คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แนะนำอาชีพ แอร์โฮสเตส
หากจะกล่าวว่า อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ แอร์โฮสเตส คือ สุดยอดอาชีพในฝันของสาว ๆ ก็คงไม่ผิดไปจากความจริงนัก เพราะเสน่ห์ที่ดึงดูดให้สาว ๆ รุ่นใหม่ สนใจอาชีพนี้เป็นจำนวนมากคือ การได้มีโอกาสเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก เก็บเกี่ยวประสบการณ์และการเรียนรู้ที่แปลกใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจ
หน้าที่และลักษณะการทำงานของแอร์โฮสเตส
คนส่วนใหญ่มักคิดว่า งานของแอร์โฮสเตส คือ การเสริฟอาหารบนเครื่องบินเพียงอย่างเดียว หน้าที่หลักของอาชีพแอร์โฮสเตส คือ การอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารทั้งในเรื่องความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินระหว่างการเดินทาง และงานบริการเพื่อความสะดวกสบายบนเครื่องบิน
คุณสมบัติที่ดีในการเป็นแอร์โฮสเตส
• รักงานบริการ
• บุคลิก อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส
• อดทน และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
• มีปฏิภาณไหวพริบดี สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ฉับพลัน
• สามารถว่ายน้ำได้
• หากสามารถสื่อสารภาษาที่สามได้ (ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ) จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
การเตรียมความพร้อมก่อนสอบคัดเลือก
ความพร้อมทางด้านกายภาพ
• ต้องมีความสูงตั้งแต่ 160 เซนติเมตรขึ้นไป น้ำหนักประมาณ 55 กิโลกรัม หรือได้สัดส่วนกันส่วนสูง
• ต้องไม่สายตาสั้น
• ไม่มีโรคประจำตัวและไม่เป็นโรคติดต่อทางระบบหายใจ
• ทักษะการว่ายน้ำ ผู้ที่สมัครเป็นแอร์โฮสทุกคนจะต้องสอบว่ายน้ำ ระยะทางประมาณ 50 เมตร
ความพร้อมทางด้านคุณวุฒิ
• วุฒิการศึกษาตั้งแต่ มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ขึ้นไป (หากจบการศึกษาจากต่างประเทศ ต้องได้รับรองจากกระทรวงก่อน) แต่ถ้าหากจบปริญญาตรีก็จะดี
• การวัดทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปจะวัดผลจากคะแนนการสอบ TOEFL 550 คะแนน หรือ IELTS 5.5 ขึ้นไป
• การสอบสัมภาษณ์ ในส่วนของการบินไทย จะเป็นการสอบกับคณะกรรมการคัดเลือกทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ประมาณ 6- 7 คน เพื่อวัดและทดสอบ ปฏิภาณไหวพริบสติสัมปชัญญะ และการควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
ช่วงเวลาการเปิดรับสมัคร
ประมาณ เดือน พฤศจิกายน ถึง มีนาคม ของทุกปี
การ Turn Pro
เมื่อผ่านการคัดเลือกแล้ว แอร์โฮสเตสจะยังไม่ได้ขึ้นไฟล์บินทันที ทุกคนต้องไป Turn Pro ประมาณ 3 เดือน โดยจะเป็นการอบรมเกี่ยวกับการให้บริการบนเครื่องบิน เช่น การเสริฟ การจัดอาหาร การผสมเครื่องดื่ม รวมถึงเรียนรู้การสร้างความปลอดภัยบนเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น องค์ประกอบต่าง ๆ ของเครื่องบน การปฐมพยาบาลและการช่วยชีวิตเบื้องตันในสถานการณ์ต่าง ๆ
การทำงานจริง
ในเดือนหนึ่ง แอร์โฮสเตสจะขึ้นบินไม่เกิน 12 ไฟล์ สามารถหยุดได้ 8 วัน หากบินไฟล์ภายในประเทศ การทำงานจะเริ่มตั้งแต่การเตรียมอาหารบนเครื่อง การต้อนรับผู้โดยสารที่ประตูทางเดิน สาธิตการใช้เครื่องช่วยชีวิต บริการอาหาร เครื่องดื่มภายในเครื่อง แต่ถ้าเป็นการบินระหว่างประเทศ จะต้องแจกเอกสารและให้ผู้โดยสารกรอกแบบฟอร์มการเข้าเมืองด้วย
ฟังอย่างนี้แล้ว ใครที่อยากทำงานเป็นนางฟ้าบนเครื่องบินคงต้องรับเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะอาชีพนี้ถือว่ามีอัตราการแข่งขันสูงทีเดียว
· เส้นทางการเป็นแอร์โฮสเตส
*** ถ้าอยากเป็นแอร์โฮสเตสจริงๆก็ควรเรียน คณะมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์
ศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ เพราะเราจะได้เปรียบพื้นฐานภาษามากกว่าคนอื่น
คณะอื่น แต่ถ้าอยากทำอาชีพนี้จริงๆ จะจบมาจาก
คณะไหนเค้าก็รับคะ อย่างที่สำคัญที่สุดเราควรหมั่นฝึกภาษาให้ได้มากที่สุดนะคะ
· คุณสมบัติของแอร์โฮสเตส
คุณสมบัติตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนดไว้เราต้องมีเบสิกก็คือ
1. เราต้องมีอายุระหว่าง 20-26 ปี จบการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรี
2. ส่วนสูง 160 เซนติเมตรขึ้นไป น้ำหนักก็ต้องสัมพันธ์กับส่วนสูงด้วย
3. สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และที่เราต้องเตรียมคือหัดว่ายน้ำ เพราะจะมีทดสอบให้ว่ายไปกลับ 50 เมตร
4. ภาษาอังกฤษต้องมีผลสอบโทอิคไม่ต่ำกว่า 600 คะแนน
5. การแต่งตัวในวันที่ไปสมัครควรแต่งให้สุภาพที่สุด ถ้าเป็นของสายการบินไทย ควรใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น
สีขาว กระโปรงสีดำ รองเท้าสีดำหุ้มข้อสูง 2 นิ้วนะค๊ะ และก็อย่าใส่กระโปรงทรงยาว
6. เรื่องทรงผม ห้ามปล่อยผมเด็ดขาด ควรจะรวบผมหรือบางทีอาจจะไปเกล้าผมที่ร้านก็ได้ แต่ไม่ต้องเอา
เวอร์มากนะคะ พอดูสุภาพ หรืออาจจะแสกกลางแล้วรวบคลุมเน็ตก็ได้จร้า
ถ้ามีความสามารถภาษาอื่นด้วยบริษัทจะพิจารณาเป็นพิเศษ นอกจากนั้นต้องเตรียมเรื่องบุคลิกภาพด้วย ซึ่งเราต้องอาศัยถามรุ่นพี่ๆ ที่เป็นแอร์ฯได้ว่าต้องทำยังไงบ้าง รุ่นพี่ก็จะช่วยแนะนำว่าต้องแต่งตัวไปยังไง ให้เรียบร้อยดูดีแบบไหน” เมื่อผ่านมาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด ก็กรอกใบสมัครซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ฉะนั้นจึงต้องเตรียมตัวด้านภาษามาให้ดี ขั้นต่อไปคือการสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการจำนวนหลายคนอาจจะทำให้เกิดความตื่นเต้นได้ ที่สำคัญควจะมีสมาธิและต้องเตรียมควมมพร้อมมาให้เยอะๆนะจ๊ะ
· การฝึกอบรมการเป็นแอร์โฮสเตส
“สัปดาห์แรกของเราพอเข้ามาปุ๊บต้องเทรนเรื่องเวชศาสตร์การบิน 5 วัน เรียนเรื่องยา การทำคลอด คือสามารถเป็นผู้ช่วยแพทย์ได้ในกรณีที่มีแพทย์อยู่ด้วย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การให้ยาท้องเสีย ท้องอืด หอบกับหืดต่างกันยังไง ลักษณะโรคต่างกันยังไง เทรนตรงนี้ 5 วัน พอเสร็จตรงนี้ก็จะถูกส่งมาฝึกทางด้านความปลอดภัยของแต่ละชนิดเครื่องบิน อุปกรณ์ฉุกเฉินอยู่ตรงไหน ฝึกดับไฟก็ต้องดับไฟจริงๆ ลงน้ำก็ใช้ชูชีพ ใช้ชูชีพยังไง อยู่ยังไง รักษาความอบอุ่นกันยังไง ในกรณีที่เราต้องดำรงชีวิตอยู่ในทะเล กระปำยา อุปกรณ์ฉุกเฉิน แล้ก็ค่อยฟังคำสั่งว่าเราจะไปด้วยกันยังไง ถึงตอนนี้เราจะต้องทำอย่างนี้ๆ นะ ขั้นตอนการให้บริการผู้โดยสาร ในส่วนของอาหารต้องเรียนแม้กระทั่งประโยชน์สมุนไพร โภชนาการ วิธีการประกอบอาหาร อาหารอย่างนี้ประกอบยังไง เพราะบางคนบางศาสนาผู้โดยสารอาจทานไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือบางคนทานมังสวิรัติ ก็ต้องรู้ บางคนทานแป้งสาลีไม่ได้เพราะเลือดจะออกในกระเพาะ ก็จะมีอาหารอีกประเภทสำหรับคนประเภทนั้น รายละเอียดเยอะมาก ถ้าเป็นเครื่องดื่มอย่างเช่นในไวน์แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร เหมาะกับอาหารประเภทไหน กิริยามารยาทก็ต้องฝึก เช่น ไม่ใช้การชี้นิ้วมือ แต่ใช้การผายมือแทน เพราะสุภาพกว่า ซึ่งตรงนี้คุณครูจะสอนมารยาทละเอียดมาก” การอบรมใช้เวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ เมื่อผ่านอบรมแล้วก็จะได้ขึ้นเครื่องจริงๆ เพื่อทดลองงาน เที่ยวบินแรกของสุตาคือพม่า เธอบอกตื่นเต้นมาก งานของเธอบนเที่ยวบินแรกคือการขึ้นไปช่วยงานบริการพี่ๆ แอร์โฮสเตสถือเป็นการสังเกตการณ์ เรียนรู้งาน ไฟลท์สังเกตการณ์จะมีทั้งหมด 4 ครั้งเมื่อบินเสร็จแล้วต้องกลับมาเข้าคลาสเรียนอีก ครูผู้อบรมจะให้แรกเปลี่ยนประสบการณ์กันว่าไปบินแล้วรู้สึกอย่างไง โดยคุณครูจะคอยเพิ่มเติมความรู้ให้ตลอด
· เส้นทางการทำงานแอร์โฮสเตส
หลายคนคงอยากรู้ว่าแอร์โฮสเตสทำงานกันอย่างไง สุตาเล่าให้ฟังว่าพวกเธอต้องมาก่อนไฟลท์ที่จะบิน 2 ชั่วโมงโดยมาพบกันที่สำนักงานกลาง ทุกคนต้องศึกษาว่าวันนี้จะบินไปที่นั่นที่นี่ เวลาต่างกันเท่าไหร่ ต้องรู้ว่ากัปตันครั้งนี้ชื่ออะไร พี่หัวหน้าแอร์คือใคร อินไฟลท์เมเนเจอร์เป็นใคร มีบริการแบบไหน มีเรื่องพิเศษอะไรบ้างมีผู้โดยสารที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษยังไง อาหารที่เสิร์ฟ เครื่องดื่มวันนี้เป็นยังไง นอกจากนั้นทุกคนจะต้องดูวีดีโอเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องนั้นๆ ที่โดยสาร เพื่อทบทวนและมีการทดสอบกันอีกทีในห้องก่อนที่จะออกไปสนามบินด้วยกัน
“แล้วเราจะต้องมาถึงเครื่องก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง พอไปยืนบนเครื่องคราวนี้จะเป็นเรื่องของการเตรียมการทุกคนที่ได้รับหน้าที่ว่าใครจะต้องประจำอยู่ ณ ตรงไหน ตรวจเช็กอุปกรณ์ความปลอดภัยของตัวเองให้พร้อม เปลี่ยนชุดเตรียมให้บริการ เช็กอุปกรณ์ทุกอย่าง อุปกรณ์ความปลอดภัยครบมั้ย ห้องน้ำเป็นยังไง อาหารเป็นยังไง อาหารพิเศษของผู้โดยสารที่ต้องดูแลพิเศษมาหรือยัง พอพร้อมแล้วพี่หัวหน้าแอร์ฯจะบอกว่าเตรียมรับผู้โดยสารได้เลย ทุกคนก็จะมายืนประจำเพื่อต้อนรับผู้โดยสาร” ตลอดทั้งเที่ยวบิน พวกเธอก็ต้องคอยดูแลผู้โดยสารซึ่งใช้กำลังเยอะทีเดียว ทั้งเข็นรถอาหาร เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม ดูแลความเรียบร้อย เรียกว่าต้องเดินตลอดการเดินทาง ทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ฉะนั้นพวกเธอจึงต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเสมอ
“ชั่วโมงบินมันนาน ตัวเราเองก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความดันอากาศ อากาศที่เปลี่ยนแปลง แล้วเราต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ เวลานอนก็ไม่เหมือนคนที่ทำงานประจำ ฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าไม่ไหวไม่สบาย หรือรู้ตัวว่าตัวเองเป็นหวัด ถ้าเป็นหวัดหูอื้อ ก็จะไม่ไป แต่ถ้ายังขืนขึ้นไปนี่อาการหูบล็อกมันอันตราย จะไม่ไปเลยนะคะ เพราะว่านอกจากไม่ดีกับตัวเองยังไปทำให้เพื่อนร่วมงานเหนื่อยขึ้นอีก ถามว่าเหนื่อยมั้ย ชินแล้ว พอกลับมาเราก็พักผ่อนเต็มที่ ทางบริษัทเขาก็จัดวันหยุดให้เรา ในการที่จะทำการบินแต่ละครั้งนี่บริษัทคำนวณไว้แล้ว เขาจะมีอัตราค่าความเหนื่อยให้ว่าเราจะต้องพักผ่อนเท่านี้เพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันถูกควบคุมด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว เราก็ทำหน้าที่ควบคุมตัวเราเองอีกที เพราะบางทีเราไปในประเทศที่ร้อนจัดแล้วไปประเทศที่เย็น เราก็ต้องเตรียมตัว”
· คำในของแอร์โฮสเตส
“สำหรับคนที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส ขอให้ตอบตัวเองว่าเรารักงานบริการจริงๆ หรือเปล่า เมื่อตอบได้แล้วให้หาข้อมูลให้มากที่สุด หย่าหยุดฝัน ถ้าเรารู้ว่าวันหนึ่งฝันเราเป็นจริงชีวิตมันก็คุ้มค่า อย่าหยุด อย่าท้อ อย่าคิดว่าเป็นแอร์ฯ ต้องสวยหรือเปล่า ต้องเก่งหรือมั้ย ต้องเรียนเมืองนอกหรือเปล่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ไม่ใช่เลย ถ้าคุณมีคุณสมบัติกำหนด บริษัทก็พร้อมจะเลือก ซึ่งเขาเลือกคนดี เลือกคนที่มีความตั้งใจ”
· สิทธิพิเศษของคนเป็นแอร์โฮสเตส
มีรายได้รวมสูงกว่าคนทำงานอาชีพอื่นๆ เข้ามาทำงานใหม่ๆ ก็ได้รายได้ประมาณ 40,000-60,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจำนวนรายได้จะขึ้นอยู่กับตารางบินว่าบินระยะใกล้ไกลแค่ไหน ถ้าบินไกล และค้างคืนหลายวันก็ยิ่งได้มาก· เดินทางไปไหนมาไหนแบบฟรี หรือได้สิทธิ์ในการซื้อตั๋วเครื่องราคาถูกมาก· สมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อแม่ ภรรยา หรือสามี และลูก สามารถใช้สิทธิ์เดินทางซื้อตั๋วราคาถูกหรือไปแบบฟรีได้ ถ้าไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการบิน สายการบินจะมีสวัสดิการประกันสุขภาพ สามารถเบิกรักษาพยาบาลได้ทุกแห่งทั่วโลกที่สายการบินมีจุดลง
ที่มา Eduzone.com
รูปแอร์โฮสเตสยุคก่อน
เครดิต
http://www.chaipatnida11.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=418397&Ntype=6
http://forward-mail.exteen.com/20081205/entry
ความคิดเห็น