คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 :: คำอธิษฐาน [100%]
นี่...ฮิบาริซัง
เธอในตอนนั้นเอ่ยถามผู้ชายแสนเย็นชาที่ริมฝีปากไม่เคยจะขยับยิ้มให้เห็น เขาคนนั้นเหลือบมองเธอเพียงเล็กน้อย ก่อนดวงตาคมจะเบือนไปมองท้องฟ้ายามเย็นของตัวเมืองนามิโมริเหมือนเดิมโดยไม่ปริปากพูดอะไร
ฮิบาริซังเคยยิ้มบ้างมั้ย
คิ้วของฮิบาริขมวดเป็นปมเล็กน้อย ขณะที่พยายามครุ่นคิดหาคำตอบให้กับเด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้า เสียงกระพรวนอันน้อยใหญ่ที่แขวนอยู่ในศาลเจ้าดังแว่วเข้าหู
ถามอะไรแปลกๆ เขาพูดเพียงเท่านั้น...ก่อนจะเงียบไปพักใหญ่
อี้ผิงไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแต่ปรบมือแปะๆ สองทีตามธรรมเนียมเพื่ออธิษฐาน ดวงตากลมโตปิดสนิท ท่าทางดูแน่วแน่ตั้งใจ
อี้ผิงอยากให้ฮิบาริซังยิ้มบ้าง...
คนยิ้มยากแสยะยิ้มที่มุมปาก มองเด็กหญิงผมดำที่กำลังจ้องใบหน้าของเขาอย่างไม่ลดละ ก่อนจะเอ่ยปากถาม
ทำไมเธอถึงอยากให้ฉันยิ้มล่ะ
ก็เวลาฮิบาริซังยิ้มน่ะ...ดูแล้วใจดีกว่าตอนหน้าบึ้งเป็นกองเลยนี่นา อี้ผิงตอบพลางยิ้มหวาน แล้วก็ถ้าฮิบาริซังไม่ยิ้ม...ก็แสดงว่าฮิบาริซังไม่มีความสุข
ฮิบาริแอบขำเล็กๆ กับเหตุผลของฝ่ายตรงข้าม ริมฝีปากที่เม้มสนิทจึงเผลอยิ้มเล็กๆ ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ศาลเจ้านามิโมริศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ฮารุซังว่าจริงๆ ด้วย...
สายลมพัดเอากลิ่นอ่อนๆ ของดอกซากุระโชยแตะปลายจมูก เส้นผมถูกลมพัดปลิวสยายจนยุ่งเหยิง สาวน้อยลูบผมสีดำสนิทเหมือนเส้นไหมของตนเอง มือน้อยสัมผัสกระพรวนก่อนสั่นมันเบาๆ ขณะที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอย่างเงียบๆ
จะอธิษฐานอะไรดี...
ในเมื่อตอนนี้มีเรื่องให้อธิษฐานมากมายเหลือเกิน
เอาเป็นว่า...
‘ขอให้ได้เจอฮิบาริซังอีกสักหน’
คำอธิษฐานยังจะศักดิ์สิทธิ์เหมือนเมื่อสิบปีก่อนหรือเปล่านะ...
อธิษฐานไปแล้ว...จะยังเป็นจริงหรือเปล่า...
...เหมือนเมื่อสิบปีก่อนที่ขอให้เขายิ้มสักหน
เสียงโทรศัพท์มือถือดังแว่วเข้าหูขัดจังหวะห้วงคิดให้ชะงักงัน มือน้อยควานหาโทรศัพท์เครื่องเล็กในกระเป๋าถือ คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอ ก่อนจะยกเจ้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นแนบใบหู
“สวัสดีค่ะ...ฮารุซัง”
“อี้ผิงจัง ตอนนี้อี้ผิงจังอยู่ไหนน่ะ!”
เสียงจากปลายสายฟังดูร้อนรนจนทำให้อดใจเสียไม่ได้ คิ้วของสาวน้อยขมวดเป็นปมยิ่งกว่าเดิม ขณะตั้งใจฟังหญิงสาวรุ่นพี่ที่ดูจะขวัญเสียไม่น้อย
“ฮารุซัง...อี้ผิงอยู่ที่ศาลเจ้า มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ตอนนี้ที่ฐานวองโกเล่วุ่นวายใหญ่แล้วนะ...คือว่า...”
อี้ผิงฟังเสียงของฮารุที่ดูตื่นตระหนกไม่น้อยด้วยความตั้งใจสักพักใหญ่ ก่อนจะย้อนถามหญิงสาวรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา...ตามด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างปลงๆ
“ฮิบาริซังอาละวาดไม่พอใจเลขาคนใหม่อีกแล้วหรือคะ”
เลขาคนที่สี่ในรอบหนึ่งสัปดาห์ถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างง่ายดาย ด้วยนิสัยเจ้าอารมณ์ของเจ้านายผู้เยือกเย็นทว่าอารมณ์ร้อน...
“ปากแตก...ด้วยล่ะจ้ะ”
คำพูดต่อมาทำเอาเด็กสาวอดหนาวๆ ร้อนๆ แทนอดีตเลขาของผู้พิทักษ์เมฆาแห่งวองโกเล่ไม่ได้
“งั้น...เกี่ยวอะไรกับอี้ผิงล่ะคะ”
หลังจากฟังฮารุพูดมาได้พักใหญ่ๆ สาวน้อยก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงงุนงง
สักพักก็ได้คำตอบชวนขนลุกจากหญิงสาวผู้ที่เธอเคารพเหมือนพี่คนหนึ่ง...
“ช่วยมาเป็นเลขาชั่วคราวให้ฮิบาริซังหน่อยได้มั้ยล่ะ อี้ผิงจัง...ถือว่าฮารุขอร้องเถอะนะ”
“เห...เอาอย่างนั้นเหรอคะ”
“ตกลงโอเคนะ! ขอบคุณอี้ผิงจังมากๆ เลยค่า...”
ฮารุตัดสายไปแล้ว...ทิ้งให้อี้ผิงยืนเก้ๆ กังๆ กระพริบตาปริบๆ มองโทรศัพท์มือถือในมือ พร้อมกับภาระยิ่งใหญ่ที่ตกลงมาบนบ่าอย่างไม่ทันตั้งตัว
ศาลเจ้านามิโมรินี่...ชักจะศักดิ์สิทธิ์เกินไปซะแล้ว
ดวงตาสีดำสนิทกลมโตเหลือบมองกระพรวนที่แขวนอยู่ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ มือเรียวเก็บโทรศัพท์เครื่องจิ๋วใส่กระเป๋าถือ
ตอนนี้ฮิบาริซังจะเป็นยังไงบ้างนะ...ยังจะปากร้ายใจดีเหมือนเดิมหรือเปล่า...
ตอนที่เจอกันอีกครั้ง...
‘เขา’ จะยัง...จำเธอได้มั้ยนะ
จะเจอกันอีกครั้งในฐานะอะไร...
เลขากับเจ้านาย...หรือว่าพี่ชายที่เคยรักมากกว่าสถานะพี่ชาย!
ความคิดเห็น