซลยอนช์เทอเรียล
ร่างบางที่กำลังนั่งเพียงลำพังที่โต๊ะม้าหิน กระชับแขนสองข้างกอดตัวเองเล็กน้อย ด้วยความหนาวเหน็บ เพราะว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก เมื่อเช้าก็ต้องตากฝนมาโรงเรียน ไหนเมื่อวานต้องไปตากฝนเพราะไปซื้อของให้พี่สาวของเธออีก จึงทำให้วันนี้เธอรู้สึกปวดหัวและรู้สึกหนาวๆ ร่างบางพยายามกระชับอ้อมแขนให้แน่นมากขึ้นหวังทุเลาความเหน็บหนาวให้ลดลงบ้าง แต่เหมือนว่ายิ่งกระชับเท่าไรค่าความหนาวก็เท่าเดิมทั้งนั้น
เมื่อเห็นว่ายิ่งกระชับแขนกอดตัวเองมากเท่าไรก็ไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นมาได้จึงตัดสินใจลุกขึ้นยืน ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องพยาบาลเพื่อไปขอยาเม็ดจากอาจารย์ที่คุมแผนกนี้
ขณะเดินต้องผ่านตึกเก่าๆที่โรงเรียนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว แถมยังมีข่าวมาว่าจะทุบทิ้งด้วยซ้ำ เพราะมันมีข่าวน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นกับนักเรียนที่นี่ แต่ร่างบางก็พยายามเดินผ่านตึกนี้ให้เร็วที่สุด แถวนี้ยิ่งไม่มีคนเดินผ่านซักเท่าไร ถึงแม้ว่ามันจะเป็นทางลัดใกล้ที่สุดก็เถอะ ทุกคนยอมเมื่อยเสียดีกว่า ที่ต้องมาเดินผ่านตึกนี้ ดีไม่ดีต้องมาเจอกับอะไรที่น่าแปลกที่ไม่ได้เรียกว่า “มนุษย์” อีกด้วย
ยิ่งรีบเดินมากเท่าไร ก็รู้สึกขนลุกซู่มาซะดื้อๆ ความรู้สึกแปลกๆเริ่มก่อตัวขึ้น เหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังเดินตามเธออยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงรีบเร่งฝีเท้าทั้ง 2 ข้างให้รวดเร็วกว่าเดิม จะได้ผ่านพ้นตรงนี้ซักที
ตึก ตึก ตึก!!!
เสียงย่ำเท้ารัวๆของบุคคลปริศนาดังขึ้นจากข้างหลัง ร่างบางเองก็ได้ยินเสียงนี้ จึงตัดสินใจออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว ขืนมัวเดินจ้ำ มีหวังหัวโกร๋นทั้งหัวกันพอดี ไม่น่าเดินทางลัดเลยจริงๆ ร่างบางได้แต่คิดในใจคนเดียว
ฟึ่บ!!!
จู่ๆก็มีชายร่างสูงผู้ไม่คุ้นหน้าเข้ามาดักหน้าเธอเสียก่อน เมื่อร่างสูงเงยหน้าขึ้นทำให้ร่างบางแทบกรี๊ดทันที เพราะสภาพชายหนุ่มร่างสูงที่เธอเห็นก็คือ ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้มีเขี้ยวทั้ง 2 ข้างแหลมคมสามารถที่จะกัดคอมนุษย์ได้อย่างดี และมีดวงตาเป็นสีแดงเข้ม ที่แผ่นหลังมีปีกใหญ่ๆสีดำสนิท คล้ายปีกค้างคาวขนาดใหญ่โผล่งอกขึ้นมาอีกด้วย แถมชายหนุ่มร่างสูงยังจ้องหน้าเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอเสียให้ได้
ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไม ร่างบางจึงรีบวิ่งออกไปไม่คิดชีวิต อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอขอวิ่งๆ อย่างเดียว เจ็บเจิบอะไรไม่กลัวแล้วทั้งนั้น ขอเพียงได้มีชีวิตอยู่รอดกลับไปเห็นหน้าครอบครัวก่อนดีกว่า เธอยังไม่อยากตายตอนนี้จริงๆ มีทั้ง กิจกรรมต่างๆที่เธอยังไม่ได้ทำ และสิ่งของต่างๆที่เธอใฝ่ฝันอยากได้ ก็ยังไม่ได้ สรุปคือ เธอยังไม่ได้ทำอะไรตั้งหลายอย่าง คงไม่กล้าที่จะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ตอนนี้ ถ้าทิ้งไว้ตอนนี้ล่ะก็ถือว่าโง่กับโง่เท่านั้น
ฟึ่บ!!!
ชายหนุ่มร่างสูงคนเมื่อกี๊มาดักหน้าเธออีกครั้ง คราวนี้ทำเอาเธอวิ่งชนเข้ากับอกแกร่งจังๆ จึงทำให้เซถลาไปเล็กน้อย ร่างสูงใช้โอกาสในขณะที่ร่างบางยังไม่ตั้งตัว จัดการรวบตัวร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนโน้มหน้าเข้าไปที่ลำคอขาวเพื่อที่จะฝังเขี้ยวดูดเลือดร่างบางซะให้หายท้องร้อง ร่างบางที่เพิ่งได้สติเห็นว่าร่างสูงกำลังจะกดเขี้ยวฝังที่คอของเธอ จึงรีบขยับใบหน้าและคอหนีให้มากที่สุดแม้ว่ามันจะตึงเกินก็เถอะ มือบางข้างซ้ายพยายามดันอกแกร่งให้มากที่สุด ส่วนมือขวาพยายามดันใบหน้าหล่อเหลาให้ห่างจากเธอมากที่สุด
เมื่อความรำคาญเริ่มปะทุขึ้นมาก ร่างสูงจึงจัดการรวบมือบางทั้ง 2 ข้างเข้าหากัน ก่อนจะกระชับร่างบางเข้าหาตนมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้คอขาว หมายจะลิ้มลองรสเลือดอันหอมหวานซักหน่อย ร่างบางที่ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว จึงร้องไห้ฟูมฟายพร้อมตะโกนออกมาเสียงดัง
“ฮือออออออออออออออออออออออออออออ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัวแล้ว ฉันยังต้องมีอะไรหลายอย่างอีกต้องทำ ฉันยังตายตอนนี้ไม่ได้นะ การบ้านฉันก็ยังไม่ได้ทำ เพื่อนฉันก็ยังไม่มีเม้าท์เต็มที่ บ้านฉันก็ยังไม่ได้กลับ ไอดอลคนโปรดฉันก็ยังไม่ได้ อุ๊บ...” ปากบางถูกประกบปิดด้วยปากเรียว เพื่อกลบคำพูดมากมายที่ร่างบางสาธยายออกมายาวยืด จนร่างสูงรำคาญ หมดอารมณ์ดื่มเลือด จึงจัดการขโมยจูบคนพูดมากเอาซะเลย
ปากเรียวถอนออกเมื่ออีกฝ่ายเริ่มหมดลมหายใจ เมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ ร่างบางจึงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ทดแทนอากาศที่ขาดหายไปเมื่อครู่
ปากยัยนี่หวานกว่าเลือดอีก อยากลองอีกครั้งจัง หึหึ
“อ เอ่อ ป ปล่อยฉันไปเหอะนะ คุณได้จูบแรกฉันไปแล้วนิ จะเอาอะไรก็ได้ฉันให้ทุกอย่างเลยละกัน แต่อย่ากินเลือดฉันเลยนะ เลือดฉันมันขม ไม่อร่อยหรอก ปล่อยฉันไปเถอะนะ นะคะ นะ” ว่าพลางส่งสายตาออดอ้อน ฝ่ายร่างสูงได้โอกาสก็ขโมยหอมแก้มจากร่างบางซะอีกฟอดหนึ่งซะก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระ
“ฉันปล่อยแล้ว อย่าลืมคำพูดที่บอกว่าจะให้ฉันทุกอย่างนะ ว่าแต่เธอชื่ออะไรน่ะ???” ร่างสูงพูดเสียงแกมเจ้าเล่ห์
“ฉันชื่อ ซูยอง ล แล้วตอนนี้ ฉ ฉันไปได้แล้วใช่มั้ย!?” ว่าพลางกรอกตาไปมาด้วยความกลัวๆร่างสูงอยู่
“ฉันชื่อ ฮยอกแจ ยินดีที่ได้รู้จักนะซูยอง ฉันชอบเธอ” ว่าพลางเผยร้อยยิ้มให้กับร่างบางเจ้าของชื่อ “ซูยอง” ซูยองแทบหงายผึ่งกับประโยคหลังของฮยอกแจ เธอไม่เคยได้ยินคำๆนี้จากใครเลยจริงๆ
ฉันชอบเธอหรอ >///<
คิดไปยิ้มไปคนเดียว ฮยอกแจที่มองใบหน้าสวยอยู่นานก็ทักขึ้น ทำให้ซูยองสะดุ้งโหยง ก่อนจะยิ้มตอบกลับด้วยท่าทีเขินๆ เมื่อไม่มีอะไรให้พูดต่อซูยองก็ขออนุญาติฮยอกแจเพื่อที่จะเดินออกไปจากตรงนี้ซะที โดยที่เธอเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าอาการไม่สบายของเธอกลับหายไปหมดเมื่อมาเจอกับฮยอกแจ ทั้งๆที่เธอตั้งใจมาห้องพยาบาลแท้ๆเชียว
ฉันชอบเธอ ฉันชอบเธอ ฉันชอบเธอ (ชอบจัง) >///<
หวัดดีค่ะ ตอนนี้ท่าทางปัญญาอ่อนนิดนึง เหอะๆ
เพิ่มความหวานเอาไว้ช่วงแรกก่อน เดี๋ยวมันจะค่อยๆลดลง
เรื่อยๆรีดเดอร์ไม่ต้องห่วงงงง ฮ่าๆๆ
ความคิดเห็น