คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 :: โคโคโรมิ
คนเราย่อมมีเหตุผลอันแตกต่างกันออกไป
ฉันเข้าใจ...แม้ว่ามันจะเจ็บปวดมากก็ตาม
แต่ก็เชื่อว่าสักวัน...ฉันจะได้รู้ถึงเหตุผลนั้น
แม้หัวใจจะปวดหนึบราวกับถูกบีบ...แต่กระนั้นเด็กสาวก็ยังฝืนยิ้ม
รอยยิ้มบางเบาบนริมฝีปากในยามนี้...ช่างแตกต่างกับหัวใจที่กำลังร้าวรานเสียเหลือเกิน
“จำไม่ได้สินะคะ...” เสียงนั้นไม่ได้แสดงอาการตัดพ้อต่อว่า...เรียบเรื่อยเหมือนสายน้ำ ราวกับกำลังพูดคุยเรื่องปกติธรรมดาเฉกเช่นเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่กลับราดรดหัวใจให้ปวดแปลบอย่างหาสาเหตุไม่ได้...
ฮิบาริจำไม่ได้เหมือนกันว่าอี้ผิงเข้มแข็งแค่ไหน...
จำได้เพียงฝ่ามือน้อยๆ ที่ตนเองเคยกุมไว้ในยามที่เธอร้องไห้...
มือของเขาเผลอกำเข้าหากันอย่างไม่ตั้งใจ ทว่าเมื่อรู้ตัว...ชายหนุ่มก็คลายมือออก แล้วเอ่ยเสียงเย็นเยียบ
“ฉันไม่เคยจำใครได้หรอก...เพราะว่าไม่มีใครสำคัญมากกว่าตัวฉันเอง”
เสียงนั้นหนักแน่น...มั่นคงดุจหินผา แต่กลับสั่นไหวนักในความรู้สึกของผู้พูด เขาไม่ได้พูดเพื่อย้ำกับใคร...หากแต่ตอกย้ำใจของตนเอง
“ตอนนี้คุณไม่ใช่ฮิบาริซังที่อี้ผิงรู้จัก...” เสียงใสเอ่ยกังวานท่ามกลางความเงียบ “ฮิบาริซังคนนั้นอยู่ที่ไหนสักแห่ง หากยังโชคดี...อี้ผิงก็คิดว่าเขาคนนั้นยังอยู่”
ยังไม่หายไป...ตลอดกาล...
“ไม่ว่ายังไง อี้ผิงจะตามฮิบาริซังกลับมา” เธอจ้องมองลึกลงไปในดวงตาที่ฉายเพียงสีนิลล้ำลึกราวกับท้องฟ้ายามรัตติกาล ไม่นานนักเด็กสาวก็แน่ใจ...
ฮิบาริซังของเธอยังอยู่...
ในส่วนลึกๆ ของตัวผู้ชายคนนี้...ยังมีเขาคนนั้น
ฮิบาริทำแค่เพียงหลบสายตาราวกับไม่สนใจ ฝ่ามือแข็งแรงตั้งต้นจับพู่กันขึ้นมาอีกครั้ง ไม่นานกระดาษสีขาวก็ถูกแต่งแต้มด้วยรอยหมึก ทว่าครั้งนี้กลับดูบิดเบี้ยว...
“เธอคงตามหาฮิบาริคนนั้นไม่พบ เพราะตัวตนของฉันก็มีเพียงฉัน...”
เธอในความทรงจำของฉัน...ตัวตนของฉัน
แทบจะหลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกัน...
แม้ชายหนุ่มจะตัดสินใจผลักอดีตนั้นไว้เบื้องหลัง...แต่ใจกลับประหวัดคิดถึงอยู่เสมอ
“อี้ผิงจำที่ฮิบาริซังบอกไว้ในตอนนั้นได้นะ...ฮิบาริซังบอกว่าสิ่งไหนที่ได้พยายามทำแล้ว เท่ากับว่าสิ่งนั้นสำเร็จไปกว่าครึ่ง” อี้ผิงยกเอาคำพูดในอดีตที่ยังคงจำได้แม่นยำพูดขึ้นมาลอยๆ
ไม่นานนักรอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของเด็กสาว...พร้อมกับหยดน้ำตา
เขาอยู่ตรงนั้น...
“ฉัน...คงเคยพูดแบบนั้นล่ะมั้ง” ผู้พิทักษ์แหวนแห่งเมฆารำพึงกับตัวเองอย่างเลื่อนลอย
เขาพูดคำนั้น...และมันนานมาแล้วเหลือเกิน...
“อี้ผิงคิดว่า...เห็นฮิบาริซังคนนั้นแล้วล่ะ”
“...”
“อีกไม่นาน...เขาต้องกลับมาแน่ๆ”
ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่งเต็มต้น...
“อี้ผิงทำไม่ได้หรอก” เด็กหญิงหน้ามุ่ย มองตัวอักษรคันจิเต็มหน้ากระดาษพลางเม้มปาก ก่อนจะประกาศอย่างชัดเจน ฮิบาริที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมองด้วยสายตาเฉยเมย
“พยายามหรือยัง...”
“ฮิบาริซังว่าอะไรนะ...”
“สะกดคำว่าพยายามเป็นมั้ย...” ดวงตาสีนิลจ้องหน้าเด็กหญิงด้วยสายตาดุๆ ตามนิสัย “โค-โค-โร-มิน่ะ...”
“อี้ผิงไม่รู้จัก...แต่ว่าคันจิที่ฮิบาริซังให้อี้ผิงท่องน่ะมันยากมากๆ เลยนะ”
“ยากตรงไหนกัน...ไร้สาระน่ะ”
“ตรงที่อี้ผิงไม่รู้จักไอ้ตัวยึกยือนี่ยังไงล่ะ!” เด็กหญิงเริ่มเบะปากเหมือนจะร้องไห้ ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเขียนหนังสือ
“ยัยเด็กน้อย...”
ฮิบาริส่ายหัวอย่างระอา มองกลุ่มผมสีดำสนิทยุ่งๆ บนโต๊ะด้วยสายตาเฉยเมย
“ฉันน่ะ...ง้อคนไม่เป็นหรอกนะ”
เด็กหนุ่มผู้มีกักคุรันพาดไว้บนบ่าหลับตา...ก่อนจะพ่นลมหายใจ สักพักก็สะดุ้งเพราะเสียงแหลมๆ ที่ดังเข้าหู...
“แต่อี้ผิงรู้สึกเหมือนฮิบาริซังกำลังง้อ...” เด็กหญิงพูดพร้อมกับเอามือขยี้ตาที่แดงช้ำเพราะร้องไห้ แล้วจ้องมองใบหน้าเรียบสนิทไร้อารมณ์อย่างสนใจ
“อย่างนี้ไม่เรียกว่าง้อ...”
“อี้ผิงยอมเชื่อก็ได้ แต่ว่าขอท่องแค่ครึ่งเดียวได้มั้ย” อี้ผิงต่อรอง เอาดินสอขีดเส้นแบ่งครึ่งหน้ากระดาษเสียเสร็จสรรพ
“ไม่...”
“ใจร้ายนะฮิบาริซัง”
“ไม่เคยมีคนบอกว่าฉันใจดี...ยัยเด็กน้อย”
“อี้ผิงทำไม่ได้...”
“เธอแค่ไม่พยายาม...”
“...”
“สิ่งไหนที่ได้พยายามทำแล้ว เท่ากับว่าสิ่งนั้นสำเร็จไปกว่าครึ่ง”
เด็กหญิงครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง...สักพักก็ยิ้มออกมา “งั้นถ้าอี้ผิงพยายาม...ก็ท่องได้ครึ่งนึง?”
“คงได้หมดหน้า...แล้วถ้าได้หมดหน้าจะพาไปกินไอติม”
“พูดเหมือนอี้ผิงเหมือนเด็ก...”
“ก็เด็กน่ะสิ...เข้าใจใช่มั้ย...”
“โคโคโรมิ...แปลว่าพยายาม งั้นอี้ผิงจะโคโคโรมินะ...”
ริมฝีปากของฮิบาริขยับเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งมองเด็กหญิงที่กำลังตั้งอกตั้งใจเรียนภาษาอย่างอ่อนโยน
แต่กลับไม่รู้ตัวเลย...
ความคิดเห็น