ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [V] รัตติกาล..แวมไพร์..เลือด !! [Super Junior] Yaoi .*

    ลำดับตอนที่ #5 : Vamp!! 4 :: กลับมา. .~

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 52






                 ทางเดินสองข้างทางหรือไม่แม้แต่ทางด้านหน้าหลัง ต่างประดับประดาไปด้วยความมืดมิดที่แทบจะมองไม่เห็นสิ่งต่างๆ รอบกาย  ขาเรียวก็ยังคงเดินต่อไป โดยเจ้าตัวยังไม่สามารถที่จะรู้ถึงจุดหมายที่ตนจะเดิน  ได้แต่เดินเพื่อให้ความทรมานในร่างกายจางหาย ความทรมานที่แทบจะทำให้ร่างบางทั้งร่างแหลกเหลว

     

    อื้มม ม. .อ๊าาา. . ได้แต่ครางส่งเสียงออกไประบายความเจ็บปวดภายในที่มี  ตัวบางทรุดลงเมื่อทนต่อไปไม่ไหว  พิงหัวไว้กับสิ่งที่น่าจะเป็นกำแพงทางด้านหลัง  มือบางได้แต่บิดเสื้อเชิ้ตตัวบางเพียงตัวเดียวของตัวเอง

     

    จิ๊ดดๆๆ ๆ

     

    ตุ้บๆ ๆๆ  ทั้งเสียงร้องและเสียงฝีเท้าที่เชื่อได้ว่าต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหนูอย่างแน่นอน พากันวิ่งและส่งเสียงเจื้อยแจ๋วกันในยามราตรี ปริมาณคงไม่ต้องบอกว่า. .ไม่ต่ำกว่าสิบตัว  แต่กระนั้นคนเจ็บจากภายในหรือเล่าจะสนใจ  เฝ้าแต่คิดถึงชะตากรรมต่อไปที่จะพบเจอ . .คิดถึงคนรักที่ตนตีจากมา  จนกระทั่งบัดนี้ยังหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ ว่าทำไมถึงออกรับความเจ็บปวดคนเดียวเช่นนี้. .

     

                เสียงหายใจระรัวถี่ขึ้นมือบางยังคงกอบกุมคอเสื้อของตนหวังระบายความเจ็บปวด แต่นั่น...ก็ไม่ได้ทำให้มันลดลงเลย ความอึดอัดแล่นพล่านไปทั้งกาย ร่างสวยทิ้งตัวลงกับพื้นทันทีความรู้สึกที่เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ จนสายตาสวยเริ่มหรี่เล็กลงไปเรื่อย ความรู้สึกสุดท้ายที่เข้า คือภาพของร่างใครบางคนที่เข้าสู่กระจกตา ก่อนจะสิ้นสติลงไป

     

     

     

         

          "อื้ม...."

     

             เสียงครางในลำคอระหงเบาๆ แพรขนตาหนาค่อยๆขยับก่อนเปลือกตาบางจะเปิดต้อนรับภาพใหม่ๆเข้าสู่ดวงตา

     

          "ที่นี่...." ร่างบางพูดเบาๆก่อนจะพยามดันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง

     

          "ตื่นแล้วเหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยทำให้จองซูต้องหันไปมอง

     

          "ชีวอน..."

     

          "อื้ม นายไปทำอะไรที่ถนนสกปรกแบบนั้นน่ะ ดื่มชาก่อน" พูดพรางยื่นถ้วยน้ำชาอุ่นๆให้ไป จองซูรับมาก่อนจะยกมันจิบลงคอไป แล้วอยู่ๆอาการกระหิดกระเหียนก็บังเกิดคนตัวเล็กโก่งคอก่อนรีบวางถ้วยชาในมือลง ชีวอนยื่นถังขยะใบน้อยข้างเตียงให้คนตัวเล็กรับมันไปก่อนของเหลว โลหิตสีดำ จะไหลออกมาจากปาก

     

          "ชีวอน...ช่วยฉันด้วย....." จองซูเอ่ยอย่างอ่อนเพลียก่อนตัวบางจะทรุดลงไปนอนกับเตียงทันที

     

    จองซู ! !!” ปราดเข้าหาคนตัวเล็กที่เกือบสิ้นสติอย่างรวดเร็ว ช้อนร่างบางเข้าสู่อ้อมอก ลมหายใจรัวระรินกับจังหวะหัวใจที่เต้นเร็วที่ส่งผ่านร่างกายมานั้น ทำให้ต้องกระชับอ้อมอกนั้นเข้าอีก ตาคมพิจารณาร่างบอบบาง

     

    ตาหวานที่ฉ่ำ และเหมือนจะปิดเข้าทุกวินาที ปากบางที่พร่ำเรียกชื่อเขาไม่หยุด ผิวกายสีขาวอมชมพูก็กลับกลายเป็นแดงดั่งเลือด ริมฝีปากมีเลือดซึมเล็กน้อยกับการที่ร่างเล็กพยายามหยุดยั้งความทรมานด้วยการกัดริมฝีปาก เลือดที่ดูน่าแปลก. .เลือดที่ทำให้ร่างสูงยกยิ้ม. .เลือดที่ไม่ใช่สีแดงเยี่ยงมนุษย์  แต่เป็นสีที่เขารู้จักดี ..สีดำอีก 

     

    . .สีเลือดแห่งแวมไพร์ 

     

    มือหนากางออกวางไว้บนหน้าผากบางที่ร้อนระอุ การพิสูจน์สมมติฐานเริ่มขึ้น ปากของร่างสูงพึมพำบางอย่าง ซึ่งนั่นก็เป็นการทำให้สติของอีทึกห่างหาย 

     

    . .บทสรุปของสมมติฐาน อีทึกเป็น. . . . . .แวมไพร์  

     

    เวทย์อ่อนๆ เมื่อสักครู่เป็นการทำสติเหือดหาย หากเป็นมนุษย์ธรรมดาจะไม่เกิดอันใดขึ้น แต่นี้เห็นได้ชัดว่ามีปฏิกิริยากับเวทย์ที่ชีวอนสร้าง  ร่างเล็กถูกผละออกจากอ้อมอกแกร่งด้วยฝีมือชีวอน ก่อนที่ร่างสูงจะวางจองซูลงบนเตียงช้าๆ  หยิบโทรศัพท์สีดำเครื่องเฉียบออกจากห้องนอนไป

     

     

     

     

                "ว่าไง...."

     

                "นายจะเชื่อฉันไหมน้า. . . .ว่าตอนนี้ใครอยู่กับฉัน"

     

                "แล้วใครล่ะ"

     

                "ก็...จองซู"

     

                "หืม....ไปเอามาไงล่ะเนี้ย"

     

                "เรื่องแบบนี้ก็นะ..."

     

                "เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำเวลาของพวกเรามาถึงแล้ว"

     

                "หึ นั่นสินะ ฉันรอเวลาจะเห็นพวกมันสูญพันธุ์จนทนไม่ไหวแล้วล่ะ" เสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายดังขึ้นก่อนพูดต่อ

     

                "รอหน่อยล่ะกันน่ะ อีกไม่นานหรอก แค่นี้ล่ะกันนะ ฉันต้องทำงาน"

     

                "หึ จริงจังด้วยเหรอ คุณครูห้องพยาบาลคนใหม่"

     

                "ฮ่าๆ นิดนึงน่า แค่นี้ล่ะกันนะ เจอกัน" ว่าแล้วคุณครูก็ตัดสายทิ้งก่อนนิ้วกลางจะดันแว่นขึ้นในระดับประมาณสายตา รอยยิ้มถูกยกขึ้นกับความคิดภายในสมอง

     

                "แวมไพร์...กับมิคาเอลมันอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกนะ"  

     

     

     

     

     

     

     

                แดดส่องอ่อนๆของเวลาบ่ายเวลาที่น่านอนเหลือเกิน

     

                "ฮยอก...เมื่อไหร่ซองมินจะมา...."

     

                "ถามฉันแล้วฉันจะไปถามใคร" อึนฮยอกตอบพลางมองไปที่เก้าอี้ตัวข้างๆที่ว่างเปล่า ตั้งแต่วันนั้นเพื่อนของเขาก็ไม่กลับมา

     

                "ฮยอก...." ทงเฮที่เอาหน้าฟุบโต๊ะเรียกเพื่อนทำให้เขาต้องเสหน้ามามอง

     

                "คืนนี้ไปที่ผับกัน" 

     

                "ห๊ะ!!" ไก่น้อยตาโตทันทีทำให้ทงเฮต้องเหยียดตัวขึ้นมาแล้วบิดขี้เกียจ

     

                "จะเสียงดังทำไม ฉันบอกคืนนี้ไปผับกัน เผื่อเราจะได้เจออะไรเกี่ยวกับซองมินบ้าง"

     

                "เห..."

     

                "มันก็ดีกว่าเราอยู่เฉยๆนะ" ทงเฮพูดทำให้อึนฮยอกเริ่มเห็นด้วย ตอนนี้พ่อแม่ของซองมินก็ตามหาตัวซองมินให้ขวักแล้วเขาสองคนจะไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ.... ตัดสินใจเสร็จสองเพื่อนรักก็ตกลง คืนนี้ที่ผับเดิม....

     

     

     

     

     

    พระอาทิตย์เคลื่อนคล้อยลงกลับสู่เส้นขอบฟ้าเข้าพักผ่อน ปรับเปลี่ยนเวรการทำหน้าที่ฉายแสงให้แก่พระจันทร์  แสงสีนวลสุกสกาวในคืนเดือนเพ็ญ . .แสงที่ทำให้ใครก็ตามหากได้มองมันลุ่มหลง   แต่กระนั้น. .เหล่าผู้คนที่เดินเข้าผับแห่งนี้กันให้ขวักไขว่คงไม่มีกระจิตกระใจจะแหงนหน้าขึ้นมองสิ่งสวยงามตามธรรมดานี้สักเท่าไหร่  สายตาและสมองของหลากหลายคนพลันคิดถึงแต่ ความสุขสันต์ที่จะได้จากการเดินเข้าไปภายใน. .ความสุขจากการดื่ม และ. . . .ความสุขจากร่างกาย

     

    ฮยอก. .เราจะหาซองมินจากทางไหนก่อนดีล่ะ เมื่อเข้ามาภายในตาหวานก็กวาดสายตามองไปทั่ว หวังจะให้เจอเพื่อนรักที่ตามหา แต่. . . .โชคคงไม่เข้าข้างขนาดนั้น  สิ่งที่มองเห็นก็มีแต่ผู้คนหลายหลากที่เต้น และดื่มกันอย่างเมามันส์ไปตามเสียงเพลงที่ดังกระฉ่อน   คนถูกถามหันมองก่อนตอบ

     

    ฉันว่า. .แยกกันหาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ใช่ว่าอึนฮยอกจะไม่ห่วงร่างเล็กข้างกาย แต่ถ้าเขาไม่บอกอย่างนี้ออกไป ทงเฮก็ต้องเป็นคนพูดอยู่ดี เพราะงั้น. .ชิงพูดก่อนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

     

    อื้มม ม . .งั้นฉันไปทางซ้าย นายไปทางขวาละกัน. .แล้วเดี๋ยวค่อยสลับด้านกันหา จะได้ทั่วๆ   อึนฮยอกพยักหน้าตอบ แต่คำตอบนั้นทงเฮดันไม่เห็นเพราะเจ้าตัวคนพูด พูดเสร็จก็เดินออกไปด้วยความร้อนรน

     

     

     

     

                ทงเฮเดินหาเพื่อนรักให้ทั่วแต่ก็ไม่พบใครร่างที่คุ้นเคยเลยสักนิด จนกระทั่งสายตามาบรรจบกับใครบางคน

     

                "คิบอม!!!" ทงเฮตะโกนดังลั่นหวังให้มันดังกว่าเสียงเพลงในผับที่ดังอื้ออึง ร่างสูงหันตามเสียงเรียกก่อนคนตัวเล็กจะพยามเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปหาร่างสูง

     

                "ดีใจที่เจอนาย" ทงเฮเอ่ยเสียงเริ่มเหนื่อยจากอากาศภายในที่ไม่ค่อยสดใสนักอีทั้งฝูงคนเยอะแยะมันทำให้เค้าหายใจไม่ค่อยออก

     

                "นายชอบมาที่แบบนี้นักเหรอ??"คิบอมถามสายตาเรียบเฉย ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกอะไรแต่ทงเฮดูไม่ใช่คนที่จะเหมาะกับที่นี่

     

                "เปล่านะ..ฉันมาตามหาเพื่อน"

     

                "เพื่อน??"

     

                "อื่อ ซองมินตั้งแต่วันที่เรามาเที่ยวที่นี่เค้ายังไม่กลับมาเลย" ทงเฮพูดสายตาหลุบต่ำด้วยความเศร้าส่วนคิบอมที่ฟังเรื่องก็เสไปมองอีกคนที่ยืนไม่ห่างนัก คิม ฮีชอล...

     

                "แล้วทำไมถึงมาที่นี่"

     

                "ก็เผื่อจะมีร่องรอยไง ว่าแต่นายเห็นอะไรเกี่ยวกับซองมินบ้างไหม" ทงเฮถามอย่างมีความหวังแต่คิบอมกลับส่ายหัวทำให้ดวงตาใสต้องขุ่นมัวอีกครั้ง

     

                "ทงเฮ!!!"เสียงเรียกทำให้ปลาน้อยต้องหันไปแล้วก็พบเพื่อนรักที่เดินมาอยู่ข้างกายเรียบร้อยแล้ว

     

                "นายมาทำอะไรตรงนี้"

     

                "ฉันก็มาถามกับคิบอมไงเผื่อว่าคิบอมจะมีข้อมูลบ้าง"

     

                "แล้วได้อะไรไหม" อึนฮยอกถามเพื่อนแต่คำตอบกลับเป็นการส่ายหัวน้อยๆ ทำให้อึนฮยอกเริ่มหมดความหวัง

     

                "ฉันว่าพวกนายสองคนรีบออกไปจากที่นี่เถอะมันไม่เหมาะกับพวกนาย" คิบอมพุดทำให้อึนฮยอกต้องหันไปมอง

     

                "มันเหมาะกับคนอย่างนายงั้นสิ" ไม่มีคำตอบรับมีเพียงสายตาเย็นๆที่ส่งกลับมา

     

                "ฉันว่าเราไปกันเถอะ ซองมินคงไม่อยู่ที่นี่แล้ว"

     

                "แต่..." ทงเฮทำท่าจะเอ่ยเถียงแต่ก็หมดประโยชน์เมื่ออึนฮยอกลากเขาออกมาด้วยความรุนแรง ในใจไม่ชอบเลยที่โดนเพื่อนรักมาบังคับ แต่ในใจตอนนี้กลับมีแต่ซองมินเต็มไปหมด ความเป็นห่วงที่เพื่อนรักตอนนี้จะเป็นเช่นไร. .?  กำลังเจ็บปวดอยู่รึเปล่า. .?  หรือจะถูกจับไปเรียกค่าไถ่. .!! ?    คำถามหลากหลายที่ทำให้ยิ่งเป็นห่วงซองมินมากกว่าเดิม ส่วนลึกเพียรให้กำลังใจตัวเอง  

     

                . .อย่าเป็นอะไรนะ ซองมิน 

     

     

     

     

     

     

                อีกหนึ่งฝั่งของคิบอม และฮีชอล ที่ทงเฮและอึนฮยอกเดินออกไปแล้ว ตาคมของคิบอมมองหน้าฮีชอลด้วยสายตาแข็งกร้าว ประกายสีแดงในนัยน์ตาพราวระยับ

     

                เด็กคนนั้นอยู่ไหน? ??  คำถามที่ทำให้คิ้วฮีชอลกระตุก เป็นการกระตุกที่ไม่มาก จึงทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็น

     

    เด็กไหน ? แม้จะรู้ว่าเด็กที่คนตรงข้ามหมายถึงคือใคร แต่เรื่องนี้ไม่สมควรอย่างมากที่จะให้คิบอมรู้. .ยิ่งรู้ว่าจองซูเป็นต้นเหตุ เรื่องคงไม่จบง่ายๆ 

     

    ลี ซองมิน !. .เมื่อวานฉันได้กลิ่นเลือดของเด็กคนนี้  และรู้ด้วยว่ามันเป็นฝีมือของ. . . . .จองซู

     

                ถ้าเป็นคนอื่นที่ล่วงรู้สิ่งที่ไม่อยากให้รู้คงจะตื่นตกใจ แต่นี้. .ฮีชอล บุรุษผู้ที่เฉียบคม ฉลาด และสงบนิ่ง ฮีชอลเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองคิบอมตรงๆ

     

    นายรู้. . .ไม่แปลกหรอกนะ หันหน้าออกไปอีกด้านหนึ่ง ก่อนจะหันหลังให้คิบอม ปีกสีดำสนิทสยายของสองข้าง  แต่แปลกที่นายจะปล่อยเด็กคนนั้นให้หายไป. . .หรือ?  ว่าแล้วฮีชอลก็หายเข้ากลีบเมฆ  เดาไม่ผิดก็คงไปตามหาเด็กที่ชื่อ ..ซองมิน

     

    แล้วหรือคิบอมจะรอให้ชักช้าสายลมที่พัดผ่าน ก็พัดเอาร่างกายกำยำหายไปเช่นกัน โดยมีเป้าหมายที่ไม่ต่างกัน

     

     

     

     

     

     

     

                "อื้ม..."ร่างบางขยับตัวตื่น นี่เขารับไปนานแค่ไหนนะซองมินพลิกตัวก่อนพบร่างของคยูฮยอนที่นั่งจ้องแลปท้อปของตนอยู่

     

                "คยูฮยอน..." ซองมินพูดเบาๆทำให้ร่างหนาหันมามอง

     

                "ตื่นแล้วเหรอ"

     

                "นี่ฉันหลับไปกี่วัน"

     

                "2" คำตอบเล่นเอาร่างบนเตียงถึงกับตาโต นี่เขาหหลับนานขนาดนี้แล้วโรงเรียนล่ะ คุณพ่อคุณแม่ ทงเฮ  อึนฮยอก...

     

                "ฉัน...ฉันจะกลับบ้าน"

     

                "อื้มรู้แล้ว เดี๋ยวฉันจะไปส่งนายที่บ้านแต่นายต้องรับรู้อะไรไว้อย่าง" คยูฮยอนพูดก่อนจะเดินมานั่งที่ข้างเตียง

     

                "อะไร..."

     

                "นายเป็นแวมไพร์" คำพูดเดียวเล่นเอาคนตัวเล็กถึงกับนิ่ง...อะไรกัน กำลังล้อเล่นอะไร

     

                "นายพูดเล่นอะไรกัน"

               

                "ฉันไม่ได้พูดเล่นหลักฐานอยู่ที่นายเชื่อไม่เชื่อมันก็แล้วแต่นาย ดื่มนมซะแล้วฉันจะพานายไปส่งบ้าน  แก้วน้ำที่ภายในบรรจุของเหลวที่ขาวขุ่นถูกส่งให้ ก่อนที่เจ้าของแก้วนั้นจะเดินออกไป พร้อมกับสร้างความว้าวุ่นไม่น้อยกับร่างเล็กที่ยังนั่งอยู่บนเตียง

     

    . .แวมไพร์  ปากบางพรำเรียกคำนี้ตลอดเวลา สมองวกวนกับคำถามมากมายที่ตั้งขึ้นไม่หยุดหย่อน  โลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแวมไพร์จริงๆ หรือ? ??. . .แล้วกระนั้นตัวเขากลายมาเป็นแวมไพร์ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ตั้งแต่เกิดความเป็นมนุษย์ก็ติดตัวตามมาจนถึงตอนไหน ? ??. . .

     

    ช่องว่างระหว่างประตูกับวงกบถูกใช้เป็นตาแมวเพื่อมองเข้ามาภายในห้องที่ตนได้เดินจากมาเมื่อสักครู่ เพื่อมองปฏิกิริยาของคนภายใน  ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นทั้งแววตาและการกระทำอันว้าวุ่นของซองมิน

     

    คิดมากไปเถอะ  ลีซองมิน. .แล้วนายจะรู้ว่าการเป็นแวมไพร์มันเป็นเรื่องที่น่าอดสูขนาดไหน ~. .”

     

     

     

     

     

    อีกด้านของความวุ่นวายตั้งแต่ที่จองซูก่อไว้ก่อนจะหายตัวไป คนๆ หนึ่งที่สุดแสนจะมุ่งมั่นกับการตามหา . .ตามหาบุคคลคนหนึ่งที่หัวใจร่ำร้อง  ตั้งแต่ที่คนนั้นหายไป หัวใจซีกหนึ่งเหมือนจะแหว่ง ทุกอย่างรอบกายเหมือนหยุดหมุนเมื่อรู้ว่าคนสำคัญไม่อยู่ข้างกายเขาแล้ว

     

    จองซู. . ชื่อคนสำคัญของหัวใจถูกเรียกออกมาด้วยเสียงนุ่ม  บ้านเกิดของจองซูเป็นจุดหมายต่อไปที่ฮันเกิงจะตามหา หลังจากที่เขาตระเวนหารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นคอนโดของเขาที่ซื้อให้จองซู. . คอนโดของจองซู. . หรือไม่ก็ที่ต่างๆ ของตระกูลที่อยู่ในเมือง

     

    ฮันกยองเดินไปตามทาง สายตาล่องลอยเพราะในหัวใจบัดนี้คล้ายจะหยุดทำงาน ดวงตาเหม่อไปที่จันทร์เต็มดวง ความอ่อนแอเริ่มทำร้ายเรี่ยวแรงที่เคยมีให้หดหาย

     

    เขาไม่ได้กินเลือดมาสามคืนแล้ว ถึงจะหิวกระหายแค่ไหน แต่ถ้าคิดในทางกลับกัน . .จองซูก็ยังไม่ได้กินเลือดใครมาสามวันเช่นกัน ความคิดนี้มันทำให้เขามีแรง

     

    สองขาลุกยืนขึ้น  ความเป็นห่วงโถมเข้ามาอย่างมาก ถ้าเขาหิวคนตัวเล็กก็ต้องหิว และมันจะแย่ยิ่งกว่ามากๆ เพราะจองซูกำลังไม่สบาย  ฮันกยองรีบเร่งขึ้นขณะที่ปากก็ร้องตะโกนถึงคนที่คิดถึงสุดหัวใจ

     

    จองซู ! !~!”

     

     

     

     

    ..MICHAEL

     

    หนังสือเล่มหนาหน้าปกสีทองเกลี้ยงปะยี่ห้อชื่อหนังสือตามชื่อสิ่งที่พวกเขาเป็นถูกเปิดขึ้นข้างเตียงที่มีร่างบางร่างหนึ่งนอนหลับใหล เจ้าของหนังสือเล่มนั้นผละสายตาขึ้นเพื่อมองร่างที่แน่นิ่ง ก่อนจะไล่อ่านทีละบรรทัดไปเรื่อย ไขว่หาทางออกกับอาการประหลาด  ไม่นานหน้าที่ตามหาก็ถูกค้นพบ

     

    . .พิธีล้างเลือด  แวมไพร์ ~

     

    . .วันใดข้างขึ้น พระจันทร์สีเลือดปรากฏ  วันนั้นคือวันที่เหล่ากอสัตว์กระหายเลือดต้องดับสูญ

     

    คำทำนายที่ต่อท้ายชื่อพิธี ทำให้ชีวอนดันตัวลุกช้อนร่างเล็กขึ้นทันที . .ถ้าจะทำพิธีล้างเลือดแวมไพร์ ก็ต้องทำในวันที่พระจันทร์ทอสีแดงเลือด . .เช่นวันนี้ !! !

     

    ร่างสูงอุ้มร่างไร้สติขึ้นรถวางร่างน่าทะนุถนอมไว้ข้างคนขับก่อนตนจะเดินไปยังอีกฝั่งเพื่อนำร่างเล็กไปยังสถานที่ชำระล้าง  ณ หมู่บ้านแถวชานเมือง แหล่งบริสุทธิ์ หมู่บ้านแห่ง MICHAEL. .

     

     

    เวลาผ่านไปชีวอนมาถึงจุดหมาย อ้อมแขนแกร่งอุ้มร่างเล็กไปยังลานพิธีกลางหมู่บ้าน คบเพลิงรอบๆ ลาน  จุดขึ้นทันทีเมื่อร่างผู้มาเยือนก้าวขาสู่ข่ายมนตร์ ชีวอนวางร่างบางยังแท่นพิธีก่อนที่ตนจะเดินห่างออกมาให้ได้ระยะ 

     

    หนังสือเล่มหนาปกขาวถูกกางออก บทสวดทำนองประหลาดถูกปลดปล่อยจากปากของชายหนุ่ม

     

    ดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ปรากฎขึ้นรอบด้าน หมุนวนพร้อมบานออกทีละน้อย จนบานเต็มที่ บทสวดสุดท้ายจบลงพร้อมเสียงกรีดร้องที่ดังสะนั่น  เม็ดฝนกระหน่ำลงพร้อมสายฟ้าที่พร้อมจะฟาดทุกสรรพสิ่งหากคิดจะต่อต้านธรรมชาติ  . .ธรรมชาติที่แสนร้ายกาจ

     

    เปรี้ยงง ง !! !! !

     

    ดอกบัวบานที่โตที่สุดโดนผ่าเป็นสองซีกด้วยสายประจุไฟฟ้า น้ำข้นขลั่กสีแดงคล้ำใหลลงตามแนวผ่านั้น  เลือดสีแดงของมนุษย์. .  ส่วนดอกบัวที่เหลือกลับค่อยๆ เคลื่อนตัวลงต่ำ เนื่องด้วยของเหลวสีดำเข้มที่ปรากฎขึ้นบริเวณใจกลางของเกสร ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนท่วมดอกบัวบริสุทธิ์ให้เปื้อนไปด้วยมลทินสีดำ

     

    ของเหลวที่สีแดงที่ใหลออกจากซีกดอกบัวหยุดลง พร้อมกับการหมดไปของสายฝนและเหล่าประจุบนฟากฟ้า  ท้องนภากลับคืนสู่สภาพปรกติ นกกลางคืนพากันออกหากินตามเดิม เหล่าดอกบัวหายวับไปกับอากาศธาตุ ร่างของจองซูยังคงนอนสงบ

     

     เจ้าจงตื่นขึ้นอีกครั้ง . .กับชีวิตใหม่ที่ข้าเป็นคนมอบ. .~”

     

    . .สิ้นสุดพิธีล้างเลือด  แวมไพร์

     

     

     

     

     

     

    ค่ำคืนผ่านพ้น แสงแห่งจันทราแปรเปลี่ยนเป็นแสงสุริยา กลิ่นของสายลมยามเช้าแผ่วเบาพัดผ่านให้คนที่ตกอยู่ในทิราต้องตื่นขึ้น  เปลือกตาสวยเปิด สายตาปรับสภาพสู่ห้องที่คุ้นเคย ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นทำภารกิจประจำวันเหมือนในทุกเช้า

     

    คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมไปนะครับ รอยยิ้มหวานถูกส่งให้กรอบรูปข้างผนังก่อนประตูห้องเช่าเล็กๆ จะถูกปิดลง เมื่อเจ้าของห้องต้องไปโรงเรียน

     

    หวัดดีฮยอก

     

    อื้มม ม ทงเฮทักทายเพื่อนรักตามประสาก่อนจะก้มลงไปดูสิ่งที่อึนฮยอกกำลังนั่งจ้อง . .โทรศัพท์มือถือที่พวกเขาได้ถ่ายรูปกลุ่มกันไว้  รูปที่มีอึนฮยอก . . ทงเฮ และ . .ซองมิน

     

    ฉันผิดใช่ไหมทงเฮ?  ที่ชวนซองมินไปที่นั่น  อึนฮยอกถาม ไก่น้อยที่เคยร่าเริงกลับเปลี่ยนไปเหมือนโดนไข้หวัดนกขนาดหนัก

     

    ไม่หรอก ฉันเชื่อนะว่าซองมินยังปลอดภัย ทงเฮพูดปลอบใจเพื่อน  อ้อมแขนบางคล้องคอเพื่อนรัก  อึนฮยอกหันมามอง  ขณะนี้ใบหน้าทั้งสองใกล้กันมาก

     

    . .ตัวทงเฮหอม   ความรู้สึกแรกของอึนฮยอกที่รู้สึกได้ หรือว่าเขาจะ . .

     

    เฮ้ๆ นายสองคนทำอะไรกันน่ะ !! !” เสียงเรียกที่ทำให้ร่างทั้งสองต้องหันมาทันที 

     

    ซองมิน !!! !~”

     

    ร่างเพื่อนรักที่คุ้นเคยปรากฎขึ้นหน้าประตู ก่อนร่างของทงเฮจะถลาไปกอดเพื่อนรักเต็มเหนี่ยว โดยที่มีอึนฮยอกเดินตามด้วยสีหน้าที่ปกปิดความดีใจไว้ไม่มิด  ทงเฮผละออกจากเพื่อนรัก มองใบหน้าน่ารักๆ ที่ยังดูปรกติทุกอย่าง ก่อนเอ่ยถามอย่างลนลาน

     

    นายไปไหนมา. .นายเป็นยังไงมั่ง. .มาได้ยังไง . .ทำไมไม่เปิดโทรศัพท์ . .รู้มั้ย ฉันเป็นห่วงนายมากขนาดไหน หลากหลายสรรพคำถามที่หลุดจากปากทงเฮ เรียกรอยยิ้มของซองมินให้กว้างกว่าเดิม  ..อ่อนโยนไม่เปลี่ยนเลยนะ 

     

    แต่พลันสายตาก็เหลือบเห็นน้ำใสๆ บริเวณดวงตาของเพื่อนที่ยังเอ่ยถามคำถามเขาไม่หยุด มือป้อมๆ จึงยกขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาให้บางเบา

     

    ฉันไม่เป็นไรหรอกหน่า. .ใจเย็นก่อนนะทงเฮ ประคองร่างทงเฮไปนั่งยังเก้าอี้ประจำ คงใกล้อาจารย์มาแล้ว คงไม่ดีแน่ถ้าหากเขายังยืนกอดกันอยู่ตรงนี้ อึนฮยอกที่ยืนมองสองเพื่อนรักด้วยความสุขก็เดินเข้ามาช่วยอีกแรง

     

    ซองมิน ทำไมนายต้องใส่ผ้าพันคอด้วยอ่า า อึนฮยอกถามก่อนจะดึงผ้าพันคอรอบคอของซองมิน แต่ตัวเจ้าของกลับปฏิเสธ

     

    อ๋อ . .เปล่าๆ ฉันหนาวน่ะ ซองมินตอบพร้อมรอยยิ้มแหยๆ แต่นั่นทำให้ทั้งทงเฮ และอึนฮยอกต้องมองหน้ากันแบบงงๆ  . .นี่มันหน้าร้อน ? ??

     

    ว่าแต่นายไม่ได้กลับบ้านนิ ทงเฮซักต่อ

     

    อื้ม ม  ก็มีคนช่วยฉันไว้ . .อันที่จริงฉันก็จำไม่ได้หรอกนะว่าฉันเป็นอะไร  โผล่ไปอีกทีก็อยู่ที่บ้านของคนที่ช่วยฉันไว้แล้ว ซองมินพูดทำให้เพื่อนทั้งสองพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ ก่อนที่ทงเฮจะเข้าไปกอดเพื่อนรักด้วยความคิดถึง

     

    ไม่เป็นไรนะ  นายปลอดภัยก็ดีแล้ว คนน่ารักพูดขึ้น น้ำตาใสเริ่มคลอเบ้าอีกครั้ง ซองมินมองหน้าเพื่อนรักด้วยความประทับใจ ก่อนความรู้สึกแปลกๆ จะแล่นเข้ามา

     

    สายตาซองมินบรรจบกับซอกคอขาวของทงเฮอยู่ๆ เลือดในกายก็เหมือนร้อนขึ้นมาอย่างฉับพลัน ซองมินยกมือตะครุบปากตัวเองไว้เพราะอยู่ๆ สัญชาตญาณภายในที่ถูกสร้างใหม่กำลังทำงาน

     

    ซองมิน ทงเฮเห็นท่าทางเพื่อนรักที่เปลี่ยนไปก็รีบรุดเข้าไปจับตัวเพื่อน แต่ก็ถูกแรงมหาศาลผลักออกมาจนตัวทงเฮกระเด็นไปชนโต๊ะ อึนฮยอกที่ดูเหตุการณ์อยู่รีบเข้าไปพยุงทงเฮทันที

     

    ซองมิน !!. .นายทำอะไร!!~” อึนฮยอกตวาดกร้าว ทงเฮลุกขึ้นช้าๆ เนื่องด้วยความเจ็บที่เกิดขึ้นตามร่างกาย สายตาหวานมีแต่ความสงสัยไปให้เพื่อนรักแต่ไม่มีคำถาม เมื่อคำถามที่เขาอยากจะพูดอึนฮยอกก็เป็นคนพูดไปแล้ว

     

    ซองมินยิ่งปิดปากแน่นขึ้นอีก ทั้งตกใจ. .ทั้งต้องการ. . หลายความรู้สึกผสมปนเปกันไป เพื่อนรักสองคนที่จ้องมองตรงมาทำเอาซองมินทำตัวไม่ถูก . .ทำยังไงดี

     

    ฉะ. .ฉัน . .ฉันจะอ้วก !! . .ปวดหัว!!  . .ขอตัวก่อน! . .อุ้บ ! !~”  ว่าเสร็จก็วิ่งออกไปท่ามกลางอาการตกใจของเพื่อนทั้งห้องที่เห็นใบหน้าซีดจัดนั่น . .ทงเฮมองหน้าอึนฮยอกอย่างส่อถึงความเป็นห่วงคนที่วิ่งออกไปไม่น้อย

     

    . .เปลี่ยนไปนะ   ซองมิน

     

     

     

     

     

     

    ปัง ง ง !!! !

     

    ประตูห้องพยาบาลถูกเปิดอย่างรุนแรง พร้อมร่างคนเปิดที่ถลาเข้ามานอนลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว ลมหายใจเข้าออกหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับพยายามระงับความทรมานที่ดูท่าจะเพิ่มขึ้นทุกขณะ ร่างสูงที่มองปฏิกิริยาคนที่วิ่งเข้ามาตลอด เดินเข้าใกล้ร่างเล็กนั่น พลางมองลงด้วยหางตา

     

    อย่าที่ฉันบอกมั้ยล่ะ. .ตอนนี้สันชาตญาณสัตว์กระหายเลือดของนายแสดงออกมาแล้ว น้ำเสียงเหยียดๆ ส่งมาอย่างรังเกียจ

     

    ตุ๊บ บ บ !! !!

     

    กินเลือดมันซะ! !”  ร่างชายหนุ่มสิ้นสติร่างหนึ่งถูกโยนลงข้างๆ เตียงที่ซองมินนอนอยู่ . .ไม่คิดจะช่วยแต่ต้องให้คนตัวเล็กมีชีวิตอยู่ต่อไป . .มีชีวิตอยู่ประโยชน์แก่เขา

     

    ซองมินมองคนไร้สติข้างกายก่อนจะหันไปมองหน้าคยู  นายมาที่นี่ได้ยังไง

     

    มันไม่สำคัญ กินเลือดซะ ! !!” คยูฮยอนบอก  สายตาผ่านเลนส์นั้นช่างเย็นชา

     

    ฉัน. . .ไม่ . . .ฉันทำไม่เป็น ซองมินพูด  ทำให้คยูฮยอนยกยิ้มมุมปาก

     

    ทำตามสันชาตญาณของนายซะ ร่างสูงพูด  ซองมินช่างใจอยู่สักครู่

     

    มือบางสั่นระริก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้ลำคอเหยื่อ ปากอิ่มอ้ากว้าง ก่อนคมเขี้ยวจะฝังลงไปยังเนื้อหนังแห่งมนุษย์  คยูฮยอนมองภาพนั้นด้วยความรังเกียจ สิ่งมีชีวิตที่แสนสกปรกอยู่รอดด้วยชีวิตของผู้อื่น. .

     

    ร่างสูงมองภาพตรงหน้าได้ไม่นาน สันชาตญาณผู้ล้างบาปเริ่มทำงาน  ตรงเข้าผลักตัวซองมินออก  มือหนากระชากคอเสื้อร่างอวบ

     

    นายอย่ากินมากเกินไป  ชีวิตที่บริสุทธิ์มีค่ามากกว่าที่จะให้นาย . .ขืนดื่มมากกว่านี้คนๆ นี้อาจจะตาย  ไม่ก็จะเป็น . . . . . .เหมือนนาย  สายตาแสงรังเกียจมองใบหน้าหวานที่กำลังหวาดกลัว  คมเขี้ยวที่ยาวผิดปรกติกับของเหลวสีเลือดที่ไหลจากมุมปาก. .  ซองมินเป็นแวมไพร์อย่างสมบูรณ์

     

    คยูฮยอนปล่อยร่างบางลง ซองมินมองใบหน้าหล่ออยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเดินจากห้องพยาบาลไป คยูฮยอนมองร่างที่เขาใช้เป็นเหยื่อ ก่อนจะยกขึ้นบนเตียง  ส่วนตัวเองก็เดินไปที่ตู้ยาเพื่อหยิบขวดใสบรรจุน้ำสีฟ้า  . .แอลกอฮอล์

     

    ก่อนที่จะเทมันลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง ที่จับร่างของซองมินเมื่อกี๊

     

    . .สกปรกสิ้นดี

     

     

     

     

     

     

     

    _______[กลับมา. .~]________

     

     

     

    อ๊าก กก !@!! !  อยากจะพ่นไฟใส่หน้าคู๊ ! !  พูดอย่างนั้นได้ยังไง๊ ? ?! !  (แกแต่ง -    -* :: รีดเดอร์)   5 5   สองสาวสามมุมมาต่อแล้วเน้อ ! !     ^              ^    

    ลูกสาวฮันทึกไม่ต้องน้อยใจ จ  ที่ตอนนี้ไม่มีหวีทหวาน น . . .ตอนหน้าแพรรี่ไม่ย๊อมม ม !! !  เอาบทพี่จองซูคืนมา า !!  5 5

    เจอกันใหม่ตอนหน้าคับ บ บ  >.<

     

    ปล. ยิ้มม มม  :)

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×