ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทัณฑ์ลวงรัก(บทที่2 ตัวตนใหม่100%)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตัวตนใหม่่ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 55


     


        แสงสลัวของอาทิตย์อัสดง ลมหนาวที่พัดผ่านไป ต้นหญ้าปลิวลู่ล้อลิ่วกับสายลม บ้านช่องทุกหลังปิดประตูลั่นกลอน แว่วเสียงร่ำไห้ของเด็กน้อยคนหนึ่งดังออกมาภายนอกบริเวณ ชวนให้ผู้ฟังสงสารเวทนา
    "ฮือ ฮือ ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านพ่อ"
    ผู้เป็นแม่โอบกอดลูกไว้แน่น มือบางลูบปอยผมเด็กน้อย พร้อมกับกล่าว"อย่าร้องไห้ เจ้าต้องเข้มแข็ง ท่านพ่อออกไปเข้าร่วมกองทัพเพื่อปกป้ององค์หญิง"
    เด็กน้อยพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะซบหน้าเข้าหามารดา
    "ชาวเมืองเฝิงหวงจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายองค์หญิงเด็ดขาด"หญิงสาวกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวพร้อมกับกอดลูกน้อยแน่น

    ณ อีกด้านของแผ่นดิน บุรุษหนุ่มหล่อเหลา ผิวกายชั้นดีเนียนละเอียดดุจหิมะ เส้นผมสีน้ำตาลปลิวพลิ้ว ดูคล้ายกับชายเจ้าสำอางค์ทว่าบนศีรษะกลับสวมโลหะเงินเงาวับ สี่เหลี่ยมตรงกลางมีนกอินทรีย์เป็นสัญลักษณ์ สองด้านซ้ายขวามีแท่งโลหะโค้งแหลมปลายชี้ขึ้นแสดงถึงอำนาจบารมีสูงส่ง ชายหนุ่มบังคับม้าวิ่งไปเบื้องหน้าเพื่อเข้าช่วยชายวัยกลางคนที่กำลังจะถูกคมกระบี่ฟาดฟันทว่ามือสังหารนั้นกลับต้องสังเวยชีวิตไปเสียก่อน
    "ท่านแม่ทัพ!! เราจะทำเช่นไรดี กำลังพลในเวลานี้มีเหลือไม่มากนัก"ชายวัยกลางคน ใบหน้ากร้านกรำ ผิวดำคล้ำจากการสงครามเอ่ยต่อแม่ทัพหนุ่มรูปงาม ใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยหยาดโลหิตสีแดงฉาน 
    ผู้ที่ถูกเรียกเป็นท่านแม่ทัพหันมองไปรอบด้าน กลิ่นคาวเลืิอดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ สภาพศพทหารมากมายนอนเกลื่อนกลาดซ้อนทับกันจนนับมิถูกว่าเป็นใครอยู่ฝ่ายใดได้ หากแต่คนเป็นนั้นยังคงพุ่งรบกันต่อ แม่ทัพหนุ่มตัดสินใจควบอาชาไนยบุกฝ่าทะลวง หวังต่อสู้เอาชัยกับจอมทัพของศัตรูเพื่อเร่งช่วยชีวิตลูกน้องของตนเองที่กำลังจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
    "กรรรร" เสือขาวตัวใหญ่มหึมาวิ่งขย้ำเข้าใส่แม่ทัพหนุ่ม กรงเล็บแหลมคมฝังเข้าไปยังเนื้อกาย โลหิตไหลรินเป็นทางยาวจากบาดแผลฉกรรจ์ ทว่าเสือขาวก็ถูกฟันเข้าที่ด้านบนท่อนขาเช่นกัน
    "ท่านแม่ทัพ!!!"
    ธงกิเลนแดงปลิวพลิ้วไสว เสียงหวูดประจำกองทัพเป่าขับขานเป็นคำสั่งถอยทัพ นายทหารผิวคล้ำกร้านผู้ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพไสม้าเข้ามาต่อสู้กับพญาเสือขาวแทน หวังพลีกายเพื่อช่วยชีวิตนายของตน 
    "พวกเจ้ารีบพาท่านแม่ทัพกลับค่ายโดยไวที่สุด ข้าไม่รู้ว่าจะต้านไว้ได้อีกนานเท่าไร"
    เมื่อสบโอกาสเหมาะ ทหารที่เหลือจึงรีบเข้ามา พาท่านแม่ทัพที่บัดนี้สลบไสลไม่ได้สติ หนีฝ่าวงล้อมศัตรู ออกไป



    "โอยยย เจ็บจังโว้ย"เพชรชลิตาค่อยๆลืมตา พร้อมกับเสียงสบถโอดครวญ แต่เมื่อสายตาปรับกับสภาพแวดล้อมรอบข้างได้แล้ว หญิงสาวแทบจะกระเด้งจากเตียงทันที ติดที่ร่างกายไม่อำนวยเท่านั้น
     
    "ท่านฟื้นแล้วจริงๆด้วย ท่านแม่ทัพเซี่ยงฟื้นแล้ว"ชายคนหนึ่งแต่งกายคล้ายชุดเครื่องแบบตะโกนดังลั่น น้ำเสียงปีติ แต่แอบแฝงด้วยความกังวลใจ
    "เอ่อ ที่นี่ คือที่ไหนหรือ"เพชรสำรวจรอบๆอีกครั้ง
    "ท่านแม่ทัพ เหตุใดเสียงของท่านจึง..."นายทหารทำสีหน้างุนงง
     
    ฉับพลันทหารอีกสองนายก้าวฝีเท้าเข้ามายังกระโจมที่พัก นายทหารที่สูงวัยกว่าวางมาดเคร่งขรึม ก้มศีรษะค้อมตัวลงพร้อมกับเอ่ย
    "ท่านแม่ทัพโปรดบัญชาการด้วย ขณะนี้เราเหลือทหารเพียงแค่ครึ่งร้อยเท่านั้น พวกเราสร้างค่ายกำบังพรางตาฝ่ายศัตรูไว้อยู่ แต่เกรงว่าในไม่ช้า ไป๋หู่จะต้องหาเราพบแน่นอน"
     
    เพชรนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของอีกฝ่าย  ทำไมคนพวกนั้นถึงเรียกเธอว่า"แม่ทัพเซี่ยง"หญิงสาวสะดุ้งตกใจ 'แม่ทัพหรือ'ก่อนจะรีบใช้มือสองข้างสำรวจบริเวณหน้าอกเพื่อยืนยันเพศให้แน่ใจอีกครั้ง จะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เทวดาผู้นั้นส่งเธอมาผิดยุคหรือไร...



    หญิงสาวจ้องมองบุรุษรูปงามคมสันแต่ใบหน้ากลับหวานยิ่งกว่าสตรีใดในแผ่นดิน น้ำใสใสหยดลงอาบแก้ม เนื่องจากบุรุษรูปงามในกระจกโบราณมิใช่ใครที่ไหน ทว่ากลับเป็นชายที่เธอเฝ้าถวิลหามาโดยตลอด พี่ชายฝาแฝดของเธอนั่นเอง หญิงสาวกอดกระบี่เล่มใหญ่ของพี่ชายด้วยความหวงแหน
    "ทั้งๆที่เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่พี่ก็ไปก่อนเพชรก้าวหนึ่งเสมอ"

    เสียงฝีเท้าหนักหน่วงก้าวเข้ามายังค่ายที่พัก หญิงสาวรีบยกมือปาดน้ำตา พร้อมกับวางมาดเข้ม หลังจากได้ฟังสถานการณ์คร่าวๆมาแล้ว เธอก็เริ่มประติดเรื่องราวได้บางส่วน ความจริงเธอไม่ได้ถูกส่งกลับมาโลกเดิม แต่ที่นี่อาจจะเป็นมิติอื่น ซึ่งเธอถูกส่งมาแทนที่พี่ชาย ในฐานะใหม่คือ 'แม่ทัพเซี่ยงหยางเจิ้งแห่งกองทัพกิเลนแดง'
    "อะแฮ่ม...ข้าเซี่ยงหยางเจิ้ง ขอสั่งให้พวกเจ้าทั้งหมดเดินทางกลับเมืองโดยทันที"
    "แต่รับสั่งขององค์จักรพรรดิ ที่ให้สังหารไป๋หู่ยังมิเสร็จลุ..."

    หญิงสาวในคราบเซี่ยงหยางเจิ้งกล่าวขัดขึ้น"เรื่องนั้น ข้าจะจัดการเอง พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว"
    ท่านรองแม่ทัพทำท่าจะกล่าวกระไรบางอย่าง แต่หญิงสาวยกมือปรามไว้ก่อน"ข้ามีแผนอยู่ในใจแล้ว ขอให้พระองค์ไม่ต้องกังวลไป จงรายงานองค์จักรพรรดิตามนี้"


    เซี่ยงหยางเจิ้งสะพายมัดผ้าสัมภาระไว้ที่ไหล่ ก่อนจะออกเดินทางเพียงลำพัง มุ่งหน้าสู่ตัวเมือง
    พยัคฆ์ขาว หญิงสาวต้องการสืบหาลักษณนิสัยขององค์ชายไป๋หู่ โดยจะเริ่มสืบถามจากชาวเมือง 
    เพชรเงยหน้ามองท้องนภาพร้อมกับเอ่ย"สวรรค์ หน้าที่ทำแผ่นดินให้สงบสุข นั่นคงจะต้องเริ่มจากหาราชันย์ที่ดีสินะ"

    เสียงฝีเท้าคนมากมายกำลังย่ำฝีเท้ามาทางด้านนี้ หญิงสาวจึงรีบหาที่ซ่อนตัวหลังโพรงหญ้า ชายฉกรรจ์กว่ายี่สิบคน แต่งกายด้วยผ้าเนื้อหยาบ ใบหน้าถมึงทึงกำลังหาสิ่งของเหลือใช้จากค่ายทหารที่เธอเพิ่งสั่งให้แยกย้ายกันไปได้ไม่นานมานี้
    "เร็วเข้า!! เราจะตามไปปล้นเสบียงจากพวกมันอีก ตอนนี้มันคงกำลังอ่อนแอ"

    ทว่ามิทันไร เสียงเกือกม้าหลายตัววิ่งกระทบผืนดินดังกึกก้อง ตรงมายังที่แห่งนี้ ชายฉกรรจ์บางส่วนรีบซ่อนตัวยังอีกฟากของป่า ด้านตรงข้ามกับหญิงสาว ที่เหลือถืออาวุธรอคอยผู้มาเยือน
    'นี่มันงานเลี้ยงโต๊ะจีนหรือไง แห่กันมาอยู่ได้'เพชรคิดในใจ ก่อนจะมองไปยังเบื้องหน้า ภาพที่ปรากฎนั้นเป็นชายในเครื่องแบบนักรบ แต่ที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาผมสีเงินนั่งสง่าอยู่บนอาชาสีขาว
    "พวกโจรป่า!!เห็นองค์ชายไป๋หู่ยังมิแสดงความเคารพอีก"ทหารด้านข้างองค์ชายเปล่งเสียงดัง

    ทว่าเพชรเหลือบไปเห็นโจรยังฟากตรงข้าม ง้าวคันศรปลายแหลมเล็งไปที่ศีรษะของบุรุษเกศาเงิน 
    "ระวัง!!!"

    หญิงสาวตะโกนขึ้นอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบยกมืออุดปากพาซวยนั้นไว้
    ไป๋หู่ผู้มีสัญชาตญาณการรับรู้เยี่ยมยอดที่สุดในสามราชันย์ จับคันศรที่กำลังบินเฉียดใบหน้าไว้ได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับที่ทหารจำนวนมากเข้ากำราบกองโจรด้วยเวลาเพียงไม่นาน
    "เจ้า จะหลบอยู่อีกนานหรือไม่?"
    หญิงสาวสะดุ้งเฮือกใหญ่ แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจแทบจะหยุดเต้นคือ เสือโคร่งสีขาวขนาดใหญ่มหึมากระโดดข้ามมายืนตรงหน้าเธอ ฉับพลันอุ้งเท้าใหญ่ตะปบเข้าหาเธอ เพชรหลับตาปี๋ยอมรับชะตากรรม
    "เอ๊ะ ทำไมไม่เจ็บ..."
    หญิงสาวค่อยๆลืมตา หน้าผากของหญิงสาวชนเข้ากับริมฝีปากแดงได้รูปของชายหนุ่มเบื้องหน้า ไป๋หู่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะอุ้มหญิงสาวขึ้นม้า จากนั้นพระองค์ค่อยกระโดดขึ้นม้าอีกที
    "องค์ชายนั่นใครพะยะค่ะ เหตุใดนางจึงหน้าคล้ายกับ..."
    ไป๋หู่กล่าวตัดบท"ส่งทหารที่เหลือไล่ตามทัพกิเลนแดงไป ข้าจะล่วงหน้ากลับวัง"
    "นางอะไรกัน ข้าเป็นบุรุษ...ปล่อยยยยยข้านะ!!"หญิงสาวดิ้นไปมาบนหลังม้า น้ำตาไหลซึมออกมาเองด้วยความตระหนกก่อนหน้านี้ 'องค์ชายไป๋หู่เป็นเสืองั้นหรือ ไม่เห็นมีใครบอกข้ามาก่อน'
    ไป๋หู่ก้มศีรษะลงกระซิบเบาๆข้างหู"ถ้ายังไม่หยุดดิ้น ข้าจะกินเจ้าเข้าไปทั้งตัว!!"



    ต่อจ้ะ
    ประตูบานใหญ่สลักลวดลายวิจิตรถูกเปิดออกทีละบาน พร้อมกับอาชาที่วิ่งผ่านเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ยิ่งเส้นทางลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ ยิ่งมีทหารเฝ้าเวรยามมากขึ้นเท่านั้น เพชรเดินตามชายหนุ่มร่างสูงอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทาง ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าก่อนจะเดินไปนั่งยังบัลลังก์ รอบกายเต็มไปด้วยทหารองครักษ์จ้องมองมายังเธอเป็นตาเดียว

    "อะแฮ่ม...เอ่อ"หญิงสาวยกมือเกาศีรษะ เพชรรู้สึกประหม่า เนื่องจากทหารเหล่านั้นจ้องเธอด้วยสายตาหวานเยิ้ม
    "เจ้าเป็นใครกันแน่?"องครักษ์มาดเข้มข้างกายไป๋หู่กล่าว
    เพชรรีบเรียบเรียงคำพูด ก่อนจะตอบ"ข้าเป็นชาวบ้าน พอดีหลงทางผ่านมาพบกับโจรป่าเข้า...จากนั้นจึงได้พบกับพวกท่านนี้แหละ"
    "เจ้าโกหก!!"ทหารหาญหันไปกระซิบกระซาบกราบทูลองค์ชายต่อ"ชาวบ้านที่ไหนจะรูปงามเช่นนี้ พะยะค่ะ"
    ไป๋หู่สำรวจมองคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พร้อมกับเอ่ย"อวี้หยางส่งเจ้ามาหรือ?"

    อวี้หยางใครอีกล่ะคราวนี้ หญิงสาวจึงแสร้งกล่าวเฉไฉ "สุดแต่องค์ชายจะพิจารณาเถิด ข้าน้อยพูดไปก็เท่านั้น"
    "ยอกย้อนองค์ชายงั้นรึ"องครักษ์หนุ่มตวาดก้อง ทว่าไป๋หู่ยกมือขึ้นปรามเสียก่อน 
    องค์ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ พร้อมกับเอ่ย"ตอบได้ดี ข้าจะหาทางสืบเอง ในระหว่างนี้เจ้าต้องพักอยู่ที่นี่ จนกว่าข้าจะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเป็นใคร"


    ไป๋หู่ทอดพระเนตรส่งคนตรงหน้าที่กำลังเดินตามนางกำนัลออกไปจนลับตา "ข้าชอบนาง..."
    องครักษ์หนุ่มข้างกายมององค์ชายของตนด้วยความแปลกใจก่อนจะกล่าว"เจ้านั่นเป็นหญิงจริงๆหรือกระหม่อม เหตุใดใบหน้านั้นจึงละม้ายแม่ทัพเซี่ยงเยี่ยงนั้น"
    ไป๋หู่กล่าวด้วยสุรเสียงซุกซนราวเด็กพบพานของเล่นใหม่"เจ้าต้องแสร้งทำเป็นมิรู้ ในเมื่อนางอยากจะอยู่ในคราบบุรุษ ข้าก็จะหยอกเล่นกับนางเสียหน่อย"


    เงาดำทะมึนน่ากลัวสายหนึ่งเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วดุจพญามัจจุราช ทั่วทั้งกายปกปิดด้วยผ้าสีดำสนิทกลมกลืนไปกับรัตติกาล เหลือให้เห็นเพียงแค่ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยว ชายหนุุ่มจ้องมองไปยังเป้าหมายในห้องเบื้องหน้า

    หญิงสาวผู้งดงามดุุจดังจันทรา ใบหน้างามสะท้อนอยู่ในกระจกโบราณ เรือนผมสีดำ ดวงตากลมตา จมูกแลปากเรียวเล็ก ผิวกายขาวอมชมพู มือบางค่อยสางผมยาวสลวย ฉับพลันเงาดำสายหนึ่งจี้จุดไม่ให้เธอสามารถเปล่งเสียงได้ ก่อนจะตวัดลักพาหญิงสาวด้วยความเงียบเชียบ
    ร่างบางแนบชิดอกแกร่ง หัวใจดวงน้อยเต้นระริกด้วยความกลัว ทว่าเมื่อนัยน์ตาประสานกับดวงตาคมกริมของคนตัวโตแล้ว กลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด 

    เวลาผ่านไปชั่วน้ำเดือด เหล่าทหารวิ่งกรูกันออกมา ทว่าชายหนุ่มวาดกระบี่ขึ้นฟาดฟันทหารทุกคนที่ขวางกั้นเส้นทาง แม้ทหารเหล่านั้นจะทยอยพากันมาสมทบมากขึ้น แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ไร้วี่แววใดๆแม้แต่เงา!!!
     

     

     ขอคอมเม้นต์เป็นกำลังใจบ้างนะจ้ะ :))
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×