คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : chapter6:hold the rabbit
“พี่!ทำอะไรอ่ะ...เหม็นไหม้ไปถึงข้างนอกเลย!”
คนได้ชื่อว่าเป็นน้องยอมเสียเวลาแต่งสวนสวยเข้ามาเอ็ดผู้เป็นพี่
หรือต้นตอที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไหม้โชยไปไกล จนคุณป้าข้างบ้างตาลีตาลานมาตะโกนถาม
อย่างน้อยคิบอมเองก็รู้สึกดีเพราะสิ่งที่เห็นเป็นเพียงขนมปังปิ้งไหม้เกรียม2แถว...ดีตรงที่ซื้อมา3!
ใครจะไปคิดว่าผ่านมา2ชม.พี่ชายของเขาจะมีความสามารถทำขนมปังนิโกรออกมาได้ดำเมี่ยมทุกแผ่น
“พี่ก็ทำตามในคู่มือนะ..แต่มันไม่สำเร็จนี่T^T” คนถูกตำหนิตอบเสียงอ่อย
ใช้นิ้วเขี่ยผลงานตัวเองอย่างเสียดายทรัพยากรขนมปัง
นัยน์ตาคมหวานมองสภาพพี่ชายในชุดกันเปื้อนสีชมพูคละขี้เถ้ากับผลงานชิ้นเอกแล้วทอดถอนใจ
คราวหน้าคราวหลังเขาจะไม่ให้พี่แตะงานครัวอีกเลย...คิบอมคนนี้ขอสาบาน!
“พี่ไปนั่งเฉยๆเหอะเดี๋ยวผมจัดการเอง..ให้ตายสิ!”
พูดพลางคว้าไม้กวาดและที่ตักผงจัดการกับเศษขนมปังที่เลอะตามพื้นห้องทุกซอกมุม
เมื่อเห็นว่าฮยองจุนยังแก้ๆกังอยู่หน้าประตู มือขาวจึงผลักกึ่งไล่พี่ชายพร้อมคว้าถุงขนมบนตู้กับข้าวยัดใส่มือไปด้วย
“ไปกินรองท้องก่อนแล้วกัน..ระหว่างนี้ไม่ต้องเข้ามาป้วนเปี้ยนนะ”
อาญาน้องชายที่เคารพสกัดดาวรุ่งเสียทุกอย่าง จนคนเป็นพี่คอตกรับถุงขนมไว้ในมือแล้วทำตามอย่างว่าง่าย
ร่างบางพาตัวเองไปยังโซฟามุมโปรด เปิดเคเบิ้ลทีวีในช่องเดิมๆ
ชินเสียแล้วกับการแต่ฟังเสียงแล้วปล่อยใจตัวเองให้ล่องลอยออกไป
..เขาก็แค่อยากช่วย...
แต่ดูเหมือนการทำครัวจะเป็นหนึ่งในหลายๆเรื่องที่ไม่ถูกโรคกับคิมฮยองจุนเอาเสียเลย
บางทีเขาควรจะหางานทำ?
แต่สาขาอาชีพที่จบออกมามันจะทำอะไรได้นี่สิ
“กินข้าวได้แล้วพี่” เสียงเจื้อยแจ้วอารมณ์ดีของคนเป็นน้องหลังปั้นแต่งแซนด์วิชทูน่ากับซุปมันฝรั่ง
โผล่หน้าออกมาเรียกคนกำลังใช้ความคิดให้ออกจากภวังค์
ฮยองจุนเข้าโต๊ะรับประทานอาหารที่คิบอมเตรียมทุกอย่างไว้พรั่งพร้อมแม้กระทั่งนมและน้ำผลไม้
ทั้งๆที่เขาเป็นลูกคนโต
...กลับต้องอาศัยน้องอย่างนั้นหรือ?
“คิบอม...”
“หือ?”
“พี่ว่าจะไปหางานทำเราคิดว่าไงอ่ะ”
“พรวดดดดดดด” น้ำเปล่าที่กำลังกระดกแก้ฝืดคอถูกพ่นออกมาอย่างเสียจริต
นัยน์ตาสีเข้มกว่าผู้เป็นพี่ถลนมองราวกับความคิดนั่นคือหายนะ
“ทำไมต้องตกใจด้วยอ่ะ- 3-“
“ก็...แค่กๆ” มือเรียวระดมทุบอกตัวเองก่อนจะสำลักไอตาย
“คิดยังไงถึงจะทำล่ะ..ปกติอยู่เฉยๆก็ดีอยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็ให้ตังค์ใช้อยู่นี่”
“ก็พี่ไม่อยากเป็นภาระนี่นา พี่20แล้วนะคิบอม”
“ใช่พี่อายุ20แล้ว แต่ยังใช้เครื่องปิ้งขนมปังไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ...
วางใจเหอะน่าต่อให้พี่แก่ไปคิบอมคนนี้จะหาเลี้ยงเอง”
หันไปทำสายตาจริงๆจัง ทว่าแอบกังวลอยู่ลึกๆ...ก็พี่ชายของเขาน่ะเหมือนคนปกติซะที่ไหน
...คิดจะหางานทำ...
กรรมของคนจ้างแท้ๆ...
“เชอะ!แค่ปิ้งขนมปังไม่เป็น ไม่ได้แปลว่าพี่ทำอะไรไม่เป็นนะ”
“งั้นพี่บอกผมได้มั้ยล่ะว่าพี่จะไปสมัครงานที่ไหนกับใคร”
“ม..ม..มะ..ไม่รู้..”
“อืมงั้นเราจะคุยกันเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อพี่ตอบคำถามผมได้แล้ว...ตอนนี้พี่ก็กินเข้าไปซะ
ก่อนผมจะโทรไปยุพ่อกับแม่ให้ส่งพี่กลับไปเรียนเอาใบประกาศที่อเมริกาอีกสัก3-4ปี”
“ใจร้ายT0T”
“ไม่ร้ายผมก็ได้อดตายเพราะพี่น่ะสิ..วันนี้มีถ่ายโฆษณาผมต้องรีบนะ!”
คำว่ารีบหมายถึง...ก่อนนายแบบเนื้อหอมหน้าสวยคนนี้จะออกไปทำงาน
จะต้องตรวจเช็คดูแลความเรียบร้อยของบ้าน พี่ชายของเขาควรจะรีบกินให้อิ่มๆเขาจะได้เก็บล้างสักที
แม้การล้างจานจะไม่ใช่สิ่งที่เขาพิสมัยอย่างน้อยก็เห็นแก่จานชามไปสวยของพ่อที่อิมพอร์ตมาจากซีกโลกตะวันตกเกือบทั้งตู้
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
“โห..คนเยอะจังเลยอ่ะ” เจ้าของเสียงกลอกนัยน์ตากลมโตไปมรอบๆราวกับเด็กน้อยได้เข้าไปผจญภัยในสวนสนุก
แต่คนฟังกลับมีสีหน้าเรียเฉยพยายามเก็บอารมณ์มาตลอดระยะเวลาการถูกแต่งหน้าและเซทหัว
ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่พาตัวปัญหามาด้วย
แต่ทำไงได้แค่เขาเผลอไปอาบน้ำไม่นานพี่ชายคนเก่งก็หาเรื่องทำลายสวนสวยที่เขาเพิ่งจัดใหม่เมื่อเช้า
จนกลายเป็นป่าดงดิบขนาดย่อมอย่างไร้ศิลปะเป็นที่สุด
สู้เอามาด้วยอีกคน...
อย่างน้อยก็ตัดปัญหาบ้านรก ขโมยขึ้นบ้าน ไฟฟ้าลัดวงจร อัคคีภัยและอื่นๆได้มากโข
ถึงกระนั้นพี่ชายเจ้าปัญหาก็เดินไปเดินมาให้เขาหัวหมุนแถมยังคอยกวนใจด้วยประโยคคำถามต่างๆนาๆเช่น
“ว้าวววว ...คิบอมๆ ที่ชุดของนายหมดเลยหรอ???”
“คิบอม..ห้องขาวๆแบบนี้..พอในโฆษณาเค้าจะตัดฉากมาใส่ใช่มั้ย?”
หรือประโยคบอกเล่า
“ทำไงดีอ่ะคิบอม..พี่ทำแจกันในฉากแตก”
“คิบอม..พี่เผลอเหยีบดสายไฟมันเลยติดๆดับๆ........แต่กระพริบไปหนึ่งดวงก็เก๋ดีเนอะ”
“อ่า...บัตรผ่านเข้ามาในเขต..พี่ลืมไปแล้วง่ะ..ว่าวางไว้ที่ไหน”
“คิบอม”
“หยุดนะ!”
ร่างบางตวาดแหวพยามข่มตาลงสะกดความหงุดหงิด ...ไม่ว่าจะวีรกรรมอะไร
เขาก็จะไม่ทนฟังอีกแล้ว!!
“พี่ไม่ต้องไปไหนแล้วมานั่งข้างผมเดี๋ยวนี้เลย!”
“ขอบคุณสำหรับคำเชิญนะ...” ว่าแต่เสียงพี่เขาไม่ได้ทุ้มต่ำอย่างนี้นี่?
“น่ารักอย่างนี้ต้องได้รางวัล..จุ๊บ!” ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสอุ่นจรดที่ข้างแก้ม...
จะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว...
เปลือกตาบางที่ปิดสนิทเมื่อครู่ลืมขึ้นมาไม่ทันเห็นคนที่เขาคิดว่าเป็นพี่ชาย
ร้ายยิ่งกว่าคือเจ้าของริมฝีปากได้รูปผู้ขโมยหอมแก้มไปหมาดๆ
คือคนที่เขาไม่ขอเห็นหน้าเป็นครั้งที่สองในชีวิต...
ปาร์ค-จอง-มิน!
XxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxX
“ฮยองจุนมาเดินเล่นในตัวศูนย์การค้าแล้วกันนะจ๊ะ..อยู่รอคิบอมคงจะเบื่อสินะ^^””
สต๊าฟสาวประเภทสองพูดด้วยรอยยิ้มทั้งถอนใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงักอย่างรับรู้
พามาไว้ที่นี่คงดีกว่าให้ทำลายทรัพย์สินกองถ่ายเยอะ
“ที่นี่มันห้างSS Mallนี่..แสดงว่ากองถ่ายตะกี๊ตั้งอยู่ในห้างหรอฮะ”
“อ่า..ก็เป็นส่วนออฟฟิสของในห้างนี่แหละจ้ะ..”
ก่อนที่จะได้แนะนำอะไรต่อทางต้นสายก็วอเรียกตัวมาเสียก่อนดูท่าจะเป็นเรื่องไม่มงคลเสียด้วยสิ
“เอ่อ..เดินๆไปนะพอคิบอมถ่ายโฆษณาเสร็จแล้วจะส่งคนมารับ”
“เดี๋ยวฮะ!..” แต่สต๊าฟคนนั้นก็วิ่งหายไปกับสายลมซะแล้ว
“แล้วจะมารับผมที่ไหนล่ะ...” คำพูดที่เจ้าของดวงหน้าตุ๊กตาอ้อมแอ้มอยู่คนเดียว
...นี่เขาถูกทิ้งชัดๆ!!
นัยน์ตากลมโตเหลียวซ้ายแลขวา ทัศนียภาพการตกแต่งแบบนี้ถึงเคยมากับเขาคนนั้นครั้งหนึ่ง
ก็ใช่ว่าเขาจะจำทางได้นี่นา ห้างก็ใหญ่ขนาดนี้ พลันความคิดก็จบลงด้วยการกดลิฟท์แก้วลงไปยังลานอเนกประสงค์ด้านล่าง...
ระหว่างที่ลิฟต์ใสกำลังเคลื่อนลงช้าๆนัยน์ตาสวยพลันสบเข้ากับกองทัพชายในชุดสูทที่คุ้นตา
ดวงตากวาดเลื่อนไปมาอย่างระทึกจนกระทั่งพบร่างสูงในเสื้อฮูทไร้แขนสีดำกับกางเกงยีนสีเข้ม
แต่ความคิดที่จะเข้าไปทักทายกลับต้องหยุดลงด้วยสาวน้อยที่เดินควงแขนกันมา
“พี่คะ..ฉันชักเมื่อยแล้วสิ..ไปหาอะไรทานกันก่อนดีมั้ยคะ?” แขนเพรียวที่คล้องอยู่กับแขนแกร่งพูดขึ้น
เมื่อเห็นว่าคนข้างกายไม่มีที่ท่าวะจะหยุดเดินนับแต่เข้าห้างมาเมื่อชั่วโมงก่อน
ด้วยไม่ใช่วิสัยของเจ้าหล่อนสักเท่าไรที่จะใช้เรียวขาคู่นี้เดินไปมาเกินหนึ่งชั่วโมง
“ผมว่าจะตรวจโซนของเล่นเด็กทางนู้นอีกหน่อย..
แต่ถ้าคุณเมื่อยผมจะทิ้งคนไว้จำนวนหนึ่งแล้วเราค่อยมาเจอกันอีกที..”
“ไม่เป็นไรค่ะ..ถ้าพี่ฮยอนจุงจะตรวจงาน..ฉันว่าของเล่นเกี่ยวกับเด็กๆก็...น่าสนใจดี”
หล่อนฝืนยิ้มแห้งเอาใจคุณชายคิมเข้าไว้ก่อน
“ชินฮเยสนใจของพวกนี้ด้วยหรอครับ?”
ชายหนุ่มยิ้มรับบางๆ...ดูจะพอใจไม่น้อยกับคำตอบนี้
“ค่ะ..ฉันชอบเด็กๆน่ะค่ะ..ดูสดใสน่ารักดี” และทางที่จะทำคะแนนให้ดีที่สุดคงไม่พ้น
ภาพพจน์ของสาวน้อยใสซื่อ จิตใจโอบอ้อมอารี
“แต่เห็นพี่แต่งตัวอย่างนี้ตอนแรกนึกว่ามาเดินเที่ยวซะอีกค่ะ”
“ผมมาทำงานครับ...แค่ไม่เป็นทางการก็เท่านั้น” น้ำเสียงทุ้มแหบเสน่ห์ตอบเรียบๆ
ไม่แสดงอารมณ์ใดๆเช่นเคย เป็นผลให้เจ้าหล่อนเลิกล้มความคิดจะชวนคุยต่อ
การพาสาวสวยนามลีชินฮเยมาทำงานด้วยในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาร้องขอ
ทว่าทางบ้านของอีกฝ่ายแทบใส่พานมาส่งถึงบ้านหากทิ้งไว้ซะที่นั่นก็จะทำให้เกิดข้อบาดหมางระหว่าง2เครือบริษัทใหญ่ได้
รู้อยู่ว่าท่านประธานลีหวังจะดองตระกูลคิมด้วยลูกสาวคนเล็ก แต่หนทางปฏิเสธแบบละมุนละม่อมจำต้องค่อยเป็นค่อยไป
ราวกับเวลาเดินไปตามวงล้อของมัน
สองหนุ่มสาวเดินตัดผ่านมายังลิฟต์แก้วตัวกลางเพื่อส่งผู้โดยสารคนสุดท้ายลงมาพอดี
คนในลิฟต์จึงพยายามเบี่ยงตัวให้เร็วที่สุด แต่ไม่พ้นถูกผู้โดยสารขาขึ้นเบียดกระเด็นออกมายังทิศทางตรงกันข้าม
แรงส่งทำให้ร่างบางเซปะทะร่างสูงเข้าให้
“ขอโทษครับ” เสียงใสพูดอ้อมแอ้มก้มหน้าก้มตาจะเดินจากไป.....ฮยองจุนรู้ตัวดีว่าเมื่อครู่เค้าพุ่งชนใคร
“เดี๋ยว..” ทว่ามือหน้ากลับยึดข้อมือนั้นไว้
“เจอกันทั้งทีแต่ไม่คิดจะทัก...ไม่ใจดำไปหน่อยหรือไง?”
“ขอโทษฮะ”
ฮยอนจุงไม่แปลกใจเลยสักนิดเมื่อคำตอบที่ได้มาคือประโยคเก่งของร่างบาง
“พี่ไม่ได้โกรธเราสักหน่อยเลิกขอโทษได้แล้ว”
..มันคงจะดีกว่านี้มากถ้าเปลี่ยนจากขอโทษเป็นสวัสดี...
“ใครหรอคะพี่ฮยอนจุง” เสียงหวานอย่างมีจริตจะก้านพูดพลางเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่
เหตุการณ์ฝูงชนบุกจะขึ้นลิฟต์พลอยทำให้เจ้าหล่อนกระเด็นกระดอนไปอีกทาง
นึกแปลกใจว่าทำไมเจ้าชายของหล่อนถึงไม่มาช่วยพยุงอย่างที่ควรจะเป็น
พอเดินมาอีกทีก็พบชายที่หมายปองกำลังจับมือถือแขนกับคนอื่น
และถึงแม้จะเป็นผู้ชาย...แต่ก็มีดวงหน้าหวานราวกับตุ๊กตา
“นี่ฮยองจุน...รุ่นน้องของผมน่ะ” ชายหนุ่มหันไปตอบ ไม่มีทีท่าจะปล่อยข้อมือบางนั้นไปง่ายๆ
ยังพูดกันไม่รู้เรื่องแต่แรงสลัดน้อยๆนั้นก็พอเดาออกว่าฮยองจุนอาจเผ่นแนบไปตอนไหนก็ได้
“ดูสนิทสนมกันจัง..แต่ไม่เห็นพี่พูดถึงเลยนี่คะ”
ชินฮเยจงใจปรายตามองอีกฝ่ายอย่างไมค่อยจะถูกมารยาทนนัก
คำพูดจงใจเสียดแทงคนฟังที่กำลังหาทางแกะมือใหญ่ออก
...ไม่พูดถึง....
..แล้วยังไงล่ะฮยองจุน..เขาจะพูดถึงนายทำไม?..
“ผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ชินฮเยฟังอยู่แล้วนี่ครับ”
ฉึก!
กลายเป็นเจ้าหล่อนเองที่ถูกฉีกหน้า แม้คนตอบจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
“คุณจางฝากดูแลคุณหนูชินฮเยด้วย..ผมมีเรื่องต้องทำนิดหน่อย” เหมือนการตบหน้าซ้ำรอยเดิม
เมื่อคุณหนูแห่งตระกูลลีผู้มีแนวโน้มว่าจะได้เข้าพิธีหมั้นกับคุณชายคนโตของบ้านตระกูลคิมถูกทิ้งไว้กลับกลุ่มบอดี้การ์ดชุดดำ
“แล้วก็ไม่ต้องส่งใครตามมาด้วย” น้ำเสียงทุ้มเหมือนขู่กลายๆเมื่อบอดี้การ์ด3-4คนทำถ้าจะตามมา
ร่างสูงคว้าข้อแขนคนที่เงียบผิดปกติหายไปกับฝูงชน ทิ้งให้คุณหนูลียืนหน้าชาสะกดอารมณ์อย่างสุดกลั้น
ไม่ว่าหนุ่มน้อยเมื่อครู่จะเป็นใคร...
ต่อแต่นี้จะถือเป็นศัตรูของลีชินฮเย...
โทษฐานแย่งความสนใจทั้งหมดของคิมฮยอนจุงไปจากเธอ!
“เจ็บข้อมือรึปล่าว?” ฮยอนจุงถามเสียงนุ่มเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเอาแต่ก้มมองรอยแดงที่ข้อมมือตัวเองเงียบๆ
...เขารู้ว่าตัวเองแรงเยอะ..และพยายามควบคุมเสมอมา..
ฮยองจุนส่ายหน้าวืด..แต่ไม่ยอมปริปาก
“ไม่เจ็บแล้วทำไมไม่พูดล่ะ...โกรธหรอ?”
นั่นสินะ...เขาโกรธงั้นหรอ?...แล้วพี่ฮยอนจุงทำอะไรให้เขากันล่ะ?
“ไม่เหมือนนายเลยนะ”
“....”
“ไม่ยอมพูดจริงๆน่ะหรอ” ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างมีแผน
“ไม่เจอกันตั้ง2วันแสดงว่าไม่ยากเห็นหน้ากันล่ะสิถึงไม่ทัก..งั้นก็ไม่กวนแล้ว”
ฮยอนจุงพูดจาตัดพ้อไม่สมกับตัวแล้วกระเถิบตัวห่างไปหนึ่งช่วงแขน
การกระทำอันอยู่เหนือความคาดหมายทำเอาคนไม่ยอมพูดหน้าซีด ตาละห้อยอย่างสำนึกผิด
ทั้งๆที่พี่ฮยอนจุงเป็นฝ่ายทักก่อนแท้ๆ..เขาเองไม่ใช่หรอที่เสียมารยาทด้วยการเดินหนี?
...ใครว่าเขาไม่อยากเห็นหน้ากันล่ะ>///<...
แต่เมื่อครู่เขารู้สึกเป็นส่วนเกินต่างหาก!
“พี่ฮยอนจุง..” ฮยองจุนยอมเปิดปากเรียกเสียงอ่อย
คนได้ทีเลยกอดอกแกล้งมองไปอีกทาง
คนถูกแกล้งโดยไม่รู้ตัวก็ช่างซื่อกระเถิบตัวตามไป มือขาวดึงชายเสื้ออีกฝ่ายยิกๆ
“ผมยอมพูดแล้ว..พี่ฮะ..”
“พี่ไม่ได้บังคับให้พูดนะ- -“ คุณชายคิมตีหน้าตายแม้อยากจะระเบิดหัวเราะให้ลั่นห้างก็ตาม
“อื้อ...ผมพูดเอง..ไม่มีใครบังคับ” รับประกันคำพูดของตัวเองอย่างขึงขัง
“งั้นถามอะไรก็ต้องตอบนะ” จอมเจ้าเล่ห์จึงแสยะยิ้มชนิดที่ว่าได้คืบแล้วเอาศอก
ส่วนอีกฝ่ายก็กระโจนลงไปในหลุมพรางด้วยคำพูดที่ผ่านการกลั่นกรองอย่างลวกๆ
“ฮะ...ทุกอย่างเลย”
“งั้น....คิดถึงพี่ป่าว^0^” คำถามที่ว่าจึงถูกยิงมาอย่างเอากำไร
“0////0”
“ว่าไง?” คนถามจงใจผสานดวงตาคมสีรัตติกาลเข้ากับนัยน์ตาสีอ่อนที่วูบไหวไปตามแรงกดดันของอีกฝ่าย
..เอาไงดีล่ะ?... เสียงร้องตะโกนในใจไม่ใช่เพื่อหาคำตอบ
แต่กำลังตัดสินใจว่าจะตอบยังไง..
“(0///0) (_ _) (>///<)”
ลงเอยด้วยการผงกหัวหงึกๆทั้งทีใบหน้าแดงซ่าน การกระทำที่สมองไม่อาจบงการให้ปฏิเสธ
หัวใจเจ้ากรรมกำลังเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ
...กลัวเหลือเกินว่าเจ้าของดวงหน้ารูปสลักจะได้ยินเสียงที่น่าอายนี้
ต่างจากอีกคนที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจในคำตอบ
“ก็แค่เนี้ย^.^”
..ไม่มีคำว่าละอายใจเวลาแกล้งชาวบ้านสะกดอยู่ในหัว
...เพียงคราวนี้ที่พิเศษกว่าครั้งไหน
ถ้านี่เรียกว่าการแกล้ง..
...ก็ถือว่าเป็นการแกล้งจากคำสั่งของสิ่งสำคัญที่หน้าอกซ้ายก็แล้วกัน
พูดจบก็ต้องรีบลุกตามร่างบางก่อนจะหนีหายไปไหน นิ้วยาวทั้งห้าแทรกตัวลงตามง่ามนิ้วเรียวของอีกฝ่าย
กอบกุมไว้แน่นจนฮยองจุนรู้สึกถึงความอุ่นจากอีกฝ่ามือสู่ฝ่ามือของตน
ดวงตาใสแจ๋วหันไปมองฮยอนจุงอย่างไม่เต็มตา อันเป็นผลกระทบจากคำถามเมื่อครู่
“พี่ก็คิดถึงกระต่ายน้อย จะจับเอาไว้อย่างนี้ไม่ให้หนีไปไหนหรอก”
คนตัวโตเฉลยข้อกังขาประกาศอยู่โต้งๆถึงเหตุผลของการกระทำ
...แล้วอย่างนี้กระต่ายน้อยจะหนีไปไหนพ้น...
~~~~~~up 4 reader~~~~~~ thanks for read & comment~~~~~~~~~
เราอัพถี่ไปรึป่าวเนี่ย?...จะยังไงก็อยากอัพน่ะค่ะเพราะตอนนี้ว่างอยู่
เหมือนเดิมนะคะ..อ่านแล้วเม้นด้วยจะถือเป็นกำลังใจที่ดีมากเลยค่ะ
สาธุ!คนที่ซุ่มอยู่แสดงตนเองมาด้วยเถ๊อะ...มีข้อเสนอคำแนะนำอะไรจะได้คุยกันเน้..ถ้ามีโอกาสพรุ่งนี้จะเอาตอนที่7มาส่งค่ะ
ความคิดเห็น