ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เมียบำเรอตอนที่4 วันที่ไม่อยากให้มาถึง [รีไรต์แล้ว]
วันที่ไม่อยากให้มาถึง...
เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง วันที่ไม่อยากให้มาถึงในที่สุดมันก็เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็วแทบจะไม่ได้ตั้งตัว ตั้งแต่วันที่ไปลองชุดแต่งงานสภาพจิตใจกานดาอ่อนแอเกินไปจนไม่อยากจะเห็นหน้าของปัฐวีผู้ชายใจร้าย เย็นชา แข็งกระด้าง เวลาถึงมื้ออาหารก็มักจะเลี่ยงกินข้าวร่วมโต๊ะ หาข้ออ้างต่างๆ นาๆ ว่ากินแล้วตอนทำอาหารเสร็จ จากที่เคยชอบออกไปเดินเล่นที่สวนตอนกลางคืนก็ไม่ออกไป กานดาแอบมองสวนผ่านหน้าต่างที่ห้องก็มักจะเห็นปัฐวียืนอยู่ที่สวนแล้วมองขึ้นมาทางห้องของกานดาเสมอด้วยสายตานิ่งๆ กำลังคิดหาวิธีกำจัดเขาให้ออกไปจากชีวิตอยู่สินะ หนึ่งอาทิตย์เชียวนะที่กานดาไม่ยอมออกจากห้องเลยออกจากเวลาทำอาหาร ถึงแก้วจะคะยั้นคะยอถามหาเหตุผลว่าทำไม สุดท้ายก็ได้คำตอบคือเงียบ เธอจึงเลี่ยงที่จะถามอีก ตอนนี้กานดาอยู่ในห้องกับมด แม่บ้านสาวของบ้านเธออายุมากกว่าดาสองปี มาช่วยดูแลเรื่องการแต่งตัว เช้านี้เป็นพิธีหมั้นจัดขึ้นที่บ้านมีผู้ใหญ่หลายท่านมาร่วมงาน ส่วนมากจะเป็นญาติพี่น้องของทางแก้วและปราณ ส่วนงานแต่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมในตอนเย็น แขกจะเยอะกว่ามากเพราะมีทั้ง นักธุระกิจ และหมอที่เป็นทั้งเพื่อน คนสนิท และญาติๆ ของแก้ว ทุกคนที่มาร่วมงานทราบกันแล้วว่าเจ้าสาวในงานนี้เป็นผู้ชาย อาจจะมีบ้างบางคนที่เห็นว่ามันไม่เหมาะไม่ควร แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ติดใจอะไร ผู้ชายกับผู้ชายสมัยนี้แต่งงานกันออกเยอะแยะ แต่งานแต่งครั้งนี้มันดันเป็นวิวาห์สายฟ้าแล่บนี่สิ มันกระตุ้นต่อมเผือกของนักข่าวที่กระหายข่าวยิ่งกว่าซอมบี้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะประเด็ดของเจ้าสาวในงานที่เป็นผู้ชายอีก…งานนี้คงเขียนข่าวกันสนุก อาจจะได้ตีหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ‘นักธุระกิจหนุ่มไฮโซวิวาห์สายฟ้าแล่บ อึ้ง! เจ้าสาวเป็นผู้ชาย’ แบบนี้ก็ว่าได้
"คุณดาคะ ตื่นเต้นหรอคะมือเย็นเชียว"
มดถามพลางจับมือกานดาไว้หลวมๆ กานดาหันไปมองมดที่ยิ้มให้บางๆ ตื่นเต้นเหรอ? จะบอกยังไงดีล่ะ ไอ้ตื่นเต้นมันก็ว่าตื่นเต้นนะ แต่ความกลัวนี่สิมันมีมากกว่า
"พี่มดคือดา..."
ไม่รู้จะบอกไปยังไงถ้าบอกว่าไม่อยากแต่งแล้วคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ไหนจะแม่แก้วอีกทั้งๆ ที่บอกไว้แล้วว่าจะทำตามคำขอ ถ้ากลับคำตอนนี้กานดาคงเป็นเด็กที่ไม่รักษาคำพูด เด็กอักตัณญูแน่ๆ
"ครับ..ดาคงตื่นเต้น"
"หนูดาเสร็จหรือยังลูก"
แก้วเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเอ่ยถาม กานดาหันไปมองแก้วก่อนจะยิ้มให้บางๆ มดขอตัวออกจากห้องไป
"ลูกสะใภ้แม่สวยจริงๆ"
คำว่าสวยมันควรใช้กับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? แต่กานดาเป็นผู้ชายนะถึงจะฟังดูขัดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แก้วจับให้กานดาลุกขึ้นยืนแล้วหมุนรอบตัวเอง กานดาอยู่ในชุดไทยโจงกระเบนสีเหลืองครีมอ่อนๆ และเสื้อราชประแตนสีครีมเกือบขาวแขนยาวทรงกระบอกพอดีแขน ดูเหมาะตัวถุงเท้าสีขาวที่ยาวขึ้นมาถึงเข่า ผมที่ยาวปรกหน้าถูกเซตให้ดูเรียบขึ้นด้วยการปัดหน้าม้ามาด้านขวาและจับปอยผมทัดหูข้างซ้ายมีดอกไม้สีขาวเล็กๆติดด้วย ทำให้รับกับใบหน้าหวานดูสวยมากๆ ดูเป็นผู้ชายหน้าสวยคนนึง
"ตื่นเต้นไหมลูก?"
แก้วถามพลางดึงกานดานั่งลงข้างๆ เตียง
"ครับ"
ไม่รู้จะตอบคำไหนนอกจากครับ กานดาหันตัวเข้าหาอ้อมกอดจากแก้ว
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอดทนหน่อยนะลูก ตาปัฐเนื้อแท้เค้าไม่ใช่คนแข็งกระด้าง เค้าเป็นคนอ่อนโยนมากนะ แต่ทั้งหมดมันเป็นเพราะแม่บ้างานจนลืมดูแลเค้า...ลืมสนใจความรู้สึกของลูก”
น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มสวยของแก้วกานดาเงยหน้าขึ้นมองยกมือบางปานน้ำตาออกสองข้างแก้มให้
"วันนี้งานแต่งดานะครับแม่แก้วอย่าร้องไห้สิ ไม่เอาไม่พูดเรื่องอดีต ไม่ว่าคุณปัฐจะเป็นยังไงดาก็จะอยู่ให้ได้ เพื่อเอาคุณปัฐคนเดิมกลับคืนมาครับเพื่อแม่แก้ว"
พูดให้กำลังใจคนโตกว่าแต่ในใจตัวเองยังแอบหวั่นไม่หมั้นใจเลยสักนิดว่าจะรับมือกับความร้ายกาจของผู้ชายที่ชื่อปัฐวียังไง
ได้ฤกษ์เข้าพิธีหมั้นเวลาเก้าโมงเช้า กานดาเดินออกจากห้องเคียงคู่กับแก้ว ดวงตากลมมองรอบๆ บ้านที่ถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากชนิด จนแถบจะไม่เหลือเค้าโครงของห้องโถงที่เคยวางเปล่าเลย ราวบันไดถูกผูกด้วยผ้าสีขาวจับจีบสวยและมีดอกไม้ประดับเป็นช่วงๆ ทุกก้าวที่เท้าเล็กสัมผัสลงบนเนื้อไม้ของบันไดใจมันก็หวั่นตามไปด้วย แขกทุกคนในงานต่างจ้องมองมาที่หนุ่มหน้าหวานร่างบางที่กำลังเดินลงมาพร้อมกับแก้ว นี่หรือ? ผู้ชายที่กำลังจะเป็นสะใภ้ของตระกูลอัศวนนทา ผู้ค้าอัญมณีรายใหญ่ของประเทศหน้าตาจิ้มลิ้มขนาดนี้เชียวหรือ สายตาของรางบ่างพลันไปสะดุดเข้ากับสายตาคมอีกคู่ที่กำลังนั่งจ้องมองอยู่ที่พื้นพรหมหน้าแขกผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟา นักข่าวหลายสำนักพิมพ์รัวกดชัตเตอร์เมื่อกานดานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับปัฐวี ปัฐวีวันนี้เขาอยู่ในชุดไทยแบบเดียวกับกานดา แตกตางกันเพียงสีของโจงกระเบนที่เป็นสีน้ำเงินอมม่วง ปัฐวีจ้องกานดานิ่งๆ แบบไม่วางตา ถ้าหากสายตาคู้นี้เปรียบเหมือนสไนท์เปอร์ ป่านนี้กานดาคงพรุนไปแล้ว
"เอาล่ะได้ฤกษ์สวมแหวนแล้ว ตาปัฐสวมแหวนให้น้องสิ"
แก้วพูดใบหน้าเปื้อนยื้ม ปัฐวีเอื้อมมือไปหยิบกล่องแหวนออกมาจากพาน แหวนทองคำขาววงเล็ก มีเพรชเม็ดเล็กๆ ประดับอยู่บนหลังแหวนระยับต้องกับแสงสวย ดูก็รู้ว่าเพรชนี้น้ำงามแค่ไหน
"ส่งมือมาสิ"
ปัฐวีพูดเสียงเรียบ กานดาส่งมือข้างซ้ายไปให้ช้าๆ ปัฐวีก็เอาแต่จ้องหน้ากานดาไม่มองมือที่กำลังสวมแหวนให้การดาแม้แต่น้อย กานดาหลุบตามองต่ำลงมาที่มือตัวเองที่กำลังถูกสวมแหวนลงที่นิ้วนางข้างซ้าย แหวนใส่เข้ากับนิ้วเข้าที่แล้วการดาจึงชักมือกลับแต่ปัฐวียื้อไว้ไม่ให้ชักกลับ นิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆ ลงที่หลังมือบาง กานดาเงยหน้ามองปัฐวีที่กำลังยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ กานดาชักกลับอีกครั้งคราวนี้ปัฐวีปล่อยง่ายๆ กานดายกมือไหว้ปัฐวี ก่อนจะหยิบแหวนออกจากกล่องมาสวมให้ปัฐวี ที่เอาแต่มองกานดาไม่วางตา นี่เขาคิดอะไรของเขาอยู่กันนะ...ปัฐวียอมให้กานดาสวมให้ง่ายๆกานดายกมือไหว้อีกครั้ง
"ขอถ่ายรูปหมู่ครอบครัวหน่อยนะคะ"
นักข่าวสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจบพิธีหมั้น กานดาและปัฐวีหันหน้าเข้าหากล้องอย่างว่าง่าย
"เจ้าบ่าวเจ้าสาวขยับชิดๆ กันหน่อยครับ"
นักข่าวชายอีกคนพูด กานดาขยับเข้าหาปัฐวีอีกนิดหน่อยแต่ปัฐวีนี่สิขยับเข้ามาเสียจนตัวติดกันจนกานดาอดมองค้อนไม่ได้
"ยิ้มนะคะ 1.2.3 " แชะ!!
"เจ้าสาวยิ้มหน่อยนะคะ"
นักข่าวสาวอีกคนพูดกานดาปั้นหน้ายิ้มให้มากขึ้นมันกำลังจะไปได้ดีอยู่แล้วถ้าปัฐวีไม่พูดขึ้น
"ช่วยยิ้มให้เยอะๆ หน่อยนะคนอื่นเค้าจะได้คิดว่านายมีความสุขที่ได้แต่งงานกับฉัน จะยิ้มให้ปากฉีกไปถึงรูหูเลยก็ได้ไม่มีใครว่า"
เป็นคำพูดเชิงคำสั่งและแดกดันที่เจ็บแสบมาก พูดดีๆ คงทำไม่เป็นสินะ
"เจ้าบ่าวโอบเจ้าสาวนิดนึงครับ"
ยังไม่พออีกหรือไงนักข่าวพวกนี้จะถ่ายอะไรกันเยอะแยะสุดท้ายตอนลงข่าวก็เลือกแค่รูปเดียวอยู่ดี
ปัฐวีโอบแขนไว้ที่ไหล่มน กานดาเบี่ยงตัวหลบเบาๆ แต่สีหน้ายังปั้นยิ้ม
"อย่าทำเป็นเล่นตัว จะมีผัวอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะสะดีดสะดิ้งอะไรนักหนา"
"คุณปัฐ!!"
กานดาได้แต่ถลึงตาใส่แบบเหลืออดแต่จะทำอะไรได้มากกว่านั้นล่ะ คิดไว้ในใจเสมอว่าต้องรักษาหน้าแม่แก้ว.....
งานหมั้นผ่านไปได้ด้วยดีหลายคนก็บอกว่าเหมาะสมกันดีถึงกานดาจะเป็นผู้ชายแต่ก็สวยไม่แพ้ผู้หญิงเลย ว่าที่เจ้าบ่าวก็ดูจะสบายใจหน้าระรื่นมีแต่กานดาที่คิดมากอยู่คนเดียว ไม่เข้าใจปัฐวีเลยจริงๆ ไหนบอกว่าไม่ชอบเขาไงแต่วันนี้ทำไมถึงทำเหมือนว่าพิศวาทเขานักหนา อ๋อคงเพราะรักษาหน้าตาทางสังคมสินะ กานดาพยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดมากแต่ก็ยังมีแอบเอาไปคิดบ้าง กานดาและปัฐวีถูกจับแยกกันจนกว่าจะถึงเวลางานแต่งในช่วงค่ำที่โรงแรม แก้วไม่ไว้ใจให้ปัฐวีอยู่กับกานดาจนกว่าจะได้แต่งงานกัน ลูกชายคนนี้มันยิ่งไม่เหมือนใครอยู่ ถ้าให้อยู่ด้วยกันมีหวังหาเรื่องแกล้งกานดาอีกแน่
ร่างบางของกานดานั่งอยู่ในห้องนอนกว้างเพียงลำพัง ใกล้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินทางไปโรงแรม ยิ้มสิดายิ้ม นายต้องรักษาหน้าแม่แก้ว ทำเหมือนว่ามีความสุขสุดๆ หลังจากให้กำลังใจตัวเองร่างเพรียวบางก็เดินไปหยิบเสื้อลูกไม้แบบซีทูสีขาวที่วางอยู่บนเตียง กางเกงสีขาวเข้าทรงสามส่วน เสื้อลูกไม้สีขาวที่ออกแบบมาได้เข้ารูป มันสวยดีนะ แต่เสียอย่างเดียวคือมันต้องรูดซิปจากข้างหลัง กานดาพยายามเอื้อมมือไปรูดซิปขึ้นแต่มันขึ้นไม่ได้แถมตะขอตรงหัวซิปหลุดอีกต่างหากต้องมาเสียเวลาติดหัวตะขอใหม่แล้วดึงซิปขึ้น ดึงขึ้นได้นิดเดียวก็ต้องถอนมือออกเพราะเมื่อยแขนที่ต้องเอี้ยวตัวไปข้างหลังนานๆ
"จิ๊! ถ้ามันจะใส่ยากขนาดนี้แก้ผ้าออกไปคงจะสิ้นเรื่อง!"
กานดาบ่นกับตัวเองเป็นบ้าเป็นบอ ถ้าแก้ผ้าออกไปจริงๆ คงจะตะลึงกันหน้าดู
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น คงเป็นพี่มดเข้ามาช่วยแต่งตัว กานดาจึงตะโกนเรียกมดให้เข้ามาช่วยแต่ยังหันหลังให้
"พี่มดหรอครับ มาช่วยดารูดซิปหน่อยสิครับ มันรูดไม่ขึ้น"
ดาพูดแต่มือก็ยังพยายามรูดซิปต่อ เสียงเงียบทำไมมดไม่ตอบกานดาจึงเรียกอีกครั้งเผื่อมดอาจจะเขินก็ได้ที่กานดายังโป๊โชว์แผ่นหลังอยู่ ยังไงก็ผู้หญิงล่ะนะ
"พี่มดรูดซิปให้หน่อยครับ"
ฝีเท้าหยุดยืนอยู่ข้างหลังร่างบางก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่ชายเสื้อแล้วดึงลงนิดหน่อยหวังจะรูดซิปที่เจ้าตัวรูดไว้แล้วถึงครึ่งหลังขึ้นให้
กานดายืนนิ่งให้มดช่วยรูดซิปให้แต่ทำไมถึงไม่รูดซักที แถมยังรูดซิปลงอีก สงสัยจะติดตะขอให้ใหม่ล่ะมั้ง กานดาก็ไม่ได้เอะใจอะไร
"อ๊ะ!"
กานดาสะดุ้งน้อยๆ ที่จู่ๆ ก็มีสัมผัสเย็นๆ จากฝ่ามือมาแตะที่แผ่นหลังก่อนจะลูบไล้ไปมาจนขู่ลุกซู่
พรึบ!
ฟอดด~
จู่ๆ ร่างสูงข้างหลังก็จู่โจมกอดรัดร่างเล็กจากด้านหลังก่อนจะสูดกลิ่นหอมๆ จากซอกคอเข้าเต็มปอด
"พี่มดทำอะไร........คุณปัฐ!!"
กานดาตะลึงเมื่อหันหลังไปประชันหน้ากับร่างสูงที่กอดตัวเองแน่น
"เข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ!!"
ตั้งสติได้ก็รีบผลักอกคนตรงหน้าให้ถอนห่างแต่ปัฐวีนั้นยังนิ่งไม่ยอมขยับเอาแต่มองหน้ากานดานิ่งๆ มือไม้ที่โอบรัดก็ไม่อยู่นิ่งเหมือนหน้าตา ลูบไล้ไปมาทั่วแผ่นหลังบีบเค้นคลึงเอวคอดบาง จนเจ้าของร่างสั่นสะท้าน รีบดิ้นหาทางรอด
"คุณปัฐ! ปล่อยดานะ"
นี่เป็นครั้งแรกที่กานดาหลงแทนชื่อตัวเองกับปัฐวี
"ไม่ปล่อย"
พูดหน้าตาเฉยแถมยังดึงกานดาเข้ามากอดกดใบหน้าเล็กฝังแนบอก อยากจะแกล้งให้คนในอ้อมกอดหัวเสียเล่น วันนี้ยังไม่ได้แกล้งเลยขอหน่อยแล้วกัน หมั่นเขี้ยวไอ้แก้มกลมๆ ใสๆ นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว
"คุณปัฐดาหายใจไม่ออก ปล่อยนะ"
"เงียบ"
"คุณปัฐปล่อยดานะ ปล่อย!"
"บอกให้เงียบ"
"ปล่อยดานะ คุณมันใจร้ายไม่ชอบกันแล้วมากอดทำไมเล่า"
"ก็บอกให้เงียบไง!!"
"...”
กานดาปิดปากเงียบเมื่อโดนคนตัวโตดุ ยืนนิ่งๆ ให้ปัฐวีกอดมือหนาลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังเนียนก่อนจะดึงชายเสื้อมาติดตะขอแล้วรูดซิปขึ้นให้จนสุด
"รีบๆหน่อยคนอื่นเค้ารอ..."
พูดแค่นั้นก็ผละตัวออกแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้กานดายืนแข็งทื่ออยู่กับที่ อะไรกันสัมผัสที่เหมือนจะอ่อนโยนเมื่อกี้น่ะ คุณปัฐจริงหรอ? เมื่อเช้ายังแยกเขี้ยวใส่เขาอยู่เลยนะ ถึงสัมผัสอ่อนโยนนั่นจะดูออกแนวลวนลามเขาไปหน่อยก็เถอะ ไม่เข้าใจคนๆ นี้จริงๆ ผีเข้าผีออกกานดาตามไม่ทัน
หลังจากแต่งตัวเสร็จกานดาขึ้นรถอีกคันไปยังโรงแรมพร้อมกับแก้ว ปัฐวีล่วงหน้าไปรับแขกก่อนแล้ว ริมฝีปากบางขบเม้มแน่น ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง วันนี้คุณปัฐจะมาอารมณ์ไหนอีกนะ กลัวรับอารมณ์ไม่ทันจริงๆ ว่าเมื่อถึงงานจะหาเรื่องแกล้งอะไรเขาอีกหรือเปล่า.....
รถซีดานสีดำขับจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูขนาดใหญ่ ว่าที่เจ้าสาวเดินจับมือกับแก้วเข้าไปในโรงแรมก่อนจะเดินเลี่ยงประตู้หน้างานมาอีกห้องที่มีไว้สำหรับเตรียมตัว
"คุณคะดิฉันเอาชุดมาให้เปลี่ยนค่ะ"
พนักงานสาวคนหนึ่งเดินมาหากานดาที่นั่งอยู่ภายในห้องเพียงลำพังและถือชุดใหม่มาให้
"หือ เปลี่ยนหรอครับ?"
"ค่ะ พอดีว่าชุดของคุณปัฐมีปัญหาน่ะค่ะก็เลยต้องเปลี่ยน เพื่อให้ชุดเข้ากับชุดเจ้าบ่าวคุณก็เลยต้องเปลี่ยนด้วยน่ะค่ะ"
พนักงานสาวอธิบาย กานดาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรับชุดมาเปลี่ยนในห้อง ชุดที่กานดาเปลี่ยนนั้น กานดาชอบมันมากๆ ชอบมากกว่าชุดลูกไม้เสียอีก มันเป็นสูทสีขาวที่พอดีกับตัวของเขา แถมมีโบว์สีแดงที่ตัดกับสีของชุดได้เป็นอย่างดีอีก ริมฝีปากบางอิ่มน้ำถูกเติมแต่งด้วยริปกลอสสีชมพูใส ดวงตากลมโตถูกแต่งแต้มสีสันน่ารักบางๆ ให้ดูมีมิติมากขึ้น กานดายืนจ้องตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่หลังช่างจับเขาเติมแต่งแบบเต็มที่ ในกระจกดูไม่เหมือนเขาเลยสักนิด นี่มันเหมือนทอมห้าวๆ คนนึงมากกว่า กานดาไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่พูดได้เลยว่าเขาดูดีมากจริงๆ จนอยากจะจีบตัวเองด้วยซ้ำ
"คุณดาคะได้เวลาแล้วค่ะ"
พนักงานของทางโรงแรมเดินมาตามกานดาในห้อง เหมือนเป็นเสียงเตือนสติที่หลุดไปกับความคิดตลกๆ ของตัวเองคืนมา กานดาลุกจากเก้าอี้ไปหาหญิงสาวแล้วรับช่อดอกไม้หลากหลายสีจากเธอมาถือช่อดอกไม้สีขาวผูกริบบิ้นสีขาวน่ารักสุดๆ
"ดาหนูน่ารักมากเลยลูกดูเด็กมากๆ เลย"
แก้วทักขึ้นเมื่อกานดาเดินมาหาตนตรงทางก่อนเข้างาน
"ก็ดายังเด็กอยู่หนิครับ"
พูดพร้อมยิ้มให้ ใช่เขาเพิ่งจะสิบเก้าเองนะ
"อ่า ใช่สิแม่ลืมไปเลยว่าด่เพิ่งจะสิบเก้าเมื่อสองเดือนก่อน แต่ช่างเถอะวันนี้หนูดาของแม่น่ารักสุดๆ"
แก้วพูดพร้อมกับหยิกแก้มใสๆ ของกานดาไปมาอย่างหมั่นเขี้ยวเด็กคนนี้มันหน้าหมั่นเขี้ยวตรงแก้มอูมๆ นี่แหละ
"เอาล่ะครับ แขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่านผมนายแพทย์เตย์ชิน อัศวนนทา ขึ้นมาเป็นพิธีกรจำเป็นในงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องของผมคือปัฐวี อัศวนนทา ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท จิวเวอร์รี่ไดม่อนบลู ที่เป็นที่รู้จักของทุกคนทั้งประเทศ เอาล่ะครับ ผมคงพูดอะไรไม่ได้มากเดี๋ยวทุกคนจะเบื่อกัน ขอเชิญเจ้าบ่าวขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ"
สิ้นสุดเสียงของเตย์ชินลูกพี่ลูกน้องของปัฐวีที่วันนี้มาเป็นพิธีกรรับเชิญในงานให้ เพราะเมื่อเช้าไม่ได้มาร่วมงานหมั้นเพราะติดผ่าตัดที่โรงพยาบาล ร่างสูงสันทัดแบบชายหนุ่มวัยทำงานเดินย่างกายขึ้นเวทีด้วยรอยยิ้มมุมปากนิดๆ กานดาแอบเปิดม่านมองร่างสูงที่กำลังเดินขึ้นเวที ชุดที่ปัฐวีใส่มันทำให้เขาดูดี สุขุม กับใบหน้าหล่อคมเข้มที่ดึงดูดสายตาของคนในงานได้เป็นอย่างดี สูทสีขาวทั้งชุดถูกตัดด้วยเนคไทสีแดงสด กานดายอมรับเลยว่าใจเต้นแรงกับปัฐวีในลุคนี้มากๆ เขาดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่น ใจดี ละมุนละไม แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดเพ้อเจ้อเพราะความจริงมันไม่ใช่ แต่อีกใจนึงก็สงสัยใครเป็นใครเป็นเลือกชุดนี้?
"สวัสดีแขกทุกท่าน และขอบคุณที่มาร่วมงานแต่งของผมในวันนี้ครับ"
ปัฐวีกล่าวสั้นๆสีหน้ายังคงยกยิ้มมุมปากก่อนจะส่งไมค์คืนให้เตย์ชิน
"แหมเจ้าบ่าวของเรานี่พูดน้อยจังเลยนะครับคงเขินล่ะสิท่า เอาเป็นว่าให้อภัยกันนะครับผม..."
เตย์ชินแก้สถานการณ์ได้ดีเรียกเสียงหัวเราะจากแขกในงาน แม้ในใจจะแอบกร่นด่าไอ้ลูกพี่ลูกน้องที่อายุเท่ากัน เตย์ชินถามคำถามปัฐวีไปมาเหมือนเป็นการชวนคุยแต่คำตอบที่ได้ก็สั้นๆ เหมือนเดิมเตย์ชินจึงทำเป็นตลกกลบเกลี่ยนแซวว่าที่เจ้าบ่าวให้คนทั้งงานขำกันเล่นๆ ดีนะที่เขาเกิดมาเป็นคนอารมณ์ดีไม่งั้นคงแก้สถานการณ์ตึงเครียดเหมือนกับเล่นสงความเย็นกับปัฐวีบนเวทีไม่ได้
"เอาล่ะครับ นี่ก็ได้ฤกษ์แล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญทุกท่านพบกับ น้องกานดา เจ้าสาวของเราเลยครับ~"
สิ้นเสียงของคนอารมณ์ดี เสียงใสๆ ขอไวโอลินก็บรรเลงดังขึ้นในจังหวะเนิบๆ เพราะๆ กานดาก้าวเท้าออกจากห้องเข้ามาภายในโถงของงานพร้อมกับแก้วที่เดินมาเคียงข้างกัน เรียวปากเล็กหยักยิ้มอย่างเขินอายดวงตากลมมองสิ่งรอบตัวอย่างตื่นเต้น คนมาเยอะจัง ... ทุกคนในงานต่างให้ความสนใจกานดาเป็นอย่างมาก เสียงโห่แซว ปนปรบมือดังคลอเสียงไวโอลิน ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับแววตาคมดุจเหยี่ยวของคนบนเวทีที่เดินลงมาอยู่ข้างหน้าเขาไม่ไกลนัก สองเท้าหยุดยืนตรงหน้าร่างสูงสมส่วน ก่อนที่แก้วจะเดินจากไปทิ้งไว้เพียงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่มองหน้ากันไปมา กานดาพูดได้เต็มปากว่าปัฐวีดูดีมาก ดูหน้าหลงไหล ถ้าหากแววตานั่นมีความอ่อนโยนกว่านี้ กานดาส่งมือไปให้ปัฐวีจับอย่างช้าๆ แต่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกดึงให้เข้าไปในอ้อมกอดแล้วประกบจูบอย่างรวดเร็ว
ดวงตากลมเบิกกว้างค้างอย่างตะลึง เหลียวสบเข้ากับสายตาคมที่มองจ้องกานดาไม่กระพริบ
"เจ้าบ่าวครับๆ รีบไปไหนครับขึ้นบนเวทีก่อน!"
พรึบ!
เสียงล้อเลียนบนเวทีดังออกไมค์เรียกเสียงหัวเราะให้ทุกคนในงานและเรียกสติของกานดาให้กลับมาด้วย ก่อนจะผละตัวออกจากร่างสูง ก้มหน้างุดอย่างอายๆ ทำไมใจเขาถึงเต้นแรงนักนะ ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากปัฐวีเดินจูงมือกานดามาบนเวที ทุกคนต่างเงียบรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
"เมื่อสักครู่เราถามเจ้าบ่าวไปแล้ว คราวนี้เรามาถามเจ้าสาวกันบ้างดีกว่า น้องดารู้สึกยังไงครับที่ได้ไอ้ปัฐเป็นเจ้าบ่าว^^"
คำถามกวนๆ ของเตย์ชินทำให้กานดามองเขาตอบ รอยยิ้มบนใบหน้าของเตย์ชินดูคล้ายกำลังให้กำลังใจเขาอยู่
"เออ..คือ ก็ดี มั้งครับ"
ก็เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรยังไงนี่ รู้จักกับคนข้างๆไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ สิ่งที่เคยเห็นก็มีแต่ความเย็นชาใจร้ายเท่านั้นแหละที่มอบให้ อ้อๆ เด็กมีปมอีกอย่างด้วย
บรรยากาศในงานต่างอบอวลไปด้วยรอยยิ้มของแขกผู้มาร่วมงานยกเว้นเจ้าของงานทั้งสองที่ไม่ค่อยจะยิ้มออกมา แม้แต่หน้ากันนับครั้งที่มองกันได้ ยอมรับว่ากานดาเป็นฝ่ายเลี่ยงที่จะสบตากับปัฐวีเอง
งานจบหลังจากทั้งสองเดินไปตัดเค้กก้อนโต ถ่ายรูปกับแขกจนเหนื่อยก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องหอ ที่กานดาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ว่าไม่อยากเข้าสักนิด แก้วเดินมาส่งทั้งสองที่ห้องหอก็คือที่บ้านของเขาแต่เปลี่ยนห้องให้ย้ายไปอยู่ห้องใหญ่เท่านั้น ภายในห้องนอนกว้างที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงในห้องโถงกว้างๆ ปัฐวีเดินนำเข้าไปในห้องนอน กานดาอ้ำอึ้งอยู่นานว่าจะเข้าดีไหม แต่ก็ตัดสินใจเข้า ห้องนอนสีฟ้าที่กานดาชอบตกแต่งด้วยกรีบกุหลาบบนที่นอน แถมยังมีเทียนหอมจุดตั้งไว้บางมุมอีก นี่กะจะให้กานดาเสร็จอีตาคุณปัฐจริงๆ ใช่ไหม?
"ยืนทำหน้าโง่อยู่ได้ปิดประตู"
กานดาสะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มพูดเหน็บขึ้นจากบนเตียงที่กำลังถอดเสื้อผ้าอยู่
"คะ...คุณถอดเสื้อทำไม!"
โผลงออกไปอย่างตกใจ ปัฐวีหันมามองก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะย่างกายเข้าหากานดาที่ถอยหลังหนีติดประตู
"เข้าห้องหอหลังแต่งงานนายคิดมาฉันจะทำอะไร..."
ถามเสียงเย็นข้างใบหูที่เจ้าตัวแข็งทื่อเป็นหินไปแล้ว อะไรนะ...ยะ อย่าบอกนะว่า
"ร้อนจะตายห่า ไม่มีอารมณ์หรอกเว้ย."
พูดจบก็โยนเสื้อเชิ้ตมาใส่หน้ากานดาแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำทิ้งให้กานดามองตามตาปริบๆ เมื่อกี้แกล้งกันหรอ.?
เสียงเปิดน้ำเงียบลงพร้อมกับประตูเปิดออก ร่างสูงสมวัยมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวเท่านั้นที่พันอยู่รอบเอวที่ทำท่าจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่
"ทำไมคุณไม่แต่งตัวในห้องน้ำหะ!"
กานดาเสียงดังเมื่อเห็นว่าปัฐวียืนโป๊อยู่ตรงหน้า ตัวเองก็รีบเอามือปิดตาใหญ่
"นี่บ้านฉัน ฉันจะเดินแก้ผ้ายังได้ ทำไมกลัวอดใจไม่ไหวหรือไง หลงไหลฉันขึ้นมาล่ะสิ หึ!"
"หลงตัวเอง!!"
พูดแค่นั้นก็รีบวิ่งหอบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำปิดประตูดังปังก่อนจะหายใจหอบๆ หลังบานประตู โอ๊ย! ทำไงดีกานดา ถึงคุณปัฐจะบอกว่าไม่มีอารมณ์ แต่ก็อึดอัดอยู่ดีที่ต้องมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ คิดสิๆ ในหัวก็คิดหาวิธีที่ทำให้ไอ้คุณปัฐมันไม่มายุ่มย่ามกับเขา ตัวก็อาบน้ำหัวกผ้คิดไปเรื่อย พออาบเสร็จก็เช็ดตัวหยิบเสื้อผ้ามาใส่ มองตัวเองในกระจก หน้าจะเหมือนหวานเกินไปแล้วนะ ทำไมไม่เกิดมาหน้าโหดๆ ตัวใหญ่ๆ ดำๆ ล่ำๆ บ้างจะได้ไม่ต้องถูกจับแต่งงานกับคนเย็นชาใจร้ายแบบนั้น ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอารมณ์ แต่ถ้าตกดึกล่ะ วันอื่นอีกล่ะ โอ๊ยตายแน่ๆๆๆ ไอ้ดาเอ๊ย ทำไงดี
"อ๊ะ”
กานดากระวนกระวายมากจนมือเผลอไปปัดโดนกระปุกอะไรสักอย่างหน้ากระจก กานดาหยิบขึ้นมามองก็พบว่ามันคือ แป้งหอมที่เขาชอบใช้ปะตัวเวลาหน้าร้อนตอนอยู่แม่ฮ่องสอน สงสัยแม่แก้วให้คนเตรียมมาไว้ให้ นึกแล้วก็ขำตัวเองกานดาเคยปะแบบ ขาวทั้งตัวเหมือนตกกระป๋องแป้งมาเลยแหละ เอะ! ใช่สิ คิดออกแล้วว่าจะรับมือกับคืนนี้ยังไง
แอ๊ดด
กริ๊ก!
กานดาเปิดประตูห้องน้ำออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหลังไปปิดประตูห้องน้ำ
"นึกว่าตายคาห้องน้ำไปแล้ว นานฉิบ เห้ย!! ตัวอะไรเนี่ย!!!"
ปัฐวีโผลงรีบยันกายลุกไปนั่งติดหัวเตียงเมื่อร่างบางหันมาหา ขาวไปทั้งหน้า แม้แต่แขนขาก็ยังขาว แป้งล้วนๆ ที่กานดาผสมน้ำแล้วปะทั้งตัว เขาคิดว่า คนสำอางแบบปัฐวีคงไม่ชอบอะไรแบบนี้หรอก และก็ได้ผมจริงๆเสียด้วย
"คือ ร้อนน่ะครับเลยปะแป้งนอน อยู่ที่แม่ฮ่องสอนก็ทำแบบนี้"
กานดาตอบยิ้มๆ ก่อนจะเดินเอาผ้าไปตากที่ราว ปัฐวีมองตามแบบไม่คิดว่า ไอ้เด็กนี่จะทำอะไรแบบนี้ นี่มันกลัวเขาปล้ำมันจริงๆ เหรอเนี่ย
"นอนครับนอนนั่นเขตคุณนี่เขตผม โอเคนะราตรีสวัสดิ์ครับ"
พูดจบก็เอาหมอนข้างมากั้นกลางแล้วเอาผ้าห่มมาล้วมตัวจนเป็นก้อนแล้วหลับตาหนีปัฐวีที่นั่งมองอึ้งๆ ไอ้เด็กนี่มันทำอะไรของมัน คิดว่าวิธีจะทำให้เขาไม่ทำอะไรมันหรอ หึ! คนอย่างปัฐวีถ้าจะเอาคือต้องเอาให้ได้ แต่คืนนี้ปล่อยไปก่อนเขาไม่มีอารมณ์จริงๆ เหนื่อย คิดแล้วล้มตัวลงนอน หันไปมองคนที่นอนหันหลังให้นิดนึงก่อนจะปิดไฟหัวเตียงแล้วหลับตามไปอีกคน
ตกดึก.......
"ฮะ อื๊อ.."
เสียงครางใสเล็ดลอดออกมาเมื่อยอดออกถูกเคล้นคลึงด้วยนิ้วของร่างสูงที่กำลังขึ้นค่อมร่างเล็กอยู่ มองมือบีบเคล้นสะโพกเล็กอย่างมันส์มือ เรียวปากดูดดุนยอดอกเป็นไตที่แข็งรับ
"ฮื่อ...อิ๊"
ร่างสูงยิ้มมุมปากร่างเล็กใต้ร้างหลุดเสียงครางออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ยักจะตื่น
"หลับลึกจริงนะ"
พูดข้างหูก่อนจะบรรจงจูบ ดูด เลีย ขบ เม้ม ตามซอกคอให้เกิดรอย ก่อนจะผละมาครอบครองริมฝีปากบางที่ได้ครอบครองไปสองสามครั้งตั้งแต่เจอกันมันทำให้เขาเหมือนคนไม่อิ่ม ต้องการปากสวยอิ่มน้ำนี้ ทั้งๆที่ ไม่ค่อยจะชอบเจ้าของเรียวปากนี้สักเท่าไหร่
"อึก"
ร่างเล็กเริ่มดิ้นประท้วงเมื่อหายใจไม่ออกสองมือปัดป่ายไปทั่วจนปัฐวีลำคาญ รวบสองมือตึกไว้กับเตียงทำให้คนใต้ร่างตื่นขึ้นมามองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเต็มตา
"คุณปัฐ!!"
---------
แก้ในส่วนของชุดแต่งงาน
เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง วันที่ไม่อยากให้มาถึงในที่สุดมันก็เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็วแทบจะไม่ได้ตั้งตัว ตั้งแต่วันที่ไปลองชุดแต่งงานสภาพจิตใจกานดาอ่อนแอเกินไปจนไม่อยากจะเห็นหน้าของปัฐวีผู้ชายใจร้าย เย็นชา แข็งกระด้าง เวลาถึงมื้ออาหารก็มักจะเลี่ยงกินข้าวร่วมโต๊ะ หาข้ออ้างต่างๆ นาๆ ว่ากินแล้วตอนทำอาหารเสร็จ จากที่เคยชอบออกไปเดินเล่นที่สวนตอนกลางคืนก็ไม่ออกไป กานดาแอบมองสวนผ่านหน้าต่างที่ห้องก็มักจะเห็นปัฐวียืนอยู่ที่สวนแล้วมองขึ้นมาทางห้องของกานดาเสมอด้วยสายตานิ่งๆ กำลังคิดหาวิธีกำจัดเขาให้ออกไปจากชีวิตอยู่สินะ หนึ่งอาทิตย์เชียวนะที่กานดาไม่ยอมออกจากห้องเลยออกจากเวลาทำอาหาร ถึงแก้วจะคะยั้นคะยอถามหาเหตุผลว่าทำไม สุดท้ายก็ได้คำตอบคือเงียบ เธอจึงเลี่ยงที่จะถามอีก ตอนนี้กานดาอยู่ในห้องกับมด แม่บ้านสาวของบ้านเธออายุมากกว่าดาสองปี มาช่วยดูแลเรื่องการแต่งตัว เช้านี้เป็นพิธีหมั้นจัดขึ้นที่บ้านมีผู้ใหญ่หลายท่านมาร่วมงาน ส่วนมากจะเป็นญาติพี่น้องของทางแก้วและปราณ ส่วนงานแต่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมในตอนเย็น แขกจะเยอะกว่ามากเพราะมีทั้ง นักธุระกิจ และหมอที่เป็นทั้งเพื่อน คนสนิท และญาติๆ ของแก้ว ทุกคนที่มาร่วมงานทราบกันแล้วว่าเจ้าสาวในงานนี้เป็นผู้ชาย อาจจะมีบ้างบางคนที่เห็นว่ามันไม่เหมาะไม่ควร แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ติดใจอะไร ผู้ชายกับผู้ชายสมัยนี้แต่งงานกันออกเยอะแยะ แต่งานแต่งครั้งนี้มันดันเป็นวิวาห์สายฟ้าแล่บนี่สิ มันกระตุ้นต่อมเผือกของนักข่าวที่กระหายข่าวยิ่งกว่าซอมบี้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะประเด็ดของเจ้าสาวในงานที่เป็นผู้ชายอีก…งานนี้คงเขียนข่าวกันสนุก อาจจะได้ตีหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ‘นักธุระกิจหนุ่มไฮโซวิวาห์สายฟ้าแล่บ อึ้ง! เจ้าสาวเป็นผู้ชาย’ แบบนี้ก็ว่าได้
"คุณดาคะ ตื่นเต้นหรอคะมือเย็นเชียว"
มดถามพลางจับมือกานดาไว้หลวมๆ กานดาหันไปมองมดที่ยิ้มให้บางๆ ตื่นเต้นเหรอ? จะบอกยังไงดีล่ะ ไอ้ตื่นเต้นมันก็ว่าตื่นเต้นนะ แต่ความกลัวนี่สิมันมีมากกว่า
"พี่มดคือดา..."
ไม่รู้จะบอกไปยังไงถ้าบอกว่าไม่อยากแต่งแล้วคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ไหนจะแม่แก้วอีกทั้งๆ ที่บอกไว้แล้วว่าจะทำตามคำขอ ถ้ากลับคำตอนนี้กานดาคงเป็นเด็กที่ไม่รักษาคำพูด เด็กอักตัณญูแน่ๆ
"ครับ..ดาคงตื่นเต้น"
"หนูดาเสร็จหรือยังลูก"
แก้วเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเอ่ยถาม กานดาหันไปมองแก้วก่อนจะยิ้มให้บางๆ มดขอตัวออกจากห้องไป
"ลูกสะใภ้แม่สวยจริงๆ"
คำว่าสวยมันควรใช้กับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? แต่กานดาเป็นผู้ชายนะถึงจะฟังดูขัดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แก้วจับให้กานดาลุกขึ้นยืนแล้วหมุนรอบตัวเอง กานดาอยู่ในชุดไทยโจงกระเบนสีเหลืองครีมอ่อนๆ และเสื้อราชประแตนสีครีมเกือบขาวแขนยาวทรงกระบอกพอดีแขน ดูเหมาะตัวถุงเท้าสีขาวที่ยาวขึ้นมาถึงเข่า ผมที่ยาวปรกหน้าถูกเซตให้ดูเรียบขึ้นด้วยการปัดหน้าม้ามาด้านขวาและจับปอยผมทัดหูข้างซ้ายมีดอกไม้สีขาวเล็กๆติดด้วย ทำให้รับกับใบหน้าหวานดูสวยมากๆ ดูเป็นผู้ชายหน้าสวยคนนึง
"ตื่นเต้นไหมลูก?"
แก้วถามพลางดึงกานดานั่งลงข้างๆ เตียง
"ครับ"
ไม่รู้จะตอบคำไหนนอกจากครับ กานดาหันตัวเข้าหาอ้อมกอดจากแก้ว
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอดทนหน่อยนะลูก ตาปัฐเนื้อแท้เค้าไม่ใช่คนแข็งกระด้าง เค้าเป็นคนอ่อนโยนมากนะ แต่ทั้งหมดมันเป็นเพราะแม่บ้างานจนลืมดูแลเค้า...ลืมสนใจความรู้สึกของลูก”
น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มสวยของแก้วกานดาเงยหน้าขึ้นมองยกมือบางปานน้ำตาออกสองข้างแก้มให้
"วันนี้งานแต่งดานะครับแม่แก้วอย่าร้องไห้สิ ไม่เอาไม่พูดเรื่องอดีต ไม่ว่าคุณปัฐจะเป็นยังไงดาก็จะอยู่ให้ได้ เพื่อเอาคุณปัฐคนเดิมกลับคืนมาครับเพื่อแม่แก้ว"
พูดให้กำลังใจคนโตกว่าแต่ในใจตัวเองยังแอบหวั่นไม่หมั้นใจเลยสักนิดว่าจะรับมือกับความร้ายกาจของผู้ชายที่ชื่อปัฐวียังไง
ได้ฤกษ์เข้าพิธีหมั้นเวลาเก้าโมงเช้า กานดาเดินออกจากห้องเคียงคู่กับแก้ว ดวงตากลมมองรอบๆ บ้านที่ถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากชนิด จนแถบจะไม่เหลือเค้าโครงของห้องโถงที่เคยวางเปล่าเลย ราวบันไดถูกผูกด้วยผ้าสีขาวจับจีบสวยและมีดอกไม้ประดับเป็นช่วงๆ ทุกก้าวที่เท้าเล็กสัมผัสลงบนเนื้อไม้ของบันไดใจมันก็หวั่นตามไปด้วย แขกทุกคนในงานต่างจ้องมองมาที่หนุ่มหน้าหวานร่างบางที่กำลังเดินลงมาพร้อมกับแก้ว นี่หรือ? ผู้ชายที่กำลังจะเป็นสะใภ้ของตระกูลอัศวนนทา ผู้ค้าอัญมณีรายใหญ่ของประเทศหน้าตาจิ้มลิ้มขนาดนี้เชียวหรือ สายตาของรางบ่างพลันไปสะดุดเข้ากับสายตาคมอีกคู่ที่กำลังนั่งจ้องมองอยู่ที่พื้นพรหมหน้าแขกผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟา นักข่าวหลายสำนักพิมพ์รัวกดชัตเตอร์เมื่อกานดานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับปัฐวี ปัฐวีวันนี้เขาอยู่ในชุดไทยแบบเดียวกับกานดา แตกตางกันเพียงสีของโจงกระเบนที่เป็นสีน้ำเงินอมม่วง ปัฐวีจ้องกานดานิ่งๆ แบบไม่วางตา ถ้าหากสายตาคู้นี้เปรียบเหมือนสไนท์เปอร์ ป่านนี้กานดาคงพรุนไปแล้ว
"เอาล่ะได้ฤกษ์สวมแหวนแล้ว ตาปัฐสวมแหวนให้น้องสิ"
แก้วพูดใบหน้าเปื้อนยื้ม ปัฐวีเอื้อมมือไปหยิบกล่องแหวนออกมาจากพาน แหวนทองคำขาววงเล็ก มีเพรชเม็ดเล็กๆ ประดับอยู่บนหลังแหวนระยับต้องกับแสงสวย ดูก็รู้ว่าเพรชนี้น้ำงามแค่ไหน
"ส่งมือมาสิ"
ปัฐวีพูดเสียงเรียบ กานดาส่งมือข้างซ้ายไปให้ช้าๆ ปัฐวีก็เอาแต่จ้องหน้ากานดาไม่มองมือที่กำลังสวมแหวนให้การดาแม้แต่น้อย กานดาหลุบตามองต่ำลงมาที่มือตัวเองที่กำลังถูกสวมแหวนลงที่นิ้วนางข้างซ้าย แหวนใส่เข้ากับนิ้วเข้าที่แล้วการดาจึงชักมือกลับแต่ปัฐวียื้อไว้ไม่ให้ชักกลับ นิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆ ลงที่หลังมือบาง กานดาเงยหน้ามองปัฐวีที่กำลังยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ กานดาชักกลับอีกครั้งคราวนี้ปัฐวีปล่อยง่ายๆ กานดายกมือไหว้ปัฐวี ก่อนจะหยิบแหวนออกจากกล่องมาสวมให้ปัฐวี ที่เอาแต่มองกานดาไม่วางตา นี่เขาคิดอะไรของเขาอยู่กันนะ...ปัฐวียอมให้กานดาสวมให้ง่ายๆกานดายกมือไหว้อีกครั้ง
"ขอถ่ายรูปหมู่ครอบครัวหน่อยนะคะ"
นักข่าวสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจบพิธีหมั้น กานดาและปัฐวีหันหน้าเข้าหากล้องอย่างว่าง่าย
"เจ้าบ่าวเจ้าสาวขยับชิดๆ กันหน่อยครับ"
นักข่าวชายอีกคนพูด กานดาขยับเข้าหาปัฐวีอีกนิดหน่อยแต่ปัฐวีนี่สิขยับเข้ามาเสียจนตัวติดกันจนกานดาอดมองค้อนไม่ได้
"ยิ้มนะคะ 1.2.3 " แชะ!!
"เจ้าสาวยิ้มหน่อยนะคะ"
นักข่าวสาวอีกคนพูดกานดาปั้นหน้ายิ้มให้มากขึ้นมันกำลังจะไปได้ดีอยู่แล้วถ้าปัฐวีไม่พูดขึ้น
"ช่วยยิ้มให้เยอะๆ หน่อยนะคนอื่นเค้าจะได้คิดว่านายมีความสุขที่ได้แต่งงานกับฉัน จะยิ้มให้ปากฉีกไปถึงรูหูเลยก็ได้ไม่มีใครว่า"
เป็นคำพูดเชิงคำสั่งและแดกดันที่เจ็บแสบมาก พูดดีๆ คงทำไม่เป็นสินะ
"เจ้าบ่าวโอบเจ้าสาวนิดนึงครับ"
ยังไม่พออีกหรือไงนักข่าวพวกนี้จะถ่ายอะไรกันเยอะแยะสุดท้ายตอนลงข่าวก็เลือกแค่รูปเดียวอยู่ดี
ปัฐวีโอบแขนไว้ที่ไหล่มน กานดาเบี่ยงตัวหลบเบาๆ แต่สีหน้ายังปั้นยิ้ม
"อย่าทำเป็นเล่นตัว จะมีผัวอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะสะดีดสะดิ้งอะไรนักหนา"
"คุณปัฐ!!"
กานดาได้แต่ถลึงตาใส่แบบเหลืออดแต่จะทำอะไรได้มากกว่านั้นล่ะ คิดไว้ในใจเสมอว่าต้องรักษาหน้าแม่แก้ว.....
งานหมั้นผ่านไปได้ด้วยดีหลายคนก็บอกว่าเหมาะสมกันดีถึงกานดาจะเป็นผู้ชายแต่ก็สวยไม่แพ้ผู้หญิงเลย ว่าที่เจ้าบ่าวก็ดูจะสบายใจหน้าระรื่นมีแต่กานดาที่คิดมากอยู่คนเดียว ไม่เข้าใจปัฐวีเลยจริงๆ ไหนบอกว่าไม่ชอบเขาไงแต่วันนี้ทำไมถึงทำเหมือนว่าพิศวาทเขานักหนา อ๋อคงเพราะรักษาหน้าตาทางสังคมสินะ กานดาพยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดมากแต่ก็ยังมีแอบเอาไปคิดบ้าง กานดาและปัฐวีถูกจับแยกกันจนกว่าจะถึงเวลางานแต่งในช่วงค่ำที่โรงแรม แก้วไม่ไว้ใจให้ปัฐวีอยู่กับกานดาจนกว่าจะได้แต่งงานกัน ลูกชายคนนี้มันยิ่งไม่เหมือนใครอยู่ ถ้าให้อยู่ด้วยกันมีหวังหาเรื่องแกล้งกานดาอีกแน่
ร่างบางของกานดานั่งอยู่ในห้องนอนกว้างเพียงลำพัง ใกล้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินทางไปโรงแรม ยิ้มสิดายิ้ม นายต้องรักษาหน้าแม่แก้ว ทำเหมือนว่ามีความสุขสุดๆ หลังจากให้กำลังใจตัวเองร่างเพรียวบางก็เดินไปหยิบเสื้อลูกไม้แบบซีทูสีขาวที่วางอยู่บนเตียง กางเกงสีขาวเข้าทรงสามส่วน เสื้อลูกไม้สีขาวที่ออกแบบมาได้เข้ารูป มันสวยดีนะ แต่เสียอย่างเดียวคือมันต้องรูดซิปจากข้างหลัง กานดาพยายามเอื้อมมือไปรูดซิปขึ้นแต่มันขึ้นไม่ได้แถมตะขอตรงหัวซิปหลุดอีกต่างหากต้องมาเสียเวลาติดหัวตะขอใหม่แล้วดึงซิปขึ้น ดึงขึ้นได้นิดเดียวก็ต้องถอนมือออกเพราะเมื่อยแขนที่ต้องเอี้ยวตัวไปข้างหลังนานๆ
"จิ๊! ถ้ามันจะใส่ยากขนาดนี้แก้ผ้าออกไปคงจะสิ้นเรื่อง!"
กานดาบ่นกับตัวเองเป็นบ้าเป็นบอ ถ้าแก้ผ้าออกไปจริงๆ คงจะตะลึงกันหน้าดู
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น คงเป็นพี่มดเข้ามาช่วยแต่งตัว กานดาจึงตะโกนเรียกมดให้เข้ามาช่วยแต่ยังหันหลังให้
"พี่มดหรอครับ มาช่วยดารูดซิปหน่อยสิครับ มันรูดไม่ขึ้น"
ดาพูดแต่มือก็ยังพยายามรูดซิปต่อ เสียงเงียบทำไมมดไม่ตอบกานดาจึงเรียกอีกครั้งเผื่อมดอาจจะเขินก็ได้ที่กานดายังโป๊โชว์แผ่นหลังอยู่ ยังไงก็ผู้หญิงล่ะนะ
"พี่มดรูดซิปให้หน่อยครับ"
ฝีเท้าหยุดยืนอยู่ข้างหลังร่างบางก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่ชายเสื้อแล้วดึงลงนิดหน่อยหวังจะรูดซิปที่เจ้าตัวรูดไว้แล้วถึงครึ่งหลังขึ้นให้
กานดายืนนิ่งให้มดช่วยรูดซิปให้แต่ทำไมถึงไม่รูดซักที แถมยังรูดซิปลงอีก สงสัยจะติดตะขอให้ใหม่ล่ะมั้ง กานดาก็ไม่ได้เอะใจอะไร
"อ๊ะ!"
กานดาสะดุ้งน้อยๆ ที่จู่ๆ ก็มีสัมผัสเย็นๆ จากฝ่ามือมาแตะที่แผ่นหลังก่อนจะลูบไล้ไปมาจนขู่ลุกซู่
พรึบ!
ฟอดด~
จู่ๆ ร่างสูงข้างหลังก็จู่โจมกอดรัดร่างเล็กจากด้านหลังก่อนจะสูดกลิ่นหอมๆ จากซอกคอเข้าเต็มปอด
"พี่มดทำอะไร........คุณปัฐ!!"
กานดาตะลึงเมื่อหันหลังไปประชันหน้ากับร่างสูงที่กอดตัวเองแน่น
"เข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ!!"
ตั้งสติได้ก็รีบผลักอกคนตรงหน้าให้ถอนห่างแต่ปัฐวีนั้นยังนิ่งไม่ยอมขยับเอาแต่มองหน้ากานดานิ่งๆ มือไม้ที่โอบรัดก็ไม่อยู่นิ่งเหมือนหน้าตา ลูบไล้ไปมาทั่วแผ่นหลังบีบเค้นคลึงเอวคอดบาง จนเจ้าของร่างสั่นสะท้าน รีบดิ้นหาทางรอด
"คุณปัฐ! ปล่อยดานะ"
นี่เป็นครั้งแรกที่กานดาหลงแทนชื่อตัวเองกับปัฐวี
"ไม่ปล่อย"
พูดหน้าตาเฉยแถมยังดึงกานดาเข้ามากอดกดใบหน้าเล็กฝังแนบอก อยากจะแกล้งให้คนในอ้อมกอดหัวเสียเล่น วันนี้ยังไม่ได้แกล้งเลยขอหน่อยแล้วกัน หมั่นเขี้ยวไอ้แก้มกลมๆ ใสๆ นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว
"คุณปัฐดาหายใจไม่ออก ปล่อยนะ"
"เงียบ"
"คุณปัฐปล่อยดานะ ปล่อย!"
"บอกให้เงียบ"
"ปล่อยดานะ คุณมันใจร้ายไม่ชอบกันแล้วมากอดทำไมเล่า"
"ก็บอกให้เงียบไง!!"
"...”
กานดาปิดปากเงียบเมื่อโดนคนตัวโตดุ ยืนนิ่งๆ ให้ปัฐวีกอดมือหนาลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังเนียนก่อนจะดึงชายเสื้อมาติดตะขอแล้วรูดซิปขึ้นให้จนสุด
"รีบๆหน่อยคนอื่นเค้ารอ..."
พูดแค่นั้นก็ผละตัวออกแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้กานดายืนแข็งทื่ออยู่กับที่ อะไรกันสัมผัสที่เหมือนจะอ่อนโยนเมื่อกี้น่ะ คุณปัฐจริงหรอ? เมื่อเช้ายังแยกเขี้ยวใส่เขาอยู่เลยนะ ถึงสัมผัสอ่อนโยนนั่นจะดูออกแนวลวนลามเขาไปหน่อยก็เถอะ ไม่เข้าใจคนๆ นี้จริงๆ ผีเข้าผีออกกานดาตามไม่ทัน
หลังจากแต่งตัวเสร็จกานดาขึ้นรถอีกคันไปยังโรงแรมพร้อมกับแก้ว ปัฐวีล่วงหน้าไปรับแขกก่อนแล้ว ริมฝีปากบางขบเม้มแน่น ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง วันนี้คุณปัฐจะมาอารมณ์ไหนอีกนะ กลัวรับอารมณ์ไม่ทันจริงๆ ว่าเมื่อถึงงานจะหาเรื่องแกล้งอะไรเขาอีกหรือเปล่า.....
รถซีดานสีดำขับจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูขนาดใหญ่ ว่าที่เจ้าสาวเดินจับมือกับแก้วเข้าไปในโรงแรมก่อนจะเดินเลี่ยงประตู้หน้างานมาอีกห้องที่มีไว้สำหรับเตรียมตัว
"คุณคะดิฉันเอาชุดมาให้เปลี่ยนค่ะ"
พนักงานสาวคนหนึ่งเดินมาหากานดาที่นั่งอยู่ภายในห้องเพียงลำพังและถือชุดใหม่มาให้
"หือ เปลี่ยนหรอครับ?"
"ค่ะ พอดีว่าชุดของคุณปัฐมีปัญหาน่ะค่ะก็เลยต้องเปลี่ยน เพื่อให้ชุดเข้ากับชุดเจ้าบ่าวคุณก็เลยต้องเปลี่ยนด้วยน่ะค่ะ"
พนักงานสาวอธิบาย กานดาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรับชุดมาเปลี่ยนในห้อง ชุดที่กานดาเปลี่ยนนั้น กานดาชอบมันมากๆ ชอบมากกว่าชุดลูกไม้เสียอีก มันเป็นสูทสีขาวที่พอดีกับตัวของเขา แถมมีโบว์สีแดงที่ตัดกับสีของชุดได้เป็นอย่างดีอีก ริมฝีปากบางอิ่มน้ำถูกเติมแต่งด้วยริปกลอสสีชมพูใส ดวงตากลมโตถูกแต่งแต้มสีสันน่ารักบางๆ ให้ดูมีมิติมากขึ้น กานดายืนจ้องตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่หลังช่างจับเขาเติมแต่งแบบเต็มที่ ในกระจกดูไม่เหมือนเขาเลยสักนิด นี่มันเหมือนทอมห้าวๆ คนนึงมากกว่า กานดาไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่พูดได้เลยว่าเขาดูดีมากจริงๆ จนอยากจะจีบตัวเองด้วยซ้ำ
"คุณดาคะได้เวลาแล้วค่ะ"
พนักงานของทางโรงแรมเดินมาตามกานดาในห้อง เหมือนเป็นเสียงเตือนสติที่หลุดไปกับความคิดตลกๆ ของตัวเองคืนมา กานดาลุกจากเก้าอี้ไปหาหญิงสาวแล้วรับช่อดอกไม้หลากหลายสีจากเธอมาถือช่อดอกไม้สีขาวผูกริบบิ้นสีขาวน่ารักสุดๆ
"ดาหนูน่ารักมากเลยลูกดูเด็กมากๆ เลย"
แก้วทักขึ้นเมื่อกานดาเดินมาหาตนตรงทางก่อนเข้างาน
"ก็ดายังเด็กอยู่หนิครับ"
พูดพร้อมยิ้มให้ ใช่เขาเพิ่งจะสิบเก้าเองนะ
"อ่า ใช่สิแม่ลืมไปเลยว่าด่เพิ่งจะสิบเก้าเมื่อสองเดือนก่อน แต่ช่างเถอะวันนี้หนูดาของแม่น่ารักสุดๆ"
แก้วพูดพร้อมกับหยิกแก้มใสๆ ของกานดาไปมาอย่างหมั่นเขี้ยวเด็กคนนี้มันหน้าหมั่นเขี้ยวตรงแก้มอูมๆ นี่แหละ
"เอาล่ะครับ แขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่านผมนายแพทย์เตย์ชิน อัศวนนทา ขึ้นมาเป็นพิธีกรจำเป็นในงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องของผมคือปัฐวี อัศวนนทา ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท จิวเวอร์รี่ไดม่อนบลู ที่เป็นที่รู้จักของทุกคนทั้งประเทศ เอาล่ะครับ ผมคงพูดอะไรไม่ได้มากเดี๋ยวทุกคนจะเบื่อกัน ขอเชิญเจ้าบ่าวขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ"
สิ้นสุดเสียงของเตย์ชินลูกพี่ลูกน้องของปัฐวีที่วันนี้มาเป็นพิธีกรรับเชิญในงานให้ เพราะเมื่อเช้าไม่ได้มาร่วมงานหมั้นเพราะติดผ่าตัดที่โรงพยาบาล ร่างสูงสันทัดแบบชายหนุ่มวัยทำงานเดินย่างกายขึ้นเวทีด้วยรอยยิ้มมุมปากนิดๆ กานดาแอบเปิดม่านมองร่างสูงที่กำลังเดินขึ้นเวที ชุดที่ปัฐวีใส่มันทำให้เขาดูดี สุขุม กับใบหน้าหล่อคมเข้มที่ดึงดูดสายตาของคนในงานได้เป็นอย่างดี สูทสีขาวทั้งชุดถูกตัดด้วยเนคไทสีแดงสด กานดายอมรับเลยว่าใจเต้นแรงกับปัฐวีในลุคนี้มากๆ เขาดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่น ใจดี ละมุนละไม แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดเพ้อเจ้อเพราะความจริงมันไม่ใช่ แต่อีกใจนึงก็สงสัยใครเป็นใครเป็นเลือกชุดนี้?
"สวัสดีแขกทุกท่าน และขอบคุณที่มาร่วมงานแต่งของผมในวันนี้ครับ"
ปัฐวีกล่าวสั้นๆสีหน้ายังคงยกยิ้มมุมปากก่อนจะส่งไมค์คืนให้เตย์ชิน
"แหมเจ้าบ่าวของเรานี่พูดน้อยจังเลยนะครับคงเขินล่ะสิท่า เอาเป็นว่าให้อภัยกันนะครับผม..."
เตย์ชินแก้สถานการณ์ได้ดีเรียกเสียงหัวเราะจากแขกในงาน แม้ในใจจะแอบกร่นด่าไอ้ลูกพี่ลูกน้องที่อายุเท่ากัน เตย์ชินถามคำถามปัฐวีไปมาเหมือนเป็นการชวนคุยแต่คำตอบที่ได้ก็สั้นๆ เหมือนเดิมเตย์ชินจึงทำเป็นตลกกลบเกลี่ยนแซวว่าที่เจ้าบ่าวให้คนทั้งงานขำกันเล่นๆ ดีนะที่เขาเกิดมาเป็นคนอารมณ์ดีไม่งั้นคงแก้สถานการณ์ตึงเครียดเหมือนกับเล่นสงความเย็นกับปัฐวีบนเวทีไม่ได้
"เอาล่ะครับ นี่ก็ได้ฤกษ์แล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญทุกท่านพบกับ น้องกานดา เจ้าสาวของเราเลยครับ~"
สิ้นเสียงของคนอารมณ์ดี เสียงใสๆ ขอไวโอลินก็บรรเลงดังขึ้นในจังหวะเนิบๆ เพราะๆ กานดาก้าวเท้าออกจากห้องเข้ามาภายในโถงของงานพร้อมกับแก้วที่เดินมาเคียงข้างกัน เรียวปากเล็กหยักยิ้มอย่างเขินอายดวงตากลมมองสิ่งรอบตัวอย่างตื่นเต้น คนมาเยอะจัง ... ทุกคนในงานต่างให้ความสนใจกานดาเป็นอย่างมาก เสียงโห่แซว ปนปรบมือดังคลอเสียงไวโอลิน ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับแววตาคมดุจเหยี่ยวของคนบนเวทีที่เดินลงมาอยู่ข้างหน้าเขาไม่ไกลนัก สองเท้าหยุดยืนตรงหน้าร่างสูงสมส่วน ก่อนที่แก้วจะเดินจากไปทิ้งไว้เพียงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่มองหน้ากันไปมา กานดาพูดได้เต็มปากว่าปัฐวีดูดีมาก ดูหน้าหลงไหล ถ้าหากแววตานั่นมีความอ่อนโยนกว่านี้ กานดาส่งมือไปให้ปัฐวีจับอย่างช้าๆ แต่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกดึงให้เข้าไปในอ้อมกอดแล้วประกบจูบอย่างรวดเร็ว
ดวงตากลมเบิกกว้างค้างอย่างตะลึง เหลียวสบเข้ากับสายตาคมที่มองจ้องกานดาไม่กระพริบ
"เจ้าบ่าวครับๆ รีบไปไหนครับขึ้นบนเวทีก่อน!"
พรึบ!
เสียงล้อเลียนบนเวทีดังออกไมค์เรียกเสียงหัวเราะให้ทุกคนในงานและเรียกสติของกานดาให้กลับมาด้วย ก่อนจะผละตัวออกจากร่างสูง ก้มหน้างุดอย่างอายๆ ทำไมใจเขาถึงเต้นแรงนักนะ ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากปัฐวีเดินจูงมือกานดามาบนเวที ทุกคนต่างเงียบรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
"เมื่อสักครู่เราถามเจ้าบ่าวไปแล้ว คราวนี้เรามาถามเจ้าสาวกันบ้างดีกว่า น้องดารู้สึกยังไงครับที่ได้ไอ้ปัฐเป็นเจ้าบ่าว^^"
คำถามกวนๆ ของเตย์ชินทำให้กานดามองเขาตอบ รอยยิ้มบนใบหน้าของเตย์ชินดูคล้ายกำลังให้กำลังใจเขาอยู่
"เออ..คือ ก็ดี มั้งครับ"
ก็เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรยังไงนี่ รู้จักกับคนข้างๆไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ สิ่งที่เคยเห็นก็มีแต่ความเย็นชาใจร้ายเท่านั้นแหละที่มอบให้ อ้อๆ เด็กมีปมอีกอย่างด้วย
บรรยากาศในงานต่างอบอวลไปด้วยรอยยิ้มของแขกผู้มาร่วมงานยกเว้นเจ้าของงานทั้งสองที่ไม่ค่อยจะยิ้มออกมา แม้แต่หน้ากันนับครั้งที่มองกันได้ ยอมรับว่ากานดาเป็นฝ่ายเลี่ยงที่จะสบตากับปัฐวีเอง
งานจบหลังจากทั้งสองเดินไปตัดเค้กก้อนโต ถ่ายรูปกับแขกจนเหนื่อยก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องหอ ที่กานดาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ว่าไม่อยากเข้าสักนิด แก้วเดินมาส่งทั้งสองที่ห้องหอก็คือที่บ้านของเขาแต่เปลี่ยนห้องให้ย้ายไปอยู่ห้องใหญ่เท่านั้น ภายในห้องนอนกว้างที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงในห้องโถงกว้างๆ ปัฐวีเดินนำเข้าไปในห้องนอน กานดาอ้ำอึ้งอยู่นานว่าจะเข้าดีไหม แต่ก็ตัดสินใจเข้า ห้องนอนสีฟ้าที่กานดาชอบตกแต่งด้วยกรีบกุหลาบบนที่นอน แถมยังมีเทียนหอมจุดตั้งไว้บางมุมอีก นี่กะจะให้กานดาเสร็จอีตาคุณปัฐจริงๆ ใช่ไหม?
"ยืนทำหน้าโง่อยู่ได้ปิดประตู"
กานดาสะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มพูดเหน็บขึ้นจากบนเตียงที่กำลังถอดเสื้อผ้าอยู่
"คะ...คุณถอดเสื้อทำไม!"
โผลงออกไปอย่างตกใจ ปัฐวีหันมามองก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะย่างกายเข้าหากานดาที่ถอยหลังหนีติดประตู
"เข้าห้องหอหลังแต่งงานนายคิดมาฉันจะทำอะไร..."
ถามเสียงเย็นข้างใบหูที่เจ้าตัวแข็งทื่อเป็นหินไปแล้ว อะไรนะ...ยะ อย่าบอกนะว่า
"ร้อนจะตายห่า ไม่มีอารมณ์หรอกเว้ย."
พูดจบก็โยนเสื้อเชิ้ตมาใส่หน้ากานดาแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำทิ้งให้กานดามองตามตาปริบๆ เมื่อกี้แกล้งกันหรอ.?
เสียงเปิดน้ำเงียบลงพร้อมกับประตูเปิดออก ร่างสูงสมวัยมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวเท่านั้นที่พันอยู่รอบเอวที่ทำท่าจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่
"ทำไมคุณไม่แต่งตัวในห้องน้ำหะ!"
กานดาเสียงดังเมื่อเห็นว่าปัฐวียืนโป๊อยู่ตรงหน้า ตัวเองก็รีบเอามือปิดตาใหญ่
"นี่บ้านฉัน ฉันจะเดินแก้ผ้ายังได้ ทำไมกลัวอดใจไม่ไหวหรือไง หลงไหลฉันขึ้นมาล่ะสิ หึ!"
"หลงตัวเอง!!"
พูดแค่นั้นก็รีบวิ่งหอบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำปิดประตูดังปังก่อนจะหายใจหอบๆ หลังบานประตู โอ๊ย! ทำไงดีกานดา ถึงคุณปัฐจะบอกว่าไม่มีอารมณ์ แต่ก็อึดอัดอยู่ดีที่ต้องมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ คิดสิๆ ในหัวก็คิดหาวิธีที่ทำให้ไอ้คุณปัฐมันไม่มายุ่มย่ามกับเขา ตัวก็อาบน้ำหัวกผ้คิดไปเรื่อย พออาบเสร็จก็เช็ดตัวหยิบเสื้อผ้ามาใส่ มองตัวเองในกระจก หน้าจะเหมือนหวานเกินไปแล้วนะ ทำไมไม่เกิดมาหน้าโหดๆ ตัวใหญ่ๆ ดำๆ ล่ำๆ บ้างจะได้ไม่ต้องถูกจับแต่งงานกับคนเย็นชาใจร้ายแบบนั้น ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอารมณ์ แต่ถ้าตกดึกล่ะ วันอื่นอีกล่ะ โอ๊ยตายแน่ๆๆๆ ไอ้ดาเอ๊ย ทำไงดี
"อ๊ะ”
กานดากระวนกระวายมากจนมือเผลอไปปัดโดนกระปุกอะไรสักอย่างหน้ากระจก กานดาหยิบขึ้นมามองก็พบว่ามันคือ แป้งหอมที่เขาชอบใช้ปะตัวเวลาหน้าร้อนตอนอยู่แม่ฮ่องสอน สงสัยแม่แก้วให้คนเตรียมมาไว้ให้ นึกแล้วก็ขำตัวเองกานดาเคยปะแบบ ขาวทั้งตัวเหมือนตกกระป๋องแป้งมาเลยแหละ เอะ! ใช่สิ คิดออกแล้วว่าจะรับมือกับคืนนี้ยังไง
แอ๊ดด
กริ๊ก!
กานดาเปิดประตูห้องน้ำออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหลังไปปิดประตูห้องน้ำ
"นึกว่าตายคาห้องน้ำไปแล้ว นานฉิบ เห้ย!! ตัวอะไรเนี่ย!!!"
ปัฐวีโผลงรีบยันกายลุกไปนั่งติดหัวเตียงเมื่อร่างบางหันมาหา ขาวไปทั้งหน้า แม้แต่แขนขาก็ยังขาว แป้งล้วนๆ ที่กานดาผสมน้ำแล้วปะทั้งตัว เขาคิดว่า คนสำอางแบบปัฐวีคงไม่ชอบอะไรแบบนี้หรอก และก็ได้ผมจริงๆเสียด้วย
"คือ ร้อนน่ะครับเลยปะแป้งนอน อยู่ที่แม่ฮ่องสอนก็ทำแบบนี้"
กานดาตอบยิ้มๆ ก่อนจะเดินเอาผ้าไปตากที่ราว ปัฐวีมองตามแบบไม่คิดว่า ไอ้เด็กนี่จะทำอะไรแบบนี้ นี่มันกลัวเขาปล้ำมันจริงๆ เหรอเนี่ย
"นอนครับนอนนั่นเขตคุณนี่เขตผม โอเคนะราตรีสวัสดิ์ครับ"
พูดจบก็เอาหมอนข้างมากั้นกลางแล้วเอาผ้าห่มมาล้วมตัวจนเป็นก้อนแล้วหลับตาหนีปัฐวีที่นั่งมองอึ้งๆ ไอ้เด็กนี่มันทำอะไรของมัน คิดว่าวิธีจะทำให้เขาไม่ทำอะไรมันหรอ หึ! คนอย่างปัฐวีถ้าจะเอาคือต้องเอาให้ได้ แต่คืนนี้ปล่อยไปก่อนเขาไม่มีอารมณ์จริงๆ เหนื่อย คิดแล้วล้มตัวลงนอน หันไปมองคนที่นอนหันหลังให้นิดนึงก่อนจะปิดไฟหัวเตียงแล้วหลับตามไปอีกคน
ตกดึก.......
"ฮะ อื๊อ.."
เสียงครางใสเล็ดลอดออกมาเมื่อยอดออกถูกเคล้นคลึงด้วยนิ้วของร่างสูงที่กำลังขึ้นค่อมร่างเล็กอยู่ มองมือบีบเคล้นสะโพกเล็กอย่างมันส์มือ เรียวปากดูดดุนยอดอกเป็นไตที่แข็งรับ
"ฮื่อ...อิ๊"
ร่างสูงยิ้มมุมปากร่างเล็กใต้ร้างหลุดเสียงครางออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ยักจะตื่น
"หลับลึกจริงนะ"
พูดข้างหูก่อนจะบรรจงจูบ ดูด เลีย ขบ เม้ม ตามซอกคอให้เกิดรอย ก่อนจะผละมาครอบครองริมฝีปากบางที่ได้ครอบครองไปสองสามครั้งตั้งแต่เจอกันมันทำให้เขาเหมือนคนไม่อิ่ม ต้องการปากสวยอิ่มน้ำนี้ ทั้งๆที่ ไม่ค่อยจะชอบเจ้าของเรียวปากนี้สักเท่าไหร่
"อึก"
ร่างเล็กเริ่มดิ้นประท้วงเมื่อหายใจไม่ออกสองมือปัดป่ายไปทั่วจนปัฐวีลำคาญ รวบสองมือตึกไว้กับเตียงทำให้คนใต้ร่างตื่นขึ้นมามองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเต็มตา
"คุณปัฐ!!"
---------
แก้ในส่วนของชุดแต่งงาน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น