ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *กำแพงหัวใจ*

    ลำดับตอนที่ #3 : ครั้งที่3 ความลับที่เปิดเผย

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 51


    ครั้งที่3

    ความลับที่เปิดเผย

    “ปลาย แกหายไปไหนมา คุณป๋าไม่เห็นหน้า”

    ธิเบตทักน้องชายทันทีที่เขาเดินเข้ามา เนปาลหันมามองพี่ชายและผู้เป็นบิดาด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะตอบด้วยเสียงเนือยๆ

    “ผมไปต่างจังหวัดมาครับ คุณต้นกับคุณท่านมีอะไรหรือเปล่า”

    คุณภารตถอนหายใจเมื่อยินสรรพนามที่ชายหนุ่มใช้เรียกเขากับลูกชายคนโต ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เนปาลก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เรียกเขาว่าคุณท่าน ไม่ยอมเรียกว่าป๋าเหมือนกับธิเบต ทั้งๆที่ก็เป็นบุตรชายเหมือนกัน เพียงแต่ต่างมารดาเท่านั้น แม่ของธิเบตนั้นคือภรรยาที่เขาจดทะเบียนสมรส

    แต่แม่ของเนปาลเป็นเพียงผู้หญิงที่เขาเคยช่วยชีวิตและเธอก็ตอบแทนบุญคุณนั้นด้วยการยอมเป็นภรรยาน้อยของเขา รักและเคารพเขามาก และไม่ยอมให้ลูกเรียกเขาว่าพ่อ เหตุเพราะกลัวคนอื่นจะรู้ เรียกพี่ชายตัวเองว่าคุณ ก็เพราะกลัวคนอื่นจะรู้อีกเหมือนกัน และเนปาลก็ปฏิบัติตามทุกสิ่งที่แม่เขาพร่ำสอน แม้กระทั่งตอนนี้ที่มารดาของเขาได้จากไปนานแล้ว เขาก็ยังปฏิบัติเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เมื่อไหร่หนอ เมื่อไหร่กำแพงที่กั้นเขากับลูกจะพังทลายไปเสียที

    “ไม่มีอะไร เพียงแต่คราวหลังถ้านายจะหายไปไหนน่ะก็หัดบอกกล่าวกันบ้าง พี่กับคุณป๋าจะได้ไม่เป็นห่วง”

    เนปาลมองพี่ชายและบิดาก่อนจะรับคำแล้วเดินเลี่ยงขึ้นห้องไป ทิ้งให้ผู้เป็นบิดาและพี่ชายมองตามอย่างไม่สบายใจเลยซักนิด

    “ต้น เมื่อไหร่ปลายมันจะเข้าใจป๋า เรียกป๋าว่าป๋าซักทีนะ ป๋าไม่สบายใจเลยจริงๆ”
    ผู้เป็นบิดาพ้อกับลูกชายคนโตอย่างกลัดกลุ้ม

    “คงต้องใช้เวลาหน่อยครับคุณป๋า ผมเชื่อว่าซักวัน ปลายต้องเข้าใจคุณป๋า”

    ธิเบตนั่งทำงานด้วยใจไม่เป็นสุข คิดถึงผู้หญิงที่เขาเฉี่ยวชนเมื่อวานนี้ขึ้นมามากมาย ไม่รู้หล่อนจะเป็นยังไงบ้างจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า แล้วจะไปทำงานได้มั้ย เฮ้อ นายธิเบตเอ๋ย นายธิเบต นายนี่ท่าทางจะเป็นเอามากทั้งๆที่หล่อนก็แสดงท่าทางรังเกียจเขาอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องคิดถึงแต่หน้าของหล่อน

    หรือว่า เขาจะเกิดชอบเธอขึ้นมานะ เออ ดูซิ ผู้หญิงคนอื่นที่เขาพร้อมจะชอบเขาตอบ กลับไม่ชอบ ดันมาสนใจคนที่เขาตั้งท่ารังเกียจ แต่ ถ้าเขาจะลองเดินหน้าจีบหล่อนดูซักตั้งจะเป็นเช่นไรหนอ คิดได้ดังนั้นแล้ว ธิเบตจึงพาตัวเองไปหยุดอยู่ที่บ้านของหล่อนในตอนเย็น ในมือถือกระเช้าผลไม้ใบเขื่องเพื่อมาเยี่ยมหล่อน ชายหนุ่มกดกริ่งที่หน้าบ้านหนึ่งที ปาริฉัตรออกมาเปิดประตูบ้านพร้อมกับมองเขาอย่างแปลกใจ

    “สวัสดีค่ะ คุณเอ่อ คุณธิเบต”

    ธิเบตมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างพิจารณา เอ คงจะเป็นคุณแป๋มสินะ เพราะไม่มีผ้าก๊อตแปะที่ข้อศอก

    “สวัสดีครับ คุณแป๋มใช่มั้ย”

    “ค่ะ ฉันเอง ไม่ทราบว่ามาป๋อมเหรอคะ ป๋อมยังไม่กลับจากทำงานเลย เชิญด้านในก่อนค่ะ”
    หลังจากต้อนรับขับสู้แล้ว ปาริฉัตรจึงเริ่มต้นชวนเขาคุย

    “นี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”

    “อ๋อ คือผมมาเยี่ยมคุณป๋อมน่ะครับ”

    “ขอบคุณคุณธิเบตมากๆเลยค่ะ แต่ป๋อมไม่เป็นอะไรมาก วันนี้ยังไปทำงานได้เลยค่ะ”

    “ไม่เป็นอะไรมากผมก็ดีใจ งั้น ผมคงต้องขอตัว”

    ชายหนุ่มเอ่ยลากับแฝดผู้น้องของปาริชาตแต่เมื่อเดินมาจะขึ้นรถ ปาริชาตก็เดินมาถึงพอดี

    “คุณ มาทำไมเนี่ย”

    โห แม่คุณ ทักเขาปานประหนึ่งเขามาบุกรุกงั้นแหละ

    “ผมมาเยี่ยม คุณไม่เป็นอะไรมากนะ”

    ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนโยนพลางมองเธออย่างสำรวจให้แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรมาก มีเพียงที่ข้อศอกเท่านั้นที่แปะผ้าก็อตไว้ แต่ความห่วงใยของเขาปาริชาตกลับตอบแทนด้วย

    “หมดธุระแล้วก็เชิญกลับไปซะ อย่ามาที่นี่อีก”

    ธิเบตรู้สึกงงมากกับท่าทีของหล่อน อะไรเนี่ย เขาไปทำอะไรให้เธอโกรธนะ ถึงได้ทำท่าเหมือนจะขย้ำคอเขาตลอดนี่ คุยดีๆด้วยก็ไม่คุย ชายหนุ่มรู้สึกเคืองๆเธอขึ้นมาบ้างเหมือนกัน จึงเดินไปขึ้นรถ ไม่พูดอะไรอีก เมื่อรถพ้นรัศมีสายตาแล้ว หญิงสาวก็กลับเข้าบ้าน เล่นงานน้องสาวทันที

    “เขามาทำไม ตัวให้เขาเข้าบ้านได้ไงน่ะฮะแป๋ม เขาไม่ชอบเลยนะ บอกกี่ทีแล้ว”

    พี่สาวกอดอกมองน้องอย่างเอาเรื่องที่พูดแล้วไม่ฟัง

    “โธ่ ป๋อม ตัวนี่ก็นะ คิดมากไม่ข้าเรื่อง เขาบอกแล้วว่าคนละคน ถ้าเป็นไอ้ปลายน่ะเหรอ เขาเอาอีโต้ไล่ฟันมันไปแล้ว เขาเกลียดมัน ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งเกลียด มันนี่สุดชั่วจริงๆนะ เปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเสื้อผ้า ดีแล้วที่เลิกกะมัน ใครได้มันไปเป็นผัวล่ะก็ ซวยไปเจ็ดชาติ”

    ปาริฉัตรพูดอย่างยังไม่หายแค้นที่บังอาจมารังแกพี่สาวของเธอให้เจ็บช้ำน้ำใจ พี่สาวคนเดียวที่เธอรัก ความจริงแล้ว ปาริฉัตรก็ไม่ได้มีพี่แค่ปาริชาตหรอก ยังมีพี่สาวต่างแม่อีกสองคน แต่สองคนนั่นไม่เคยนับหล่อนเป็นน้อง เพราะกลัวว่าจะถูกแบ่งสมบัติ แค่บ้านหลังนี้ที่พ่อยกให้อยู่ก็แทบจะลงแดงตายทั้งคู่แล้วที่ต้องแยกมาอยู่กันสองคนก็เพราะว่าทะเลาะกันรุนแรงกับเขานั่นล่ะ บิดาหล่อนเลยตัดรำคาญ ยกบ้านที่ลูกหนี้ขาดส่งดอกเบี้ยจำให้หล่อนสองคนอยู่หล่อนยังจำได้ เหตุการณ์ที่หล่อนและแฝดพี่มีเรื่องกับพี่สาวสองคนนั่น

    “ทำไม่เพิ่งกลับบ้านเอามืดค่ำ แกสองคนไปไหนมา มัวแต่ไปเที่ยวกะผู้ชายล่ะสิ”

    ปฏิญญา พี่สาวคนโตของทั้งคู่กอดอกมองน้องสาวฝาแฝดต่างมารดาด้วยสายตาหมิ่นแคลน และดูถูก และคำถามนั้น ทำให้ปาริฉัตรตาลุก หันควับมามองพี่สาวอย่างเอาเรื่อง แหม ช่างคิด ช่างจิตนาการเหลือเกินนะคุณพี่

    “แป๋มกะป๋อมเพิ่งเสร็จงานที่มหาลัย แล้วนี่มันก็เพิ่งทุ่มกว่า พี่ปิงอย่ามาพยายามจะหาเรื่องกัน”

    ปาริฉัตรสวนพรวดทันทีอย่างไม่กลัวเกรง แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว หล่อนไม่เคยยั้งปากที่จะต่อกรกับพี่สาว ผิดกับปาริชาต รายนั้นนานๆจะสวนที แต่เวลาสวนแต่ละที แสบไปถึงทรวง

    “ใครว่าฉันหาเรื่องแก แกพูดให้มันดีๆนะนังแป๋ม”

    ปฏิญญาชี้หน้าน้องสาวคนเล็กอย่างโกรธๆ ที่ทำมาเป็นรู้ทันหล่อน หนอย นังป๋อม หล่อนยังพยายามที่จะหาเรื่องโดยที่ไม่โดนกลับได้ แต่นังแป๋ม มันใส่คืนทุกชอต แถมเป็นสองเท่าอีกต่างหาก

    “ทำมาจับผิดคนอื่น ดูตัวเองบ้างนะ อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วคนอื่นเขาไม่รู้ไม่เห็น ที่พี่ปิงแอบไปยืนปล้ำกะผู้ชายที่สวนหลังบ้านเวลาพ่อไม่อยู่”

    เท่านั้น ปฏิญญาก็กรี๊ดเสียงดังกระทืบเท้าโครมๆก่อนจะปรี่ไปตบหน้าน้องคนเล็กจนหน้าหัน

    “แก นังปากชั่ว แกมันไม่ใช่น้องฉัน แกดูถูกฉันเกินไปแล้ว”

    ปาริฉัตรหันหน้ากลับมาช้าๆ เลือดปริ่มที่ริมฝีปาก ปาริชาตตะลึงมองอย่างตกใจที่พี่สาวคนโตถึงกับลงไม้ลงมือ แต่ความจริงแล้ว แฝดน้องของหล่อนก็ไม่สมควรจะพูดออกมาแบบนั้น แม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตามที ปาริชาตจึงบอกให้น้องขอโทษปฏิญญา

    “แป๋ม ตัวทำไม่ถูกนะ ขอโทษพี่ปิงซะ”

    “ไม่ต้องทำมาพูดดีเลยนังป๋อมแกก็อีกคน อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ ว่าแกมีแฟนแล้ว ใจแตก ระวังเถอะ หล่อนจะท้องไม่มีพ่อเรียนไม่จบซักวัน”

    พี่สาวหันมาแขวะปาริชาตเข้าจังๆแต่หล่อนก็ยังคงนิ่ง ด้วยไม่อยากมีเรื่องไปมากกว่านี้ แต่คนที่ทนไม่ได้คือปาริฉัตร

    “แป๋มว่าคนที่ควรระวังน่าจะเป็นพี่ปิงมากกว่า”

    เท่านั้น ปฏิญญาก็ปรี่เข้ามาจะตบน้องสาวอีกซักฉาดแต่ครั้งนี้ ปาริฉัตรไม่ยอมง่ายๆ ผลักพี่สาวจนหงายท้องเท่านั้นเอง การตะลุมบอนระหว่างพี่น้องสองคนก็เกิดขึ้น จนกรรมการอย่างปาริชาตห้ามไม่ทัน หล่อนเข้าไปดึงตัวน้องสาวออกมาแต่กลับกลายเป็นว่า จับไว้ให้ปฏิญญาตบซะหน้าหันเค๊เก้ลงไปกับพื้นทั้งคู่

    “โธ่ป๋อม ตัวมาล็อกเขาไว้ทำไมเนี่ย ดูซิ โดนเลยเห็นมั้ย”

    ปาริฉัตรซูดปากหันมาพ้อแฝดพี่ก่อนจะรีบลุกปรี่เข้าไปนัวเนียต่อขอเอาคืน

    “ปิ๊ก ๆ มาช่วยพี่จัดการนังแฝดนรกสองตัวนี่เร็ว มันทำร้ายพี่”

    ปฐมา พี่สาวคนรองเพิ่งจะกลับเข้ามาปรี่เข้ามาช่วยพี่สาวทันใดเพราะตัวหล่อนเองก็ไม่ชอบนังแฝดสองตัวนี่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ด้วยความอิจฉาที่มันสองตัว ดันมาสวยกว่าหล่อนและพี่สาว ปรี่เข้ามาดึงคอเสื้อปาริชาตก่อนจะเงื้อมือ หมายจะให้โดนแก้มบางๆให้เต็มรัก แต่ปาริชาตก็ไวพอกัน ก้มหัวหลบวูบ ฝ่ามือของปฐมาจึงไปโดนแก้มพี่สาวคนโตที่ยืนเชียร์อยู่ข้างหลังเต็มรัก

    เพี๊ยะ!!

    “โอ๊ย นังปิ๊ก แกตบฉันทำไมเนี่ย”

    “แล้วพี่ปิงมายืนข้างหลังทำไมเล่า หลบไป”

    สี่ศรีพี่น้องฟัดกันนัวเนียไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จวบจนผู้เป็นบิดาเข้ามานั่นและ ศึกสายเลือดจึงยุติหลังจากนั้น ปฎิญญา และปฐมาก็มานั่งออเซาะร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับโซฟา

    “พ่อคะ พ่อต้องจัดการให้เราสองคนนะคะ ป๋อมกับแป๋มเป็นน้องเรา กลับมาหาเรื่องทะเลาะ ตบตีพี่สาวได้ยังไง”

    ปฏิญญาได้ทีขอเผาฝาแฝดก่อน ฝ่ายปาริฉัตรเมื่อได้ยินดังนั้นก็กลอกตาไปมาทำปากมิบมิบก่อนจะแอบหันไปแลบลิ้นใส่พี่สาวคนโตกับผนังห้องแต่กิริยานั้น แม้คนทั้งห้องจะไม่เห็น แต่แฝดพี่ของหล่อนกลับเห็นเต็มสองตา เอามือฟาดไปที่ลิ้นน้องสาวไม่เบานัก

    “อี๊ เค็มนะป๋อม”

    ปริญญ์ถอนหายใจเฮือกที่ใหญ่ที่สุดของวัน รู้สึกเบื่อหน่ายกับการทะเลาะหาเรื่องของบุตรสาวของตนเหลือเกิน ตัวเขาเป็นพ่อ ทำไมจะไม่รู้ว่านิสัยลูกของตัวแต่ละคนนั้นเป็นอย่างไร ปฏิญญานั้น นิสัยถอดมารดามาไม่มีผิด เจ้ายศเจ้าอย่างเย่อหยิ่ง ถือตัว ชอบดูถูกคน ปฐมาก็พอกัน รังเกียจน้องสาวต่างมารดามากมาย

    สุดท้าย เพื่อเป็นการตัดปัญหาทั้งมวล ปริญญ์จึงยกบ้านหลังน้อยนี้ให้บุตรสาวแฝดที่กำพร้ามารดาของเขา เพราะเมื่อคลอด แม่ของฝาแฝดทั้งสองก็เสียชีวิต หลังจากนั้น ปริญญ์ก็ใช้ชีวิตโสดมาตลอด ไม่ยอมแต่งงานใหม่ คอยเลี้ยงดูบุตรสาวทั้งสี่คน

    “หนูสองคนอยู่ได้นะลูก แล้วพ่อจะแวะมาหาทุกวัน”

    ผู้เป็นบิดาของทั้งคู่พูดกับบุตรสาวฝาแฝดของตนพลางเอามือลูบศีรษะปาริชาตอย่างรักใคร่ ก่อนเปลี่ยนเป็นมะเหงกเขกโป๊กลงไปบนศีรษะลูกสาวคนเล็ก

    “เราก็นะ แป๋ม ลดๆลงซะบ้างไอ้ความก๋ากั่นบ้าเลือดน่ะ”

    ลูกสาวคนเล็กทำปากยื่นต่อน้าต่อตาผู้เป็นบิดา

    “โอ้ย พ่อน่ะ ก็พี่ปิงแกมาตบแป๋มก่อนทำไม แป๋มไม่ยอมหรอก”

    พี่สาวบิดเนื้อที่ต้นแขนแฝดน้องไม่เบานัก พร้อมกับเอ็ดว่า

    “พี่ปิงเป็นพี่ ยังไงตัวก็ไม่สมควรทำแบบนั้น”

    “เขาไม่ได้เป็นนางเอกเหมือนตัวนี่ ยืนนิ่งๆให้เขาตบ เป็นไงล่ะ แก้มบวมอยู่ฝ่ายเดียว ตัวนี่ไม่เคยเข็ด ตั้งแต่เล็กจนโต ยอมให้พี่ปิงตบฝ่ายเดียว”

    “เอา ๆ ไม่ต้องทะเลาะกัน เดี๋ยวพ่อจะกลับแล้ว อยู่กันดีๆนะ”

    ปาริฉัตรถึงกับยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น หล่อนยังคงจำได้ทุกบททุกตอน แม้ว่ามันจะล่วงเลยมาเกือบห้าปีแล้วก็ตาม ทุกวันนี้ หล่อนทราบแต่เพียงว่า พี่สาวคนโตที่เคยมีเรื่องมีราวกันมาตลอดนั้น ได้สมบัติไปคนเดียวสมใจอยากหลังจากที่พ่อเสีย

    ซึ่งเธอสองคนก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะพ่อแอบมาเปิดบัญชี ใส่เงินให้ทุกเดือนจนอยู่กันได้อย่างสบายโดยที่ปฏิญญาไม่รู้ ปฐมา พี่สาวคนรอง แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่เมืองนอกกับสามีฝรั่ง ปาริชาตเดินมาเห็นน้องนั่งยิ้มคนเดียว จึงเดินมานั่งเบียดพร้อมกับถามว่า

    “ยิ้มอะไรฮึ แป๋ม บ้าแน่ๆ อาการนี้ นั่งยิ้มคนเดียว”

    “นึกถึงตอนที่ตบกะพี่ปิง ขำดีน่ะ ตอนนั้นเขาก็วัยรุ่นนะ ใจร้อน”

    “เขาก็ไม่เห็นว่าตัวจะหายใจร้อนซักที”

    ปาริฉัตรค้อนพี่สาวเสียหนึ่งทีที่ทำมาเป็นรู้ทันหล่อนอีก

    “เออ แล้วนี่ งานแต่งพี่ปิง ตัวจะไปกับเขาหรือเปล่า”

    ปาริชาตถามน้องสาว เพราะอย่างไรซะ เธอกับปฏิญญาก็คือพี่น้องกัน งานสำคัญของพี่สาว จะไม่ไปก็กระไรอยู่

    “ชิ การ์ดเชิญก็ไม่ได้ซักใบ ตัวจะไปให้พวกนั้นไล่แห่ออกมาเหรอ”

    แฝดน้องกอดอกมองพี่สาวตาขุ่นแสดงอารมณ์อย่างไม่ปิดบัง ปาริชาตถอนหายใจก่อนจะใช้ไม้ตายที่ใช้ใด้ผลมาแล้วทุกครั้ง

    “เขาจะไป ตัวไม่ไปก็อยู่บ้านแล้วกัน”

    “ไฮ้ เดี๋ยวก็โดนเขาตบกลิ้งออกมาหรอก เขาไปด้วยก็ได้”

    หญิงสาวลอบยิ้มอย่างพอใจ ก็แค่นั้นแหละน้า น้องสาว หล่อนอยากไปแค่แสดงความยินดีด้วยเท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดจะอยู่จนจบงานหรอก บางที พี่สาวอาจจะไม่ทันทราบด้วยซ้ำว่าน้องสาวมางานแต่ง ..


    บรรยากาศภายในงานเลิศหรูอลังการสมกับเป็นงานแต่งแห่งปี มีแขกมากมายหลายคน หนึ่งในนั้นก็ธิเบต เนปาลมาร่วมงานด้วย เพราะธิเบตเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเจ้าสาว ทันทีที่สองสาวเดินเข้างานมาก็ได้รับความสนใจจากแขกที่มาในงาน เพราะความเป็นฝาแฝดบวกกับความสวย ธิเบตนั้น จ้องตาไม่กระพริบกับความงดงามอันไม่มีที่ติของปาริชาต เขาจำเธอได้เพียงแวบแรกที่ได้เห็น หัวใจเขาแยกออก ว่า เธอคนไหน ที่เข้ามาจับจองพื้นที่ในหัวใจเขา ชายหนุ่มเดินเข้าไปทักสองสาวก่อน

    “สวัสดีครับ คุณป๋อม คุณแป๋ม มางานเหมือนกันนะครับ”

    ปาริชาตหันมามองผู้มาใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที ให้มันได้อย่างงี้สิน่า

    “คุณธิเบตก็มาด้วย ดีจังค่ะ ได้เจอคนรู้จัก แต่เดี๋ยวเราก็กลับแล้วค่ะ”

    ปาริฉัตรทักชายหนุ่มอย่างยินดี ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ สุภาพ ดูดี เฮ้อ แฝดพี่หล่อนจะรังเกียจไปถึงไหนน้าเนี่ย ดูแววตาเขาก็รู้ว่า ผู้ชายคนนี้ ชอบพี่สาวของหล่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

    "อ้าว ทำไมล่ะครับ ไม่อยู่ร่วมทานเลี้ยงก่อน นั่งกับพวกผมก็ได้ ผมมากับน้องชายอีกคนนึง แล้วก็เพื่อนๆ เดี๋ยวจะได้แนะนำให้รู้จักน้องชายด้วย”

    เท่านั้น ปาริชาตก็สั่นหัวพรืดทันทีอย่างไม่ต้องคิด ไม่ หล่อนไม่อยากเจอหน้าเขาอีก

    “ไม่ค่ะ เดี๋ยวเราจะกลับบ้านแล้ว ไปแป๋ม กลับกันเถอะ”

    พูดเสร็จก็ลากน้องออกมาแต่ปาริฉัตรนั้น นึกสนุกขึ้นมาบางอย่าง แววตาวาวโรจน์ จึงขืนตัวไว้ พร้อมกับหันไปยิ้มเคลือบสารพิษให้กับชายหนุ่ม

    “เอาสิคะ รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหาย”

    เท่านั้น ธิเบตก็ยิ้มรับพร้อมกับเดินนำไปที่โต๊ะ

    “นี่ตัวจะทำอะไรฮะ เขาไม่อยากไปเจอปลายนะ เขาไม่เอาด้วยหรอก”

    “ตัวจะกลัวทำไม ตัวไม่ได้ผิดนะป๋อม มันสิต้องกลัว เขาอยากให้มันรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างที่ทำแบบนี้ ตัวอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาจัดการเอง”

    เมื่อเดินไปถึงโต๊ะ เนปาลกำลังนั่งดื่มอยู่คนเดียว หันมาก็ต้องตกตะลึงกับผู้มาใหม่ เพราะนั่นคือเธอ คนหนึ่งที่อยู่ในหัวใจ อีกคน หัวใจเธอ ถูกเขาทำร้ายจนสาหัสนัก

    “ปลาย นี่คุณป๋อม กับคุณแป๋ม เพื่อนพี่”

    “อ้าว ไม่นึกว่าจะเจอ เพื่อนเก่า คุณธิเบตคะ เราสองคนกับปลายน่ะ เคยเรียนอยู่ที่เดียวกัน เป็นเพื่อนมาก่อน”

    คนที่พูดขึ้น คือปาริฉัตร เธอมองเนปาล แววตาแข็งกร้าว ส่วนปาริชาตนั้น เสมองไปทางอื่น รู้สึกน้ำตาพาลจะไหลเสียให้ได้ เมื่อพบหน้ากันจังๆแบบนี้

    “เป็นไงปลาย แกสบายดีอยู่หรือ”ปาริฉัตรพูดเน้นคำว่าสบายอย่างจงใจ พลางมองหน้าเขา เนปาลเงยหน้าขึ้นสบตาปาริฉัตรด้วยแววตาว่างเปล่า เหมือนไม่รับรู้และรู้สึกเช่นไรเมื่อพบหน้าหล่อน ลึกๆแล้วนั้น หัวใจเขา เต้นถี่ แรง จนแทบจะโลดมานอกอก

    “ก็ สบายดีทุกอย่าง เธอละแป๋ม”

    “ก็คงสบายดีเหมือนที่นายสบายนั่นแหละ ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่รู้สึกอะไรเลยซักอย่าง”

    เนปาลมองหน้าปาริชาตแล้วให้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองในครั้งนั้นมากนัก เนปาลหลับตาลงก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง

    “นั่งก่อนสิ แล้วนี่ ทานอะไรหรือยัง เดี๋ยวผมไปหาให้”

    “เออ ไปสิปลาย เดี๋ยวพี่จะนั่งเป็นเพื่อนคุณป๋อมแป๋มเอง”

    “เดี๋ยวแป๋มขอไปด้วยคนนะคะ อยากไปเลือกเองน่ะ ไปสิปลาย แกนำฉันไป”

    เท่านั้น ปาริฉัตรก็ลุกเดินตามเนปาลออกไป แฝดผู้พี่มองตามไปอย่างไม่สบายใจ ด้วยรู้ว่า ปาริฉัตรนั้น คงต้องเล่นงานเนปาลแน่ๆ ไม่ทางใดก็ทางนึง

    แทนที่จะเดินยังอาหารที่เขาจัดไว้ให้ ปาริฉัตรกลับดึงเสื้อเนปาลมายังลานจอดรถที่ปลอดคนเมื่อได้อยู่กันสองคนแล้ว ปาริฉัตรจึงเริ่มเปิดฉากเล่นงานชายหนุ่มตรงหน้าทันที

    “หึ อยู่ดีมีสุขมากนะ ฉันอยากรู้จริงๆเลยว่า หน้าแกมันทำด้วยอะไร มันถึงได้ด้าน ไร้ยางอายขนาดนี้”

    ชายหนุ่มหันควับมามองผู้ที่กำลังบริภาษเขาอย่างเจ็บแสบทันที แววตาเขาที่มองเธอ มันทำให้ปาริฉัตรรู้สึกแปลกๆ รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านมาจนทำให้เธอรู้สึก

    “ซักวัน ซักวันนึงเธอจะรู้ ว่าทำไม”

    “ฉันต้องการรู้วันนี้ ว่าจิตใจแกมันทำด้วยอะไร มันถึงได้ร้าย ร้ายนัก”

    คำบิริภาษต่อว่าของเธอ ทำให้กำแพงอันแน่นหนาที่เขาก่อขึ้น เกิดรอยปริร้าว

    “ทำด้วยเลือด ทำด้วยเนื้อ ทำด้วยวิญญาณ และฉันเองก็ไม่อาจจะทำร้ายพี่สาวเธอต่อไปได้อีกแล้ว ฉันถึงต้องทำแบบนั้น”

    แทนคำตอบ ฝ่ามือเรียวบางนั้นก็ตวัดลงไปบนแก้มขาวๆของชายหนุ่มอย่างแรงด้วยความโกรธที่เขาพูดจาเหมือนตัวเองทำถูกแล้ว เนปาลหลับตาลงแก้มเขาสั่นทีเดียวจากฤทธิ์ฝ่ามือนั้น เขาลืมตาขึ้น มองปาริฉัตรด้วยแววตาว่างเปล่า

    “พอใจ หายโกรธผมบ้างหรือยัง”

    “ไม่ แค่นี้มันยังน้อยเกินไป สำหรับคนเลวๆอย่างแก คอยดู ฉันจะไม่มีวันให้อภัยแกเด็ดขาด จะไม่มีวัน ฉันขอเกลียดแกไปตลอดชีวิต”

    ปาริฉัตรชี้หน้าเขา โกรธจนตัวสั่น อาจจะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือฤทธิ์รักที่เก็บกดไว้มานาน ทำให้เนปาลคว้าข้อมือหญิงสาวเข้ามาใกล้พร้อมกับรวบเอวเธอไว้ ก้มลงถามจนชิดริมฝีปาก

    “อย่า อย่าทำแบบนั้นนะแป๋ม อภัยให้ผมถอะ ผมขอโทษ ผมรู้ตัวแล้ว ว่าผิด อย่าเกลียดผมเลยนะ”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×