เช้ามืดของวันศุกร์แสงจันทร์แค่เสี้ยวเดียวเปล่งประกายทั่วผืนฟ้า ดาวเพียงไม่กี่ดวงที่คอยส่องสว่างอยู่เคียงคู่กัน แต่นั่นก็ยังน้อยกว่าจันทร์บนฟ้าดวงตรงหน้านี้ เตนล์มองตามแจฮยอนที่ช่วยขนกระเป๋าขึ้นรถ ใจจริงเขาอยากจะทำมันด้วยตัวเองแต่ก็โดนขัดด้วยคนตรงหน้า แม้ใบหน้าและท่าทางไม่พอใจนั่นถูกแสดงออกมาแทบจะตลอดเวลา
แต่แจฮยอนกลับทำอย่างกับว่าเป็นเรื่องปกติ เตนล์กังวลว่าพี่เขาจะหงุดหงิดหรือเกรี้ยวกราวใส่อีก
ไม่นานร่างสูงวิ่งเข้าไปในบ้านอีกรอบหลังขนกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าจะลืมอะไรซักอย่าง เด็กชายเห็นคนพี่ถือของติดมือมาออกมาด้วย เขาไม่อยากจะใส่ใจมากนักเมื่อเห็นว่าเดินมาแล้วจึงเดินเลี่ยงเพื่อไปขึ้นรถ
อาจารย์ซีวอนนัดนักเรียนปีหนึ่งไว้ตอนตีสี่ เวลานี้ก็ล่วงเลยมาตีสามแล้ว ขืนไปสายมีหวังได้วิ่งรอบสนามบาสเก็ตบอลก่อนได้ขึ้นรถไปแคมป์ปิ้งแน่ๆ นั่นเป็นกิจกรรมที่นักเรียนทุกชั้นปีรอคอยเลยก็ว่าได้ ถ้าเป็นยูตะคงชอบใจเพราะได้วอร์มร่างกายแต่เช้า แต่ไม่ใช่สำหรับเขาแน่ๆ
“แน่ใจใช่ไหมว่าเช็คของเรียบร้อยหมดแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยพลางเหล่มองกระเป๋าเป้หลังรถ จริงๆ มันถูกเตรียมไว้ตั้งแต่สองวันที่แล้ว เตนล์ดีใจมากเมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้ออกไปข้างนอกบ้าง นอกจากที่บ้านและโรงเรียนเขาก็แทบจะไม่ได้อนุญาตให้ออกไปไหนเลย แจฮยอนเองก็เช่นกันพักหลังมานี้เขายอมรับว่าเป็นสารถีขับรถให้เด็กข้างๆ ตัวแทบจะตลอดเวลา คอยเฝ้าไปรับไปส่งบ่อยขึ้น หากว่าไม่มีธุระปะปังให้ต้องจัดการ คนที่บ้านดูแปลกใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้มีใครกล้าเอ่ยถามให้อีกคนได้หัวเสียเล่นหรอกนะ
“เรียบร้อยหมดแล้วครับ” เตนล์ยังคงเป็นเหมือนเดิม เด็กชายเอาแต่นั่งก้มหน้ามองนิ้วชื้นเหงื่อที่วางอยู่บนตัก มือเล็กจิกมันไปมาจนแทบจะช้ำหมด ‘เห็นแล้วขัดตาชะมัด’ ฝ่ามือแกร่งข้างที่ว่างเอื้อมมาคว้ามือเล็กๆ ที่ซึมไปด้วยเหงื่อ ทั้งที่อากาศxจัดขนาดนี้ เขาบีบมือเล็กเบาๆ โดยไม่หันมามองหน้าของเด็กชายซักนิด ทำอย่างกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แม้จะพยายามกระตุกมือออกแล้วก็เถอะ แต่ไม่มีทีท่าว่าแจฮยอนจะรับรู้เลย
ใบหน้าเล็กนั่นหันมองก็แล้วก็ยังทำเฉย เขาไม่เข้าใจการกระทำของแจฮยอนระยะหลังๆ มานี่เลย เอาแต่ใจ.. ปากสวยเม้มเข้าหากัน เตนล์กำลังสับสนว่าตัวเองจะใจเต้นแรงไปทำไมกัน พยายามจะไม่ยิ้มออกมา แต่ก็นั่นแหละ ทำไมมันยากเหลือเกิน.. คนๆ นี้ที่เกลียดขี้หน้าเขาอย่างกับอะไรดี ไม่หรอกน่า ความคิดมากมายตีกันรวนไปหมด เขาเลือกที่จะเสมองกระจกรถแทนที่จะหันไปสนใจอีกคนที่กำลังใช้มือข้างเดียวบังคับพวงมาลัย
.
.
.
.
.
.
“อย่าเจ็บตัวกลับมา” เสียงแจฮยอนที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้น ร่างบางไม่แน่ใจว่าอีกคนกำลังพูดอยู่กับเขาจริงๆ หรือว่าแค่ฮึมอัมในลำคอคนเดียว ตัวเขาเองได้แต่ทำหน้าหลอหลาไม่แน่ใจ
“ค..ครับ?”
“ตอนกลางคืนก็ใส่เสื้อผ้าอุ่นๆ ไว้ด้วย เข้าใจไหม” มือแกร่งบีบเบาๆ ให้อีกคนรู้ตัว ศีรษะเล็กที่มีผมกระเซิงขึ้นเล็กน้อยพยักหน้าตอบรับ
“แล้วพวกยาอะไรนั่นล่ะ ได้ติดตัวไปบ้างหรือเปล่า”
“ที่โรงเรียนมีฝ่ายพยาบาลไปดูแลแล้วครับพี่แจฮยอน”
“ฉันถามว่าเธอได้พกติดตัวไปบ้างหรือเปล่า” เสียงทุ้มนั่นแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็นะ ใช่..เตนล์ไม่ได้พกติดตัวไปเลยด้วยซักนิด คงโดนโกรธเข้าให้ก็ตอนนี้ละนะ
“เปล่าครับ..” กำลังคิดว่าหลังจากนี้กระดูกนิ้วของตัวเองอาจจะแหลกคามือพี่แจฮยอนก็ได้
“ใต้ลิ้นชักรถ...” แจฮยอนปล่อยมือน้อง เมื่อเริ่มเลี้ยวเข้าสู่ตัวโรงเรียนแล้ว
“หยิบไป ยาใต้ลิ้นชักรถฉันซื้อมาติดรถไว้นานแล้ว” อันที่จริงเขาเพิ่งซื้อเมื่อตอนเย็น หลังจากที่เตนล์มาบอกว่าต้องไปแคมป์ปิ้งกับที่โรงเรียน ถึงแม้จะมีฝ่ายพยายาบาลแล้วก็นะ ยาบางอย่างในโรงเรียนก็ไม่อนุญาตให้มีไว้ครอบครอง ยกเว้นแต่พวกอัลฟ่าอย่างพวกเขาเท่านั้นที่จะมีปัญญาซื้อ
“ครับ....พี่แจฮยอน”
.
.
.
.
ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงโรงเรียน มีเด็กหลายคนที่ผู้ปกครองไปส่งถึงรถบัส แต่ว่าคงไม่ใช่สำหรับแจฮยอน เขาอยากออกไปส่งเด็กตรงหน้าด้วยตนเองอยู่หรอกแต่พวกชนชั้นต่ำกว่าอาจจะผวาหนีเขากันน่ะสิ
“อย่าทำให้ฉันต้องเป็นห่วง มีอะไรต้องรีบโทรหาฉัน” เอ่ยขึ้นขณะที่เด็กชายกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว เตนล์ตัวแข็งทื่ออีกรอบเมื่อหมวกไหมพรมสีแดงสดจากมือหนาถูกสวมลงบนหัวเล็กๆ ของตัวเอง นิ้วชี้ของชายหนุ่มปัดผมที่ปรกหน้าผากออกไปเบาๆ มันดูเกะกะเวลาเขามองแล้วผมกระจุกนั่นกำลังจะทิ่มดวงตาสวยๆ ที่เขาชอบมอง
“พี่แจฮยอน..” สองมือละจากพวงมาลัยรถที่เคยบังคับทิศทางก่อนหน้านี้ กำลังประคองใบหน้าหวานให้เขามาใกล้ยิ่งขึ้น ปลายจมูกรั้นของเตนล์ชนเข้ากับปลายจมูกของคนพี่ ลมหายใจอุ่นรดรินจนรู้สึกได้
แจฮยอนกำลังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
ร่างบางเองก็ดูกำลังสับสนอยู่เช่นกัน เปลือกตาสีอ่อนหลับลงช้าๆ พลันนั้นกลับนึกถึงคำขอของรุ่นพี่คนโปรดขึ้นมาทันที มันช้าไป ปากอิ่มโดนทาบทับด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังต่อสู้กันอย่างสุดขีด เขาปฏิเสธแจฮยอนไม่ได้ เสียงใสเผลอครางตอนที่ลิ้นร้อนๆ นั่นแตะลงบนริมฝีปาก สัญชาตญาณของเขามันสั่งแบบนั้นและก็ไม่มีทีท่าว่าจะต่อต้านแจฮยอนด้วย ร่างสูงรีบผละตัวเองออกเมื่อรู้ตัวว่าถ้านานกว่านี้อาจจะเลยเถิดไปไกล สันกรามที่โดนขบจนเห็นชัดเจนนั่นกำลังสงบสติให้อยู่กับตัวเอง
“รีบไปซะ”
นั่นไม่ใช่ประโยคที่ออกปากไล่แต่ถ้าอยู่นานกว่านี้อาจจะเป็นเด็กชายที่ไม่ได้ออกไปแคมป์ปิ้งกับเพื่อนๆ แน่ มือเรียวหยิบกระเป๋าเป้หลังรถแล้ววิ่งออกไป แจฮยอนปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าตัวเองกำลังมองตามเด็กตรงหน้าอย่างตาละห้อย ตั้งสองวันที่เขาจะไม่ได้เจอหน้าเตนล์ ดวงตาคมมองไปยังฝูงเบต้าและอัลฟ่าที่ปะปนกันอยู่ เขาเห็นเด็กชายชัดเจน หมวกไหมพรมสีแดงสดนั่นเข้ากับเตนล์ไม่น้อย แจฮยอนคิดแบบนั้น และคาดว่าเพื่อนๆ ของเด็กชายเองก็ไม่ต่างกัน แจฮยอนยิ้มออกมา เดี๋ยวนี้เขาชักจะยิ้มบ่อยเกินไปเสียแล้ว
Lost together
กระเป๋าเป้หลายใบถูกโตถูกโยนไปกองรวมกันใต้ท้องรถบัสของโรงเรียน แม้สีของรถคันนี้ออกจะสดใสแต่คงน้อยกว่าเสียงของความสุขที่ปนไปด้วยความตื่นเต้นของเช้าวันนี้ นักเรียนปีหนึ่งของมัธยมปลายกำลังเจื้อยแจ้ว บางคนก็ทดลองกล้องถ่ายรูปที่พกมา บ้างก็กระเป๋าที่ตุงไปด้วยขนมขบเคี้ยว เตนล์แอบเห็นเพื่อนปีหนึ่งบางคนของเขาพกกระเป๋าใบโตซะนึกว่าจะไปเข้าแคมป์หนึ่งเดือน หมวกไหมพรมประดับอยู่บนหัวเล็กนั่นทำให้แทยงถึงกับเบิกตาโต มันเข้ากับเพื่อนของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เหล่มองผ้าพันคอไหมพรมผืนเก่าๆ ที่โดยองบังคับให้แล้วก็หงุดหงิดชะมัด
“หมวกนาย!” แทยงเอ่ยขึ้นเมื่อกลุ่มของพวกเขายกกระเป๋าไปกองไว้ใต้ท้องรถเรียบร้อยแล้ว แม้จะยังเช้ามืดอยู่ แต่แสงจากดวงจันทร์ทำให้เขามองเห็นหมวกสีแดงสดประดับอยู่บนหัวของเตนล์อย่างชัดเจน ไหนจะผิวที่ขาวผุดผ่องนั่น ยิ่งขับให้ดูน่ามองขึ้นไปอีก
“ทำไมหรอ... มันไม่เข้ากับฉันหรือไง” มือเล็กกำลังจะถอดมันออก แม้ว่าเขาจะชอบแต่ถ้ามันไม่เข้ากับหน้าหรือใส่แล้วดูน่าเกลียดแบบยูตะล่ะก็ เขาจะถอดออกทันที
“มันเหมาะกับนายมากๆ เลยล่ะ ใช่ไหมโดยอง” แทยงส่งสัญญาณให้อีกคนเห็นด้วย จริงๆ เขาอยากให้โดยองซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ด้วยนั่นแหละ
“เตนล์ใส่อะไรก็ดูเหมาะหมดนั่นแหละ” โดยองไม่ได้กำลังพูดอวยเพื่อนแต่อย่างใดแต่หากว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เตนล์เอาแต่คิดว่าตัวเองธรรมดาซะจนน่าเบื่อ แต่จริงๆ แล้ว มีเบต้าหลายคนที่สนใจเพื่อนของเขามากๆ เลยล่ะ แต่ด้วยเพื่อนตัวดีเกิดในครอบครัวอัลฟ่า เลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้เสียมากกว่า
“นี่นายกำลังหาว่าถ้าฉันใส่แล้วจะไม่น่าดูแบบเตนล์ใช่ไหม นายนี่.. ปากคอเราะร้าย ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงไม่มีแฟนน่ะ” ยูตะกับวินวินกำลังขนกระเป๋าขึ้นรถ เลยอดเห็นเพื่อนสนิทสองคนนี้กำลังผิดใจกันอีกแล้ว
“ที่ฉันไม่มีแฟนก็เพราะมัวมาอยู่กับนายไงแทยง คนอื่นเขาถึงไม่กล้าเข้าใกล้ฉันไง ฉันจูบนายวันก่อนยังไม่ชัดเจนอีกหรือไง” เพื่อนสนิทตัวเล็กได้แต่อ้าปากค้างกับการเถียงคำไม่ตกฟากของโดยอง ไหนจะมาพูดเรื่องจูบต่อหน้าเพื่อนๆ อีก เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว เตนล์ก็พอกัน เขาเห็นนะว่าเพื่อนสนิทกำลังเอามือปิดปากอย่างกับว่าตัวเองกำลังฟังความลับอันใหญ่ยิ่งอยู่
“อะไรจูบๆ นะ ได้ยินไม่ค่อยชัด” ยูตะหัวเราะคิกคักเดินมากับวินวิน เกลียดลูกบอลที่หมอนี่พกไปทุกที่ อีกนิดเตนล์จะคิดว่านั่นเป็นผู้สืบสันดานที่แท้จริงของยูตะกับวินวินแล้ว
และแล้วเสียงตะโกนของอาจารย์ซีวอนก็ดังขึ้นไม่รอให้พวกเด็กๆ ได้ตั้งตัวซักนิด พวกเขาต้องวิ่งไปเข้าแถวเพื่อจัดระเบียบว่าแต่ละคนนั่งตรงไหน ความวุ่นวายมักจะอยู่ตรงที่เพื่อนของเตนล์กำลังแย่งที่นั่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในทีเตนล์ไม่ใช่คนที่เรื่องมากอยู่แล้ว เขาเลือกที่นั่งเป็นคนสุดท้ายแถมไม่มีคู่นั่งไปอีก แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้เหงาหรืออะไรหรอกนะ สองแขนยกเป้ที่มีติดตัวขึ้นไปยังเหนือหัว มันยังพอมีที่ว่างให้เขาวางกระเป๋าได้แต่ค่อนข้างจะเบียดเสียดเพราะลูกฟุตบอลของยูตะนั่นแหละ
“มีคนเอาฟุตบอลไปเล่นที่นั่นด้วยหรือเนี่ย” แขนแกร่งใช้มือข้างเดียวขยับกระเป๋าเป้ให้ร่างบางที่กำลังทุลักทุเลอยู่ ไม่นานกระเป๋าใบนั้นมันก็เข้าที่ เตนล์ถอยหลังก้าวขาเกือบสะดุดล้มเมื่อรู้ตัวว่าคนข้างๆ คือรุ่นพี่ตัวสูงที่ใครๆ ต่างรู้จักกันดี ‘พี่ลูคัส’
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ
“หมวกสวยดีนะ” เอ่ยประโยคถัดมาเพื่อให้อีกคนรู้ตัว ก็เตนล์เอาแต่นิ่งค้างตอนหันมาเจอเขาพอดีน่ะสิ มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยหรือไง
“อ๋อ..เอ่อ ขอบคุณนะครับพี่ลูคัส” แม้ว่าวันก่อนรุ่นพี่จะมาบอกว่าอยากให้เราสองคนสนิทกันมากกว่านี้แม้จะยังไงเข้าใจประโยคนั่นก็ตามแต่เขาก็ยังรู้สึกเคอะเขินอยู่ดีเวลาได้อยู่ใกล้ๆ กัน เด็กชายโค้งให้รุ่นพี่เล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้ เขาเสมองยูตะที่หันมายิ้มกรุ่มกริ่มคล้ายกำลังล้อเลียนตัวเขากับรุ่นพี่คนข้างๆ อยู่ แต่ยังไม่ได้ทันคุยอะไรกัน ลูคัสดันโดนเรียกตัวให้ไปข้างหน้าตัวรถซะแล้ว
เมื่อรถบัสของโรงเรียนออกตัวอาจารย์ซีวอนก็ถือโทรโข่งที่ชอบใช้เขกหัวยูตะเป็นประจำออกมาป่าวประกาศเพื่อให้ปีหนึ่งบางคนที่ชอบส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่หยุด อย่างแทยงและยูตะ ให้เงียบลง แต่ถึงแบบนั้นเพื่อนของเขาทั้งสองคนก็ยังทำท่าทางล้อเลียนอาจารย์ซีวอนอยู่ดี
“เอาล่ะปีหนึ่งทุกคนนั่งที่ได้แล้ว แล้วก็กรุณาเงียบเสียงลงด้วย จากนี้เราจะเช็คจำนวนว่ามากันครบหรือยังและจะแนะนำรุ่นพี่ที่จะมาดูแลพวกเราในการไปแคมปิ้งค์ครั้งนี้ด้วย”
เสียงปรบมือและเสียงผิวปากดังกู่ก้องไปทั้งคันรถ ไม่นานนักรุ่นพี่ก็แนะนำตัวเสร็จ โดยรุ่นพี่จะแบ่งเป็นสองทีมทีมละสามคนคือทีมประสานงานทั่วไปกับทีมพยาบาล ในตอนแรกเขาคิดไว้ว่ารุ่นพี่คนดังกล่าวต้องอยู่ทีมพยาบาลแน่ๆ แต่ผิดคาดแฮะ ประสานงานทั่วไปคือการช่วยเหลือน้องๆ และอาจารย์ว่าขาดเหลืออะไร หรือต้องการความช่วยเหลือก็สามารถบอกรุ่นพี่กลุ่มนี้ได้เลย
“เอาล่ะเมื่อเรียบร้อยแล้วรุ่นพี่จะแจกมื้อเช้าให้ทุกคน กินเงียบๆ ไม่ต้องใช้เสียงเข้าใจไหมนากาโมโตะ ยูตะ”
“โถ่จารย์... เห็นผมเป็นคนยังไงกัน” อาจารย์ซีวอนใช้โทรโข่งชี้มาทางเพื่อนสนิทตัวป่วนของเขา ก่อนที่รุ่นพี่จะแจกแซนวิชและนมคนละกล่องเพื่อเป็นมื้อเช้าให้นักเรียนปีหนึ่ง แล้วค่อยแยกย้ายกันไปนั่งตามที่ว่างที่เหลืออยู่
“ฉันว่าพี่ลูคัสต้องมานั่งข้างๆ นายแน่เตนล์” แทยงดูตื่นเต้นกว่าเจ้าตัวซะอีก หันซ้ายหันขวาซะมายองเนสในแซนวิชแทบจะหล่นเปื้อนหัวโดยองอยู่แล้ว
“พูดมากน่าแทยง นั่งนิ่งๆ หน่อยจะได้ไหม” โดยองสังเกตเพื่อนอัลฟ่าตัวเล็กของเขาที่กำลังหน้าแดงเมื่อเอ่ยถึงว่ารุ่นพี่ลูคัสจะมานั่งด้วย และก็เป็นอย่างที่แทยงบอกไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ร่างสูงยิ้มให้รุ่นน้องอย่างรู้งานก็ดูสายตาที่มองมาเป็นทางเดียวกันสิ อยากรู้อยากเห็นน้อยซะที่ไหนกัน
“อ่ะนี่ กินซะจะได้โตเร็วๆ” มือหนายื่นแซนวิชกับนมในส่วนของตัวให้รุ่นน้องคนโปรด จริงๆ เขาไม่ชอบกินอาหารพวกนี้อยู่แล้ว เป็นเรื่องดีถ้าจะให้เตนล์กินมันแทนน่ะนะ ตัวบางยิ่งกว่ากระจกหน้าต่างของบ้านเขาเสียอีก
“พี่ลูคัสอ่ะ..” แม้ปากจะบ่นแต่ก็ยอมรับมันมาแต่โดยดี เขาไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้นหรอกนะ คนตรงหน้าเอาแต่คะยั้นคะยอให้รับมันมาน่ะสิ
สองข้างทางที่รถขับผ่านเต็มไปด้วยต้นสนที่ขึ้นเรียงรายสูงตระหง่านเหยียดฟ้า บ้างก็มีโขดหินประดับอยู่ด้วย เตนล์แอบเห็นสัตว์ป่าตัวเล็กตัวน้อยวิ่งปีนต้นไม้จากต้นนี้ไปยังอีกต้น เขาชอบบรรยากาศตอนเช้าตรู่แบบนี้ หมอกจางๆ ทำให้ใบสนชื้นไปด้วยน้ำค้างจากเมื่อคืน การเดินทางไปแคมปิ้งค์ครั้งนี้แม้จะตื่นเช้าสักหน่อยแต่มันก็ไม่แย่ไปซะทีเดียว ข้างทางที่รถบัสของโรงเรียนวิ่งผ่านเตนล์ตื่นเต้นกับมันเสมอ เขาไม่เคยออกจากบ้านหรือไปเที่ยวข้างนอกเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาสัมผัสกับบรรยากาศที่นอกเหนือจากโรงเรียนและบ้าน
เขามองยังเพื่อนของตนเองบ้างก็หลับใหลเพราะจากการตื่นเช้าเกินไป บางส่วนก็ยังเล่นกันแต่ยังอยู่ในการควบคุม เตนล์ก้มมองฝ่ามือของตนเองที่ยังถูกกุมไว้ด้วยมือของลูคัส เขายิ้มให้กับมันก่อนที่จะรู้ตัวว่าถูกจับได้ด้วยสายตาอีกคน ร่างสูงเอนตัวเข้าหารุ่นน้องช้าๆ แม้ความสูงที่แตกต่างกันจะเป็นอุปสรรคแต่ในเวลานี้ทั้งคันรถก็ต่างไม่มีใครสนใจใครเลยด้วยซ้ำ รอยยิ้มที่แสนหวานนั่นประดับอยู่บนใบหน้าของรุ่นพี่ตรงหน้า เตนล์เกลียดรอยยิ้มแบบนี้เสียจริง มันทำให้เขาตกหลุมรักลูคัสซ้ำๆ ดวงตากลมโตที่ดูเกรี้ยวกราดทุกครั้งยามสบเข้ามันทำหัวใจของเขาเต้นระรัวจนจับจังหวะไม่ถูก ห่างแค่นิดเดียวที่ปลายจมูกโด่งจะมาแตะกับปลายจมูกของเขา..
พี่ลูคัสกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า..
‘พี่ลูคัส...’
แม้จะเป็นแค่การพูดที่ไร้เสียง แต่เขาจับใจความได้อย่างดีว่าเตนล์กำลังเขินอายแค่ไหน ปากเล็กสีชมพูสดขบเข้าหากันเหมือนกับว่ากำลังยั่วยวนให้เข้าหา ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่รู้สึกว่าถูกความอบอุ่นจากฝ่ามืออีกฝ่ายบีบเข้าที่ข้างเอวของตัวเอง จากพันธนาการที่เคยกุมมือไว้เปลี่ยนมาเป็นสีข้าง เสื้อนอกที่คอยปกปิดมือหนาไว้ เขาบีบเอวบางๆ นั่นให้เข้าอย่างเอาแต่ใจ เตนล์สะดุ้งตัวเล็กน้อย ดวงตาสวยมองไปรอบๆ เขามั่นใจว่าตอนนี้ทั่วทั้งรถกำลังหลับใหล
เผลอหันมาอีกทีกลายเป็นว่าริมฝีปากของเด็กชายถูกครอบครองด้วยปากของอีกคน เสียงลมหายใจหอบถี่จากปากอิ่มยิ่งก่อให้ลูคัสอยากบดปากลงไปขยี้แรงๆ มือเล็กกำชายเสื้อของอีกฝ่ายจนมนยับยู่ยี่ไปหมด ร่างบางตรงหน้าตอบสนองรุ่นพี่คนโปรดเป็นอย่างดี ไม่แม้แต่จะต่อต้าน มันดูตื่นเต้นและน่าอายมากหากเพื่อนๆ ตื่นขึ้นมาแล้วเจอเขากำลังจูบอยู่กับรุ่นพี่ตรงหน้า
ลูคัสประทับริมฝีปากได้ไม่นานนักจึงตัดสินใจถอนใบหน้าออก มุมปากของรุ่นน้องยังมีรอยน้ำลายเปื้อนอยู่ เขายิ้มออกมาอีกครั้งด้วยความเอ็นดู เริ่มมั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังหลงเสน่ห์ความหอมหวานจากคนตรงหน้าจนถอนตัวไม่ขึ้น ยามใดก็ตามที่เผลอมองเด็กคนนี้ ลูคัสคิดว่าเขากำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันก็ไม่เคยพอ เตนล์เหมือนโอเมก้าที่ปล่อยฟีโรโมนมาเพื่อจงใจยั่วยวนเขา ถึงแม้คนอื่นไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้แต่เชื่อเถอะว่าลูคัสได้รับมันมาอย่างเต็มเปี่ยม
#Talk กราบขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ดีใจมากเลยที่ยังมีคนอ่านแม้เราจะไม่ได้อัพนานแล้ว ขอโทษจริงๆ นะคะ เราทำงานด้วยที่ผ่านมา ทำให้แต่ละตอนจึงต้องใช้อารมณ์อย่างมากในการแต่ง หากไม่มีสมาธิเราก็ไม่สามารถเค้นออกมาได้จริงๆ เรากลัวว่าหากแต่งออกมาแล้วมันไม่สนุกเป็นเราเองที่ต้องผิดหวังกับมัน ทุกคอมเม้นท์มีค่ากับเรามากนะคะ เราอ่านทุกเม้นท์จริงๆ ตอนนี้ของฟิคออกจะเรื่อยๆ เราไม่อยากเร่งรีบ กลัวอารมณ์มันไม่ถึงจะเร่งไป แต่ถ้าช้าไปก็กลัวคนอ่านไม่สนุกอีก 55555555 เราคาดหวังกับแต่ละตอนของฟิคค่ะ ช่วยแนะนำและรอกันด้วยนะคะ เอนจอยรีดดิ้งค่า
ฟิคสนุหมากเลยค่ะชอบมากๆ แต่งต่อไปนะคะ
คิดถึงเรื่องนี้มากๆเลยนะคะ เราชอบมากจริงๆ คุณเป็นเรื่องแรกที่ทำให้เราตามน้องลูคัส ครั้งนี้เป็นการอ่านรอบที่ 2 เราค่ะ คิดถึงมากจริงๆ ยังรออยู่เสมอนะคะ
ชอบมากค่ะ ลองอ่านแล้วติดเลย ไรท์อย่าดรอปน้า
ฮืออออ ไม่รู้จะอยู่ทีมไหนดี
ปล.คิดถึงไรท์นะคะ <3
เขินพี่แจฮยอนค่า TwT