ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียบำเรอ

    ลำดับตอนที่ #4 : เมียบำเรอตอนที่4 วันที่ไม่อยากให้มาถึง [รีไรต์แล้ว]

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 60




     วันที่ไม่อยากให้มาถึง...


     


    เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง วันที่ไม่อยากให้มาถึงในที่สุดมันก็เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็วแทบจะไม่ได้ตั้งตัว ตั้งแต่วันที่ไปลองชุดแต่งงานสภาพจิตใจกานดาอ่อนแอเกินไปจนไม่อยากจะเห็นหน้าของปัฐวีผู้ชายใจร้าย เย็นชา แข็งกระด้าง เวลาถึงมื้ออาหารก็มักจะเลี่ยงกินข้าวร่วมโต๊ะ หาข้ออ้างต่างๆ นาๆ ว่ากินแล้วตอนทำอาหารเสร็จ จากที่เคยชอบออกไปเดินเล่นที่สวนตอนกลางคืนก็ไม่ออกไป กานดาแอบมองสวนผ่านหน้าต่างที่ห้องก็มักจะเห็นปัฐวียืนอยู่ที่สวนแล้วมองขึ้นมาทางห้องของกานดาเสมอด้วยสายตานิ่งๆ กำลังคิดหาวิธีกำจัดเขาให้ออกไปจากชีวิตอยู่สินะ หนึ่งอาทิตย์เชียวนะที่กานดาไม่ยอมออกจากห้องเลยออกจากเวลาทำอาหาร ถึงแก้วจะคะยั้นคะยอถามหาเหตุผลว่าทำไม สุดท้ายก็ได้คำตอบคือเงียบ เธอจึงเลี่ยงที่จะถามอีก ตอนนี้กานดาอยู่ในห้องกับมด แม่บ้านสาวของบ้านเธออายุมากกว่าดาสองปี มาช่วยดูแลเรื่องการแต่งตัว เช้านี้เป็นพิธีหมั้นจัดขึ้นที่บ้านมีผู้ใหญ่หลายท่านมาร่วมงาน ส่วนมากจะเป็นญาติพี่น้องของทางแก้วและปราณ ส่วนงานแต่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมในตอนเย็น แขกจะเยอะกว่ามากเพราะมีทั้ง นักธุระกิจ และหมอที่เป็นทั้งเพื่อน คนสนิท และญาติๆ ของแก้ว ทุกคนที่มาร่วมงานทราบกันแล้วว่าเจ้าสาวในงานนี้เป็นผู้ชาย อาจจะมีบ้างบางคนที่เห็นว่ามันไม่เหมาะไม่ควร แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ติดใจอะไร ผู้ชายกับผู้ชายสมัยนี้แต่งงานกันออกเยอะแยะ แต่งานแต่งครั้งนี้มันดันเป็นวิวาห์สายฟ้าแล่บนี่สิ มันกระตุ้นต่อมเผือกของนักข่าวที่กระหายข่าวยิ่งกว่าซอมบี้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะประเด็ดของเจ้าสาวในงานที่เป็นผู้ชายอีก…งานนี้คงเขียนข่าวกันสนุก อาจจะได้ตีหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ‘นักธุระกิจหนุ่มไฮโซวิวาห์สายฟ้าแล่บ อึ้ง! เจ้าสาวเป็นผู้ชาย’ แบบนี้ก็ว่าได้

    "คุณดาคะ ตื่นเต้นหรอคะมือเย็นเชียว"

    มดถามพลางจับมือกานดาไว้หลวมๆ กานดาหันไปมองมดที่ยิ้มให้บางๆ ตื่นเต้นเหรอ? จะบอกยังไงดีล่ะ ไอ้ตื่นเต้นมันก็ว่าตื่นเต้นนะ แต่ความกลัวนี่สิมันมีมากกว่า

    "พี่มดคือดา..."

    ไม่รู้จะบอกไปยังไงถ้าบอกว่าไม่อยากแต่งแล้วคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ไหนจะแม่แก้วอีกทั้งๆ ที่บอกไว้แล้วว่าจะทำตามคำขอ ถ้ากลับคำตอนนี้กานดาคงเป็นเด็กที่ไม่รักษาคำพูด เด็กอักตัณญูแน่ๆ 

    "ครับ..ดาคงตื่นเต้น"

    "หนูดาเสร็จหรือยังลูก"

    แก้วเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเอ่ยถาม กานดาหันไปมองแก้วก่อนจะยิ้มให้บางๆ มดขอตัวออกจากห้องไป

    "ลูกสะใภ้แม่สวยจริงๆ"

    คำว่าสวยมันควรใช้กับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? แต่กานดาเป็นผู้ชายนะถึงจะฟังดูขัดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แก้วจับให้กานดาลุกขึ้นยืนแล้วหมุนรอบตัวเอง กานดาอยู่ในชุดไทยโจงกระเบนสีเหลืองครีมอ่อนๆ และเสื้อราชประแตนสีครีมเกือบขาวแขนยาวทรงกระบอกพอดีแขน ดูเหมาะตัวถุงเท้าสีขาวที่ยาวขึ้นมาถึงเข่า ผมที่ยาวปรกหน้าถูกเซตให้ดูเรียบขึ้นด้วยการปัดหน้าม้ามาด้านขวาและจับปอยผมทัดหูข้างซ้ายมีดอกไม้สีขาวเล็กๆติดด้วย ทำให้รับกับใบหน้าหวานดูสวยมากๆ ดูเป็นผู้ชายหน้าสวยคนนึง

    "ตื่นเต้นไหมลูก?"

    แก้วถามพลางดึงกานดานั่งลงข้างๆ เตียง

    "ครับ"

    ไม่รู้จะตอบคำไหนนอกจากครับ กานดาหันตัวเข้าหาอ้อมกอดจากแก้ว

    "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอดทนหน่อยนะลูก ตาปัฐเนื้อแท้เค้าไม่ใช่คนแข็งกระด้าง เค้าเป็นคนอ่อนโยนมากนะ แต่ทั้งหมดมันเป็นเพราะแม่บ้างานจนลืมดูแลเค้า...ลืมสนใจความรู้สึกของลูก”

    น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มสวยของแก้วกานดาเงยหน้าขึ้นมองยกมือบางปานน้ำตาออกสองข้างแก้มให้

    "วันนี้งานแต่งดานะครับแม่แก้วอย่าร้องไห้สิ ไม่เอาไม่พูดเรื่องอดีต ไม่ว่าคุณปัฐจะเป็นยังไงดาก็จะอยู่ให้ได้ เพื่อเอาคุณปัฐคนเดิมกลับคืนมาครับเพื่อแม่แก้ว"

    พูดให้กำลังใจคนโตกว่าแต่ในใจตัวเองยังแอบหวั่นไม่หมั้นใจเลยสักนิดว่าจะรับมือกับความร้ายกาจของผู้ชายที่ชื่อปัฐวียังไง

    ได้ฤกษ์เข้าพิธีหมั้นเวลาเก้าโมงเช้า กานดาเดินออกจากห้องเคียงคู่กับแก้ว ดวงตากลมมองรอบๆ บ้านที่ถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากชนิด จนแถบจะไม่เหลือเค้าโครงของห้องโถงที่เคยวางเปล่าเลย ราวบันไดถูกผูกด้วยผ้าสีขาวจับจีบสวยและมีดอกไม้ประดับเป็นช่วงๆ ทุกก้าวที่เท้าเล็กสัมผัสลงบนเนื้อไม้ของบันไดใจมันก็หวั่นตามไปด้วย แขกทุกคนในงานต่างจ้องมองมาที่หนุ่มหน้าหวานร่างบางที่กำลังเดินลงมาพร้อมกับแก้ว นี่หรือ? ผู้ชายที่กำลังจะเป็นสะใภ้ของตระกูลอัศวนนทา ผู้ค้าอัญมณีรายใหญ่ของประเทศหน้าตาจิ้มลิ้มขนาดนี้เชียวหรือ สายตาของรางบ่างพลันไปสะดุดเข้ากับสายตาคมอีกคู่ที่กำลังนั่งจ้องมองอยู่ที่พื้นพรหมหน้าแขกผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟา นักข่าวหลายสำนักพิมพ์รัวกดชัตเตอร์เมื่อกานดานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับปัฐวี ปัฐวีวันนี้เขาอยู่ในชุดไทยแบบเดียวกับกานดา แตกตางกันเพียงสีของโจงกระเบนที่เป็นสีน้ำเงินอมม่วง ปัฐวีจ้องกานดานิ่งๆ แบบไม่วางตา ถ้าหากสายตาคู้นี้เปรียบเหมือนสไนท์เปอร์ ป่านนี้กานดาคงพรุนไปแล้ว


    "เอาล่ะได้ฤกษ์สวมแหวนแล้ว ตาปัฐสวมแหวนให้น้องสิ"

    แก้วพูดใบหน้าเปื้อนยื้ม ปัฐวีเอื้อมมือไปหยิบกล่องแหวนออกมาจากพาน แหวนทองคำขาววงเล็ก มีเพรชเม็ดเล็กๆ ประดับอยู่บนหลังแหวนระยับต้องกับแสงสวย ดูก็รู้ว่าเพรชนี้น้ำงามแค่ไหน

    "ส่งมือมาสิ"

    ปัฐวีพูดเสียงเรียบ กานดาส่งมือข้างซ้ายไปให้ช้าๆ ปัฐวีก็เอาแต่จ้องหน้ากานดาไม่มองมือที่กำลังสวมแหวนให้การดาแม้แต่น้อย กานดาหลุบตามองต่ำลงมาที่มือตัวเองที่กำลังถูกสวมแหวนลงที่นิ้วนางข้างซ้าย แหวนใส่เข้ากับนิ้วเข้าที่แล้วการดาจึงชักมือกลับแต่ปัฐวียื้อไว้ไม่ให้ชักกลับ นิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆ ลงที่หลังมือบาง กานดาเงยหน้ามองปัฐวีที่กำลังยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ กานดาชักกลับอีกครั้งคราวนี้ปัฐวีปล่อยง่ายๆ กานดายกมือไหว้ปัฐวี ก่อนจะหยิบแหวนออกจากกล่องมาสวมให้ปัฐวี ที่เอาแต่มองกานดาไม่วางตา นี่เขาคิดอะไรของเขาอยู่กันนะ...ปัฐวียอมให้กานดาสวมให้ง่ายๆกานดายกมือไหว้อีกครั้ง

    "ขอถ่ายรูปหมู่ครอบครัวหน่อยนะคะ"

    นักข่าวสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจบพิธีหมั้น กานดาและปัฐวีหันหน้าเข้าหากล้องอย่างว่าง่าย

    "เจ้าบ่าวเจ้าสาวขยับชิดๆ กันหน่อยครับ"

    นักข่าวชายอีกคนพูด กานดาขยับเข้าหาปัฐวีอีกนิดหน่อยแต่ปัฐวีนี่สิขยับเข้ามาเสียจนตัวติดกันจนกานดาอดมองค้อนไม่ได้

    "ยิ้มนะคะ 1.2.3 " แชะ!!

    "เจ้าสาวยิ้มหน่อยนะคะ"

    นักข่าวสาวอีกคนพูดกานดาปั้นหน้ายิ้มให้มากขึ้นมันกำลังจะไปได้ดีอยู่แล้วถ้าปัฐวีไม่พูดขึ้น

    "ช่วยยิ้มให้เยอะๆ หน่อยนะคนอื่นเค้าจะได้คิดว่านายมีความสุขที่ได้แต่งงานกับฉัน จะยิ้มให้ปากฉีกไปถึงรูหูเลยก็ได้ไม่มีใครว่า"

    เป็นคำพูดเชิงคำสั่งและแดกดันที่เจ็บแสบมาก พูดดีๆ คงทำไม่เป็นสินะ

    "เจ้าบ่าวโอบเจ้าสาวนิดนึงครับ"

    ยังไม่พออีกหรือไงนักข่าวพวกนี้จะถ่ายอะไรกันเยอะแยะสุดท้ายตอนลงข่าวก็เลือกแค่รูปเดียวอยู่ดี
    ปัฐวีโอบแขนไว้ที่ไหล่มน กานดาเบี่ยงตัวหลบเบาๆ แต่สีหน้ายังปั้นยิ้ม

    "อย่าทำเป็นเล่นตัว จะมีผัวอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะสะดีดสะดิ้งอะไรนักหนา"

    "คุณปัฐ!!"

    กานดาได้แต่ถลึงตาใส่แบบเหลืออดแต่จะทำอะไรได้มากกว่านั้นล่ะ คิดไว้ในใจเสมอว่าต้องรักษาหน้าแม่แก้ว.....




    งานหมั้นผ่านไปได้ด้วยดีหลายคนก็บอกว่าเหมาะสมกันดีถึงกานดาจะเป็นผู้ชายแต่ก็สวยไม่แพ้ผู้หญิงเลย ว่าที่เจ้าบ่าวก็ดูจะสบายใจหน้าระรื่นมีแต่กานดาที่คิดมากอยู่คนเดียว ไม่เข้าใจปัฐวีเลยจริงๆ ไหนบอกว่าไม่ชอบเขาไงแต่วันนี้ทำไมถึงทำเหมือนว่าพิศวาทเขานักหนา อ๋อคงเพราะรักษาหน้าตาทางสังคมสินะ กานดาพยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดมากแต่ก็ยังมีแอบเอาไปคิดบ้าง กานดาและปัฐวีถูกจับแยกกันจนกว่าจะถึงเวลางานแต่งในช่วงค่ำที่โรงแรม แก้วไม่ไว้ใจให้ปัฐวีอยู่กับกานดาจนกว่าจะได้แต่งงานกัน ลูกชายคนนี้มันยิ่งไม่เหมือนใครอยู่ ถ้าให้อยู่ด้วยกันมีหวังหาเรื่องแกล้งกานดาอีกแน่
    ร่างบางของกานดานั่งอยู่ในห้องนอนกว้างเพียงลำพัง ใกล้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินทางไปโรงแรม ยิ้มสิดายิ้ม นายต้องรักษาหน้าแม่แก้ว ทำเหมือนว่ามีความสุขสุดๆ หลังจากให้กำลังใจตัวเองร่างเพรียวบางก็เดินไปหยิบเสื้อลูกไม้แบบซีทูสีขาวที่วางอยู่บนเตียง กางเกงสีขาวเข้าทรงสามส่วน เสื้อลูกไม้สีขาวที่ออกแบบมาได้เข้ารูป มันสวยดีนะ แต่เสียอย่างเดียวคือมันต้องรูดซิปจากข้างหลัง กานดาพยายามเอื้อมมือไปรูดซิปขึ้นแต่มันขึ้นไม่ได้แถมตะขอตรงหัวซิปหลุดอีกต่างหากต้องมาเสียเวลาติดหัวตะขอใหม่แล้วดึงซิปขึ้น ดึงขึ้นได้นิดเดียวก็ต้องถอนมือออกเพราะเมื่อยแขนที่ต้องเอี้ยวตัวไปข้างหลังนานๆ

     "จิ๊! ถ้ามันจะใส่ยากขนาดนี้แก้ผ้าออกไปคงจะสิ้นเรื่อง!"

    กานดาบ่นกับตัวเองเป็นบ้าเป็นบอ ถ้าแก้ผ้าออกไปจริงๆ คงจะตะลึงกันหน้าดู

    แกร๊ก!

    เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น คงเป็นพี่มดเข้ามาช่วยแต่งตัว กานดาจึงตะโกนเรียกมดให้เข้ามาช่วยแต่ยังหันหลังให้

    "พี่มดหรอครับ มาช่วยดารูดซิปหน่อยสิครับ มันรูดไม่ขึ้น"

    ดาพูดแต่มือก็ยังพยายามรูดซิปต่อ เสียงเงียบทำไมมดไม่ตอบกานดาจึงเรียกอีกครั้งเผื่อมดอาจจะเขินก็ได้ที่กานดายังโป๊โชว์แผ่นหลังอยู่ ยังไงก็ผู้หญิงล่ะนะ

    "พี่มดรูดซิปให้หน่อยครับ"

    ฝีเท้าหยุดยืนอยู่ข้างหลังร่างบางก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่ชายเสื้อแล้วดึงลงนิดหน่อยหวังจะรูดซิปที่เจ้าตัวรูดไว้แล้วถึงครึ่งหลังขึ้นให้ 
    กานดายืนนิ่งให้มดช่วยรูดซิปให้แต่ทำไมถึงไม่รูดซักที แถมยังรูดซิปลงอีก สงสัยจะติดตะขอให้ใหม่ล่ะมั้ง กานดาก็ไม่ได้เอะใจอะไร

    "อ๊ะ!"

    กานดาสะดุ้งน้อยๆ ที่จู่ๆ ก็มีสัมผัสเย็นๆ จากฝ่ามือมาแตะที่แผ่นหลังก่อนจะลูบไล้ไปมาจนขู่ลุกซู่

    พรึบ!

    ฟอดด~

    จู่ๆ ร่างสูงข้างหลังก็จู่โจมกอดรัดร่างเล็กจากด้านหลังก่อนจะสูดกลิ่นหอมๆ จากซอกคอเข้าเต็มปอด

    "พี่มดทำอะไร........คุณปัฐ!!"

    กานดาตะลึงเมื่อหันหลังไปประชันหน้ากับร่างสูงที่กอดตัวเองแน่น

    "เข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ!!"

    ตั้งสติได้ก็รีบผลักอกคนตรงหน้าให้ถอนห่างแต่ปัฐวีนั้นยังนิ่งไม่ยอมขยับเอาแต่มองหน้ากานดานิ่งๆ มือไม้ที่โอบรัดก็ไม่อยู่นิ่งเหมือนหน้าตา ลูบไล้ไปมาทั่วแผ่นหลังบีบเค้นคลึงเอวคอดบาง จนเจ้าของร่างสั่นสะท้าน รีบดิ้นหาทางรอด

    "คุณปัฐ! ปล่อยดานะ"

    นี่เป็นครั้งแรกที่กานดาหลงแทนชื่อตัวเองกับปัฐวี

    "ไม่ปล่อย"

    พูดหน้าตาเฉยแถมยังดึงกานดาเข้ามากอดกดใบหน้าเล็กฝังแนบอก อยากจะแกล้งให้คนในอ้อมกอดหัวเสียเล่น วันนี้ยังไม่ได้แกล้งเลยขอหน่อยแล้วกัน หมั่นเขี้ยวไอ้แก้มกลมๆ ใสๆ นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว

    "คุณปัฐดาหายใจไม่ออก ปล่อยนะ"

    "เงียบ"

    "คุณปัฐปล่อยดานะ ปล่อย!"

    "บอกให้เงียบ"

    "ปล่อยดานะ คุณมันใจร้ายไม่ชอบกันแล้วมากอดทำไมเล่า"

    "ก็บอกให้เงียบไง!!"

    "...”

    กานดาปิดปากเงียบเมื่อโดนคนตัวโตดุ ยืนนิ่งๆ ให้ปัฐวีกอดมือหนาลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังเนียนก่อนจะดึงชายเสื้อมาติดตะขอแล้วรูดซิปขึ้นให้จนสุด

    "รีบๆหน่อยคนอื่นเค้ารอ..."

    พูดแค่นั้นก็ผละตัวออกแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้กานดายืนแข็งทื่ออยู่กับที่ อะไรกันสัมผัสที่เหมือนจะอ่อนโยนเมื่อกี้น่ะ คุณปัฐจริงหรอ? เมื่อเช้ายังแยกเขี้ยวใส่เขาอยู่เลยนะ ถึงสัมผัสอ่อนโยนนั่นจะดูออกแนวลวนลามเขาไปหน่อยก็เถอะ ไม่เข้าใจคนๆ นี้จริงๆ ผีเข้าผีออกกานดาตามไม่ทัน
    หลังจากแต่งตัวเสร็จกานดาขึ้นรถอีกคันไปยังโรงแรมพร้อมกับแก้ว ปัฐวีล่วงหน้าไปรับแขกก่อนแล้ว ริมฝีปากบางขบเม้มแน่น ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง วันนี้คุณปัฐจะมาอารมณ์ไหนอีกนะ กลัวรับอารมณ์ไม่ทันจริงๆ ว่าเมื่อถึงงานจะหาเรื่องแกล้งอะไรเขาอีกหรือเปล่า.....


    รถซีดานสีดำขับจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูขนาดใหญ่ ว่าที่เจ้าสาวเดินจับมือกับแก้วเข้าไปในโรงแรมก่อนจะเดินเลี่ยงประตู้หน้างานมาอีกห้องที่มีไว้สำหรับเตรียมตัว 

    "คุณคะดิฉันเอาชุดมาให้เปลี่ยนค่ะ"

    พนักงานสาวคนหนึ่งเดินมาหากานดาที่นั่งอยู่ภายในห้องเพียงลำพังและถือชุดใหม่มาให้

    "หือ เปลี่ยนหรอครับ?"

    "ค่ะ พอดีว่าชุดของคุณปัฐมีปัญหาน่ะค่ะก็เลยต้องเปลี่ยน เพื่อให้ชุดเข้ากับชุดเจ้าบ่าวคุณก็เลยต้องเปลี่ยนด้วยน่ะค่ะ"

    พนักงานสาวอธิบาย กานดาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรับชุดมาเปลี่ยนในห้อง ชุดที่กานดาเปลี่ยนนั้น กานดาชอบมันมากๆ ชอบมากกว่าชุดลูกไม้เสียอีก มันเป็นสูทสีขาวที่พอดีกับตัวของเขา แถมมีโบว์สีแดงที่ตัดกับสีของชุดได้เป็นอย่างดีอีก ริมฝีปากบางอิ่มน้ำถูกเติมแต่งด้วยริปกลอสสีชมพูใส ดวงตากลมโตถูกแต่งแต้มสีสันน่ารักบางๆ ให้ดูมีมิติมากขึ้น กานดายืนจ้องตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่หลังช่างจับเขาเติมแต่งแบบเต็มที่ ในกระจกดูไม่เหมือนเขาเลยสักนิด นี่มันเหมือนทอมห้าวๆ คนนึงมากกว่า กานดาไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่พูดได้เลยว่าเขาดูดีมากจริงๆ จนอยากจะจีบตัวเองด้วยซ้ำ

    "คุณดาคะได้เวลาแล้วค่ะ"

    พนักงานของทางโรงแรมเดินมาตามกานดาในห้อง เหมือนเป็นเสียงเตือนสติที่หลุดไปกับความคิดตลกๆ ของตัวเองคืนมา กานดาลุกจากเก้าอี้ไปหาหญิงสาวแล้วรับช่อดอกไม้หลากหลายสีจากเธอมาถือช่อดอกไม้สีขาวผูกริบบิ้นสีขาวน่ารักสุดๆ 

    "ดาหนูน่ารักมากเลยลูกดูเด็กมากๆ เลย"

    แก้วทักขึ้นเมื่อกานดาเดินมาหาตนตรงทางก่อนเข้างาน

    "ก็ดายังเด็กอยู่หนิครับ"

    พูดพร้อมยิ้มให้ ใช่เขาเพิ่งจะสิบเก้าเองนะ

    "อ่า ใช่สิแม่ลืมไปเลยว่าด่เพิ่งจะสิบเก้าเมื่อสองเดือนก่อน แต่ช่างเถอะวันนี้หนูดาของแม่น่ารักสุดๆ"

    แก้วพูดพร้อมกับหยิกแก้มใสๆ ของกานดาไปมาอย่างหมั่นเขี้ยวเด็กคนนี้มันหน้าหมั่นเขี้ยวตรงแก้มอูมๆ นี่แหละ

    "เอาล่ะครับ แขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่านผมนายแพทย์เตย์ชิน อัศวนนทา ขึ้นมาเป็นพิธีกรจำเป็นในงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องของผมคือปัฐวี อัศวนนทา ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท จิวเวอร์รี่ไดม่อนบลู ที่เป็นที่รู้จักของทุกคนทั้งประเทศ เอาล่ะครับ ผมคงพูดอะไรไม่ได้มากเดี๋ยวทุกคนจะเบื่อกัน ขอเชิญเจ้าบ่าวขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ"

    สิ้นสุดเสียงของเตย์ชินลูกพี่ลูกน้องของปัฐวีที่วันนี้มาเป็นพิธีกรรับเชิญในงานให้ เพราะเมื่อเช้าไม่ได้มาร่วมงานหมั้นเพราะติดผ่าตัดที่โรงพยาบาล ร่างสูงสันทัดแบบชายหนุ่มวัยทำงานเดินย่างกายขึ้นเวทีด้วยรอยยิ้มมุมปากนิดๆ กานดาแอบเปิดม่านมองร่างสูงที่กำลังเดินขึ้นเวที ชุดที่ปัฐวีใส่มันทำให้เขาดูดี สุขุม กับใบหน้าหล่อคมเข้มที่ดึงดูดสายตาของคนในงานได้เป็นอย่างดี สูทสีขาวทั้งชุดถูกตัดด้วยเนคไทสีแดงสด กานดายอมรับเลยว่าใจเต้นแรงกับปัฐวีในลุคนี้มากๆ เขาดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่น ใจดี ละมุนละไม แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดเพ้อเจ้อเพราะความจริงมันไม่ใช่ แต่อีกใจนึงก็สงสัยใครเป็นใครเป็นเลือกชุดนี้? 

    "สวัสดีแขกทุกท่าน และขอบคุณที่มาร่วมงานแต่งของผมในวันนี้ครับ"

    ปัฐวีกล่าวสั้นๆสีหน้ายังคงยกยิ้มมุมปากก่อนจะส่งไมค์คืนให้เตย์ชิน

    "แหมเจ้าบ่าวของเรานี่พูดน้อยจังเลยนะครับคงเขินล่ะสิท่า เอาเป็นว่าให้อภัยกันนะครับผม..."

    เตย์ชินแก้สถานการณ์ได้ดีเรียกเสียงหัวเราะจากแขกในงาน แม้ในใจจะแอบกร่นด่าไอ้ลูกพี่ลูกน้องที่อายุเท่ากัน เตย์ชินถามคำถามปัฐวีไปมาเหมือนเป็นการชวนคุยแต่คำตอบที่ได้ก็สั้นๆ เหมือนเดิมเตย์ชินจึงทำเป็นตลกกลบเกลี่ยนแซวว่าที่เจ้าบ่าวให้คนทั้งงานขำกันเล่นๆ ดีนะที่เขาเกิดมาเป็นคนอารมณ์ดีไม่งั้นคงแก้สถานการณ์ตึงเครียดเหมือนกับเล่นสงความเย็นกับปัฐวีบนเวทีไม่ได้

    "เอาล่ะครับ นี่ก็ได้ฤกษ์แล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญทุกท่านพบกับ น้องกานดา เจ้าสาวของเราเลยครับ~"

    สิ้นเสียงของคนอารมณ์ดี เสียงใสๆ ขอไวโอลินก็บรรเลงดังขึ้นในจังหวะเนิบๆ เพราะๆ กานดาก้าวเท้าออกจากห้องเข้ามาภายในโถงของงานพร้อมกับแก้วที่เดินมาเคียงข้างกัน เรียวปากเล็กหยักยิ้มอย่างเขินอายดวงตากลมมองสิ่งรอบตัวอย่างตื่นเต้น คนมาเยอะจัง ... ทุกคนในงานต่างให้ความสนใจกานดาเป็นอย่างมาก เสียงโห่แซว ปนปรบมือดังคลอเสียงไวโอลิน ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับแววตาคมดุจเหยี่ยวของคนบนเวทีที่เดินลงมาอยู่ข้างหน้าเขาไม่ไกลนัก สองเท้าหยุดยืนตรงหน้าร่างสูงสมส่วน ก่อนที่แก้วจะเดินจากไปทิ้งไว้เพียงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่มองหน้ากันไปมา กานดาพูดได้เต็มปากว่าปัฐวีดูดีมาก ดูหน้าหลงไหล ถ้าหากแววตานั่นมีความอ่อนโยนกว่านี้ กานดาส่งมือไปให้ปัฐวีจับอย่างช้าๆ แต่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกดึงให้เข้าไปในอ้อมกอดแล้วประกบจูบอย่างรวดเร็ว
    ดวงตากลมเบิกกว้างค้างอย่างตะลึง เหลียวสบเข้ากับสายตาคมที่มองจ้องกานดาไม่กระพริบ 

    "เจ้าบ่าวครับๆ รีบไปไหนครับขึ้นบนเวทีก่อน!"

    พรึบ!

    เสียงล้อเลียนบนเวทีดังออกไมค์เรียกเสียงหัวเราะให้ทุกคนในงานและเรียกสติของกานดาให้กลับมาด้วย ก่อนจะผละตัวออกจากร่างสูง ก้มหน้างุดอย่างอายๆ ทำไมใจเขาถึงเต้นแรงนักนะ ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากปัฐวีเดินจูงมือกานดามาบนเวที ทุกคนต่างเงียบรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

    "เมื่อสักครู่เราถามเจ้าบ่าวไปแล้ว คราวนี้เรามาถามเจ้าสาวกันบ้างดีกว่า น้องดารู้สึกยังไงครับที่ได้ไอ้ปัฐเป็นเจ้าบ่าว^^"

    คำถามกวนๆ ของเตย์ชินทำให้กานดามองเขาตอบ รอยยิ้มบนใบหน้าของเตย์ชินดูคล้ายกำลังให้กำลังใจเขาอยู่
    "เออ..คือ ก็ดี มั้งครับ"

    ก็เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรยังไงนี่ รู้จักกับคนข้างๆไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ สิ่งที่เคยเห็นก็มีแต่ความเย็นชาใจร้ายเท่านั้นแหละที่มอบให้ อ้อๆ เด็กมีปมอีกอย่างด้วย  
    บรรยากาศในงานต่างอบอวลไปด้วยรอยยิ้มของแขกผู้มาร่วมงานยกเว้นเจ้าของงานทั้งสองที่ไม่ค่อยจะยิ้มออกมา แม้แต่หน้ากันนับครั้งที่มองกันได้ ยอมรับว่ากานดาเป็นฝ่ายเลี่ยงที่จะสบตากับปัฐวีเอง
    งานจบหลังจากทั้งสองเดินไปตัดเค้กก้อนโต ถ่ายรูปกับแขกจนเหนื่อยก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องหอ ที่กานดาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ว่าไม่อยากเข้าสักนิด แก้วเดินมาส่งทั้งสองที่ห้องหอก็คือที่บ้านของเขาแต่เปลี่ยนห้องให้ย้ายไปอยู่ห้องใหญ่เท่านั้น ภายในห้องนอนกว้างที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงในห้องโถงกว้างๆ ปัฐวีเดินนำเข้าไปในห้องนอน กานดาอ้ำอึ้งอยู่นานว่าจะเข้าดีไหม แต่ก็ตัดสินใจเข้า ห้องนอนสีฟ้าที่กานดาชอบตกแต่งด้วยกรีบกุหลาบบนที่นอน แถมยังมีเทียนหอมจุดตั้งไว้บางมุมอีก นี่กะจะให้กานดาเสร็จอีตาคุณปัฐจริงๆ ใช่ไหม?

    "ยืนทำหน้าโง่อยู่ได้ปิดประตู"

    กานดาสะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มพูดเหน็บขึ้นจากบนเตียงที่กำลังถอดเสื้อผ้าอยู่

    "คะ...คุณถอดเสื้อทำไม!"

    โผลงออกไปอย่างตกใจ ปัฐวีหันมามองก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะย่างกายเข้าหากานดาที่ถอยหลังหนีติดประตู

    "เข้าห้องหอหลังแต่งงานนายคิดมาฉันจะทำอะไร..."

    ถามเสียงเย็นข้างใบหูที่เจ้าตัวแข็งทื่อเป็นหินไปแล้ว อะไรนะ...ยะ อย่าบอกนะว่า

    "ร้อนจะตายห่า ไม่มีอารมณ์หรอกเว้ย."

    พูดจบก็โยนเสื้อเชิ้ตมาใส่หน้ากานดาแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำทิ้งให้กานดามองตามตาปริบๆ เมื่อกี้แกล้งกันหรอ.?
    เสียงเปิดน้ำเงียบลงพร้อมกับประตูเปิดออก ร่างสูงสมวัยมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวเท่านั้นที่พันอยู่รอบเอวที่ทำท่าจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ 
     
    "ทำไมคุณไม่แต่งตัวในห้องน้ำหะ!"

    กานดาเสียงดังเมื่อเห็นว่าปัฐวียืนโป๊อยู่ตรงหน้า ตัวเองก็รีบเอามือปิดตาใหญ่

    "นี่บ้านฉัน ฉันจะเดินแก้ผ้ายังได้ ทำไมกลัวอดใจไม่ไหวหรือไง หลงไหลฉันขึ้นมาล่ะสิ หึ!"

    "หลงตัวเอง!!"

    พูดแค่นั้นก็รีบวิ่งหอบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำปิดประตูดังปังก่อนจะหายใจหอบๆ หลังบานประตู โอ๊ย! ทำไงดีกานดา ถึงคุณปัฐจะบอกว่าไม่มีอารมณ์ แต่ก็อึดอัดอยู่ดีที่ต้องมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ คิดสิๆ ในหัวก็คิดหาวิธีที่ทำให้ไอ้คุณปัฐมันไม่มายุ่มย่ามกับเขา ตัวก็อาบน้ำหัวกผ้คิดไปเรื่อย พออาบเสร็จก็เช็ดตัวหยิบเสื้อผ้ามาใส่ มองตัวเองในกระจก หน้าจะเหมือนหวานเกินไปแล้วนะ ทำไมไม่เกิดมาหน้าโหดๆ ตัวใหญ่ๆ ดำๆ ล่ำๆ บ้างจะได้ไม่ต้องถูกจับแต่งงานกับคนเย็นชาใจร้ายแบบนั้น ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอารมณ์ แต่ถ้าตกดึกล่ะ วันอื่นอีกล่ะ โอ๊ยตายแน่ๆๆๆ ไอ้ดาเอ๊ย ทำไงดี

    "อ๊ะ”

    กานดากระวนกระวายมากจนมือเผลอไปปัดโดนกระปุกอะไรสักอย่างหน้ากระจก กานดาหยิบขึ้นมามองก็พบว่ามันคือ แป้งหอมที่เขาชอบใช้ปะตัวเวลาหน้าร้อนตอนอยู่แม่ฮ่องสอน สงสัยแม่แก้วให้คนเตรียมมาไว้ให้ นึกแล้วก็ขำตัวเองกานดาเคยปะแบบ ขาวทั้งตัวเหมือนตกกระป๋องแป้งมาเลยแหละ เอะ! ใช่สิ คิดออกแล้วว่าจะรับมือกับคืนนี้ยังไง

    แอ๊ดด

     กริ๊ก!

    กานดาเปิดประตูห้องน้ำออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหลังไปปิดประตูห้องน้ำ

    "นึกว่าตายคาห้องน้ำไปแล้ว นานฉิบ เห้ย!! ตัวอะไรเนี่ย!!!"

    ปัฐวีโผลงรีบยันกายลุกไปนั่งติดหัวเตียงเมื่อร่างบางหันมาหา ขาวไปทั้งหน้า แม้แต่แขนขาก็ยังขาว แป้งล้วนๆ ที่กานดาผสมน้ำแล้วปะทั้งตัว เขาคิดว่า คนสำอางแบบปัฐวีคงไม่ชอบอะไรแบบนี้หรอก และก็ได้ผมจริงๆเสียด้วย

    "คือ ร้อนน่ะครับเลยปะแป้งนอน อยู่ที่แม่ฮ่องสอนก็ทำแบบนี้"

    กานดาตอบยิ้มๆ ก่อนจะเดินเอาผ้าไปตากที่ราว ปัฐวีมองตามแบบไม่คิดว่า ไอ้เด็กนี่จะทำอะไรแบบนี้ นี่มันกลัวเขาปล้ำมันจริงๆ เหรอเนี่ย

    "นอนครับนอนนั่นเขตคุณนี่เขตผม โอเคนะราตรีสวัสดิ์ครับ"

    พูดจบก็เอาหมอนข้างมากั้นกลางแล้วเอาผ้าห่มมาล้วมตัวจนเป็นก้อนแล้วหลับตาหนีปัฐวีที่นั่งมองอึ้งๆ ไอ้เด็กนี่มันทำอะไรของมัน คิดว่าวิธีจะทำให้เขาไม่ทำอะไรมันหรอ หึ! คนอย่างปัฐวีถ้าจะเอาคือต้องเอาให้ได้ แต่คืนนี้ปล่อยไปก่อนเขาไม่มีอารมณ์จริงๆ เหนื่อย คิดแล้วล้มตัวลงนอน หันไปมองคนที่นอนหันหลังให้นิดนึงก่อนจะปิดไฟหัวเตียงแล้วหลับตามไปอีกคน



    ตกดึก.......

    "ฮะ อื๊อ.."

    เสียงครางใสเล็ดลอดออกมาเมื่อยอดออกถูกเคล้นคลึงด้วยนิ้วของร่างสูงที่กำลังขึ้นค่อมร่างเล็กอยู่ มองมือบีบเคล้นสะโพกเล็กอย่างมันส์มือ เรียวปากดูดดุนยอดอกเป็นไตที่แข็งรับ  

    "ฮื่อ...อิ๊"

    ร่างสูงยิ้มมุมปากร่างเล็กใต้ร้างหลุดเสียงครางออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ยักจะตื่น

    "หลับลึกจริงนะ"

    พูดข้างหูก่อนจะบรรจงจูบ ดูด เลีย ขบ เม้ม ตามซอกคอให้เกิดรอย ก่อนจะผละมาครอบครองริมฝีปากบางที่ได้ครอบครองไปสองสามครั้งตั้งแต่เจอกันมันทำให้เขาเหมือนคนไม่อิ่ม ต้องการปากสวยอิ่มน้ำนี้ ทั้งๆที่ ไม่ค่อยจะชอบเจ้าของเรียวปากนี้สักเท่าไหร่

    "อึก"

    ร่างเล็กเริ่มดิ้นประท้วงเมื่อหายใจไม่ออกสองมือปัดป่ายไปทั่วจนปัฐวีลำคาญ รวบสองมือตึกไว้กับเตียงทำให้คนใต้ร่างตื่นขึ้นมามองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเต็มตา

     "คุณปัฐ!!"


    ---------

    แก้ในส่วนของชุดแต่งงาน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×