ตอนที่ 3 : ตอนที่ 2 : พี่แจฮยอน
ตอนที่ 2
พี่แจฮยอน
.
.
.
โต๊ะกลมใต้ร่มไม้เด็กมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยหัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็วิ่งไล่กันเหมือนเด็กอนุบาลตอนโดนเพื่อนแย่งของเล่น เตนล์เป็นคนเดียวที่ยังนั่งทำการบ้านวิชาเลขของอาจารย์คยูฮยอน เพื่อนๆ ของเขาทำมันเสร็จทุกคนแล้วแม้กระทั่งยูตะด้วย ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของสัปดาห์นี้ที่สุดเลยก็ว่าได้ มีเพียงแค่โดยองที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ เขาก็เท่านั้น หมอนี่ไม่คิดจะไปวิ่งเล่นเพื่อคลายเครียดหรืออะไร โดยองคิดว่ามันไร้สาระและเพื่อนของเขากำลังใช้เวลาที่ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ มือเรียววนเวียนเขียนเลขอยู่บรรทัดเดิมจนโดยองผิดสังเกต คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่เขียนอะไรก็วนอยู่แบบนั้น ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ตัวเลขหรือรหัสลับดาวินชีอะไรเทือกนั้น
“กระดาษมันจะขาดอยู่แล้ว นายมัวแต่คิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย”
โดยองเอ่ยถามเพื่อนขึ้น เตนล์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อโดนเพื่อนจับผิด นี่เขาเผลอคิดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปถึงไหนล่ะเนี่ยเดี๋ยวก็ไม่เสร็จซะทีหรอกก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ
“ป....เปล่า ฉันคิดว่าข้อนี้มันยาก เลยกำลังคิดอยู่”
เด็กหนุ่มเลี่ยงไปตอบเรื่องเรียนแทน ทั้งที่ในหัวเขาตอนนี้ไม่ได้มีตัวเลขอะไรอยู่ในหัวแม้แต่นิดเดียว เพื่อนคนข้างๆ รีบวางหนังสือลงทันที นี่ก็ไม่อยากจะอวดฉลาดเท่าไหร่หรอกนะ แต่เพื่อนของเขากำลังเดือดร้อนเรื่องเรียน คนดีแบบโดยองเองก็ไม่อยากเห็นเพื่อนร้อนใจ เขาจะใจดีสอนข้อนี้ให้เพื่อนหน่อยก็แล้วกัน
“ไม่เห็นจะยากเลย เดี๋ยวฉันจะยกตัวอย่างให้นายดู....”
เบต้าหนุ่มหยิบเอาดินสอมาเขียนตัวอย่างให้เพื่อนดูทันทีโดยไม่ต้องรอให้เพื่อนเอ่ยถาม จะมีใครใจดีเรื่องเรียนเท่าโดยองอีกล่ะ ไม่มีแล้ว
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องพยาบาล อาจารย์หนุ่มก็รู้ทันทีว่าเตนล์กำลังจะมาทำเรื่องขอยาระงับอาการฮีท ดูท่าแล้วในแต่ละวันคงมีคนมาทำเรื่องขอยาไม่น้อยเลยสินะอาจารย์ถึงได้รู้ทันแบบนี้ เตนล์พยักหน้ารับเขาหน้าแดงเล็กน้อยเมื่ออาจารย์รู้ทัน ถึงแม้เขาจะรู้ว่าคนอื่นๆ มาขอบ่อย แต่มันเป็นครั้งแรกของเขา ไม่แปลกใช่ไหมที่เขาจะกระดากอายกับเรื่องแบบนี้ ก็เตนล์เป็นโอเมก้าที่ใกล้เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ครั้งแรกนี่นา
“สวัสดีครับอาจารย์เฉียนคุน”
เด็กหนุ่มเอ่ยทักทาย ก่อนจะเข้าไปลงชื่อในสมุดเยี่ยม อาจารย์เฉียนคุณพยักหน้ายิ้มให้ รอยยิ้มแบบนี้ทำไมถึงดูสดใสนักนะ ไม่แปลกเลยที่เบต้าและโอเมก้าในโรงเรียนต่างก็พากันหลงใหลอาจารย์คนนี้
“อีกกี่วันกันล่ะชิตพล”
เฉียนคุนถามเตนล์อย่างตรงไปตรงมาชื่อจริงที่ถูกเอ่ยมาแบบนั้นทำให้เตนล์ดีใจไม่น้อยที่อาจารย์รู้จักชื่อจริงของเขา เชื่อเถอะว่านักเรียนทุกคนดีใจที่อาจารย์จำชื่อได้ ไม่ว่าจำในแง่ที่ดีหรือไม่ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าอาจารย์คนนั้นใส่ใจกับนักเรียนของตนเองมากแค่ไหน
“อีกหกวันครับอาจารย์”
เมื่อเขียนชื่อของตัวเองเสร็จ ก็เงยรับเอกสารที่อาจารย์เตรียมไว้ให้ ในนั้นมีรายละเอียดประมานสองหน้า ทำให้ต้องใช้เวลาเขียนสักหน่อย
“ไปนั่งเขียนข้างในนะ เผื่อคนอื่นๆ มาด้วยจะได้ไม่เกะกะตอนเขียน”
ใช่แล้ว ที่นี่มีคนเข้าออกเป็นว่าเล่น ไม่สะดวกเท่าไหร่ที่เขาจะยืนเขียนอยู่ตรงเคาท์เตอร์ทางเข้า เตนล์หยิบเอกสารและเดินไปตามที่อาจารย์บอกเขาไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณอาจารย์คนดังกล่าว เมื่อเข้ามาอีกด้านของห้องทำให้เขาเจอรุ่นพี่เมื่อตอนกลางวันอีกครั้ง ลูคัสกำลังคัดเอกสารบางอย่างที่เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยที่พี่ลูคัสมา ร่างบางกำลังจะเดินเลี่ยงไปทางอื่นเขาไม่รู้จะสู้หน้ารุ่นพี่ยังไงดี เพราะเรื่องที่มาขอยาทำให้เขาอายกลัวว่าอีกคนจะรู้เข้า เตนล์นึกถึงคำพูดที่ยูตะบอกว่าถ้าเขาครบสิบห้าพี่เต็ม พี่ลูคัสก็ไม่เลวสำหรับเรื่องแบบนั้น แค่คิดถึงตอนนั้นหน้าเขาก็แดงไปเสียดื้อๆ เลี่ยงไปเขียนที่อื่นน่าจะดีกว่า...
แต่ช้าไปเสียก่อนเมื่ออีกคนเห็นรุ่นน้องเข้าแล้ว
“อ้าวเตนล์!”
ลูคัสเอ่ยทักรุ่นน้องเมื่อเห็นอีกคนเดินไปอีกฝั่งทั้งๆ ที่พื้นที่บริเวณนี้ว่างจนแทบจะนอนกลิ้งไปมาได้สักยี่สิบคน
“สะ...สวัสดีครับ พ..พี่ลูคัส”
เตนล์โค้งทักทายยิ้มเจื่อนๆ ให้รุ่นพี่ มือเรียวรีบเอามือไขว้หลังเพื่อซ่อนเอกสารที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ จะให้รุ่นพี่ลูคัสรู้ไม่ได้ว่าเขามาขอยาระงับอาการฮีท แอร์คอนดิชั่นในห้องที่เย็นเฉียบยังทำงานของมันเช่นเดิม แต่ไรผมของเด็กหนุ่มตอนนี้กลับชื้นเหงื่อจนแทบจะไหลลงมาเปื้อนหน้า
“มาทำอะไรหรอครับ”
เขาละความสนใจจากเอกสารตรงหน้ามาถามร่างบาง ดูท่าว่าตอนนี้กำลังซ่อนอะไรไว้ข้างหลังอีกด้วย ท่าทางเอียงอายอะไรนั่นอีกยิ่งดูยิ่งน่ามอง
“อ..เอ่อ เตนล์มา....คือปวดหัวน่ะครับ”
พยายามหาคำตอบที่เลี่ยงไปในความเป็นจริง เผลอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นอีก ไม่ดูเหมือนพวกเอ๋อแดกไปหน่อยใช่ไหม ถ้ายูตะได้ยินคงได้หัวเราะเยาะเขาทั้งวันแน่ มือเรียวรีบเอามือมากุมท้องประกอบอาการปวด
ลูคัสหลุดขำเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องกำลังปิดบังเขาอยู่แม้ปากจะบอกว่าปวดหัวแต่การเอามือออกมากุมท้องนี่สิ อีกคนกำลังไม่แน่ใจหรือไงว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ เอกสารที่เคยซ่อนไว้ด้านหลังก่อนหน้านี้ ลูคัสได้เห็นมันแล้ว เตนล์รู้ตัวว่าตัวเองเผลอเรื่องหน้าแตกต่อหน้ารุ่นพี่เขาอายจนไม่รู้จะเอาหัวไปมุดไว้ที่ไหนแล้วเอกสารที่โผล่มาด้านหน้าทำให้เขาต้องรีบเอามือไขว้ไปด้านหลังอีกรอบ แต่ช้าไปแล้วล่ะ..
ทำไมต้องตื่นเต้นแล้วเผลอทำให้ตัวเองเหมือนคนเด๋อต่อหน้ารุ่นพี่ด้วย
“แหะ..ๆ ปวดท้อง..ด้วยนิดหน่อยน่ะครับ”
ยิ้มเจื่อนๆ กลบอาการเขินอาย ลูคัสไม่ได้หัวเราะออกมาให้รุ่นน้องขายหน้า เขาเพียงแค่ยิ้มให้อย่างที่ชอบทำบ่อยๆ ไม่เคยรู้ตัวจริงๆ สินะว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันดูน่ามองแค่ไหน รุ่นพี่ลูคัสนี่ฮอตไม่ต่างจากอาจารย์เฉียนคุนเลย
“มานั่งเขียนตรงนี้สิ ไม่เข้าใจตรงไหนพี่จะได้แนะนำ”
ร่างสูงมาช่วยงานในห้องพยาบาลอยู่บ่อยครั้งจนอาจารย์ในหมวดต่างก็เอ็นดูพี่เขา เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ในห้องบ้าง แล้วตอนนี้เขาก็รู้แล้วด้วยว่าเตนล์มาทำอะไร ถึงแม้อีกคนยังไม่ได้ปริปากบอกมาก็เถอะ
“ครับ..”
สุดท้ายก็ได้มานั่งอยู่ข้างๆ อย่างที่รุ่นพี่บอก เรื่องที่พยายามปิดบังไว้เฉพาะกับลูคัสตอนนี้คงปิดไม่ได้แล้ว ในเมื่ออีกคนนั่งอยู่ข้างๆ แถมคอยบอกในบางหัวข้อที่เขาไม่เข้าใจ บ่อยครั้งที่เตนล์แอบมองตอนรุ่นพี่กำลังนับเอกสารบนโต๊ะ ดวงตาที่ฉายแววมุ่งมั่นดูแข็งแกร่งจนชวนให้ใจสั่น ไหนจะสันจมูกที่โด่งได้รูปประดับอยู่บนใบหน้ามันดูเข้ากันเสียจนเหมือนไม้ที่ถูกแกะสลักด้วยความประณีต พอลูคัสทำท่าเหมือนจะหันมาเตนล์ต้องรีบก้มหน้ามาเขียนเอกสารของตัวเองต่อ
.
.
บ้าเอ้ย..เกือบไปแล้ว ใครได้อยู่ใกล้ก็ต้องเผลอแอบมองเป็นธรรมดาแหละน่า
“ถนัดซ้ายหรือเรา..”
ลูคัสเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นคนที่กำลังตั้งใจเขียนเอกสารโดยใช้มือซ้าย เขาไม่ค่อยเจอคนที่เขียนซ้ายเหมือนเฉียนคุน เกิดความเงียบตั้งแต่รุ่นน้องมานั่งอยู่ข้างๆ เตนล์กำลังจะหันไปตอบแต่ใบหน้าหวานก็ต้องก้มไปเขียนเช่นเดิม ก็ในเมื่ออีกคนกำลังทำให้เขาแทบบ้า มือแกร่งกำลังเท้าคางเอาแขนหนุนเรียบไปกับโต๊ะ ใบหน้าอันหล่อเหลากำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่วางตา ร่างบางหลุบตามองเอกสารตรงหน้า เชื่อเถอะว่าตอนนี้เขาอ่านข้อความไม่รู้เรื่องเลยซักตัวเดียว เหลืออีกแค่ไม่กี่ข้อเองนะ
“ครับ ทะ..ถนัดซ้าย”
มือที่กำลังเขียนอยู่ไม่กระดิกอีกแล้ว นี่เขาเป็นตะคริวไปแล้วหรือไง
“ตรงนั้นแค่ติ๊กว่ายอมรับก็พอ แล้วเซนต์ชื่ออีกรอบก็เสร็จแล้ว”
ลูคัสบอกอีกคนที่ตอนนี้ใกล้เขียนเสร็จ แต่ก็ยังดูเหมือนยังไม่เข้าใจข้อความตรงหน้า หรือไม่ก็อาจลังเลกับการยอมรับข้อตกลงอยู่ เอกสารที่เขาเรียงก็เสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งนานแล้ว ช่วงบ่ายของนักเรียนมัธยมปลายจะเรียนแค่วิชาเดียวนอกนั้นนักเรียนจะไปทำกิจกรรมที่ตนเองชอบหรือไม่ก็มาช่วยงานอาจารย์ก็ได้แล้วแต่จิตอาสาของแต่ละคน มีแค่นักเรียนมัธยมต้นเท่านั้นที่จะเรียนสองวิชาในช่วงบ่าย เตนล์เขียนชื่อตัวเองอีกรอบ รู้สึกเสียดายนิดหน่อยเขานึกอยากให้เอกสารทำเรื่องขอยายาวสักสิบหน้า
“ขอบคุณนะครับพี่ลูคัส”
เตนล์เอ่ยขอบคุณก่อนจะขอตัวเอาเอกสารไปให้อาจารย์เฉียนคุนทันที ต้องรีบไปทำวิชาเลขอาจารย์คยูฮยอนด้วย ป่านนี้เพื่อนๆ คงบ่นถึงเขาแล้วล่ะ
“แล้วเจอกันนะ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายของวันที่เตนล์ได้ยินจากลูคัสก่อนจะเดินออกมาจากห้อง อาจารย์เฉียนคุนมองเขายิ้มๆ ในแบบผู้ใหญ่ที่รู้ทันเด็กๆ
“หน้าแดงมากนะชิตพล มีไข้หรือเปล่า”
ทำไมวันนี้มีแต่คนล้อเลียนเขาเนี่ย ให้ตายเถอะเหลือให้เขาได้อายบ้างจะได้ไหม
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละครับอาจารย์ โถ่ ผมไปดีกว่า นี่ครับเอกสาร”
หลังจากยื่นเอกสารให้อาจารย์เด็กหนุ่มก็รีบวิ่งออกมาจากห้องพยาบาลทันที อาจารยฺเฉียนคุนทักเขาว่าหน้าแดงจนเห็นชัดเจนแล้วตอนที่อยู่ต่อหน้าพี่ลูคัสล่ะ..ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
Lost Together
เตนล์ลงมือเขียนการบ้านต่อเมื่อหยุดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยองเข้าใจว่าลูกศิษย์ที่เขาสอนไปก่อนหน้านี้เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว เขาดีใจที่ความรู้ของตัวเองเรียนมาไม่เสียเปล่า ทั้งที่จริงแล้วข้อนี้เตนล์ก็ทำได้อยู่แล้ว ปล่อยให้เพื่อนเข้าใจอยู่แบบนั้น แทยงวิ่งมาเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋าเมื่อไล่ยูตะจนเหนื่อยหอบ อีกอย่างมันใกล้เวลากลับบ้านแล้วด้วย การบ้านของเตนล์ก็เหมือนจะเสร็จแล้วด้วยหลังจากนั่งทำมาเกือบชั่วโมง
“เห้ออ เหนื่อยชะมัดยาก”
บ่นอยู่ข้างๆ โดยอง พร้อมกับช่วยเพื่อนสนิทเก็บหนังสือลงกระเป๋า ก็เล่นวิ่งไล่กันเหมือนเด็กๆ แบบนั้น ไม่เหนื่อยให้มันรู้ไปสิ โดยองคิด นึกโมโหที่เสื้อเชิ้ตนักเรียนของแทยงเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อจากการวิ่งไล่ยูตะ เขาโยนสเว็ตเตอร์ตัวนอกของตนเองให้อีกคน
“ใส่ซะ! เห็นแล้วขัดใจชะมัด”
โดยองยัดหนังสือลงกระเป๋าแล้วแบกเป้ไว้ที่หลังเตรียมตัวกลับบ้านเช่นเดียวกับวินวินกับยูตะที่สะพายกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
“เหงื่อออกอยู่เนี่ยไม่เห็นรึไง ร้อนก็ร้อน”
ทั้งที่รับมาใส่แต่ปากก็บ่นใส่เจ้าของเสื้อไม่หยุด เขาไม่ชอบโดยองที่ชอบบังคับให้คนอื่นทำตามอยู่เรื่อย ดูแล้วอีกคนคงขัดใจจริงๆ เดินนำไปนู่นแล้ว ส่งผลให้เขาต้องวิ่งตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ เอาแต่ใจจริงๆ
เตนล์และเพื่อนสนิทมานั่งรอรถของโรงเรียนตรงป้าย บ้างก็มีรถจากผู้ปกครองมารับ ยกเว้นยูตะกับวินวินที่ขึ้นรถเมล์ของโรงเรียนกลับเพราะบ้านติดกัน โดยองกับแทยงยังเถียงกันไม่หยุดเรื่องเสื้อ สองคนนี้ชอบทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ก็ฉันร้อนอยู่นายไม่เห็นหรอ”
โอเมก้าตัวเล็กดึงแก้วในมือโดยองขึ้นมาดื่ม ร่างสูงที่สุดในกลุ่มตอนนี้กำลังใช้สมุดโน้ตเล่มบางพัดให้เพื่อนตัวเล็กของเขา
“แล้วใครใช้ให้ไปวิ่งแบบนั้นเล่า ความผิดฉันหรือไง”
เป็นเพื่อนที่ปากไม่ตรงกับใจอะไรขนาดนี้นะ ชอบทำท่าดุตลอดเวลา แต่ก็ห่วงเพื่อนยิ่งกว่าใครๆ รอได้ไม่นานรถลีมูซีนดำขลับคุ้นตาก็มาจอดอยู่ข้างหน้า เกิดเสียงฮือฮาเหมือนเช่นทุกครั้ง เพื่อนสนิทสองคนที่เคยทะเลาะกันอยู่ถึงกับเงียบไปด้วย
นักเรียนหลายคนต่างก็อิจฉาที่เตนล์ได้นั่งรถคันหรูแบบนี้มาโรงเรียนแถมตอนกลับยังมีคนมารับเป็นประจำแบบนี้ แต่สำหรับเขาแล้วนึกอิจฉายูตะกับวินวินมากกว่าเสียด้วยซ้ำ โดยองกับแทยงยืนส่งเพื่อนกลับบ้าน ร่างบางในชุดนักเรียนยืนอยู่ข้างรถคันหรู เขาไม่รู้ว่าควรจะพาตัวเองไปนั่งข้างคนขับรถหรือเปิดประตูไปนั่งด้านหลังอย่างเช่นทุกครั้งดี ฝ่ามือสวยเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ความเครียดเข้ามาแทนที่ เพื่อนสนิททั้งสองคนก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาเพราะรู้สถานการณ์ดี
ในที่สุดกระจกข้างรถก็ถูกเลื่อนลง ใบหน้าที่ไม่เคยปรากฏรอยยิ้มแม้ซักครั้งกำลังมองมายังเด็กหนุ่มมอปลายด้วยความหงุดหงิด ผมสีน้ำตาลทองรับกับผิวกายขาวผ่องจุดประกายให้ความหล่อโดดเด่นออกมาอย่างเช่นทุกครั้ง ดวงตาสีเข้มแข็งกร้าวไม่มีแววแห่งความอ่อนโยนหรือปราณีใดๆ ทั้งสิ้น แจฮยอนแค่นยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนของเตนล์ยืนอยู่ข้างหลัง ส่งผลให้เด็กทั้งสองต้องสะกิดไหล่บอกลาเพื่อนของตนเอง ใครๆ ก็รู้ว่าพี่แจฮยอนร้ายกาจแค่ไหน
“ยืนทำตัวโง่อยู่นั่นแหละ จะกลับไหมน่ะบ้านรีบขึ้นรถมาซักที โง่แล้วยังเป็นภาระคนอื่นอีก!”
“ค..ครับ”
“หรือต้องรอให้มีคนเปิดประตูให้?”
มือเล็กรีบเปิดประตูรถขึ้นมานั่งฝั่งตรงข้ามของแจฮยอน ในทีเขาก็อยากจะนั่งฝั่งเดียวกับคนตรงหน้าเพราะกลัวว่าคนพี่เห็นหน้าเขาแล้วจะพลอยหงุดหงิดไปกว่าเดิม แต่ถ้าขืนนั่งฝั่งเดียวกันก็คงจะโดนด่าอยู่ดี บางทีถ้าเขาหายใจผิดจังหวะคงจะโดนด่าอีกตามเคย ใบหน้าหวานก้มลงมองตักของตนเอง นึกอยากได้เสื้อของโดยองเอามาคลุมหน้าของตัวเองซะจริงๆ
“เปล่านะครับพี่แจฮยอน” เตนล์ร้องท้วง เขาไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นด้วยซ้ำ
“โอเมก้าชั้นต่ำอย่างนายยังจะกล้าเรียกร้องให้คนอื่นมาปรนนิบัติให้อย่างนั้นหรอ... หน้าด้าน”
แจฮยอนเสมองกระจกด้านข้างของรถ เขากำลังคิดว่ามันเป็นกระจกกันกระสุนที่สั่งทำขึ้นมาให้หนาขึ้นเป็นพิเศษแต่ว่าตอนนี้คงจะแพ้เด็กหนุ่มอย่างเตนล์ไปเสียแล้ว
ตลอดระยะเวลาที่อยู่บนรถมีเพียงความเงียบเข้าปกคลุม เตนล์เอาแต่กุมมือเข้าหากันเขาก้มหน้าลงพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เขาต้องอดทนให้แต่ละวันผ่านไป ถ้าเลือกให้อยู่ระหว่างบ้านกับโรงเรียนแน่นอนว่าเขาต้องเลือกโรงเรียนอยู่แล้ว ปากเล็กขบเข้าหากันจนแสบต้องสกัดกลั้นความเจ็บปวดที่ต้องพบเจอเวลากลับบ้านและต่อหน้าแจฮยอน
ลีมูซีนคันหรูจอดเทียบหน้าปราสาทขนาดใหญ่เป็นที่พักพิงของแจฮยอนที่เขาเรียกมันว่าบ้าน คนขับรถรีบวิ่งมาเปิดประตูให้เจ้านายอย่างเร่งรีบ แจฮยอนเรียนมหาวิทยาลัยที่ประกอบไปด้วยอัลฟ่าพวกเดียวกัน ในทุกเช้าและตอนเย็นของทุกวันเขาต้องนั่งรถไปกับโอเมก้าที่เขาเกลียดชังอย่างเตนล์ ร่างสูงก้าวขาลงจากรถและเรียกหัวหน้าพ่อบ้านออกมาทำให้ทุกคนที่อยู่แถวนั้นต้องหวาดระแวงไปพร้อม เตนล์ลงมาหลังจากลูกชายเจ้าของบ้านลงไปก่อนแล้ว
“ไปเอาสเปรย์ฆ่าเชื้อมาเช็ดทำความสะอาดเบาะรถ”
แม้ปากจะสั่งคนใช้ภายในบ้านแต่สายตาที่ดูแค้นเคืองตลอดเวลานั่นกำลังมองมายังร่างบางที่ยืนอยู่อย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก้อนความเจ็บปวดขนาดใหญ่กำลังคาอยู่ที่ลำคอของตัวเอง พยายามอย่างมากที่จะกลืนมันลงไปให้หมดสิ้น ดวงตาสวยมีน้ำรื้นอยู่มันดูแดงจนเหมือนน้ำใสๆ จะท่วมออกมา เขารู้ว่าพี่แจฮยอนเกลียดเขามากแค่ไหนแต่ก็ไม่คิดว่าอีกคนจะเลือกคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเขาขนาดนี้ เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายตนก่อนจะเอ่ยบอกลุงคนขับรถให้ได้รับรู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเองบ้าง
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เดี๋ยวผมนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนเองก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องรบกวนให้คุณพ่อบ้านต้องคอยเช็ดเบาะรถบริเวณที่ผมนั่งทุกวันแบบนี้”
เสียงที่เค้นออกมามันดูแปร่งในช่วงท้าย เพราะอีกคนเกือบส่งเสียงสะอื้นออกมา เขารีบหันหลังให้แจฮยอนเพราะน้ำตาที่เก็บไว้นานตอนนี้มันไหลออกมาแล้วและแจฮยอนก็รู้ดี เขาตั้งใจให้เป็นแบบนั้น
“อวดดี จองหองคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าออกคำสั่งกับคนของฉัน”
“ผมเปล่า...แต่พี่แจฮยอนก็ต้องการแบบนั้นไม่ใช่หรอครับ อีกอย่างผมไม่อยากรบกวนด้วยเวลาพี่ต้องรีบไปเรียน”
“ถ้าคิดได้แบบนั้น นายก็น่าจะไสหัวออกจากบ้านฉันตั้งนานแล้วนะ”
เสียงกระซิบดังอยู่ข้างหู ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แจฮยอนเดินมาอยู่ข้างๆ ร่างบาง โดยไม่ให้อีกคนรู้ตัว เขารู้ว่าถ้าประโยคถ้านี้คนในบ้านได้ยินอาจจะนำไปฟ้องพ่อเขา เลยเลือกที่จะเดินมาบอกให้เตนล์ได้ยินเองเสียจะดีกว่า แถมยังได้ยินเสียงอีกคนพยายามกลั้นสะอื้นอีกต่างหาก สะใจกว่าที่คิดไว้ซะอีก เขาแน่ใจว่าอีกคนได้ยินเสียงนี้ชัดเจน
แจฮยอนเดินเลี่ยงเข้าไปยังตัวปราสาท กลิ่นตัวของอีกคนที่ติดปลายจมูกอยู่ตอนนี้มันกำลังทำให้สมองเขาปั่นป่วนแม้บ่อยครั้งที่พยายามไม่สนใจ แต่ความหอมหวานที่ได้กลิ่นตลอดเวลายามหายใจมันยังไม่เคยจางหาย ยิ่งเตนล์ปล่อยของเหลวออกมาเท่าไหร่เขายิ่งได้กลิ่นที่ยั่วยวนแบบนี้ทุกครั้ง แจฮยอนเขาชอบให้อีกคนร้องไห้หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ของเหลวจากร่างกายของโอเมก้าคนนี้ออกมาเพื่อที่ว่าเขาจะได้สูดความรู้สึกที่แปลกใหม่เข้าร่างกาย กลิ่นเฉพาะตัวที่มีแค่เขาที่สัมผัสได้ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาได้กลิ่นแปลกๆ จากเด็กหนุ่มทั้งที่กลิ่นแบบนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นในกายของเตนล์เลยด้วยซ้ำ มันเป็นกลิ่นที่อัลฟ่าต่างก็เกลียดและไม่สามารถอยู่ร่วมกันบนโลกได้ แต่เขาคิดว่ากำลังคิดมากไปเอง หมาป่าอย่างนั้นหรอ.. ไม่หรอกน่า มันสูญสลายไปนานแล้วไม่ใช่หรือไง..
“วันนี้ที่ห้องพยาบาลอย่าคิดว่าฉันไม่เห็น”
เฉียนคุนมนุษย์หมาป่าผู้พี่เดินมานั่งลงอยู่ข้างๆ น้องชายที่เป็นครอบครัวคนเดียวของเขาตอนนี้ เขาจับตาดูเด็กหนุ่มสองคนตลอดเวลาที่อยู่ในห้องนั้นด้วยกัน
“ขอเวลาให้ฉันก่อนได้ไหม”
น้องชายคนเดียวถอนหายใจออกมา เขารู้ว่าต่อจากนี้เขาต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว พยายามบอกตัวเองว่าเวลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ขึ้นทุกวันแต่พอเข้าใกล้เตนล์มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งอยากอนุถนอมเด็กคนนี้มากขึ้นเท่านั้น
“เรารอไม่ได้แล้วนะ เวลาผ่านมานานเท่าไหร่แล้วนายก็รู้”
ผู้เป็นพี่พยายามย้ำให้น้องชายนึกถึงความเจ็บปวดที่ตนเองกับน้องชายได้เจอเมื่อครั้งอดีตเผื่อว่าจะเป็นแรงผลักให้น้องชายรีบจัดการเรื่องตรงหน้า
“เฉียนคุณ ฉันรู้ว่าฉันต้องทำอะไร!” เขาขึ้นเสียงเมื่ออีกคนเอาแต่พูดอยู่แค่เรื่องเดิม
“รู้ก็ดี! อีกหกวันเตนล์จะครบสิบห้า ฉันหวังว่านายควรจะหาแม่พันธุ์เพื่อสืบทอดจ่าฝูงรุ่นต่อไปได้ซักทีนะ”
แท็กทวิตเตอร์ #คนแพ้แจเตนล์
#Talk เป็นคนที่เขียนซีนอารมณ์ไม่เก่งค่ะ พยายามแล้วแต่ก็ยังเงอะงะอยู่ จะพยายามต่อไป 5555555
แจฮยอนอย่าทำน้อง ฮืออออ
เชียร์ลูคัสอย่างแรงค่ะ อิเจย์ อิบ้าอย่ามายุ่งกับลูกชั้นนะ T^T
อย่าลืมเม้นท์หรือติดแท็กมาพูดคุยกับเรานะคะ เอนจอยรีดดิ้งจ้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แจฮยอนไม่อ่อนโยนอะ โหดร้ายมาก เป็นพวกมาโซใช่ไหม ชอบความรุนแรงอะห้ะะะ
ทีมพี่แจนะคะ ฮือ ชอบT___T