ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มังกรตามรัก (Bl, Yaoi, วายจีน)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 ว่าด้วยโลกมนุษย์

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 61






    ตอนที่ 2 ว่าด้วยโลกมนุษย์






    สติที่ดับวูบไปจากการถูกพิษ ค่อยๆ คืนกลับมา สิ่งที่ปรากฏในครรลองสายตา หาใช่ผนังถ้ำมรกตดังคาด หากแต่เป็นสีเขียวขจีของต้นไม้ใหญ่ ท้องฟ้าสว่างแทบไร้เมฆ เอี่ยนหลงขมวดคิ้วพิจารณารอบข้างอย่างระมัดระวัง

    ที่ไหน?

    เขาสมควรถูกส่งไปถ้ำซ่อมมังกรจึงจะถูกต้อง



         

    จี้หยกดูแสนจะธรรมดาที่เขาหักนั้นมิใช่ของประดับทั่วไป หากแต่เป็นเครื่องมือช่วยชีวิตในยามฉุกเฉิน ตกทอดสู่ราชามังกรทุกรุ่น เมื่อถูกทำลายมันจะพาเจ้าของที่มีสายเลือดมังกรไปยังถ้ำซ่อนมังกร ซึ่งเป็นถ้ำหลบภัย และเป็นสถานที่ลับที่มีเพียงราชามังกรเท่าที่ทราบ แน่นอนว่าต่อให้เขาเป็นมังกรทองและรัชทายาท ก็ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอให้ได้รับจี้หยกของราชวงศ์นี้ แต่เสด็จพ่อทรงมอบให้เขาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากว่าเมื่อเขาอายุได้ 5 ขวบ ในงานฉลองวันเกิดและแต่งตั้งเขาเป็นรัชทายาทนั้น  เทพฝู่เหอ เทพผู้หยั่งรู้ได้ทำนายว่าชะตาของเขา ว่าเขาจะต้องพบเคราะห์หนักถึงแก่ชีวิต มิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่หากผ่านพ้นไปได้ ชีวิตก็จะมีแต่โชคดี ราบรื่น แม้แต่ภพมังกรจะพลอยรุ่งเรืองไปด้วย ยามที่ได้รับจี้แห่งราชวงศ์นี้มา ก็ได้รับทราบลักษณะ ตลอดจนความพิเศษของถ้ำซ่อนมังกรที่ว่า ดังนั้นแม้จะไม่เคยไปเยือน ก็พอจะเดาจากคำบอกเล่าของเสด็จพ่อได้ว่าเป็นถ้ำมรกตขนาดเล็ก เปี่ยมด้วยพลังหยางที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกายของเผ่ามังกรโดยเฉพาะ ทว่าที่นี่...



    เอี่ยนหลงพยายามขยับตัวจะลุกขึ้น ทว่าทั่วทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง กระทั่งกระดิกนิ้วยังทำไม่ได้ ไม่ใช่ความรู้สึกเจ็บปวด แต่เป็นอ่อนแรง คล้ายคราวที่ตนยังเป็นเพียงมังกรแรกเกิด จิตมังกรยังไม่แข็งแกร่งพอจะสั่งร่างกายได้อย่างนั้นแหละ

    คิดแล้วโมโหนัก

    ใครกัน ถึงกับกล้าวางยาเขา!




    “เจ้างูตัวนี้ ทำไมถึงได้นอนหงายล่ะ”

    มีคนมา!

    เสียงที่ดังขึ้นไม่ไกลอย่างกะทันหันทำให้รัชทายาทมังกรตัวแข็ง ประสาทสัมผัสทั่วร่างตึงเครียด ผู้ที่สามารถเข้าใกล้โดยที่เขาไม่รู้สึกตัว ย่อมต้องเป็นยอดฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย 


    เสียงฝีเท้าขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ กระทั่งหยุดลงข้างเหนือร่างไร้กำลังของเอี่ยนหลง เงาของผู้มาใหม่พาดผ่านใบหน้า ปรากฏโครงร่างที่ดูใหญ่โตนักในสายตาขององค์รัชทายาท กล้ามเนื้อหัวใจหดเกร็งด้วยความหวาดระแวง ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของ ‘ยอดฝีมือ’ ผู้นั้น มังกรหนุ่มก็นิ่งงันดังถูกสาป ราวกับว่าถูกใบหน้าไร้เดียงสาและรอยยิ้มเห็นเหงือกสีชมพูทำเอาโง่งมไปแล้ว

    เป็นเด็กน้อยผู้หนึ่ง!

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดๆ เต็มสองตา ร่างกายที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง ผู้ที่มาใหม่นั้นย่อมมิใช่ ‘ยอดฝีมือ’ อย่างที่กลัว หากแต่เป็นเด็กชายวัยสามสี่ขวบคนหนึ่ง ใบหน้ากลมขาว ประกอบกับดวงตากลมโตใสกระจ่าง ฉายแววเฉลียวฉลาด ริมฝีปากสีชมพูอ้าออกเผยให้เห็นเหงือกสีชมพูอ่อนภายใน เด็กน้อยเอียงศีรษะเล็กน้อย ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู


    “ฮี่ๆ ท่าทางช่างโง่งมนัก”

    เจ้าสิโง่งม!

    เอี่ยนหลงสบถในใจ แต่เพราะขยับร่างกายไม่ได้ดังใจ จึงได้แต่สบถโดยไร้เสียง เมื่อถูกนิ้วเย็นๆจิ้มตามลำตัว และอาจเป็นเพราะเห็นว่าเขาไม่มีปฏิกิริยา นิ้วป้อมๆ จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาจิ้มหน้าผากของเขาแทน

    รัชทายาทมังกรเช่นเขาถึงกับถูกเด็กหน้าผู้หนึ่งลบหลู่ถึงเพียงนี้ 

    ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง

    “ตายแล้วหรือ”

    ปากพล่อย ข้าจะตายก็เพราะเจ้านี่แหละ

    ไม่ทราบถูกยั่วยุจนโกรธหรืออย่างไร อยู่ๆ เอี่ยนหลงก็รู้สึกว่ากำลังเริ่มฟื้นคืน สิ่งที่แรกที่ทำคือยกหัวขึ้น อ้าปากเตรียมจะสั่งสอนเจ้าเด็กไร้มารยาทผู้นี้ มิคาดกลับถูกกระชาก แล้วเหวี่ยงอย่างแรงจนร่างกายลอยละลิ่ว แผ่นหลังกระแทกเข้ากับของแข็งอย่างแรง ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง ก่อนที่สายตาจะค่อยๆ มืดลง




    “องค์ชาย”

    เมื่อเห็นงูขาวที่แน่นิ่งไร้กำลัง อยู่ๆ ก็ชูคอเหมือนจะฉกองค์ชายน้อย เฉินฉีหัวหน้าองครักษ์ประจำตัวองค์ชายน้อยก็รีบกระชากงูตัวนั้นออกแล้วโยนไปกระแทกต้นไม้ใหญ่อย่างแรงจนร่างไร้กระดูกไหลลงสู่พื้น แน่นิ่งไป 


    “อา เจ้างูน้อย”

    “อย่าพ่ะย่ะค่ะ”

    เฉินฉีร้องห้าม ก่อนจะพนักหน้าให้ลูกน้องตรวจดูโดยรอบบริเวณอย่างไม่วางใจ ตำหนักหมื่นสุขเป็นตำหนักชั้นในของวังอ๋อง มีเวรยามเข้มงวด อยู่ๆ จะมีงูหลุดเข้ามาในอุทยานได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว แต่ก็มิอาจละทิ้งข้อสัญนิษฐานว่าอาจจะมีคนคิดร้ายกับองค์ชายน้อย 

    องค์ชายฉู่หนิงอวี่ เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของวังฉู่อ๋อง หากเป็นอันตรายแม้เพียงปลายเส้นผม เกรงว่าศีรษะของเขาคงจะรักษาไว้บนบ่าไม่ได้




    ร่างสูงใหญ่ของเฉินฉีสืบเท้าเข้าหาสิ่งมีชีวิตที่แน่นิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยเบาๆ งูเผือกตัวนี้นับว่ายังเล็กนัก ลำตัวกว้างเพียงหนึ่งชุ่น (ประมาณ 1 นิ้ว) ยาวราวหนึ่งฉื่อ (ประมาณ 3 ฟุต) เฉินฉีก้มลงจับปากมันอ้าออก พิจารณาจนแน่ใจว่ามันไม่มีพิษ ชายหนุ่มค่อยรู้สึกวางใจลง อาจจะเป็นเขาคิดมากไปเอง ลูกงูตัวนี้อาจจะแค่หลงเข้ามา  อีกทั้งเมื่อสังเกตใกล้ๆ เช่นนี้แล้วจึงพบว่ามันมิใช่งูเผือกทั่วๆ ไป แต่บริเวณขอบของเกล็ดแต่ละอันมีสีทองเหลือบอยู่บางๆ คล้ายกับเส้นด้ายสีทองที่ถูกถักร้อยไว้อย่างประณีต เมื่อสะท้อนแสงแดดยิ่งดูเหมือนงูเผือกตัวนี้ถูกล้อมร้อบไว้ด้วยแสงสีทองทั่วตัว วูบนึงเฉินฉีรู้สึกนึกเสียใจขึ้นมาที่ทำร้ายมัน


    งูถือเป็นสัตว์มงคลที่ชาวต้าหนิงนับถือมาแต่โบราณ กระทั่งมีความเชื่อว่างูมิใช่สัตว์เดรัจฉานทั่วไป แต่เป็นลูกหลานของเผ่ามังกร ที่สาดเลือดเจือจางจนแทบไม่เหลือ ทว่าหากบำเพ็ญเพียรอย่างยาวนาน และมีวาสนา ก็จะสามารถกลายเป็นมังกรดังเช่นบรรพบุรุษได้

    ยิ่งพบว่าลำตัวของมันเหลือบสีทองโดยตลอด เฉินฉียิ่งอดสงสัยไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นงูนำโชคอย่างที่ชาวบ้านเชื่อถือก็เป็นได้




    “นำมันมาให้ข้า”  

    คราวนี้เฉินฉียอมยื่นเจ้างูน้อยไปให้ฉู่หนิงอวี่แต่โดยดี ฉู่หนิงอวี่อุ้มงูเผือกไว้เต็มอ้อมแขนเล็กๆ สัมผัสได้ถึงเกล็ดเรียบลื่นที่ให้ความรู็สึกเย็นสบาย เด็กน้อยหัวเราะคิกอย่างชอบใจ ลงความเห็นกับตัวเองว่าเจ้างูน้อยตัวนี้ต้องเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา


    เฉินฉีเหมือนจะทราบความคิดขององค์ชายของเขา จึงกล่าวเตือนว่า “องค์ชาย ต้องทรงขออนุญาตจากท่านอ๋องก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”

    “ข้ารู้” 

    เสด็จพ่อไม่เคยขัดใจเขา ดังนั้นฉู่หนิงอวี่จึงไม่รู้สึกลำบากใจแม้แต่น้อย เขาก้มมองงูในอ้อมแขนพลางคิดชื่อให้มันในใจ ชื่อว่าเจ้างูน้อย อืมม ธรรมดาเดินไป  สีขาวเช่นนี้ เรียกว่าเสี่ยวไป๋ดีหรือไม่ แต่นี่ก็ฟังดูน่ารักเกินไป ไม่เหมาะที่จะเป็นชื่อสัตว์เลี้ยงองค์ชายเช่นเขา ชื่อว่า...อ๋า เอาล่ะ ให้ชื่อว่าเสี่ยวหลงไป๋ (มังกรน้อยตัวสีขาว) ก็แล้วกัน








    ตำหนักหมื่นลี้ วังฉู่อ๋อง

    “เสด็จพ่อ”

    ฉู่หนิงอวี่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าหาบุรุษในชุดสีดำสนิทผู้หนึ่ง บุรุษผู้นั้นแน่นอนว่าคือฉู่อ๋อง ฉู่เล่ยเทียน บิดาของฉู่หนิงอวี่ ฉู่อ๋องผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าชาวต้าหนิงทั่วไปราวหนึ่งช่วงศีรษะ โครงหน้าได้รูปของเขาก็ดูมิคล้ายชาวต้าหนิง กลับมีกลิ่นไอของชาวเปอร์เซียปะปนอยู่ ขนคิ้วหนาเรียงตัวเป็นเส้นตรง รับกับจมูกโด่ง และสันกรามเด่นชัด ดวงตาเรียวสีดำสนิทเรียบเฉย ไร้ระลอกคลื่น ริมฝีปากปางขยับ เปล่งเสียงเรียกคล้ายกับกระแสลมเย็นกระแสหนึ่ง

    “หนิงอวี่”

    ท่าทางนิ่งเฉยเช่นนี้ของบิดา ฉู่หนิงอวี่เข้าใจดี และชินเสียแล้ว ผู้คนทั้งต้าหนิงบ้างหวาดกลัวบ้างยำเกรงเสด็จพ่อของเขา คำเล่าลือของชาวบ้านมักกล่าวว่าฉู่อ๋องเป็นคนเลือดเย็น ไร้ความรู้สึก อำมหิตโหดเหี้ยม ซึ่งเขาเองก็ไม่ทราบว่าคำเล่าลือเหล่านี้มีต้นเหตุมาจากอะไร จริงอยู่ว่าเสด็จพ่อไม่ชอบพูด ไม่ชอบยิ้ม ไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องใด ทว่าเสด็จพ่อทรงพระทัยดีต่อเขามาก ทั้งสอนวิชาความรู้ ทั้งหาซื้อสิ่งของต่างๆ มาให้เขาเสมอ ทรงเลี้ยงดูเขาด้วยเหตุผล โดยมากแล้วมักจะตามใจเขาทุกอย่าง ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว เสด็จพ่อที่ไม่ยิ้ม ไม่ได้แปลว่าใจร้าย


    ฉู่หนิงอวี่เดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ฉู่เล่ยเทียน เด็กน้อยยิ้มจนตาหยี เมื่อก้มหน้ามองเสี่ยวหลงไป๋ในอ้อมแขนตนเอง

    “ลูกมาอนุญาตเลี้ยงงูตัวนี้พ่ะยะค่ะ”

    ฉู่เล่ยเทียนเหลือบมองเจ้างูที่ยังนอนแน่นิ่งในอ้อมแขนของหนิงอวี่เป็นแวบเดียว ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังเฉินฉี องครักษ์ย่อมทราบความหมายจากสายตาของผู้เป็นนาย จึงค้อมตัวเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า


    “กระหม่อมตรวจดูแล้ว ไม่มีพิษพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเจอมันในอุทยานของตำหนักหมื่นสุข”

    ใบหน้ารูปสลักของฉู่อ๋องยังคงเรียบเฉย ทว่าดวงตาเลื่อนมาหยุดที่ลำตัวสีขาวครู่หนึ่ง ในตำหนักยังคงมีแสงสว่างจากด้านนอกลอดผ่านเข้ามาพอสมควร ดังนั้นขอบเกล็ดสีทองนั้นแม้ไม่สะดุดตา แต่ยังพอสามารถสังเกตเห็นได้ ฉู่เล่ยเทียนนิ่งไปชั่วอึดใจ ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะเอ่ยปาก


    “อนุญาต”

    ฉู่หนิงอวี่ยิ้มกว้าง มือเล็บลูกลำตัวเรียบลื่นของเจ้างูน้อยเบาๆ “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”



    และแล้วรัชทายาทแห่งภพมังกรก็ได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่หนิงอวี่ องค์ชายแห่งวังฉู่ ด้วยประการฉะนี้










    #มังกรตามรัก




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×