ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เมียบำเรอตอนที่ 2 การพบเจอ [รีไรต์แล้ว]
การพบเจอ
เช้าวันนี้แม่แก้วพากานดาขับรถจากแม่ฮ่องสอนตั้งแต่ตีสี่เพื่อมากรุงเทพฯ นี่เป็นครั้งแรกที่กานดาได้มากรุงเทพ เป็นครั้งแรกที่กานดาจะได้เห็นบ้านของแม่แก้วที่กรุงเทพ และเป็นครั้งแรกที่กานดาจะได้เจอกับ ปัฐวี เขาแอบตื่นเต้นเล็กๆ เพราะหนทางข้างหน้าเป็นสิ่งที่เขาล้วนไม่เคยพบเห็น ว่ากันว่ากรุงเทพเป็นเมืองใหญ่เป็นเมืองที่ผู้คนต่างหลับไหลในตอนเช้าแต่กลับตื่นในตอนกลางคืน ตั้งแต่ขับรถเข้าเขตกรุงเทพฯ กานดาก็เอาแต่มองตึงสูงหลายตึงที่ตั้งตระหง่าเรียงรายเต็มไปหมด จราจรที่แสนจะติดขัดในบางพื้นที่ ผู้คนที่เดินสวนไปมาอย่างเร่งรีบ มองโดยภาพรวมแล้วเขาชอบแม่ฮ่องสอนมากกว่าแม้จะเป็นเมืองบ้านนอกแต่ก็ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองหลวง
"ไม่ชอบกรุงเทพฯ หรอหนูดา"
แม่แก้วที่ขับรถอยู่หันมาถามกานดาที่นั่งเพียงนิ่งๆหันหน้าไปทางกระจกรถเหม่อๆ
"เปล่าครับดาแค่รู้สึกว่ามันดูวุ่นวาย"
ดาตอบอย่างที่ตัวเองคิด ใช่มันดูวุ่นวายมากจนน่าปวดหัว
"ทำตัวให้ชินไว้เถอะนะยังไงก็ต้องได้มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งหกปีกว่าจะจบหมอแต่ถ้าเจ้าปัฐมันหันมารักหนูดาหนูดาก็อาจจะได้อยู่นานเลยล่ะ"
แม่แก้วพูดทีเล่นทีจริงให้ดารู้สึกผ่อนคลายลง กานดาแค่เพียงยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะหันไปมองสิ่งรอบข้างดังเดิม
"คุณปัฐคะคุณผู้หญิงกลับมาแล้วค่ะ!!"
แม่บ้านวัยอย่างห้าสิบรีบวิ่งตารีตาเหลือกมาบอกคุณชายของบ้านที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับร่างบางของหญิงสาวบนเตียงนอนกว้าง
ก๊อกๆๆๆ!!
"คุณปัฐคะคุณแก้วกับมาแล้วนะคะ ถ้าคุณปัฐไม่รีบออกมาจะหาว่าป้าไม่เตือนนะคะ!!"
ป้านกเคาะประตูรัวๆแล้วพูดเสียงดังขึ้นอีกหวังจะให้คนข้างในได้ยิน
"ปัฐคะแม่คุณกลับมาแล้วนะคะ อื้อ~"
หญิงสาวพูดเสียงแหบพร่าใต้ร่างสมส่วนของปัฐวี
"จะกลับมาอะไรตอนนี้วะ!"
เขาสบถออกมาแรงๆ ก่อนจะถอนกายจากหญิงสาวแล้วเดินเข้าห้องน้ำทำธุระก่อนจะออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบกับหญิงสาวแล้วมีเพียงโพสต์อิทที่แปะไว้บนหัวเตียง เขาเดินมาหยิบไปอ่าน
'ปัฐคะ เจนไม่อยากมีปัญหากับแม่คุณเจนกลับก่อนนะคะว่างๆ ค่อยเจอกันใหม่'
เขาขยำกระดาษทิ้งก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อมาใส่แบบลวกๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้รังเกียจเจนนักหนา ร่างสูงสมส่วนเดินก้าวเท้าลงตามขั้นบันไดยาวจนถึงปลายบันไดที่ห้องโถงรับแขกก็เห็นหญิงวัยกลางคนที่เขาไม่ได้เจอนานจนคิดว่าไม่มีแม่กับเขาไปแล้ว ห้าปีที่เธอเอาแต่ออกค่ายรักษาคนจนที่เขตชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนจนไม่มีเวลากลับมาหาลูกชายคนเดียวอย่างเขา แล้ววันนี้นึกยังไงถึงกลับมาหรือว่าเห็นข่าวที่เขาประกาศคบหากับเจน
"ตาปัฐทำไมถึงพาแม่นั่นมาที่บ้าน!"
ยังไม่ทันที่เขาจะได้กล่าวทักทายผู้เป็นแม่ด้วยซ้ำเขาก็โดนถามสวนกลับมาแล้ว
"คุณแม่มาเหนื่อยๆ นั่งก่อนเถอะครับ"
เขาจงใจเปลี่ยนเรื่องแต่แก้วก็ไม่ถือสาอะไรยังอีกไม่นานแม่นั่นก็หมดสิทธิ์ที่จะมาเดินเข้าออกบ้านนี้แล้ว เพราะตัวจริงมาแล้ว
"แม่ไม่อยู่ห้าปีเป็นไงบ้าง"
เธอก็เปลี่ยนเรื่องเช่นกันไม่อยากทำลายบรรยากาศให้เสียเพราะวันนี้กานดามาด้วยถ้ามาเห็นฉากแม่ลูกทะเลาะกันคงไม่แฮปปี้แน่
"ก็เรื่อยๆ ครับ"
"แล้วที่บริษัทพ่อแกล่ะไปถึงไหนแล้ว"
"ปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวชุดเครื่องเพชรครับมีแบบไว้แล้ว"
ปัฐวีพูดถึงชุดเครื่องเพชรที่เขาร่วมคิดออกแบบกับพ่อก่อนที่ท่านจะเสียไปเพราะโรคหัวใจเมื่อห้าปีก่อนเลยทำให้แก้วไม่อยู่ติดบ้านและลงเอยด้วยการไปทำค่ายอาสาที่แม่ฮ่องสอนเพราะไม่อยากทุกข์ใจเรื่องสามี และมันส่งผลให้ปัฐต้อง คิดแบบงานเพียงคนเดียวและกว่าจะได้ชุดเครื่องเพชรนี้มาก็ใช้เวลานาน
"วันนี้ที่แม่กลับมาแม่มีคนอยากให้แกรู้จัก"
แก้วพูดเสียงเรียบๆ ก่อนจะยิ้มมุมปาก
"ใครครับ?"
"แม่แก้วครับดาหาไม่..."
ปัฐวีหันไปมองตามต้นเสียงหวานใสที่เข้ามาขัดการสนทนา ก็พบกับเด็กหนุ่มร่างบางผิวขาวจัดแต่ไม่น่าเกลียด ใบหน้าหวาน ดวงตากลมโตนัยต์ตาสีน้ำตาลอ่อนขับกับสีผมอ่อนของเขา จมูกโด่งเชิงรั้นเรียวปากบางอิ่มน้ำสีชมพูหวาน พวงแก้มที่มีสีแดงระเรื่อทำให้น่าเอ็นดู
"อ้าวมาพอดีหนูดามานี่เร็วมานั่งข้างๆ แม่"
แก้วกวักมือเรียกกานดาที่ยื่นนิ่งค้าง ก่อนจะเดินมานั่งข้างเธอเงียบๆ
ปัฐวีมองตามปฏิกิริยาของร่างบางที่ดูจะเขินๆ อยู่น้อยๆ ยิ่งมองเหมือนยิ่งเพลินตาจนหยุดมองไม่ได้
"ตาปัฐนี่หนูดาเป็นลูกบุญธรรมของแม่ตอนแม่อยู่แม่ฮ่องสอน ส่วนที่ตาปัฐลูกชายแม่เองหนูดา"
พูดจบกานดาก็ยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
"สวัสดีครับคุณปัฐ"
ปัฐไม่ตอบแค่เพียงรับไหว้เท่านั้น
"หึ ไม่กลับบ้านมาห้าปีเพราะมัวแต่ไปหาน้องชายมาให้ผมหรือไงครับคุณแม่"
ปัฐแค่นเสียงพูดเขาดูไม่พอใจนิดๆ ที่แม่เขาหายไปห้าปีแล้วก็กลับมาบ้านพร้อมกับลูกชายคนใหม่
"เปล่าฉันไม่ได้ไปหาน้องให้แกฉันไปหาเมียให้แก่ต่างหา"
"หะ!!!"
ปัฐวีเสียงดังขึ้นจนการดาแอบสะดุ้งตาม
"ใครกันครับคุณแม่!!"
"ก็นี่ไงหนูดา"
ปัฐวีมองค้อนไปทางกานดาที่นั่งตัวรีบไปแล้วไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามาสบตากับร่างสูง นี่มันอะไรกัน!!
"คุณแม่ต้องการอะไรจากผมครับคุณแม่ก็รู้ว่าผมมีเจนอยู่แล้ว!!"
ปัฐวีพยายามคุมอารมณ์แต่ก็มีหลุดเสียงดังตอนท้ายประโยค ใช่เขามีเจนอยู่แล้วทั้งคนทำไมต้องยัดเยียดคนอื่นให้เขาด้วย
"แล้วแม่เจนอะไรนั่นมันมีดีอะไรหะ! ตาปัฐ แกถึงคิดจะเอาแม่นั่นมาเป็นสะใภ้ฉัน"
แก้วตอกกลับลูกชายคืนก่อนจะกรีดนิ้วปัดปอยผมหน้าม้าเธอ
"ก็อย่างน้อยเจนเค้าก็เป็นผู้หญิง!"
"เหอะ! เถียงข้างๆ คูๆ ฉันว่าแกหาข้อดีๆของแม่นั่นมาตอบฉันไม่ได้มากกว่า"
ปัฐวีจ้องแม่ของตนเองก่อนจะหันไปสบตากับกานดาที่แอบมองเขาแล้วก็ต้องหลบไป
"แล้วไอ้เด็กนี่ล่ะครับมันมีอะไรดีคุณแม่ถึงคิดจะเอามันมาเป็นสะใภ้!"
ปัฐวีถามแก้วกลับแต่คำพูดจะออกไปทางค่อนเเคะการดาเสียมากกว่า
"ก็ดีกว่าแม่นั่นหลายอย่างไม่สิ ดีกว่าทุกอย่างเลยต่างหาก"
"แล้วอะไรล่ะครับที่คุณแม่คิดว่ามันดีกว่าเจน"
ปัฐวียังไม่เลิกค่อนแคะกานดาและเอาแต่นั่งจ้องหน้ากานดานิ่ง กานดาก็ทำได้แค่นั่งฟังการปะทะคารมของสองคนแม่ลูกนิ่ง
"หึ อย่างน้อยหนูดาเค้าก็ไม่ได้หน้าเงินแล้วกัน"
"มันจะมากไปแล้วนะครับคุณแม่ เจนเค้าไม่ใช่คนอย่างนั้น!!"
ปัฐวีถึงกับเลือดขึ้นหน้าตะคอกใส่แก้วเสียงดัง แต่แก้วกลับนิ่งแล้วแสยะยิ้มออกมา
"แกอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าแกเอาเงินไปให้แม่ผลาญเล่นไปกี่แสนแล้ว ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเที่ยวผลาญเงินผู้ชายที่ไม่ใช่สามีแบบนี้”
"คุณแม่!!!"
การประทะคารมของสองแม่ลูกดูเหมือนแก้วจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า ปัฐวีไม่แม้แต่จะมีคำเถียงทำได้แต่เก็บอาการเดือดดาน ไว้ภายในก่อนที่เขาจะพูดจาเล่นงานคนโปรดของแม่แทน
"หึ แล้วไอ้เด็กนี่ล่ะครับเด็กกำพร้าไม่ใช่หรอ นายน่ะทำยังไงหะ!! คุณแม่ฉันถึงได้หลงขนาดนี้เป็นแค่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าแท้ๆ หรือใช้ไอ้หน้าตาซื่อๆใสๆ นี่มาเกาะแม่ฉันกินหะ!!"
"คุณปัฐ!"
กานดาหันไปสบตากับปัฐวีจ้องตาเขม็ง เขาพูดเรื่องอะไรทำไมต้องกล่าวหากันด้วยกานดาไม่ได้มีเจตนาแบบที่คนๆ นี้กล่าวหา
"ทำไม!! ฉันพูดถูกใช่มั้ยล่ะ!"
"พอกันทีตาปัฐเลิกกล่าวหาน้องสักทีหนูดาไม่ได้ทำอะไรฉันทั้งนั้น เอาเป็นว่าฉันจะพูดครั้งสุดท้ายเพราะฉันรำคาญเต็มทีที่จะทะเลาะกับแก หนูดาเป็นคนที่ฉันเลือกเป็นคนที่คู่ควรกับไอ้หมาบ้าอย่างแกถ้าไม่ใช่หนูดาใครหน้าไหนฉันก็ไม่เอาทั้งนั้น ตอนนี้แกอาจจะไม่ยอมรับในตัวหนูดาแต่ถ้าแกได้รู้จัก ลองเปิดใจให้ดูน้องบ้าง แล้วแกจะรู้ว่าหนูดาคือสิ่งที่คู่ควรกับแก"
แก้วพูดอย่างคนใจเย็นพลอยทำให้ทุกคนใจเย็นลงไปด้วยแต่ในใจปัฐวีก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี
"ผมขอถามเป็นคำถามสุดท้าย ทำไมต้องเป็นมัน!"
"เพราะหนูดาพิเศษกว่าคนอื่นๆ ถ้าแกอยู่กับหนูดาไปเรื่อยๆ แกก็จะรู้เองว่าหนูดาพิเศษยังไง"
พูดแค่นั้นแก้วก็ลูบเรือนผมสีอ่อนของกานดาเบาๆ คล้ายปลอบให้หายตกใจ
"นี่ผมต้องแต่งงานกับมัน.."
"กานดา..."
แก้วปรามคำพูดของปัฐวีที่ใช้เรียกกานดาเธอไม่ชอบใจจริงๆ
"เออ ดาผมต้องแต่งานกับ...ดาจริงๆใช่ไหมครับ"
ปัฐวีถามอย่างเอือมๆ ถึงเขาจะไม่ได้ต่อต้านผู้ชายด้วยกันแต่เขาไม่ชอบใจที่จู่ๆ จะมาคุมถุงชนกันแบบนี้
"อีกสามอาทิตย์ฉันจัดเตรียมงานไว้แล้ว การ์ดก็พิมพ์เสร็จแล้วแกมีหน้าที่เป็นเจ้าบ่าวก็พอ"
ปัฐวีนั่งนิ่งไม่ตอบ ตอนนี้เขากำลังใช้ความคิด หึ ไหนๆ ก็จะมาเป็นเมียเขาแล้วก็ช่วยทนๆ มือ หน่อยแล้วกันเขามันพวกใช้ของรุนแรง และถ้าทนเขาได้ก็ทนไปยังไงก็แค่แต่งไม่ได้แปลว่าเขาจะคบกับเจนต่อไปไม่ได้ อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทนได้สักกี่น้ำ
"ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่ หนูดากำลังจะมาเป็นภรรยาของแกควรให้เกียรติหนูดาด้วย..."
"หึหึ ได้สิครับผมจะให้เกียรติเมีย....แน่นอน"
อย่างนายมันก็ได้แค่เมียบำเรอเท่านั้นแหละตราบใดที่ฉันยังมีเจนอยู่ นายมันก็ได้แค่นั้น....!
คำพูดที่ดูเข้าใจอะไรง่ายๆ ของปัฐวีทำให้แก้วไม่ไว้ใจตัดบทสนทนาพากานดาขึ้นไปดูห้องนอนของตัวเองแทนระหว่างทางปัฐวีก็ถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ของกานดาเดินตามหลังร่างเล็กไปพร้อมกับพิจารณารูปร่างของกานดาไปด้วย รูปร่างก็งั้นๆ ติดจะตัวเล็กเสียด้วยซ้ำดูผอมบางเหมือนคนขี้โรค
"ถึงห้องแล้ว!!"
"อ๊ะ!!"
ปัฐวีกระชากแขนกานดาแรงๆ เพราะเห็นว่ากานดากำลังจะเดินเลยห้องของปัฐวี
"อะไรตาปัฐนั่นห้องนอนแก ของหนูดาฉันจะให้ไปนอนห้องนู้น"
แก้วจับแขนกานดาอีกข้างแล้วดึงกลับมาปัฐวียอมปล่อยโดยง่าย
"ไหนคุณแม่บอกว่าดาจะมาเป็นเมียผมไง เมียก็ต้องนอนกับผัวสิ"
ปัฐวีพูดเสียงนิ่งๆ มองหน้ากานดาที่เสไปทางอื่นแต่แก้มเนียนๆ กลับกลับแดงเป็นริ้วๆ
"หึ ห้องที่มีแต่กลิ่นกามของแกกับแม่นั่นน่ะหรอฉันไม่ปล่อยให้หนูดาต้องทนนอนทับสิ่งโสโครกแบบนั้นหรอกจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน อย่าหวังเลยว่าแกจะได้ทำอะไรอย่างที่คิด"
แก้วพูดดักทางปัฐวีเพราะรู้ทันความคิดของลูกชาย
"เอากระเป๋ามาฉันถือเอง"
แก้วกระชากกระเป๋าจากมือปัฐวีแล้วเดินจูงมือกานดาหายเข้าไปอีกห้องถัดจากห้องเขาห้องหนึง ทิ้งให้เขากำมือแน่นคุมอารมณ์อยู่คนเดียว
"โธ่!! เว้ย!!"
ปัง!!
ปัฐวีสบถออกมาแรงๆ ก่อนจะเตะประตูเสียงดัง อย่างหงุดหงิด เขาเข้าใจว่าแก้วไม่ชอบเจนแต่ทำไมถึงต้องบังคับให้แต่งงานกับไอ้เด็กนั่นด้วยถึงแม้ว่าตอนแรกเหมือนจะชอบใจเด็กคนนั้นแต่ตอนนี้ไม่ล่ะ! มันมีแต่ความชังล้วนๆ เขาไม่พร้อมจะแต่งงานการที่มีใครสักคนเขามาในชีวิต เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากที่ต้องมาคอยดูแลใครทั้งวัน กับเจน เจนก็เป็นแค่คู่นอนที่ตอนนี้ พัฒนาขึ้นมาเป็นคู่ควงและคนที่เขากำลังคบหาด้วย เจนไม่เคยพูดกับเขาในทำนองว่าต้องการแต่งงานด้วยมันทำให้เขาถูกใจมากเข้าไปอีกทุกวันนี้เขาใช้เงินซื้อความสุขให้กับตัวเอง มันผิดด้วยหรอ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะหลงไอ้เด็กนั่นอะไรนักหนาดูก็รู้แล้วว่าหวังจะมาเกาะครอบครัวเขากินโดยการใช้ไอ้หน้าตาซื่อๆ นั่น
ก็ไม่ต่างอะไรกับแมงดาโสโครกหรอก!!
"หึ คอยดูเถอะจะได้รู้ว่าการเป็นได้แค่เมียบำเรอมันเป็นยังไง!!"
ภายในห้องนอนสีครีมกว้างขวางกานดากำลังนั่งหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาแขวนโดนมีแก้วเป็นคนคอยแนะให้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน
"หนูดาอย่าคิดมากเลยนะตาปัฐก็เป็นแบบนี้แหละใจแคบ"
"..."
กานดาแค่เพียงนั่งฟังเงียบๆ มือก็จัดการเสื้อผ้าในกระเป๋า
"แต่แม่เชื่อนะว่าหนูดาต้องทำให้ตาปัฐยอมรับและรักหนูได้อย่างที่แม่รักแน่นอน"
แก้วจับมือบางขึ้นมาลูบเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นให้กานดา กานดาโผลเข้ากอดแก้วไว้แน่น ความอบอุ่นแบบนี้เขาไม่เคยได้รับจากใครถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตร่วมกับปัฐวีจะดูยากไปหน่อยสำหรับกานดา แต่เขาก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อตอบแทนพระคุณแม่แก้วผู้ให้ชีวิตใหม่กับเขา....
"ดาจะอดทนครับ ไม่ว่าต้องเจออะไรดาจะผ่านมันไปให้ได้ดาจะเป็นภรรยาที่ดีให้กับคุณปัฐอย่างที่แม่แก้วต้องการ"
"ขอบใจมากนะหนูดาที่เห็นใจแม่ ตาปัฐอาจจะดื้อไปหน่อยนะเพราะตั้งแต่พ่อเขาเสียตาปัฐก็เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน..."
น้ำเสียงของแก้วฟังดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัดทำให้กานดาผละตัวออกก่อนจะเอียงคอถาม
"เกิดอะไรขึ้นหรอครับแม่แก้ว"
"ตาปัฐเค้าติดพ่อมากน่ะเค้าจะสนิทกับพ่อเค้ามากกว่าแม่เพราะแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้เค้า แต่เมื่อห้าปีก่อนพ่อเค้าก็เสียด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเพราะโหมทำงานหนัก ตาปัฐเค้าโทษว่าแม่ทำให้พ่อเค้าตาย"
แววตาของแก้วเริ่มมีน้ำใสๆ ในดวงตา
"ทำไมล่ะครับ"
"ก็เพราะว่าแม่เป็มหมอไง เค้าพูดว่าเป็นหมอแต่ไม่มีเวลามาดูแลพ่อของเค้าเอาแต่ไปดูแลคนอื่น ตั้งแต่นั้นมาตาปัฐก็เปลี่ยนไป ก้าวร้าวมากขึ้น แม่ก็เลยหตัดสินใจทำค่ายหมออาสาที่แม่ฮ่องสอน ไปพักใจเผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น แต่เปล่าเลยทุกอย่างกลับแย่ลง ในตอนนั้นแม่ควรอยู่กับตาปัฐไม่ใช่ออกห่างตาปัฐไปแบบนั้น”
ตอนนี้กานดานึกสงสารปัฐวี ที่แท้ก็มีปมนี่เองถึงเป็นคนแบบนี้ แต่ก็สงสารแม่แก้วมากกว่าที่ต้องทนอยู่กับความผิดที่ปัฐวีกล่าวหา
"แม่แก้วครับดาสัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดาจะพยายามเอาคุณปัฐคนเดิมกลับมาให้แม่แก้วให้ได้ "
กานดายิ้มให้อย่างปลอบใจหญิงตรงหน้าก่อนจะกอดกันอีกครั้ง สิ่งไหนที่ตอบแทนแม่แก้วได้ดาจะทำ....
"ทำไมกรุงเทพไม่มีดาวเลยนะ"
ร่างบางบ่นกับตัวเองเบาๆ เมื่อมองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วปราศจากแสงระยิบระยับบนฟากฟ้า ไม่เหมือนกับแม่ฮ่องสอนเลยสักนิด พูดแล้วก็คิดถึง.... เท้าเล็กเดินเหยียบย่ำไปบนพื้นหญ้าด้วยเท้าเปล่าที่สวนหลังบ้าน แม้แต่หญ้าที่นี่ก็ยังไม่เหมือนที่แม่ฮ่องสอน มันดูแข็งกระด้างไร้ความเป็นธรรมชาติ ก่อนจะเดินกลับมาสวมรองเท้าแล้วเดินเล่นรอบๆ สวน เมื่อตอนเย็นปัฐวีไม่อยู่ทำให้ห้องอาหารดูไม่อึดอัด ตอบตามตรงกานดายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัฐวี ผู้ชายคนนี้ยังร้อนเกินไปถ้ากานดาเป็นน้ำป่านนี้ก็คงจะระเหยเป็นไอหมดแล้ว
หมับ!!
"อ๊ะ!!!"
"มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ดึกๆคนเดียว"
เสียงทุ้มที่มาพร้อมกับวงแขนแกร่งโอบรัดลำตัวของกานดาเอ่ยขึ้นจากข้างหลัง กานดารีบดิ้นผละตัวออกจากร่างสูงทันที
"คุณปัฐ!!"
กานดาเรียกชื่อคนที่แอบฉวยโอกาสกอดตัวเอง ก่อนจะรีบถอยห่างจากร่างสูง
"ไม่ต้องทำมาเป็นรังเกียจขนาดนั้น ใช่ว่าฉันอยากจะกอดนายนักหนิ หึ!"
ปัฐวีเอามือปัดเสื้อตัวเองไปมาอย่างกับรังเกียจที่เขากอดกานดาเมื่อสักครู่
"แล้วมากอดทำไมล่ะ"
กานดาถามออกไปเรียบๆ อารมณ์ขุ่นเคืองรู้สึกว่าไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้
"ก็แค่อยากรู้ว่าจะมีท่าทียังไง เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนไม่ใช่หรือไงเค้าว่าเด็กพวกนี้ขาดความอบอุ่น บางทีอาจจะไปเอาร่างกายไปให้คนอื่นแพร่ความอบอุ่นมาก่อนก็ได้นายเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ"
ปัฐวีเหยียดยิ้มออกมา กานดาเป็นคนเก็บอารมณ์เก่งเสมอ คำพูดแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก
"แล้วคุณเคยได้ยินหรือเปล่าว่าคนที่มีปมด้อยมักจะเหยีบซ้ำปมด้อยของคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี"
กานดาว่ากลับนิ่งๆ แต่ทำเอาปัฐวีชะงักกับคำพูดนั้น
"อย่ามาปากดีให้มาก เป็นแค่เด็กเหลือขอจำใส่กระโหลกไว้ด้วย!"
ปัฐวีก้าวเดินไปหากานดาก่อนจะเอานิ้วจิ้มที่หน้าผากกานดาจนหันตามแรง
"แล้วคุณล่ะคุณปัฐ คุณมีดีอะไรกว่าเด็กกำพร้าเหลือขออย่างผมหรอ เท่าที่ผมเห็นยังไม่มีเลยหนินอกจากทำตัวให้แม่แก้วหนักใจ"
"มันจะมากไปแล้วนะ!! กล้าดียังไงมาว่าฉันนายมันก็แค่ไอ้เด็กกำพร้าที่มาเกาะแม่ฉันกินเท่านั้นแหละ!!"
กำพร้าอีกแล้ว คำก็กำพร้า สองคำก็กำพร้า กะจะเหยียบกันให้จมดินด้วยคำๆ นี้เลยใช่ไหม
"..."
"เงียบทำไม ทำไมไม่เถียงล่ะหรือว่าฉันพูดถูก เป็นลูกบุญธรรมแล้วกลัวไม่ได้สมบัติหรือไงถึงต้องยกตัวมาเป็นสะใภ้ด้วยน่ะ!!"
จะดูถูกกันมากไปแล้วนะ คนอย่างกานดาก็ใช่ว่าจะยอมใครง่ายๆ เหมือนกัน
"คุณคิดว่าผมอยากเป็นภรรยาของคุณมากนักหรือไงที่ผมทำก็เพราะผมสงสารแม่แก้วที่มีลูกชายไม่รู้จักโตแบบคุณ!"
"นี่นาย!!"
ปัฐวียกมือขึ้นค้างกลางอากาศเหมือนพร้อมที่จะเหวี่ยงแรงมาปะทะกับแก้มเนียนถ้าไม่มีคำพูดของกานดา
"จะตบผมหรอ ตบสิผมยอม...."
ไม่รู้อะไรดลใจให้กานดาพูดไปแบบนั้นแต่ตอนนี้กานดาอยากให้สถานการณ์ตรงหน้าจบลงเร็วๆ เพราะเขาเบื่อที่จะต่อปากต่อคำกับร่างสูงตรงหน้าแล้ว แต่ปัฐวีไม่คิดอย่างนั้นเขากลับคิดว่ากานดาอวดดีอยากจะรองของมากกว่า ปัฐวีลดระดับแขนลงก่อนจะกล่าวนิ่งๆ
"หึ ปากดีอย่างนี้จะตบก็เสียมือเปล่าๆ แบบนี้มันต้องตบด้วยปาก!!"
พรึบ!
"คุณจะทำอะไร ..อุ๊บ!!"
ไวเท่ากว่าความคิดปัฐวีดึงร่างเล็กเข้ามาบดจูบด้วยความป่าเถื่อน กานดาพยายามดิ้นหนีแต่มือหนากลับล็อคใบหน้าไว้ลิ้นหนาดุนดันจะเข้ามาในปากเล็กแต่กานดาเม้มปากไว้แน่นไม่ยอมให้เข้ามา ปัฐวีบีบกรามเล็กจนเจ็บไปหมดต้องยอมเผยอปากออกจนลิ้นร้อนเข้าไปได้ ลิ้นหนากวาดไล่ต้อนลิ้นเล็กจนจนมุมก่อนจะดูดกลืนลิ้นเรียวอย่างช่ำชอง จูบแรกที่แสนจะป่าเถื่อน เขาจูบหนักๆ ซ้ำไปซ้ำมาจนได้รสชาติของคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งโพล่งปาก
"อื้มมม!!"
เสียงปะทุที่เหมือนต้องการอากาศหายใจดังขึ้นแต่ไร้วี่แววที่คนตรงหน้าจะยอมถอนจูบออก กานดารวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ดิ้นแล้วผลักร่างสูงออกจากตัวจนตัวเองเซล้มไปกองกับพื้น พอเป็นอิสระร่างเล็กก็รีบโกยลมเข้าปอดเฮือกใหญ่
"จืดชืด!!"
ปัฐวีพูดก่อนยกมือปาดที่เรียวปากตัวเอง แล้วมองร่างบางที่กำลังยืนตั้งหลักเซๆ
"ไอ้คนบ้า!!"
ด่าจบเอามือถูปากตัวเองแรงๆ แล้วเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป ปล่อยให้ร่างสูงยืนยิ้มมุมปากอยู่ตรงนั้น
"หวาน....."
"หึ่ย!! ไอ้คนบ้ามันป่าเถื่อนเกินไปแล้วนะ”
หลังจากเดินเข้าห้องมากานดาก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วแปรงฟันแปรงลิ้นใหม่หลายรอบก่อนจะดึงปากล่างของตัวเองดูทางกระจก ว่ามันเป็นรอยแตกเล็กๆ แต่มีเลือดซิบๆ เจ็บใจทำไมจูบแรกถึงต้องเสียให้ไอ้คนแบบนั้นด้วย! เห็นแก่ตัว ทุเรศที่สุด! แต่จะพูดไปก็เท่านั้นยังไงหลังจากแต่งงานก็อาจจะเจอมากกว่านี้ก็ได้ กานดาเดินหน้างอไปที่เตียงก่อนจะนอนบนเตียงแล้วกลิ้งบนผ้าห่มจนม้วนตัวเป็นก้อน แล้วหลับไปสงสัยการใช้ชีวิตร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตเพศผู้ที่ชื่อ ปัฐวี คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกานดาอีกต่อไปแล้ว.......
ปล.ขอบคุณทุกคนที่ชอบผลงานนักเขียนกากๆ คนนี้นะคะ คืนนี้แถมให้อีกตอนน ฝันดีค่ะ
เช้าวันนี้แม่แก้วพากานดาขับรถจากแม่ฮ่องสอนตั้งแต่ตีสี่เพื่อมากรุงเทพฯ นี่เป็นครั้งแรกที่กานดาได้มากรุงเทพ เป็นครั้งแรกที่กานดาจะได้เห็นบ้านของแม่แก้วที่กรุงเทพ และเป็นครั้งแรกที่กานดาจะได้เจอกับ ปัฐวี เขาแอบตื่นเต้นเล็กๆ เพราะหนทางข้างหน้าเป็นสิ่งที่เขาล้วนไม่เคยพบเห็น ว่ากันว่ากรุงเทพเป็นเมืองใหญ่เป็นเมืองที่ผู้คนต่างหลับไหลในตอนเช้าแต่กลับตื่นในตอนกลางคืน ตั้งแต่ขับรถเข้าเขตกรุงเทพฯ กานดาก็เอาแต่มองตึงสูงหลายตึงที่ตั้งตระหง่าเรียงรายเต็มไปหมด จราจรที่แสนจะติดขัดในบางพื้นที่ ผู้คนที่เดินสวนไปมาอย่างเร่งรีบ มองโดยภาพรวมแล้วเขาชอบแม่ฮ่องสอนมากกว่าแม้จะเป็นเมืองบ้านนอกแต่ก็ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองหลวง
"ไม่ชอบกรุงเทพฯ หรอหนูดา"
แม่แก้วที่ขับรถอยู่หันมาถามกานดาที่นั่งเพียงนิ่งๆหันหน้าไปทางกระจกรถเหม่อๆ
"เปล่าครับดาแค่รู้สึกว่ามันดูวุ่นวาย"
ดาตอบอย่างที่ตัวเองคิด ใช่มันดูวุ่นวายมากจนน่าปวดหัว
"ทำตัวให้ชินไว้เถอะนะยังไงก็ต้องได้มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งหกปีกว่าจะจบหมอแต่ถ้าเจ้าปัฐมันหันมารักหนูดาหนูดาก็อาจจะได้อยู่นานเลยล่ะ"
แม่แก้วพูดทีเล่นทีจริงให้ดารู้สึกผ่อนคลายลง กานดาแค่เพียงยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะหันไปมองสิ่งรอบข้างดังเดิม
"คุณปัฐคะคุณผู้หญิงกลับมาแล้วค่ะ!!"
แม่บ้านวัยอย่างห้าสิบรีบวิ่งตารีตาเหลือกมาบอกคุณชายของบ้านที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับร่างบางของหญิงสาวบนเตียงนอนกว้าง
ก๊อกๆๆๆ!!
"คุณปัฐคะคุณแก้วกับมาแล้วนะคะ ถ้าคุณปัฐไม่รีบออกมาจะหาว่าป้าไม่เตือนนะคะ!!"
ป้านกเคาะประตูรัวๆแล้วพูดเสียงดังขึ้นอีกหวังจะให้คนข้างในได้ยิน
"ปัฐคะแม่คุณกลับมาแล้วนะคะ อื้อ~"
หญิงสาวพูดเสียงแหบพร่าใต้ร่างสมส่วนของปัฐวี
"จะกลับมาอะไรตอนนี้วะ!"
เขาสบถออกมาแรงๆ ก่อนจะถอนกายจากหญิงสาวแล้วเดินเข้าห้องน้ำทำธุระก่อนจะออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบกับหญิงสาวแล้วมีเพียงโพสต์อิทที่แปะไว้บนหัวเตียง เขาเดินมาหยิบไปอ่าน
'ปัฐคะ เจนไม่อยากมีปัญหากับแม่คุณเจนกลับก่อนนะคะว่างๆ ค่อยเจอกันใหม่'
เขาขยำกระดาษทิ้งก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อมาใส่แบบลวกๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้รังเกียจเจนนักหนา ร่างสูงสมส่วนเดินก้าวเท้าลงตามขั้นบันไดยาวจนถึงปลายบันไดที่ห้องโถงรับแขกก็เห็นหญิงวัยกลางคนที่เขาไม่ได้เจอนานจนคิดว่าไม่มีแม่กับเขาไปแล้ว ห้าปีที่เธอเอาแต่ออกค่ายรักษาคนจนที่เขตชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนจนไม่มีเวลากลับมาหาลูกชายคนเดียวอย่างเขา แล้ววันนี้นึกยังไงถึงกลับมาหรือว่าเห็นข่าวที่เขาประกาศคบหากับเจน
"ตาปัฐทำไมถึงพาแม่นั่นมาที่บ้าน!"
ยังไม่ทันที่เขาจะได้กล่าวทักทายผู้เป็นแม่ด้วยซ้ำเขาก็โดนถามสวนกลับมาแล้ว
"คุณแม่มาเหนื่อยๆ นั่งก่อนเถอะครับ"
เขาจงใจเปลี่ยนเรื่องแต่แก้วก็ไม่ถือสาอะไรยังอีกไม่นานแม่นั่นก็หมดสิทธิ์ที่จะมาเดินเข้าออกบ้านนี้แล้ว เพราะตัวจริงมาแล้ว
"แม่ไม่อยู่ห้าปีเป็นไงบ้าง"
เธอก็เปลี่ยนเรื่องเช่นกันไม่อยากทำลายบรรยากาศให้เสียเพราะวันนี้กานดามาด้วยถ้ามาเห็นฉากแม่ลูกทะเลาะกันคงไม่แฮปปี้แน่
"ก็เรื่อยๆ ครับ"
"แล้วที่บริษัทพ่อแกล่ะไปถึงไหนแล้ว"
"ปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวชุดเครื่องเพชรครับมีแบบไว้แล้ว"
ปัฐวีพูดถึงชุดเครื่องเพชรที่เขาร่วมคิดออกแบบกับพ่อก่อนที่ท่านจะเสียไปเพราะโรคหัวใจเมื่อห้าปีก่อนเลยทำให้แก้วไม่อยู่ติดบ้านและลงเอยด้วยการไปทำค่ายอาสาที่แม่ฮ่องสอนเพราะไม่อยากทุกข์ใจเรื่องสามี และมันส่งผลให้ปัฐต้อง คิดแบบงานเพียงคนเดียวและกว่าจะได้ชุดเครื่องเพชรนี้มาก็ใช้เวลานาน
"วันนี้ที่แม่กลับมาแม่มีคนอยากให้แกรู้จัก"
แก้วพูดเสียงเรียบๆ ก่อนจะยิ้มมุมปาก
"ใครครับ?"
"แม่แก้วครับดาหาไม่..."
ปัฐวีหันไปมองตามต้นเสียงหวานใสที่เข้ามาขัดการสนทนา ก็พบกับเด็กหนุ่มร่างบางผิวขาวจัดแต่ไม่น่าเกลียด ใบหน้าหวาน ดวงตากลมโตนัยต์ตาสีน้ำตาลอ่อนขับกับสีผมอ่อนของเขา จมูกโด่งเชิงรั้นเรียวปากบางอิ่มน้ำสีชมพูหวาน พวงแก้มที่มีสีแดงระเรื่อทำให้น่าเอ็นดู
"อ้าวมาพอดีหนูดามานี่เร็วมานั่งข้างๆ แม่"
แก้วกวักมือเรียกกานดาที่ยื่นนิ่งค้าง ก่อนจะเดินมานั่งข้างเธอเงียบๆ
ปัฐวีมองตามปฏิกิริยาของร่างบางที่ดูจะเขินๆ อยู่น้อยๆ ยิ่งมองเหมือนยิ่งเพลินตาจนหยุดมองไม่ได้
"ตาปัฐนี่หนูดาเป็นลูกบุญธรรมของแม่ตอนแม่อยู่แม่ฮ่องสอน ส่วนที่ตาปัฐลูกชายแม่เองหนูดา"
พูดจบกานดาก็ยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
"สวัสดีครับคุณปัฐ"
ปัฐไม่ตอบแค่เพียงรับไหว้เท่านั้น
"หึ ไม่กลับบ้านมาห้าปีเพราะมัวแต่ไปหาน้องชายมาให้ผมหรือไงครับคุณแม่"
ปัฐแค่นเสียงพูดเขาดูไม่พอใจนิดๆ ที่แม่เขาหายไปห้าปีแล้วก็กลับมาบ้านพร้อมกับลูกชายคนใหม่
"เปล่าฉันไม่ได้ไปหาน้องให้แกฉันไปหาเมียให้แก่ต่างหา"
"หะ!!!"
ปัฐวีเสียงดังขึ้นจนการดาแอบสะดุ้งตาม
"ใครกันครับคุณแม่!!"
"ก็นี่ไงหนูดา"
ปัฐวีมองค้อนไปทางกานดาที่นั่งตัวรีบไปแล้วไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามาสบตากับร่างสูง นี่มันอะไรกัน!!
"คุณแม่ต้องการอะไรจากผมครับคุณแม่ก็รู้ว่าผมมีเจนอยู่แล้ว!!"
ปัฐวีพยายามคุมอารมณ์แต่ก็มีหลุดเสียงดังตอนท้ายประโยค ใช่เขามีเจนอยู่แล้วทั้งคนทำไมต้องยัดเยียดคนอื่นให้เขาด้วย
"แล้วแม่เจนอะไรนั่นมันมีดีอะไรหะ! ตาปัฐ แกถึงคิดจะเอาแม่นั่นมาเป็นสะใภ้ฉัน"
แก้วตอกกลับลูกชายคืนก่อนจะกรีดนิ้วปัดปอยผมหน้าม้าเธอ
"ก็อย่างน้อยเจนเค้าก็เป็นผู้หญิง!"
"เหอะ! เถียงข้างๆ คูๆ ฉันว่าแกหาข้อดีๆของแม่นั่นมาตอบฉันไม่ได้มากกว่า"
ปัฐวีจ้องแม่ของตนเองก่อนจะหันไปสบตากับกานดาที่แอบมองเขาแล้วก็ต้องหลบไป
"แล้วไอ้เด็กนี่ล่ะครับมันมีอะไรดีคุณแม่ถึงคิดจะเอามันมาเป็นสะใภ้!"
ปัฐวีถามแก้วกลับแต่คำพูดจะออกไปทางค่อนเเคะการดาเสียมากกว่า
"ก็ดีกว่าแม่นั่นหลายอย่างไม่สิ ดีกว่าทุกอย่างเลยต่างหาก"
"แล้วอะไรล่ะครับที่คุณแม่คิดว่ามันดีกว่าเจน"
ปัฐวียังไม่เลิกค่อนแคะกานดาและเอาแต่นั่งจ้องหน้ากานดานิ่ง กานดาก็ทำได้แค่นั่งฟังการปะทะคารมของสองคนแม่ลูกนิ่ง
"หึ อย่างน้อยหนูดาเค้าก็ไม่ได้หน้าเงินแล้วกัน"
"มันจะมากไปแล้วนะครับคุณแม่ เจนเค้าไม่ใช่คนอย่างนั้น!!"
ปัฐวีถึงกับเลือดขึ้นหน้าตะคอกใส่แก้วเสียงดัง แต่แก้วกลับนิ่งแล้วแสยะยิ้มออกมา
"แกอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าแกเอาเงินไปให้แม่ผลาญเล่นไปกี่แสนแล้ว ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเที่ยวผลาญเงินผู้ชายที่ไม่ใช่สามีแบบนี้”
"คุณแม่!!!"
การประทะคารมของสองแม่ลูกดูเหมือนแก้วจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า ปัฐวีไม่แม้แต่จะมีคำเถียงทำได้แต่เก็บอาการเดือดดาน ไว้ภายในก่อนที่เขาจะพูดจาเล่นงานคนโปรดของแม่แทน
"หึ แล้วไอ้เด็กนี่ล่ะครับเด็กกำพร้าไม่ใช่หรอ นายน่ะทำยังไงหะ!! คุณแม่ฉันถึงได้หลงขนาดนี้เป็นแค่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าแท้ๆ หรือใช้ไอ้หน้าตาซื่อๆใสๆ นี่มาเกาะแม่ฉันกินหะ!!"
"คุณปัฐ!"
กานดาหันไปสบตากับปัฐวีจ้องตาเขม็ง เขาพูดเรื่องอะไรทำไมต้องกล่าวหากันด้วยกานดาไม่ได้มีเจตนาแบบที่คนๆ นี้กล่าวหา
"ทำไม!! ฉันพูดถูกใช่มั้ยล่ะ!"
"พอกันทีตาปัฐเลิกกล่าวหาน้องสักทีหนูดาไม่ได้ทำอะไรฉันทั้งนั้น เอาเป็นว่าฉันจะพูดครั้งสุดท้ายเพราะฉันรำคาญเต็มทีที่จะทะเลาะกับแก หนูดาเป็นคนที่ฉันเลือกเป็นคนที่คู่ควรกับไอ้หมาบ้าอย่างแกถ้าไม่ใช่หนูดาใครหน้าไหนฉันก็ไม่เอาทั้งนั้น ตอนนี้แกอาจจะไม่ยอมรับในตัวหนูดาแต่ถ้าแกได้รู้จัก ลองเปิดใจให้ดูน้องบ้าง แล้วแกจะรู้ว่าหนูดาคือสิ่งที่คู่ควรกับแก"
แก้วพูดอย่างคนใจเย็นพลอยทำให้ทุกคนใจเย็นลงไปด้วยแต่ในใจปัฐวีก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี
"ผมขอถามเป็นคำถามสุดท้าย ทำไมต้องเป็นมัน!"
"เพราะหนูดาพิเศษกว่าคนอื่นๆ ถ้าแกอยู่กับหนูดาไปเรื่อยๆ แกก็จะรู้เองว่าหนูดาพิเศษยังไง"
พูดแค่นั้นแก้วก็ลูบเรือนผมสีอ่อนของกานดาเบาๆ คล้ายปลอบให้หายตกใจ
"นี่ผมต้องแต่งงานกับมัน.."
"กานดา..."
แก้วปรามคำพูดของปัฐวีที่ใช้เรียกกานดาเธอไม่ชอบใจจริงๆ
"เออ ดาผมต้องแต่งานกับ...ดาจริงๆใช่ไหมครับ"
ปัฐวีถามอย่างเอือมๆ ถึงเขาจะไม่ได้ต่อต้านผู้ชายด้วยกันแต่เขาไม่ชอบใจที่จู่ๆ จะมาคุมถุงชนกันแบบนี้
"อีกสามอาทิตย์ฉันจัดเตรียมงานไว้แล้ว การ์ดก็พิมพ์เสร็จแล้วแกมีหน้าที่เป็นเจ้าบ่าวก็พอ"
ปัฐวีนั่งนิ่งไม่ตอบ ตอนนี้เขากำลังใช้ความคิด หึ ไหนๆ ก็จะมาเป็นเมียเขาแล้วก็ช่วยทนๆ มือ หน่อยแล้วกันเขามันพวกใช้ของรุนแรง และถ้าทนเขาได้ก็ทนไปยังไงก็แค่แต่งไม่ได้แปลว่าเขาจะคบกับเจนต่อไปไม่ได้ อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทนได้สักกี่น้ำ
"ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่ หนูดากำลังจะมาเป็นภรรยาของแกควรให้เกียรติหนูดาด้วย..."
"หึหึ ได้สิครับผมจะให้เกียรติเมีย....แน่นอน"
อย่างนายมันก็ได้แค่เมียบำเรอเท่านั้นแหละตราบใดที่ฉันยังมีเจนอยู่ นายมันก็ได้แค่นั้น....!
คำพูดที่ดูเข้าใจอะไรง่ายๆ ของปัฐวีทำให้แก้วไม่ไว้ใจตัดบทสนทนาพากานดาขึ้นไปดูห้องนอนของตัวเองแทนระหว่างทางปัฐวีก็ถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ของกานดาเดินตามหลังร่างเล็กไปพร้อมกับพิจารณารูปร่างของกานดาไปด้วย รูปร่างก็งั้นๆ ติดจะตัวเล็กเสียด้วยซ้ำดูผอมบางเหมือนคนขี้โรค
"ถึงห้องแล้ว!!"
"อ๊ะ!!"
ปัฐวีกระชากแขนกานดาแรงๆ เพราะเห็นว่ากานดากำลังจะเดินเลยห้องของปัฐวี
"อะไรตาปัฐนั่นห้องนอนแก ของหนูดาฉันจะให้ไปนอนห้องนู้น"
แก้วจับแขนกานดาอีกข้างแล้วดึงกลับมาปัฐวียอมปล่อยโดยง่าย
"ไหนคุณแม่บอกว่าดาจะมาเป็นเมียผมไง เมียก็ต้องนอนกับผัวสิ"
ปัฐวีพูดเสียงนิ่งๆ มองหน้ากานดาที่เสไปทางอื่นแต่แก้มเนียนๆ กลับกลับแดงเป็นริ้วๆ
"หึ ห้องที่มีแต่กลิ่นกามของแกกับแม่นั่นน่ะหรอฉันไม่ปล่อยให้หนูดาต้องทนนอนทับสิ่งโสโครกแบบนั้นหรอกจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน อย่าหวังเลยว่าแกจะได้ทำอะไรอย่างที่คิด"
แก้วพูดดักทางปัฐวีเพราะรู้ทันความคิดของลูกชาย
"เอากระเป๋ามาฉันถือเอง"
แก้วกระชากกระเป๋าจากมือปัฐวีแล้วเดินจูงมือกานดาหายเข้าไปอีกห้องถัดจากห้องเขาห้องหนึง ทิ้งให้เขากำมือแน่นคุมอารมณ์อยู่คนเดียว
"โธ่!! เว้ย!!"
ปัง!!
ปัฐวีสบถออกมาแรงๆ ก่อนจะเตะประตูเสียงดัง อย่างหงุดหงิด เขาเข้าใจว่าแก้วไม่ชอบเจนแต่ทำไมถึงต้องบังคับให้แต่งงานกับไอ้เด็กนั่นด้วยถึงแม้ว่าตอนแรกเหมือนจะชอบใจเด็กคนนั้นแต่ตอนนี้ไม่ล่ะ! มันมีแต่ความชังล้วนๆ เขาไม่พร้อมจะแต่งงานการที่มีใครสักคนเขามาในชีวิต เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากที่ต้องมาคอยดูแลใครทั้งวัน กับเจน เจนก็เป็นแค่คู่นอนที่ตอนนี้ พัฒนาขึ้นมาเป็นคู่ควงและคนที่เขากำลังคบหาด้วย เจนไม่เคยพูดกับเขาในทำนองว่าต้องการแต่งงานด้วยมันทำให้เขาถูกใจมากเข้าไปอีกทุกวันนี้เขาใช้เงินซื้อความสุขให้กับตัวเอง มันผิดด้วยหรอ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะหลงไอ้เด็กนั่นอะไรนักหนาดูก็รู้แล้วว่าหวังจะมาเกาะครอบครัวเขากินโดยการใช้ไอ้หน้าตาซื่อๆ นั่น
ก็ไม่ต่างอะไรกับแมงดาโสโครกหรอก!!
"หึ คอยดูเถอะจะได้รู้ว่าการเป็นได้แค่เมียบำเรอมันเป็นยังไง!!"
ภายในห้องนอนสีครีมกว้างขวางกานดากำลังนั่งหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาแขวนโดนมีแก้วเป็นคนคอยแนะให้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน
"หนูดาอย่าคิดมากเลยนะตาปัฐก็เป็นแบบนี้แหละใจแคบ"
"..."
กานดาแค่เพียงนั่งฟังเงียบๆ มือก็จัดการเสื้อผ้าในกระเป๋า
"แต่แม่เชื่อนะว่าหนูดาต้องทำให้ตาปัฐยอมรับและรักหนูได้อย่างที่แม่รักแน่นอน"
แก้วจับมือบางขึ้นมาลูบเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นให้กานดา กานดาโผลเข้ากอดแก้วไว้แน่น ความอบอุ่นแบบนี้เขาไม่เคยได้รับจากใครถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตร่วมกับปัฐวีจะดูยากไปหน่อยสำหรับกานดา แต่เขาก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อตอบแทนพระคุณแม่แก้วผู้ให้ชีวิตใหม่กับเขา....
"ดาจะอดทนครับ ไม่ว่าต้องเจออะไรดาจะผ่านมันไปให้ได้ดาจะเป็นภรรยาที่ดีให้กับคุณปัฐอย่างที่แม่แก้วต้องการ"
"ขอบใจมากนะหนูดาที่เห็นใจแม่ ตาปัฐอาจจะดื้อไปหน่อยนะเพราะตั้งแต่พ่อเขาเสียตาปัฐก็เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน..."
น้ำเสียงของแก้วฟังดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัดทำให้กานดาผละตัวออกก่อนจะเอียงคอถาม
"เกิดอะไรขึ้นหรอครับแม่แก้ว"
"ตาปัฐเค้าติดพ่อมากน่ะเค้าจะสนิทกับพ่อเค้ามากกว่าแม่เพราะแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้เค้า แต่เมื่อห้าปีก่อนพ่อเค้าก็เสียด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเพราะโหมทำงานหนัก ตาปัฐเค้าโทษว่าแม่ทำให้พ่อเค้าตาย"
แววตาของแก้วเริ่มมีน้ำใสๆ ในดวงตา
"ทำไมล่ะครับ"
"ก็เพราะว่าแม่เป็มหมอไง เค้าพูดว่าเป็นหมอแต่ไม่มีเวลามาดูแลพ่อของเค้าเอาแต่ไปดูแลคนอื่น ตั้งแต่นั้นมาตาปัฐก็เปลี่ยนไป ก้าวร้าวมากขึ้น แม่ก็เลยหตัดสินใจทำค่ายหมออาสาที่แม่ฮ่องสอน ไปพักใจเผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น แต่เปล่าเลยทุกอย่างกลับแย่ลง ในตอนนั้นแม่ควรอยู่กับตาปัฐไม่ใช่ออกห่างตาปัฐไปแบบนั้น”
ตอนนี้กานดานึกสงสารปัฐวี ที่แท้ก็มีปมนี่เองถึงเป็นคนแบบนี้ แต่ก็สงสารแม่แก้วมากกว่าที่ต้องทนอยู่กับความผิดที่ปัฐวีกล่าวหา
"แม่แก้วครับดาสัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดาจะพยายามเอาคุณปัฐคนเดิมกลับมาให้แม่แก้วให้ได้ "
กานดายิ้มให้อย่างปลอบใจหญิงตรงหน้าก่อนจะกอดกันอีกครั้ง สิ่งไหนที่ตอบแทนแม่แก้วได้ดาจะทำ....
"ทำไมกรุงเทพไม่มีดาวเลยนะ"
ร่างบางบ่นกับตัวเองเบาๆ เมื่อมองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วปราศจากแสงระยิบระยับบนฟากฟ้า ไม่เหมือนกับแม่ฮ่องสอนเลยสักนิด พูดแล้วก็คิดถึง.... เท้าเล็กเดินเหยียบย่ำไปบนพื้นหญ้าด้วยเท้าเปล่าที่สวนหลังบ้าน แม้แต่หญ้าที่นี่ก็ยังไม่เหมือนที่แม่ฮ่องสอน มันดูแข็งกระด้างไร้ความเป็นธรรมชาติ ก่อนจะเดินกลับมาสวมรองเท้าแล้วเดินเล่นรอบๆ สวน เมื่อตอนเย็นปัฐวีไม่อยู่ทำให้ห้องอาหารดูไม่อึดอัด ตอบตามตรงกานดายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัฐวี ผู้ชายคนนี้ยังร้อนเกินไปถ้ากานดาเป็นน้ำป่านนี้ก็คงจะระเหยเป็นไอหมดแล้ว
หมับ!!
"อ๊ะ!!!"
"มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ดึกๆคนเดียว"
เสียงทุ้มที่มาพร้อมกับวงแขนแกร่งโอบรัดลำตัวของกานดาเอ่ยขึ้นจากข้างหลัง กานดารีบดิ้นผละตัวออกจากร่างสูงทันที
"คุณปัฐ!!"
กานดาเรียกชื่อคนที่แอบฉวยโอกาสกอดตัวเอง ก่อนจะรีบถอยห่างจากร่างสูง
"ไม่ต้องทำมาเป็นรังเกียจขนาดนั้น ใช่ว่าฉันอยากจะกอดนายนักหนิ หึ!"
ปัฐวีเอามือปัดเสื้อตัวเองไปมาอย่างกับรังเกียจที่เขากอดกานดาเมื่อสักครู่
"แล้วมากอดทำไมล่ะ"
กานดาถามออกไปเรียบๆ อารมณ์ขุ่นเคืองรู้สึกว่าไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้
"ก็แค่อยากรู้ว่าจะมีท่าทียังไง เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนไม่ใช่หรือไงเค้าว่าเด็กพวกนี้ขาดความอบอุ่น บางทีอาจจะไปเอาร่างกายไปให้คนอื่นแพร่ความอบอุ่นมาก่อนก็ได้นายเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ"
ปัฐวีเหยียดยิ้มออกมา กานดาเป็นคนเก็บอารมณ์เก่งเสมอ คำพูดแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก
"แล้วคุณเคยได้ยินหรือเปล่าว่าคนที่มีปมด้อยมักจะเหยีบซ้ำปมด้อยของคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี"
กานดาว่ากลับนิ่งๆ แต่ทำเอาปัฐวีชะงักกับคำพูดนั้น
"อย่ามาปากดีให้มาก เป็นแค่เด็กเหลือขอจำใส่กระโหลกไว้ด้วย!"
ปัฐวีก้าวเดินไปหากานดาก่อนจะเอานิ้วจิ้มที่หน้าผากกานดาจนหันตามแรง
"แล้วคุณล่ะคุณปัฐ คุณมีดีอะไรกว่าเด็กกำพร้าเหลือขออย่างผมหรอ เท่าที่ผมเห็นยังไม่มีเลยหนินอกจากทำตัวให้แม่แก้วหนักใจ"
"มันจะมากไปแล้วนะ!! กล้าดียังไงมาว่าฉันนายมันก็แค่ไอ้เด็กกำพร้าที่มาเกาะแม่ฉันกินเท่านั้นแหละ!!"
กำพร้าอีกแล้ว คำก็กำพร้า สองคำก็กำพร้า กะจะเหยียบกันให้จมดินด้วยคำๆ นี้เลยใช่ไหม
"..."
"เงียบทำไม ทำไมไม่เถียงล่ะหรือว่าฉันพูดถูก เป็นลูกบุญธรรมแล้วกลัวไม่ได้สมบัติหรือไงถึงต้องยกตัวมาเป็นสะใภ้ด้วยน่ะ!!"
จะดูถูกกันมากไปแล้วนะ คนอย่างกานดาก็ใช่ว่าจะยอมใครง่ายๆ เหมือนกัน
"คุณคิดว่าผมอยากเป็นภรรยาของคุณมากนักหรือไงที่ผมทำก็เพราะผมสงสารแม่แก้วที่มีลูกชายไม่รู้จักโตแบบคุณ!"
"นี่นาย!!"
ปัฐวียกมือขึ้นค้างกลางอากาศเหมือนพร้อมที่จะเหวี่ยงแรงมาปะทะกับแก้มเนียนถ้าไม่มีคำพูดของกานดา
"จะตบผมหรอ ตบสิผมยอม...."
ไม่รู้อะไรดลใจให้กานดาพูดไปแบบนั้นแต่ตอนนี้กานดาอยากให้สถานการณ์ตรงหน้าจบลงเร็วๆ เพราะเขาเบื่อที่จะต่อปากต่อคำกับร่างสูงตรงหน้าแล้ว แต่ปัฐวีไม่คิดอย่างนั้นเขากลับคิดว่ากานดาอวดดีอยากจะรองของมากกว่า ปัฐวีลดระดับแขนลงก่อนจะกล่าวนิ่งๆ
"หึ ปากดีอย่างนี้จะตบก็เสียมือเปล่าๆ แบบนี้มันต้องตบด้วยปาก!!"
พรึบ!
"คุณจะทำอะไร ..อุ๊บ!!"
ไวเท่ากว่าความคิดปัฐวีดึงร่างเล็กเข้ามาบดจูบด้วยความป่าเถื่อน กานดาพยายามดิ้นหนีแต่มือหนากลับล็อคใบหน้าไว้ลิ้นหนาดุนดันจะเข้ามาในปากเล็กแต่กานดาเม้มปากไว้แน่นไม่ยอมให้เข้ามา ปัฐวีบีบกรามเล็กจนเจ็บไปหมดต้องยอมเผยอปากออกจนลิ้นร้อนเข้าไปได้ ลิ้นหนากวาดไล่ต้อนลิ้นเล็กจนจนมุมก่อนจะดูดกลืนลิ้นเรียวอย่างช่ำชอง จูบแรกที่แสนจะป่าเถื่อน เขาจูบหนักๆ ซ้ำไปซ้ำมาจนได้รสชาติของคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งโพล่งปาก
"อื้มมม!!"
เสียงปะทุที่เหมือนต้องการอากาศหายใจดังขึ้นแต่ไร้วี่แววที่คนตรงหน้าจะยอมถอนจูบออก กานดารวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ดิ้นแล้วผลักร่างสูงออกจากตัวจนตัวเองเซล้มไปกองกับพื้น พอเป็นอิสระร่างเล็กก็รีบโกยลมเข้าปอดเฮือกใหญ่
"จืดชืด!!"
ปัฐวีพูดก่อนยกมือปาดที่เรียวปากตัวเอง แล้วมองร่างบางที่กำลังยืนตั้งหลักเซๆ
"ไอ้คนบ้า!!"
ด่าจบเอามือถูปากตัวเองแรงๆ แล้วเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป ปล่อยให้ร่างสูงยืนยิ้มมุมปากอยู่ตรงนั้น
"หวาน....."
"หึ่ย!! ไอ้คนบ้ามันป่าเถื่อนเกินไปแล้วนะ”
หลังจากเดินเข้าห้องมากานดาก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วแปรงฟันแปรงลิ้นใหม่หลายรอบก่อนจะดึงปากล่างของตัวเองดูทางกระจก ว่ามันเป็นรอยแตกเล็กๆ แต่มีเลือดซิบๆ เจ็บใจทำไมจูบแรกถึงต้องเสียให้ไอ้คนแบบนั้นด้วย! เห็นแก่ตัว ทุเรศที่สุด! แต่จะพูดไปก็เท่านั้นยังไงหลังจากแต่งงานก็อาจจะเจอมากกว่านี้ก็ได้ กานดาเดินหน้างอไปที่เตียงก่อนจะนอนบนเตียงแล้วกลิ้งบนผ้าห่มจนม้วนตัวเป็นก้อน แล้วหลับไปสงสัยการใช้ชีวิตร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตเพศผู้ที่ชื่อ ปัฐวี คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกานดาอีกต่อไปแล้ว.......
ปล.ขอบคุณทุกคนที่ชอบผลงานนักเขียนกากๆ คนนี้นะคะ คืนนี้แถมให้อีกตอนน ฝันดีค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น