ตอนที่ 18 : Ep.17::กักขังฉันเถิดกักขังไป ขังตัว อย่าขังหัวใจดีกว่า~
Ep.17
กักขังฉันเถิดกักขังไป ขังตัว อย่าขังหัวใจดีกว่า~
(Akanay talk)
ผมก้าวเท้าออกมาจากห้องใต้ดินด้วยอารมณ์ไม่ปกติ ทั้งที่มั่นใจว่าควบคุมสีหน้าและแววตาได้ทว่าภายในกลับปั่นป่วน
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าชั่วขณะหนึ่งผมคิดจะกำจัดมันจริง ราวกับสัญชาติญาณบางอย่างกำลังส่งเสียงร้องเตือนว่าโซดาจะนำเรื่องยุ่งยากมาให้ในอนาคต ถ้าไม่รีบกำจัดทิ้ง...มันจะกลายเป็นชนวนที่ทำให้ผมเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ตอนแรกไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ผมเป็นพวกขี้รำคาญ...มากเสียด้วย แต่ผมกลับเพิกเฉยต่อเสียงด่าทอของโซดามาได้ตั้งหลายครั้งหลายหน หึ เป็นคนอื่นคงได้โดนลูกปืนเจาะหัวตั้งแต่เปิดปากด่าคำแรกแล้ว
นั่นเป็นสาเหตุที่ผมไม่เอามันมาไว้ข้างกาย...ผมไม่ได้กลัวตัวเองหลงชอบหรืออะไร แต่ผมต้องการทดสอบว่าคิดกับมันในทางไหนกันแน่
ลูกหนี้ นายบำเรอ หรือมากกว่านั้น
โซดาไม่ได้มีอะไรดีพอให้ผมชายตามองเลยด้วยซ้ำ หาได้เกลื่อนตามท้องตลาด ปากก็พ่นมาแต่ละคำได้น่าเอาขี้เถ้ายัดตั้งแต่เกิด ฐานะก็ปานกลางถึงยากจนคนละระดับ...มีดีก็แค่ผิวกายเรียบเนียนกับความซื่อที่คิดยังไงพูดยังงั้น ผมสงสัยตัวเองมาตลอดที่ลดตัวไปคว้ามันมากกคืนนั้น และดันมีคืนต่อมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้อีก
วันนี้ผมก็หาสาเหตุของความปั่นป่วนในอกไม่ได้เช่นกัน การฆ่าจึงถือเป็นหนทางที่ดีที่สุด ถ้ามันตาย ทุกอย่างก็จบ ผมจะได้ไม่ต้องตามหาคำตอบอีกต่อไป บางทีเรื่องมันก็ไร้สาระเกินกว่าจะเอามาคิดให้รกสมอง ดังนั้นการฆ่าใครสักคนเพื่อจบปัญหาคาใจจึงเป็นวิธีที่ผมใช้มาตลอด
หึ...ทั้งที่ตั้งใจจะฆ่าแท้ๆ ทว่าผมกลับอยากลองพิสูจน์อีกนิด ความรู้สึกเสียดายถ้าของเล่นชิ้นนี้พังคามือมันแล่นผ่านสมองวูบหนึ่งจนต้องจำใจโยนปืนไปอีกทาง
คิดพลางเสยผมที่ปรกหน้าออกลวกๆในขณะที่เดินผ่านห้องโถงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“เอ่อ ขอโทษที่ขวางทางครับ”
เด็กผู้ชายด้านหน้าก้มหัวให้ผมคล้ายหวาดกลัว มือเล็กรนรานคว้าถังน้ำหลบบริเวณบันได ท่วงท่าใสซื่อแต่แววตาพราวระยับทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง จากนั้นก็กวาดสายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
หึ คงเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามา
“เอ่อ...” เด็กนี่อ้ำอึ้งในขณะที่ผมเดินผ่านขึ้นบันไดไปโดยไม่แม้แต่จะชายหางตามอง ในสมองกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น คิดหาวิธีพิสูจน์...
ฉับพลันนั้นผมก็ชะงักเท้าก่อนจะปรายหางตามองบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง มันพยักหน้าให้เป็นสัญญาณว่ารับคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ผมตวัดสายตากลับมาก่อนจะก้าวเดินเข้าห้องดำที่ไม่ได้มาเยือนหลายวัน
ไม่ต้องเดาอะไรทั้งนั้น...ผมแค่จะกำลังพิสูจน์ว่าตัวเองต้องการแค่ร่างกายของโซดา หรือจะกับใครก็ได้เหมือนที่ผ่านมา ก็เท่านั้น
เนิ่นนานเกือบชั่วโมงที่ผมอาบน้ำและนั่งดื่มไวน์รอในห้อง เหยื่อก็ถูกนำตัวมาสังเวยถึงที่ จะเรียกว่าเหยื่อคงไม่ได้เพราะแววตาของเด็กใหม่ดูจะสมใจเมื่อได้เข้ามาเยือนในห้องนี้ มันอยู่ในชุดใหม่ อีกทั้งเส้นผมยังดูชื้นๆอยู่เป็นสัญญาณว่าอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้ว
รู้งานดี พออยู่กันสองต่อสองก็เข้ามาปรนนิบัติผมจนแทบไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไร แม้จะเสแสร้งทำเป็นมือสั่นตอนถอดเสื้อคลุมออกให้ก็เถอะ...จะทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน หึ
“ผมชื่อน้ำปั่น อ้ะ!”
ไม่ได้ถาม...และไม่คิดแม้แต่จะเอ่ยปากเสวนาตอบ ตอนนี้ต้องการแค่เครื่องระบายความปั่นป่วนในอกออกไปเท่านั้น จึงไม่แปลกที่ผมจะผลักมันลงเตียงอย่างไม่คิดถนอมแล้วขึ้นคร่อมในทันที พายุอารมณ์สาดซัดจนเนิ่นนานไปหลายชั่วโมง ผมผละกายออกห่างคนใต้ร่างแล้วถอดถุงยางชิ้นสุดท้ายทิ้ง
หงุดหงิดจนต้องเอนกายพิงพนักหัวเตียงแล้วจุดบุหรี่สูบ...ต่อให้ระบายออกไปกับร่างบอบบางที่เต็มไปด้วยรอยช้ำด้านข้าง ผมก็ไม่ได้รู้สึกเต็มอิ่มเหมือนเคยแม้แต่นิด
“อือ...นายน้อย”
แขนเล็กวาดมาเกาะเกี่ยวอยู่ที่เอว ผมปัดมันทิ้งเต็มแรงก่อนจะกดตามองร่างบอบบางซึ่งเงยหน้าขึ้นมองผมเช่นกัน คล้ายจะเห็นคนที่นอนหมดแรงอยู่สะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบหลบตาคล้ายหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
ผมหยิบสมาร์ทโฟนข้างเตียงขึ้นมาแล้วกดพิมพ์ลงไป จากนั้นก็โยนลงตรงหน้าเด็กใหม่ที่หยิบมันขึ้นมาอ่านด้วยดวงตาเบิกโพล่ง
‘ไสหัวออกไป’ เพราะกูไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับคู่นอน
“ท...ทำไม นายน้อยจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ อึ่ก!”
กริ๊ก!
วัตถุเย็นเฉียบถูกขึ้นนกแล้วจ่อหน้าคนที่สร้างความรำคาญให้อย่างรวดเร็ว ผมเตรียมกดนิ้วลั่นไกอย่างไม่ลังเลถ้าไม่ติดที่ว่า...
แอด!
“ที่ทิ้งลูกเจี๊ยบให้ยืนช็อกอยู่หน้าห้องนี่ คือมึงจะไม่เอาแล้วใช่ไหมวะ”
คนเดียวที่กล้าเปิดประตูเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า...พายัพ
(Soda talk)
ผมยืนค้างอยู่ที่เดิมเกือบชั่วโมง รู้สึกตัวอีกทีตอนก้าวขาไม่ออกเพราะเป็นตะคริว ไอ้เชี่ยยย คือถ้ากูจะยืนงงนานขนาดนี้ล่ะก็นะ
แล้วคืออะไรกับความรู้สึกวูบโหวงนี้ ดีใจสิเฮ้ยดีใจ! มันบอกมึงว่าไม่ต้องมาให้เห็นหน้า ดังนั้นแสดงว่ามึงจะไม่โดนมันทำอะไรแล้วไงโซดา แล้วทำไมมันอึดอัดในอกแปลกๆ อารมณ์แบบพ่องตายแม่ยายสิ้น อ้าวกรรม! ลืมว่ากูยังไม่ได้แต่งงานจะมีแม่ยายได้ไงสัด
แต่คือกูอยากถามไอ้หล่อเลวให้รู้เรื่องอ่ะว่ามันหมายความว่ายังไง ที่บอกว่าไม่ต้องมาให้เห็นหน้านี่คือจะปล่อยให้เป็นอิสระหรือแค่ไม่ให้กูเฉียดไปใกล้มันเฉยๆ
คือกูต้องการความชัดเจนไงจะได้ทำตัวถูก!
ผมลากขาที่เป็นตะคริวเดินขึ้นไปยังชั้นบนอย่างไม่ย่อท้อ หวังว่าไอ้ชั่วอาคเนย์จะไม่หนีผมไปทำงานก่อนนะ พอผ่านบริเวณห้องโถงได้ขาผมก็เริ่มกลับมาเป็นปกติล่ะ ไอ้สัด!ปวดชิบหายเลยไงเมื่อกี้ อย่าโง่ยืนค้างนานๆแบบกูนะบอกเลย
ผมขึ้นบันไดไปยังห้องไอ้อาคเนย์ตามที่จำได้ แต่กลับพบเพียงบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่บริเวณหน้าห้องเท่านั้น แถมมันยังกันไม่ให้ผมเข้าไปด้านในอีก
“นายน้อยไม่ได้อยู่ในนี้”
สาส! ไม่บอกกูให้เร็วกว่านี้วะจะได้ไม่ต้องลำบากจ้องตากับมึงอ่ะไอ้หน้านิ่ง!
“อ้าว แล้วมั...นายน้อยอยู่ไหนอ่ะพี่”
“ห้องดำ” ห้องดำ?
นี่นอกจากห้องใต้ดินแล้วยังเสือกมีห้องดำอีกเรอะ โว๊ะ! บ้านมาเฟียนี่มันอะไรกันนักกันหนาวะ แต่เดี๋ยวนะ ห้องดำนี่ใช่ห้องที่ผมเคยถูกล่อลวงเข้าไปหรือเปล่าวะ
คิดได้ดังนั้นผมก็รีบเดินไปอีกทางทันที ยังแปลกใจไม่หายเลยไงที่กูไม่ถูกไอ้พวกพี่ชุดดำลากตัวลงไปชั้นล่าง ราวกับพวกมันไม่กล้าลากยังไงยังงั้น แม้แต่จะเอื้อมมือมาแตะพวกมันยังไม่ทำ ทีเมื่อก่อนล่ะจับกูโยนให้เจ้านายมึงเอาๆ เหอะ!
กึก!
ผมชะงักกึกเมื่อเห็นไอ้เด็กใหม่ยืนอยู่หน้าห้องนั้นโดยมีบอดี้การ์ดคนหนึ่งกำลังเปิดประตูให้ ไอ้น้ำปั่นก็เห็นผมเช่นกัน อีกทั้งยังส่งรอยยิ้มคล้ายเย้ยหยันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างจะหายลับเข้าไปภายในห้อง
เคยรู้สึกเหมือนอยู่ๆก็หมดแรงไหมวะ
ผมเคยรู้สึกอย่างนั้นตอนไม่ได้กินส้มตำหนึ่งอาทิตย์ อารมณ์แบบหงุดหงิดและไร้เรี่ยวแรงอย่างประหลาด ผมยืนช็อกอยู่หน้าห้องเพราะไม่คิดว่าไอ้อาคเนย์จะเรียกเด็กใหม่ไปกินเร็วขนาดนี้ ไอ้ชั่ววว! นี่สินะเหตุผลที่มันจะยิงกูเมื่อชั่วโมงก่อนอ่ะ
ไอ้เลวทราม ไอ้หื่นกามไม่เลือกหน้า! ได้ใหม่แล้วลืมเก่าหรอวะ ได้ของใหม่แล้วจะโละของเก่าทิ้งด้วยการฆ่านี่มันโหดเหี้ยมไปไหมไอ้หน้าตายด้าน!
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าห้องมองผมด้วยสีหน้าแปลกประหลาด แต่คือผมไม่สนใจไง เอาแต่มองบานประตูสีดำด้วยความไม่เข้าใจตัวเอง
ไอ้เชี่ย...คือกูมายืนที่นี่เพื่ออะไร ควรกลับห้องเก็บเสื้อผ้าแล้วชิ่งไหม ตอบ!
ใช่ สมองผมคิดแบบนั้นแต่ร่างกายมันไม่ขยับตาม สองตาก็ไม่ละห่างบานประตูทั้งที่ความรู้สึกอัดแน่นในอก ทั้งหงุดหงิด อยากตบกบาลไอ้เด็กใหม่ที่กล้าส่งรอยยิ้มแบบนั้นให้และอยากคุยกับไอ้อาคเนย์ให้รู้เรื่อง แต่คือกูทำอะไรไม่ได้เลยไง แค่จะยกมือดันบานประตูให้เปิดออกยังไม่กล้า
อีกอย่างไอ้บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่นี่คงไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้นแน่
“มาทำอะไรที่นี่ แล้วสีหน้าแย่ๆแบบนั้นของมึงมันคืออะไร หืม?”
ผมละสายตาออกห่างบานประตูสีดำอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆแล้วมองร่างสูงที่มีเค้าโครงหน้าเดียวกันกับบุคคลในห้อง จะแตกต่างก็เพียงดวงตาสีเทาที่ฉายแววฉงนชั่ววูบหนึ่ง ก็เท่านั้น
ดูจากชุดแล้ว ไอ้เลวหมายเลขสองคงเพิ่งเลิกประชุมมา
พายัพมองท่าทางเลื่อนลอยไม่ตอบโต้ของผมสลับกับประตูสีดำ มันพยักหน้าคล้ายเข้าใจก่อนจะเดาะลิ้น จากนั้นก็เปิดประตูพรึ่บอย่างไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน
“ที่ทิ้งลูกเจี๊ยบให้ยืนช็อกอยู่หน้าห้องนี่ คือมึงจะไม่เอาแล้วใช่ไหมวะ”
พายัพกล่าวคล้ายติดตลก แววตาก็พราวระยับราวกับกำลังรับชมเรื่องสนุก แขนแกร่งกระชากผมเข้ามาในห้อง ผมมองไปยังร่างสองร่างบนเตียงอย่างไม่ได้ตั้งใจ และภาพที่ปรากฏก็เกินความคาดหมายไปนิด
อาคเนย์กำลังยกปืนจ่อกลางหน้าผากไอ้เด็กน้ำปั่น ชิบหาย...ได้ข่าวว่าพวกมึงเพิ่งได้เสียกันมาไม่ใช่หรอ! หลักฐานก็ถุงยางระเนระนาดนี่ไง อึก...แล้วทำไมกูต้องรู้สึกแปลกๆด้วยวะ อยู่ดีๆก็เจ็บจี๊ดตรงหน้าอกซะงั้น
“เอ่อ...กูจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ มึงปล่อยเลย!” ผมหันมาพูดเสียงเขียวกับไอ้พายัพแทนเพื่อกลบเกลื่อนอาการผิดปกติ ไอ้สัด! นี่มือคนหรือหนวดปลาหมึกเล่นจับแขนกูซะแน่นเชียว
ปึ่ก!
“โอ้ย!”
ไอ้เลวหมายเลขสองเผลอปล่อยแขนผมในทันทีเมื่อไอ้เด็กใหม่ถูกกระชากแล้วโยนลงพื้น คือกูจะไม่อะไรเลยไงถ้าไอ้หล่อเลวไม่โยนไอ้น้ำปั่นมากลางวงแบบนี้ ไอ้ใจมาร! ถ้ากูหลบไม่ทันแล้วโดนเด็กนี่ทับจะทำยังไง มึงมีปัญญาหาคนหล่ออย่างกูคืนสุดที่รักไหมไอ้ฟายยย
“...ออกไป” เออ! ไม่ต้องไล่กูก็จะออกไปอยู่แล้วไหมไอ้ชั่วร้าย!
ผมหมุนตัวไปทางประตูทันที วินาทีนี้อยากพยุงไอ้น้ำปั่นที่กองอยู่ตรงพื้นขึ้นมาก่อนเหมือนกันแต่สมองผมมันรวนไปหมด สองขาเตรียมก้าวเดินออกจากห้องแบบไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งนั้น ถ้าไม่ติดที่ว่า...
ไอ้บอดี้การ์ดคนหนึ่งมันมายืนขวางหน้าประตูไว้ WTF! หลีกทางกรู๊ววว
“กูบอกให้ออกไป” คราวนี้น้ำเสียงทรงเสน่ห์เข้มขึ้นกว่าเดิม ผมเผลอตวัดตามองมันชั่ววูบหนึ่งจึงได้รู้ว่าคนที่อาคเนย์พูดด้วยไม่ใช่ผม แต่เป็นไอ้เลวหมายเลขสองที่กำลังยืนพิงกำแพงอย่างสบายอารมณ์อยู่
“เผอิญกูไม่อยากพลาดเรื่องน่าสนุกว่ะ หึ”
อาคเนย์ไม่ได้โต้ตอบ ร่างสูงเคลื่อนกายลงจากเตียงโดยที่ทั้งตัวมีแต่บ๊อกเซอร์อวดหุ่นสมบูรณ์แบบแล้วหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำที่วางกองอยู่ขึ้นมาสวมใส่อย่างไม่รีบร้อน นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงเหลือบมองฝาแฝดของตนเองก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“ลู่ฟางกำลังมา” ฉับพลันนั้นพายัพก็มีท่าทีเปลี่ยนไปชั่ววูบหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาหุบรอยยิ้มก่อนที่นัยน์ตาสีเทาจะฉายความรำคาญ
“ไปเคลียร์เรื่องสนุกของมึงก่อนจะดีกว่า...หึ”
อาคเนย์ต่อประโยคจนจบ ฉับพลันนั้นร่างของน้ำปั่นก็ถูกลากออกไปนอกห้องโดยบอดี้การ์ดที่เข้ามาใหม่ ผมเห็นพายัพกลอกตาวูบหนึ่งก่อนจะเดินออกไปนอกห้องอย่างเสียไม่ได้ แถมยังไม่ลืมทิ้งท้ายไว้อีกว่า
“ความใจเย็นของมึง...จะทำให้ลูกเจี๊ยบโดนหมาคาบไปแดก” รอยยิ้มร้ายตรงมุมปากของไอ้เลวหมายเลขสองเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนประตูจะปิดลง
“....”
แล้วยังไง? ก็เหลือกูที่ยืนแดกจุดอยู่ในห้องน่ะสิถามได้! โฮกกก ทำไมพวกมึงออกไปกันแล้วไม่เอากูไปด้วยวะ ทิ้งกูให้อยู่ในห้องกับไอ้เลวชั่วร้ายแบบนี้ได้ยังไง ใจคอทำด้วยอะไรไอ้พวกไร้คุณธรรม!
ฉับพลันนั้นผมก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง ไอ้หล่อเลวเท้ามือกับประตูห่างจากใบหน้ากันไม่กี่เซนต์ ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดซอกคอทำเอาผมขนลุก และต้องยิ่งสะดุ้งเข้าไปอีกเมื่อแขนแกร่งตวัดมารัดเอวดันร่างให้แผ่นหลังแนบชิดกับอกอุ่นร้อน
“กูบอกไว้ว่ายังไง”
“แล้วมึงเหลือทางออกให้กูไหมล่ะ บอกให้ลูกน้องมึงข้างนอกเปิดประตูสิไอ้ชั่วกูจะได้ไปให้พ้นๆหน้า!”
ผมดิ้นจะแกะแขนมันออกจากเอวแต่ดันโดนรวบมือไว้ซะงั้น ไม่รู้ว่าเผลอใส่อารมณ์แรงไปหรือเปล่าน้ำตาถึงเริ่มเล็ด ผมกระพริบตาถี่ๆแล้วปรับอารมณ์ให้คงที่ จังหวะนั้นร่างทั้งร่างก็ถูกพลิกให้เผชิญหน้ากับไอ้เวรอาคเนย์พอดิบพอดี
“มึงหมดโอกาสแล้ว”
ไอ้เชี่ย! แล้วที่ไล่กูเมื่อชั่วโมงก่อนมันคืออะไรวะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกูปรับตัวตามไม่ทันนะไอ้สัด
“ย้ายของเข้ามาอยู่ที่นี้ซะ” ห้ะ?!
“ทำไมกูต้องย้าย! มึงมีเด็กใหม่แล้วดังนั้นกูจะอยู่ที่เดิม ถ้ามึงอยากนักก็ไประบายกับไอ้น้ำปั่นนู่นไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก บอกให้เด็กใหม่มึงย้ายเข้ามาสิ ไม่ต้องมาบอกกูไอ้เลว!”
ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องพูดถึงไอ้เด็กน้ำปั่น แต่ยิ่งผมพูดยิ่งอารมณ์ขึ้นจนหยุดไม่อยู่แล้วไง สัด...นี่อย่าบอกเชียวนะว่าผมโมโหมันเรื่องนี้มากกว่าเรื่องที่มันไล่อ่ะ ผมควรดีใจสิไม่ใช่หน่วงในอกแบบนี้!
“กูอยากกับมึง...ไม่ได้อยากกับมัน”
คราวนี้ผมตาค้างกับคำพูดหยาบโลนของไอ้หล่อเลวไปสองวิ ไอ้ชิบหาย...พูดออกมาซะกูรู้เลยไงว่าตัวเองเป็นอะไรสำหรับมัน นี่เลื่อนขั้นจากลูกหนี้ให้เป็นนายบำเรอแล้วสินะ เหอะ! ไอ้ชาติชั่ววว
“แล้วมึงไปเอามันทำไมล่ะ!” เดี๋ยวนะ กูควรด่ามันหนักๆ ไม่ใช่ไปถามต่อแบบเน้!
ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงผมที่หอบหายใจและจ้องใบหน้าหล่อเหลาตาเขียวปั๊ด อาคเนย์กดตามองลงมาด้วยความฉงน ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้นแววตาของมันก็เกลื่อนไปด้วยความชั่วร้ายวูบหนึ่ง
“...หึงหรือไง”
“ค...ใครหึงมึง! ไม่มี๊ อย่ามาหลงตัวเองนะไอ้สัด ชั่วๆแบบมึงกูไม่หึงให้เสียเวลาหรอกเว้ย...อึ่ก!”
ไอ้หล่อเลวผลักผมติดประตูก่อนจะเลื่อนมือที่โอบเอวเมื่อครู่ขึ้นมาบีบคอ มันลงแรงก่อนจะคลายออกในเสี้ยววินาทีที่ผมไอค่อกแค่ก ให้เดาไอ้เชี่ยนี่คงอยากฆ่าผมที่ด่ามันไปซะหลายคำชัวร์ ผมหมดแรงต่อต้านจนร่างไถลไปกับประตู และคงกองไปกับพื้นถ้าไม่ติดที่มือข้างเดิมอ้อมมาพยุงเอวไว้เสียก่อน
“ไอ้...กูไม่รู้จะสรรหาคำไหน แค่กๆ มาบรรยายความเลวของมึงแล้ว!”
ตุ้บ!
อาคเนย์ปล่อยร่างของผมให้ร่วงตุ้บลงกับพื้นทันที มันมองมาด้วยแววตาไม่ยินดียินร้ายก่อนจะเดินไปทางโต๊ะตัวหนึ่งตรงมุมห้อง
“กูก็ไม่ได้บอกว่ากูเป็นคนดี” น้ำเสียงทรงเสน่ห์ที่พาให้ใครต่อใครหลงติดกับทำเอาผมสั่นสะท้าน ไม่ใช่หลงใหลแต่เป็นสะพรึงกลัวกับบรรยากาศบางอย่างที่เริ่มไม่น่าเข้าใกล้อีกครั้ง
พรึ่บ!
กระดาษแผ่นหนึ่งถูกโยนมาตรงหน้า ผมมองภาพในนั้นก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกร้อนผ่าวที่กระบอกตาอันเกิดจากความกดดันภายในกาย สายตาจ้องมองเพียงภาพของสุดที่รักซึ่งกำลังยืนขายของอยู่ภายในร้านอาหาร ความสุขอันเกิดจากการประกอบอาชีพที่เธอรักส่งผลให้ผู้หญิงในภาพยิ้มสวยเสียจนคนมองตาพร่า
“เลือกมา...ระหว่างสิ่งนี้” นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงปรายมองภาพบนพื้นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้อีกครั้ง
“....”
“กับการยกทุกอย่างของมึง...” ใบหน้าของผมถูกเชยคางให้เงยขึ้นสบมองคนด้านบน อาคเนย์เว้นช่วงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหู
“ให้กู”
ราวกับลมหายใจถูกช่วงชิง สมองผมตื้อไปหมดเมื่อริมฝีปากร้อนเคลื่อนมาประกบจูบอย่างไม่ปรานี ร่างทั้งร่างสั่นไหวคล้ายอับจนไปหมดทุกหนทาง ผมถูกมันต้อนจนมุม...มองเห็นแต่ทางตันที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง ความเกรี้ยวกราดที่มันกล้าเอาสุดที่รักมาขู่ถูกกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา สองมือยกขึ้นก่อนจะทุบลงบนแผงอกหนาอย่างเคียดแค้น แต่ถึงกระนั้นไอ้ชั่วนี่ก็ไม่ผละห่างอยู่ดี
จนกระทั่งผมทุบมันหนักขึ้น ไอ้หล่อเลวถึงได้ถอนริมฝีปากออกก่อนจะรวบมือทั้งสองข้างไว้ไม่ให้ประทุษร้าย ผมจ้องมันผ่านม่านน้ำตาเขม็งก่อนจะกล่าวเสียงเครือ
“อย่ายุ่งกับสุดที่รักกู...ไอ้เชี่ย มึงจะเอาอะไรก็เอาไปแต่ห้ามยุ่ง!”
“ว่าง่ายสมกับเป็นเด็กกู หึ”
แม้จะพูดคล้ายหยอกล้อเหยื่อ ทว่าใบหน้าของอาคเนย์กลับไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง มีเพียงประกายตาพึงพอใจที่ฉายชัดชั่วครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาเรียบเฉยดังเดิม
“มึงใจร้ายมากนะไอ้สารเลว มึงได้ไปหมดแล้วยังจะเอาอะไรจากกูอีก! ฮึก...”
“หยุดร้อง...รำคาญ” คล้ายจะเคยได้ยินคำพูดทำนองนี้มาก่อน
ผมไม่ได้สนใจว่าไอ้หล่อเลวมองมาด้วยสายตาแบบไหน เพราะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนโดนมันอุ้มไปโยนลงตรงโซฟา ผมชันเข่าขึ้นมากอดก่อนจะซุกหน้าลงไปบนนั้น อย่าหวังว่ากูจะเงยหน้ามองมึงให้เสียลูกตาเลยไอ้กร๊วก!
“อยู่กับกู...แล้วมึงจะได้ส้มตำวันละมื้อ” น้ำเสียงเฉยชาของอาคเนย์ทำเอาผมชะงักก่อนจะเผลอเงยหน้าเหลือบตามองมันชั่วครู่หนึ่ง
เชรด! มันกล้าเอาส้มตำมาล่อลวงผม คิดว่าคนอย่างผมจะตกหลุมพรางเพราะเรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้เรอะไอ้สมองไร้รอยหยัก!
“คิดว่ากูใจง่ายกับเรื่องแค่นี้หรือไงไอ้สัด! ว่าแต่...จริงหรอวะ?”
“....” ไอ้อาคเนย์ไม่ได้ตอบรับกลับมา แต่สายตาของมันบ่งบอกว่าพูดจริงทำจริง
“ชิ! ถ้ากลับคำกูจะเอาครกฟาดหน้ามึง”
เออ! มันคิดถูกที่เอาส้มตำมาล่อผม เปล่านะ ไม่ได้เห็นแก่กินแค่ชีวิตขาดส้มตำไม่ได้เฉยๆ! คือตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ผมแทบไม่มีโอกาสได้กินเลยไง ต้องไปลักเล็กขโมยน้อยมาตำกินอย่างยากลำบาก โปรดเข้าใจวิถีคนเพียรพยายามจะแดกหน่อยเถอะสาส
ไอ้หล่อเลวทำหน้าว่างเปล่าชั่วขณะหนึ่งคล้ายไม่ได้ถือสาคำพูดเมื่อกี้นี้ของผม สีหน้ามันราวกับไม่คาดคิดว่าผมจะตกปากรับคำได้ง่ายดายปานนี้ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งน้ำตาไหลเป็นเขื่อนแตกอยู่เลย
หึ...ในเมื่อมันอยากให้ผมมาอยู่กับมันนักผมก็จะอยู่! แล้วมึงจะได้รู้เลยว่าความวุ่นวายที่แท้จริงมันเป็นยังไงไอ้อาคเนย์!
ตอนนี้ผมขนของเข้ามาในคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว ความจริงผมไม่ได้ขนหรอก เพราะแค่ไอ้พวกชุดดำรับคำสั่งไอ้หล่อเลวคำเดียวของทั้งหมดก็ถูกย้ายไปไว้ในห้องชั้นสองภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ผมเห็นไอ้พี่ถังยืนยิ้มกริ่มก่อนจะพูดลอยๆเข้าหูตอนที่ผมเดินผ่าน
“เป็นเด็กนายน้อยจนได้นะมึง” อะฮึก...หุบปากไปเลยเว้ย กูทำเพื่อสุดที่รักหรอกส้มตำไม่เกี่ยว! อีกอย่างอย่าคิดว่ากูจะให้ไอ้ชั่วนั้นได้แตะต้องเป็นครั้งที่สาม เหอะ!
ส่วนน้ำปั่น...ผมไม่เห็นหน้ามันอีกเลยตั้งแต่ออกมาจากห้องดำ
“พี่ไปงี้ผมก็เหงาแย่เลยดิ รักษาเนื้อรักษาตัวก่อนวัยอันควรนะพี่” ไอ้สัดสนร่ำลายังกับกูจะไปตาย เล่นเอาต้องยกมือตบกบาลมันไปหนึ่งทีอย่างอดไม่ได้
“สัด! ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ กูไม่ได้ย้ายไปไกลเลยไอ้เด็กเวร”
ผมแยกย้ายกับบรรดาคนรู้จักด้านนอก แม้จะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังทำงานบ้านนะเว้ย ขืนงอมืองอเท้าเดี๋ยวไอ้หล่อเลวหาเรื่องเพิ่มดอกเบี้ยผมอีก เสือกงกไม่มีใครเกินด้วยไง
ดูเหมือนมันจะออกไปข้างนอกหลังปล่อยผมออกจากห้องดำ ห้องใหม่ของผมต่างกับห้องเดิมราวฟ้ากับเหว เล่นเอากูอ้าปากค้างและไม่กล้าเข้าไปเหยียบ ไม่ใช่ไม่ดีแต่มันดีเกินไป ทุกอย่างที่ได้มาฟรีบอกเลยกูไม่ไว้ใจอย่างแรง ไม่ใช่ว่านี่เป็นห้องอาบยาพิษหรอวะไอ้เชี่ย หรูหราฟู่ฟ่าเสียจนกูตาพร่าไม่กล้าใช้งานเลยสัด!
แต่วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้วว่ะ คือผมเจอแต่เรื่องเครียดๆ ชีวิตจะเอาไงต่อไปยังไม่รู้เลย ไม่ใช่ผมไม่เครียดนะเว้ย จะให้ไปหยิบยืมเงินคนอื่นเพื่ออิสระของตัวเองมันก็ไม่ใช่เปล่าวะ
อีกอย่างคือผมยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกโกรธตอนที่ไอ้หล่อเลวนอนกับน้ำปั่น แถมยังไม่ฉวยโอกาสที่ได้รับเพื่อปลดพันธนาการหนักอึ้งของตัวเองอีกต่างหาก เรียกได้ว่าโง่เง่าคูณสอง ยิ่งกว่าไอ้สัดแข็งผู้เป็นน้องชายตอนมันโวยวายจะเอาถ่านมาเขียนคิ้วเล่น!
ว่าแล้วก็จัดการอาบน้ำนอน ทว่าตอนผมกำลังจะหลับตาปุ๊บ เสียงโทรศัพท์ก็ดังปั๊บ
~ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ~
สัด...กูจะนอนไอ้เชี่ยที่ไหนมันโทรมาตอนเน้!
“ฮัลโหล! กูจะนอ...”
(มึงไม่ได้อยู่บ้านหรอวะ) ผมชะงักกึกก่อนจะตื่นเต็มตาเมื่อได้ยินเสียงไอ้จอมพลลอยมาตามสาย
“เออ! กูมานอนบ้านญาติ มึงมีไร” ผมแถด้วยน้ำเสียงระรื่นทั้งที่เหงื่อตก จากนั้นก็พลิกตัวเอาหน้าซุกหมอนและกำผ้าห่มไว้แน่นเป็นกิริยาอาการลุ้นระทึกอย่างถึงที่สุด
(กูอยู่หน้าบ้านมึงเนี่ย แวะเอาของมาฝากไว้ พอดีกูจะไปต่างประเทศสามวันว่ะ) ห้ะ! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกรู๊ววว บ้านมึงออกจะใหญ่โตไม่มีที่วางของหรอวะ
“เออๆ เอาฝากสุดที่รักกูไว้แล้วกัน” ไม่ต้องห่วงว่าแม่จะบอกเรื่องผมมาอยู่ที่นี่กับใคร เพราะผมกำชับไว้เรียบร้อยแล้ว
(หึๆ หวังว่ากูไม่อยู่สามวันมึงจะไม่ไปพ่นหมาในปากใส่ใครเข้าล่ะ)
“ไอ้สาส! เดี๋ยวกูจะพ่นใส่มึงตอนนี้นี่แหละไอ้เชี่ยพล!”
(...หวังว่ามึงจะพ่นใส่กูแค่คนเดียว)
ผมเลิกคิ้ว ไอ้เชี่ยพลมันอยากรับคำด่ากูคนเดียวขนาดนี้เลยหรอวะ บรรยากาศบางอย่างที่ปลายสายจงใจส่งมาให้ทำเอาผมลังเลที่จะเล่นกับมันเหมือนเคย เฮ้ย! คงไม่ใช่หรอกมั้ง อย่างไอ้พลเนี่ยนะกำลังอ่อยผม คือถ้ามันคิดอะไรกับผมจริง ผมไม่รอดมาจนถึงตอนนี้หรอก!
“มึงดูจะพิศวาสกูมากเลยนะ สัด...คิดอะไรกับกูป่ะเนี่ย” ผมแกล้งถามให้มันขนลุกเล่น อยากเสือกอ่อยกูดีนักเดี๋ยวกูจะส่งความรู้สึกขนลุกกลับไปให้!
เอิ่ม...แล้วทำไมอยู่ๆก็เป็นกูที่ขนลุกเสียเองล่ะวะ
“คุยกับชู้สนุกไหม” น้ำเสียงเย็นเฉียบกระซิบชิดริมหูอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
อะเฮือก!
เชี่ย! ผมสะดุ้งจนรับรู้ได้ถึงแผงอกที่ทาบทับอยู่ด้านหลัง นิ้วมือก็รีบกดตัดสายไปเองอัตโนมัติ ไม่ใช่ว่าไอ้สัดพลได้ยินไปแล้วนะ ตาย...ตายแน่! ถ้ามันรู้กูโดนมันซักฟอกตายห่า!
“ชู้เชี่ยไรนี่เพื่อนกู มึงถอยออกไปห่างๆเลยอึดอัดว่ะ อึก!”
ผมยอมรับว่าตกใจนิดๆที่มือหนาเอื้อมมาบีบข้อมือข้างที่ถือโทรศัพท์แน่นจนมันร่วงลงไปกับเตียง จากนั้นไอ้หล่อเลวก็หยิบสมาร์ทโฟนของผมขึ้นมาและเขวี้ยงผ่านหน้าต่างห้องไปอย่างรวดเร็ว...ชั้นสองของบ้านนี่ไม่ตลกนะสัด
ไอ้ห่าราก! กูนี่ถึงกับตาค้างเลยไง รู้ไหมว่านั่นมันกี่บาทไอ้รวยไร้สมอง โยนของคนอื่นทิ้งอย่างนี้ก็ได้เรอะไอ้ชั่วช้าสามานย์!
“ยังอยากมีลิ้นอยู่ไหม...โซดา”
การที่ไอ้หล่อเลวมันลงท้ายประโยคด้วยชื่อผมไม่ได้ทำให้คำพูดข้างต้นลดความน่าสะพรึงกลัวแม้แต่นิด และยิ่งตอนที่ผมเอี้ยวตัวกลับไปมองมันด้วยแล้ว...
ไอ้สัด...กูถึงกับต้องหันมาดังเดิมเลยไง แววตาน่ากลัวชิบหายยังกับกูไปฆ่าพ่อล่อแม่มันมาก็ไม่ปาน!
จากที่ตั้งท่าจะด่าวินาทีนี้กูขอสงบปากสงบคำก่อนเถอะ โฮกกก
Writer talk2
บ้านไรท์ฝนตก ประเด็นคือลมมาอย่างรุนแรง =3= แต่ไม่รู้จะแรงเท่าพี่อาคในตอนนี้หรือเปล่านะคะ//หลบปืน เราเคยเตือนแล้วว่าพี่อาคเลว ห้ามหลงภาพลักษณ์ภายนอกของพี่อาคแบบไรท์เด็ดขาดค่ะ ความจริงแล้วนางเป็นประเภทตัดสินใจเด็ดขาด อยากได้อะไรก็ต้องได้ เห็นมีเรือผีมาแวบๆ ขอโทษด้วยที่ไรท์ต้องจมเรือของคุณเพราะพายัพไม่ใช่คนไร้เนื้อคู่ค่ะ ฮิ้ววว//หลบมือแม่ยก
รักรีดเดอร์
Writer talk
ต่อพรุ่งนี้นะคะที่รัก วันนี้ไรท์ไม่ไหวแล้ว ยังไม่ได้ตรวจคำผิดเลย ฮือ เดี๋ยวไล่ตรวจอีกทีนะคะ ปกติลงปุ๊บจะตรวจปั๊บมันเลยขึ้นแจ้งเตือนช่วงที่ลงแรกๆประมาณสองสามครั้ง วอนอย่ารำคาญเค้าน้า//วิ่งหลบ ที่เอามาลงก่อนตรวจคำผิดเพราะกลัวรอนานค่ะ บางคนเที่ยงคืนยังไม่หลับไม่นอนเห็นเม้นท์ว่ารอไรท์ กดดันกันให้รู้สึกผิดหรอคะ? อยากบอกว่ามันได้ผล 555 แล้วพบกันค่า
#สามารถติดตามข่าวสารการอัพนิยายได้ที่เพจค่ะ >>คลิ๊ก<<
รักรีดเดอร์
ภาพแฟนอาร์ตจากคุณ Toaa Panthita ค่ะ น่าร๊ากกกก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านอารมณ์หน่วงอกอยู่ดีๆ
ส้มตามาจากไหนนนน
ฮาลั่นสิ 55555+
ยังยืนยันว่าพี่อาคต้องไปฝึกวิชาดำดินกับป้าบัวตั้งแต่เด็กเป็นแน่เเท้