ห้องเก็บข้อมูล Health & Beauty

ลำดับตอนที่ #3 : แสงแดด...ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

อาการที่สังเกตเห็นตอนแรกก็คือผิวแดง ไหม้ หมองคล้ำ หรือจะส่งผลในระยะยาวก็ คือปัญหาฝ้า
กระ จุดด่างดำต่างๆ ริ้วรอยเหี่ยวย่น หรืออาจจะกลายเป็นมะเร็งผิวหนังในที่สุด แต่ประโยชน์
ของแดดก็มีนะคะ นั้นก็คือสังเคราะห์วิตามินดีให้กับร่างกาย แต่ต้องเป็นแสงแดดช่วงเช้า
และบ่ายเท่านั้น เพราะช่วงเวลา 11.00 - 14.00 น. แสงแดดจะแรงมาก ส่งผลกระทบ
ต่อผิวหนังโดยตรงทีเดียว เพราะฉะนั้นเรามาหาวิธีป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยผลิตภัณฑ์
ป้องกันแสงแดด กันดีกว่าค่ะ

ครีมกันแดดถือเป็นเกราะป้องกันสำคัญมิให้แสงแดดตรงเข้าทำร้ายผิวได้ โดยทั่วไปครีมกันแดด
มี 2 ชนิด คือ

1. แบบป้องกันโดยการสะท้อนแสง (Physical Sun Screen)
มีส่วนประกอบของ ซิงก์ ออกไซด์ (Zinc Oxide) แมกนีเซียมออกไซด์ (Magnesium Oxide)
และไททาเนียมไดออกไซด์ (Titaniumdioxide) ซึ่งส่วนประกอบดังกล่าวนั้นมีคุณสมบัติ
ในการเป็นเกราะสะท้อนไม่ให้รังสียูวีทำร้ายผิวหนังของเราได้โดยตรง เพราะจะไม่ซึมซาบเข้าสู่ผิว
จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

2. แบบป้องกันโดยการดูดกลืนแสง (Chemical Sunscreen)
มีส่วนประกอบของพาบา (Paba) แอนทรานิเลต (Anthranilate) เบนโซฟีโนน (Benzophenone)
ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นตัวดูดกลืนไม่ให้แสงมาทำอันตรายต่อผิวได้ ไร้สี ทาแล้วไม่ขาว แต่ข้อเสียคือ
เนื่องจากสารดังกล่าวสามารถซึมสู่ผิวหนัง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในกลุ่มผู้มีผิวแพ้ง่ายได้

รู้ไหมคะ ว่าครีมกันแดดที่เราใช้กันอยู่ มีส่วนประกอบที่คล้ายคลึงกัน ต่างกันตรงที่ค่า SPF หรือ
Sun Protection Factor ซึ่ง SPF หรือค่าประมาณระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์สามารถปกป้องผิวจากแสงแดด
ได้นั่นเอง เช่น หลังจากที่คุณอยู่กลางแจ้งเป็นเวลา 20 นาที ผิวคุณจะมีปฏิกิริยาจากแสงแดด คือ
ร้อนแสบแดง ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF 30 จะช่วยยืดระยะเวลาดังกล่าวออกไปอีก30 เท่า ซึ่งก็สามารถ
กันแดดได้ 20 x 30 = 600 นาที หรือ 10 ชั่วโมงนั่นเองค่ะ

พอเข้าใจมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ ดังนั้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ให้เหมาะสมกับกิจกรรม
ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนด้วยนะคะ

2 กรกฎาคม 2551 

Thanks : Amway Thailand - Official Amway Thailand Site