ตอนที่ 11 : My Bodyguard :: Episode 10
10
นางร้ายของจริง
วันนี้คุณป้าแชวอนชวนฉันกับฮยอนอามาเข้าครัวเพื่อเตรียมตัวทำอาหารกลางวัน สำหรับสมาชิกทุกคนในบ้าน ส่วนมาร์คและมินฮยอนก็ตามคุณลุงฮันพยอลออกไปดูงานรอบๆ ฟาร์มและในไร่ ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาเห็นเขาจู๋จี๋กับฮยอนอาแบบต่อหน้าต่อตา ไม่ได้รู้สึกรำคาญหรอกนะ...แต่มันหงุดหงิดทุกที
ถึงแม้ว่ารุ่นพี่คนนี้ที่คณะเรียนนอกจากจะขย้ำผู้ชายเก่งแล้ว เธอยังเป็นคู่ควงกับมาร์คอีกต่างหาก แม้จะรู้ว่าฉันเป็นคู่หมั้นของเขาก็ตามที แต่ดูเหมือนเจ้าหล่อนคงจะคิดแบบพวกนางร้ายสินะ คิดว่าฉันจะแสนดี ใสซื่อยอมยกพระเอกให้หรือไง...
เธอดูเหมือนจะทำงานในครัวเอาใจคุณป้าแชวอนพอตัวเลยนะ แม้จะติดๆ ขัดๆ บ้างก็ตาม แต่เธอก็พยายามทำเอาคะแนนล่ะมั้ง ส่วนฉันก็ยืนเอ๋อแบบไม่รู้จะทำอะไรดี
“เดี๋ยวน้องยุนไปช่วยพี่จัดโต๊ะก็ได้นะจ๊ะ” ฮยอนอารู้ทันความคิดฉัน เธอจึงแกล้งถามเพื่อเทคะแนนให้กับตัวเอง เหอะ...! ฉันเกลียดคน
ประเภทนี้ที่สุด หล่อนคงคาใจที่ฉันเป็นคู่หมั้นมาร์คและเป็นท๊อปของคณะเหมือนกับเธอล่ะมั้ง แต่คนอย่างฉันน่ะ...ไม่ได้โง่และไม่ได้ซื่อพอที่จะดูใครไม่ออกหรอกนะ
“ค่ะ...” ฉันแกล้งรับคำ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าการที่ฉันไม่ทำอะไรเลยแล้วมายืนเป็นตัวถ่วงของชาวบ้านแบบนี้
ฉันช่วยจัดโต๊ะวางสำรับอาหารอย่างเรียบร้อย ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยชินกับงานบ้านงานเรือนเท่าไหร่ แต่ฉันก็แอบสังเกตจากคนรับใช้ที่บ้านฉันเหมือนกันนะว่าเขาทำยังไง ฉันก็เลยเอามาประยุกต์ใช้ได้ยังไงล่ะ ไม่ใช่เพราะอยากเอาหน้านะ แต่ที่บอกไปนั่นล่ะ...ฉันไม่ชอบเป็นตัวถ่วงใคร
“โห~ กลิ่นอาหารหอมจังเลยครับคุณป้า” มินฮยอกเดินทักทายตามกลิ่นอาหารหอมๆ ที่ลอยเตะจมูก
“วันนี้ป้าลงมือทำซุปต็อกกุก คิมบับและของโปรดของพวกเราอีกหลายอย่างเลยนะ”
“ลุงว่าพวกเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”
ในระหว่างรับประทานอาหาร คุณป้าแชวอนก็ชวนพวกเราคุย
เรื่องสัพเพเหระ รวมถึงเรื่องงานแต่งงานของฉันกับมาร์ค ที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอยากเร่งรัดเร็วๆ เกือบทำให้ฉันแทบสำลักน้ำเปล่าออกมา ความจริงก็คือพ่อกับแม่เราทั้งสองฝ่ายอยากให้เราสองคนคบดูใจกันไปก่อน (ถึงจะไม่ใช่ก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดีนั่นล่ะ) แต่ทั้งสองฝ่ายก็ดันเปลี่ยนกำหนดการ โดยจะใช้ช่วงเวลาสองเดือนนี้ทำให้เราสองคน ‘รัก’ กันให้ได้
ฉันดูความรู้สึกของฮยอนอาออกว่าหล่อนกำลังไม่พอใจอย่างแรง แต่เธอก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเกรงใจคุณลุงคุณป้าด้วย และอีกอย่างนะ...เธอยังไม่กล้าแผลงฤทธิ์...ใส่ฉันหรอก คนอย่างนี้น่ะ คบกับใครก็ไม่นาน ก่อนหน้าที่เธอจะมาเป็น ‘คู่ควง’ ของมาร์คเธอยังเป็นแฟนอยู่กับนายแบบชื่อดังแนวหน้าเลย
“ยุนคิดว่ามันเร็วไปหรือเปล่าคะคุณป้า...” ยุนอาเอ่ยออกมาตามตรง “คือยุนเป็นห่วงอนาคตของทั้งสองฝ่าย อยากให้ลงหลักปักฐานให้มั่นคงกว่านี้ แล้วมาคิดเรื่องแต่งงานอีกทีก็ยังไม่สายนะคะ”
“เธอกลัวอะไรล่ะ” คำถามสะกิดใจฉันมากเลย ไม่ใช่ว่าฉันกลัวนะ แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานแล้วมีครอบครัวต่างหากเล่า
“หนูว่ามันก็เร็วไปนะคะ...น้องยุนก็ยังเด็ก ส่วนมาร์คก็ต้องมารับผิดชอบกิจการที่นี่ให้มั่นคงก่อน” คราวนี้คงถึงตาฮยอนอาแล้วล่ะ อย่า
หาว่าฉันอคติกับเธอเลยนะ แต่รอยยิ้มเคลือบยาพิษยิ้มเยาะนั่นน่ะ ทำให้ฉันไม่มั่นใจว่าเธอกำลังเล่นสงครามประสาทหรือสงครามสายตากับฉันกันแน่
“งั้นก็เอาตามแผนเดิมแล้วกันนะ ลุงจะบอกพ่อกับแม่หนูให้” คุณลุงฮันพยอลพูดอย่างเข้าใจฉัน
“ผมว่าเอาตามที่พวกผู้ใหญ่แนะนำดีกว่า สิ่งที่ผู้ใหญ่เลือกสรรให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด” มาร์คเอ่ยค้านฉัน นี่แปลว่าเขาคิดจะแต่งงานกับฉันจริงๆ เหรอเนี่ย
“..ผมว่าเราทานอาหารกันก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวอาหารจะไม่อร่อย” แล้วก็เป็นมินฮยอกที่ปิดฉากการสนทนาบนโต๊ะกินข้าว
จะว่าไปการที่ฉันมาอยู่กับเขาที่รีสอร์ตก็ทำให้ฉันได้รับอะไรดีๆ เหมือนกันนะ อาทิเช่น การดำรงชีวิตของชาวไร่ การอยู่แบบพื้นๆ แต่สบายอย่างชาวบ้านชนบท และทำให้ฉันได้ภาพบรรยากาศสวยๆ ส่งไปให้เพื่อนฉันที่เรียนคณะเดียวกันแต่เป็นสาขาเกี่ยวกับวารสารมากกว่า เพื่อนฉันในคณะก็เลยส่งไฟล์พล็อตนิยายมาให้ฉันอ่านเล่นๆ ฆ่าเวลาเท่านั้น
...ใบไม้ปลิวไสว สายลมลู่ใบหญ้า เธอกับฉันเดินคู่กันมา เธอกินหญ้า ฉันสีซอ...
ฉันแทบขำทันทีที่อ่านประโยคนั้นจบ นี่ตกลงว่ามันคือนิยายหรือคำคมคู่รักกันแน่เนี่ย ทั้งหวานทั้งฮาปนกันอีก แต่จะว่าไปฉันก็คิดถึงยูริเหมือนกันนะเนี่ย อยู่กับตาหื่นอย่างชานยอลจะเป็นยังไงบ้าง กวางน้อยจะหลบราชสีห์ได้หรือเปล่าเนี่ย คิดแล้วน่าสนุกนะสำหรับสองคนนี้
ฉันหยิบ iphone 6 ขึ้นมาแล้วกดไลน์หายูริเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบ ซึ่งตอนนี้เกิดอะไรขึ้นรู้มั้ยคะ...
Yuri Eiei : “นายปาร์ค ชานยอลยังงอนฉันอยู่เลยที่ฉันไปกินไอศกรีมกับเพื่อนเก่า”
สงสัยคู่นี้มีแววว่าจะแต่งก่อนฉันนะเนี่ย ท่าทางชานยอลคงหึงและขี้งอนมากๆ
Yoon Na : “แกก็ลองง้อดูดิ เผื่อจะใจอ่อนบ้าง”
Yuri Eiei : “ขืนง้อไปก็ได้ใจ คิดว่าฉันแอบชอบน่ะสิ”
J ส่งอีโมติคอนแบบหน้าเซ็งๆ มาให้ฉันอีกนะเนี่ย ดูก็รู้ว่าเพื่อนฉันคงจะมีความสุขไม่น้อยเหมือนกันนะ
Yoon Na : “อีกหน่อยพวกแกสองคนก็ต้องใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ง้อนิดงอนหน่อยเป็นเรื่องธรรมดา แกลองไปง้อสักตั้งสิ”
Yuri Eiei : “ย่ะ! ฉันจะลองดู ถ้านายนั่นไม่หาข้ออ้างแทะเล็กแทะน้อยฉันก่อนนะ”
ยูริเคยเล่าให้ฉันฟังว่าชานยอลชอบแทะเล็กแทะน้อยเธออยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงนี้ เหมือนจะตามคุมเป็นพิเศษเลยนะ ยิ่งถ้าหากต้องเจอเพื่อนเก่าอย่างคริสบ่อยๆ ล่ะก็ มีหวังได้หึงโหดออกทีวีล่ะ ฉันคงจะคุยกับเพื่อนอย่างมีความสุขมากกว่านิ ถ้าหากไม่มีใครสักคนมาทำลายความสุขของฉันยามค่ำคืน
“แหม! ท่าทางน้องยุนอาจะมีความสุขจังเลยนะคะ คุยกับหนุ่มที่ไหนหรอ” คิม ฮยอนอา คงตั้งใจหาเรื่องมาระรานยุนอาเต็มเหนี่ยวโดยเฉพาะเวลาที่คุณลุงคุณป้าเข้านอน ส่วนมาร์คกลับไปที่บ้านส่วนตัวของเขา ตอนนี้เป็นเวลาดึกสงัดมากเต็มที...
“คิดจะแอบนอกใจมาร์คอย่างงั้นเหรอคะน้อง ทำไมไม่บอกพี่ดีๆ ล่ะคะ พี่จะได้บอก ‘แฟน’ พี่ว่าน้องไม่ได้เปิดใจรับเขาเข้ามา” ฮยอนอาพูดเหน็บฉัน แต่ฉันถือคติที่ว่า ‘อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนพาล’ คนพาลถ้าอยากมีเรื่อง ก็สามารถคุกคามเราได้ทุกรูปแบบนั่นแหละ
“แล้วทำไมยุนต้องคิดนอกใจมาร์คด้วยล่ะคะ” ฉันกอดอกถามสาวตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ฉันไม่ได้อยากกร่างหรอกนะ แต่ใครร้ายมาฉันร้ายไม่ยั้งเหมือนกัน
“น้องกำลังคุยอยู่กับผู้ชายไม่ใช่เหรอคะ”
“หึ! ถ้าฉันจะนอกใจเขาล่ะก็ ฉันทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่วางแผนคลุมถุงชนหรอกค่ะ” ฉันยิ้มหยันๆ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆสาวสวยเซ็กซี่ที่กำลังกัดฟันกรอดอย่างข่มกลั้นความโกรธ
‘คนอย่างฉันน่ะ ไม่ใช่นางเอกผู้เสียสละหรอกนะ!’
“พี่ก็น่าจะระวังตัวนะคะ เดี๋ยวจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเอา”
ฉันพูดทิ้งท้ายแล้วเดินขึ้นห้องให้เร็วที่สุด นี่ชีวิตฉันจะต้องรับมือกับฮยอนอาตลอดเลยงั้นเหรอเนี่ย ฉันไม่พร้อมที่จะสู้กับใครทั้งนั้น ไม่ได้อยากทำเพื่อชัยชนะ แต่คนเราทุกคนทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตนเองและศักดิ์ศรีของเรา
ใช่ว่าจะยอมโดนด่าว่าอยู่ฝ่ายเดียว...
ใครร้ายมา ฉันจะตอบกลับอย่างไม่ปราณีเหมือนกัน...
‘นายจะย่ำยีฉันไปถึงไหน’ เนื่องจากว่าวันนี้คุณพ่อต้องออกไปประชุมงานข้างนอกพร้อมกับมินอา ฉันก็เลยเหมือนอยู่บ้านคนเดียว เคว้งคว้าง ไม่มีใคร รวมถึงถูกย่ำยีแบบไม่เหลืออะไรมาอีกแล้ว
ดังนั้น คุณพ่อเลยให้โอ เซฮุน ผู้ชายที่ย่ำยีศักดิ์ศรีของฉัน มาอยู่เป็นเพื่อนฉันที่บ้าน ฉันขยะแขยงตัวเองกับคำพูดของเขาที่ทำให้ฉันไม่ลืมเรื่องในคืนนั้นได้ลงสักวินาที มันคือฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนฉันอยู่ร่ำไป เขานอนพักอยู่ห้องข้างๆ ฉัน ฉันจึงรีบเอาเก้าอี้และโต๊ะมาวางปิดกั้นประตูทางเข้าเอาไว้ ป้องกันการเกิดอะไรไม่ดีเพราะฝีมือของเขาอีก แต่ว่ามั้ย...โชคชะตาไม่เคยเข้าข้างฉันเลย
ข้อเท้าของฉันไปขัดกับขาโต๊ะไม้สำหรับนั่งทำงานหรือทำการบ้านตัวใหญ่ที่มีความแข็งแรงพอสมควร เลยทำให้ฉันข้อเท้าแพลงและบวมแดงเอาการพอสมควร ฉันพยายามพยุงตัวเองกลับไปยังเตียงนอนจนสำเร็จ แต่ยิ่งเดินมาก ข้อเท้าฉันก็ยิ่งบวมแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมันแพร่พันธุ์ได้งกระนั้นแหละ
“โอ๊ย!” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พิษไข้ที่ฉันเป็นอยู่ในตอนนี้บวกกับอาการข้อเท้าแพลง เรียกได้ว่าทำให้ฉันแทบกลายเป็นอัมพาตในชั่วพริบตา
“เวรกรรมอะไรของฉันอีกล่ะเนี่ย”
แต่ถ้าอยากลืมความเจ็บที่ข้อเท้าและที่ใจ ฉันก็ต้องรักษาตัวเองเหมือนวันนั้นของเดือนกำลังมายังไงล่ะ ‘การพักผ่อน’ ดีที่สุดแล้ว
ฉันข่มตาหลับพยายามลืมความเจ็บปวดทุกอย่าง แต่ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอกที่ฉันจะข่มตาลงได้อย่างสนิทใจ เพราะหน้าต่างห้องนอนฉันกำลังถูกปลดล็อก ด้วยฝีมือของใครบางคนที่อุกอาจมากจริงๆ ในเวลานี้
‘โอ เซฮุน’ พระผู้เป็นเจ้าฆ่าฉันเถอะ!!!
นี่เข้าลงทุนปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนฉันเลยเหรอ!
มันจะมากไปแล้วนะ...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฮุนนางปีนหน้าต่างเข้ามาเลยเหรอ
พี่ยุลว่างฟอร์มไปงั้นที่้่แท้อยาง้อพี่ยอลอะดิ
รอยุนยูลค่ะ