คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter1:come back
ท่ามกลางความคลาคลั่งของผู้โดยสารขาออก ณ สนามบินใจกลางเมืองใหญ่
จะมีใครรู้ถึงความหนักใจของเหล่าบอดี้การ์ด และคณะต้อนรับสองคุณชายแห่งบ้านตระกูลคิม
หนึ่งหลานปู่และหนึ่งหลานตาของประธานบริษัทผู้คุมกงล้อเศรษฐกิจรายหนึ่งที่หน้าจับตามอง
พลันสายตาของชายกลางคนก็ประสบกับสองหนุ่มร่างสูงที่รูปพรรณสัณฐาน
ตรงกับรูปที่ ‘คุณคยูจง’ ให้มา
ไม่รอช้าคณะผู้ติดตามก็ตามหัวหน้าไปอย่างคล่องแคล่ว...
“คนของคุณตา?”
หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเจ้าของรอยยิ้มหน้ามองพาร่างสูงของตนและลูกพี่ลูกน้องไปยังกลุ่มคนที่ดูจะประหลาดที่สุดในบริเวณ
นัยน์ตาคมขลับใต้กรอบแว่นดำสังเกตจากการแต่งสูทและมีหูฟังสื่อสารกันทั้งกลุ่ม
มารับกันอย่างนี้ทุกทีสิน่า..ใครเค้าจะคิดได้ว่าเป็นพวกผู้ต้องหาข้ามชาติ..
ลอบคิดขณะรับการโค้งจากชายอีก4-5คน
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ” หัวหน้าการ์ดพูดและโค้งพร้อมกับลูกน้องจนสองหนุ่มนึกกลัวว่าไอ้การโค้งจนลำตัวขนานกับพื้นมันจะพาลทำให้หลังเดาะเอาง่ายๆ
“สัมภาระมีเท่านี้สินะครับ”
“อืม..แล้วก็มีตรงโน้นน่ะ...” ร่างสูงโปร่งอีกคนที่เพิ่งปริปากเบี่ยงตัวไปยังสัมภาระชิ้นสำคัญที่บรรจุหีบห่ออย่างดี
ใบหน้าราวรูปสลักใต้กรอบแว่นสีชาต่างจากในภาพตรงที่ริมฝีปากยกขึ้นอย่างเป็นมิตร
“รบกวนไปเอาด้วยแล้วกัน” บอดี้การ์ดคนเก่งเหยียดยิ้มกว้าง
....ไม่ยากที่จะแยกคุณชายทั้งสองออกจากกันเลยแม้แต่น้อย
“ครับคุณชายฮยอนจุง”
-------------------------------------
Trrrr..trrr
“ทำไมถึงไม่มีใครรับสายนะ?” ว่าแล้วก็ลองกดเลขหมายเดิมอีกรอบ
Trrrrrrrr rrrr
“บ้าชะมัด!” มือขาวกระแทกหูโทรศัพท์สาธารณะดังเสียจนคนเดินผ่านไปมามองเป็นตาเดียว เจ้าตัวได้แต่ยิ้มเจื่อนลืมไปเสียสนิทว่ายังอยู่ที่สนามบิน นัยน์ตากลมโตกวาดมองไปรอบข้างแล้วถอนใจปลงอนิจจังอีกสักรอบ..
ทั้งๆที่เขากลับมาทั้งทีไม่มีใครคิดจะมารับหน่อยรึไง!
ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นอย่างชั่งใจ...คงต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านเองกระมัง?
คิดได้ปุ๊บร่างโปร่งก็ก้มหน้าก้มตาสะดุดฟุตบาทจับกบกลางถนน จนรถลีมูซีนคันงามเบรกแทบไม่ทัน
“O_Oอ่ะ....!” คนซุ่มซ่ามยังคงนิ่งอึ้งอยู่กับพื้น
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
ร่างสูงที่กำลังเสียบหูฟังถามสารถี ในขณะที่อีกคนกำลังพริ้มตาลงช้าๆเป็นต้องสนใจกับเขาไปด้วย
“มีคนล้มข้างหน้าน่ะครับคุณชายจองมิน”
“แล้วเราได้ชนเค้ารึปล่าว!” จองมินถามเสียงเรียบก่อนและแหลมขึ้นที่พยางค์สุดจนสารถีแทบหัวหด
เหมือนร่างโปร่งจะเฉลยด้วยการลุกยืนขึ้นหลังหายช็อคจากความซุ่มซ่ามที่เกือบจะกลายเป็นการฆ่าตัวตายเสียแล้ว
“ฉันลงไปดูหน่อยละกัน” ฮยอนจุงตัดสินใจเปิดประตูรถลงไปดูสภาพคนที่ทำลายโปรแกรมการนอนของเขา
ก่อนเจ้าน้องชายตัวแสบจะปริปากสั่ง
“คุณเป็นอะไรรึปล่าวครับ”
เขาถามขณะอีกฝ่ายยังวุ่นอยู่กับการลากกระเป๋าสัมภาระใบโตไม่เข้ากับตัวเสียเลย
“นิดหน่อยฮะ..ผมแค่...0.0”
แล้วจู่ๆร่างบางก็หยุดยืนจ้องเขานิ่ง ต่อด้วยการเดินวนไปรอบๆร่างสูงอย่างชวนปวดหัว
โชคดีที่เวลานี้ไม่มีรถคันอื่นแล่นผ่านมาไม่งั้นได้มีขบวนบีบแตรด่ายาวเป็นทางแน่ๆ
“เอ่อ..คุณ..”
“พี่ฮยอนจุง!” ในที่สุดร่างโปร่งหยุดยืนชี้หน้าเขาราวกับเล่นเกมส์ซ่อนแอบแล้วจับได้
“???”
“อย่างงสิฮะ..ผมคิมฮยองจุน แผนกคอรัสอ่ะ...เราเรียนที่เดียวกันไงไม่เจอกันตั้งนาน”
คำตอบไม่ได้ทำให้ฮยอนจุงเข้าใจมากกว่าเดิมเลย มีแต่คำว่ามึนกับมึน
ปิ้นๆๆๆๆๆ
เสียงบีบแตรด่าอย่างที่ฮยอนจุงกลัวดังมาเป็นหางว่าว พร้อมกับสายตาลำบากใจของคนขับรถส่งมาให้จนเขาแทบจะกุมขมับ
นี่เขาขึ้นเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมง ลงมาแทนที่จะได้นอนก็ดันมีคนมาขัดจังหวะ
แถมเสียงแตรนรกก็กระตุกต่อมประสาทเขาเสียเหลือเกิน แต่เจ้าตัวเล็กที่ยืนตาใสๆมันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด
สิ่งเดียวที่คิดออกคือ....
ลากเอาร่างบางขึ้นลีมูซีนมาด้วยอีกคน!
“อ่ะพี่...ไฟหน้ารถไม่ได้แตกนะ..ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย...T^T” แต่เจ้าเปี๊ยกนี่ไม่ได้ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่น่ะสิ
“ไม่ได้จะจับนายไปส่งตำรวจหรอกน่า..ขึ้นมาเหอะ
ออกรถเลย” ฮยอนจุงถอนหายใจเฮือก
อย่างน้อยเสียงแตรนรกก็ไม่ดังแล้ว ทีนี้จะได้จัดการเรื่องคนที่เขากระเตงมาด้วย
“พี่ฮยอนจุง”
หันไปตามเสียงเรียกสบเข้ากับตาแป๋วๆ “ผมไม่อยากติดคุกนะTT TT”
“รู้แล้วล่ะน่า..นาย..?.”
“ฮยองจุนฮะ”
“อ้า...นายคิมฮยองจุน แผนกคอรัสรุ่นเดียวกับฉันนี่” จองมินโพล่งขึ้น
“ใช่ๆ..นายจำฉันได้หรอ”
“ถามแปลกๆนายมันเด็กดีเด่นใครไม่รู้จักก็หลังเขาโคตรๆ” คำพูดของญาติสนิททำเอาฮยอนจุงสะอึก
ก็เขาไม่ใช่ประเภทมนุษย์สัมพันธ์กว้างขวางอย่างจองมินนี่
“เอ่อ..ฮยองจุนบ้านนายอยู่ไหนน่ะ” ฮยอนจุงว่าพลางถอดแว่นสีชาออกยกขึ้นเช็ดแก้หน้าแตก
คนถูกถามยิ้มร่าบอกที่อยู่เสร็จสรรพก็หันไปเม้าส์กับจองมินต่อ
“พี่ฉันน่ะหรออัจฉริยะของรุ่น...จริงๆมันก็ติงต๊องน่ะล่ะ” เรื่องนินทาไม่ต้องกลัวว่าจะไม่หลุดมาจากปากปาร์คจองมิน
เคยด่าแล้วแต่มันไม่เคยจำไม่อยากหงุดหงิดก็มีแต่การนอนเท่านั้นที่จะพาให้หลุดพ้น
.......................zzzz.................
.........zz..........................
“เฮ้!พี่ พี่โว้ย=[]=”
“งืม...อาราย...- -” คนขี้เซางัวเงียตอบอย่างไม่สบอารมณ์
ปกติตื่นยากตื่นเย็น แต่ถ้าความรำคาญมากล้ำกลายก็คงทนไม่ได้สักเท่าไร
“ถึงบ้านฮยองจุนแล้ว..มารยาทบอกลาอ่ะมีมั้ย?”
“ถึงแล้วงายยยย-*-” จองมินมองญาติผู้พี่แล้วส่ายหน้าอย่างระอา...นี่ถ้าสาวๆเห็นสภาพไอ้หล่อนี่คงสนุกพิลึกมันหน้าจับถ่ายรูปแบล็คเมลล์ไว้ซะจริง แต่สำหรับอีกคนมันดูแปลกตาเหลือเกินเมื่อเห็นอดีตรุ่นพี่ร่วมโรงเรียน สุดป๊อบในคราบเด็กขี้เซา
“ฮิฮิ..พี่เค้ากำลังหลับสบาย..แค่มาส่งก็พอแล้วล่ะ..^-^”
“งั้นโชคดีนะ”
“อื้ม...พี่ฮยอนจุงบ๊ายบาย^o^” ถึงจะไม่อยากตื่นก็เหอะ แต่เมื่อเปลือกตามันเปิดน้อยๆก็อดโบกมือส่งๆไปไม่ได้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้มแก้มแดงโบกมือหยอยๆส่งให้ ไม่ต่างจากตุ๊กตามาสคอทหน้าร้านขายขนม
“นี่ถ้าตื่นแล้วก็ไม่ต้องนอนอีกนะ..จะถึงบ้านแล้ว” ไม่ว่าเปล่าใช้ขาเขี่ยสะกิดญาติผู้พี่ไม่ให้จมลงสู่นิทราอีกรอบ
“รู้แล้วหน้า” มือใหญ่จัดแจงตัวเองให้ดูถูมิฐานขณะรถลีมูชีนและรถติดตามแล่นเข้าเขตรั้วเหล็กผ่านสวนกว้างเต็มไปด้วยไม้ยืนต้นที่คุ้นเคย ผ่านน้ำพุที่คาดว่าท่านเจ้าของบ้านคงจัดแจงให้ต่อเติมขณะหลานรักทั้งสองไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ
ทันทีที่รถใหญ่จอดเทียบท่าสองหนุ่มก็ลงรถตัวปลิวมุ่งสู่ห้องโถงของบ้าน
ที่มีชายชรากับแมวเปอร์เซียปุกปุยสีขาวคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
“คุณปู่/คุณตา”
การทักทายกึ่งพิธีการของหลานชายทั้งสอง ทำให้ใบหน้ายับย่นตามกาลเวลาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม
“ขึ้นเครื่องมาเหนื่อยๆก็นั่งซะสิ”
“อยู่ทางนี้สบายดีนะครับ^^” หลานคนขี้ประจบยิงคำถามก่อนที่ผู้สูงวัยกว่าจะไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ
“สบายสิ...เรากับฮยอนจุงไม่อยู่ แต่คยูจงเขาก็ช่วยงานได้เยอะ”
คยูจง...ชื่อที่ทำให้อีกสองคนยิ้มกว้าง ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ แม้จะเป็นแค่ลูกชายของคนสนิทแต่ก็ถูกชุบเลี้ยงมาด้วยกัน
ต้องขอบคุณคยูจงเสียอีกที่ช่วยงานทางนี้ ทั้งสองคนจึงมีโอกาสได้สานฝันทางด้านดนตรีของตนเอง
“พูดถึงคยูจง...หมอนั่นยังโหมงานอยู่อีกหรอครับ”
ฮยอนจุงพูดพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดที่หนึ่งและสองออกอย่างผ่อนคลาย
“ใช้ไม่ได้เลย..เพื่อนกลับมาทั้งที.........แล้วเจ้าเหมียวนี่คุณตาซื้อมาแก้เหงาหรอครับ”
จองมินถามพลางถือวิสาสะจับเจ้าเหมียวขนปุยท่าทางเริ่ด เชิด หยิ่งมาวางไว้บนตัก
“ไม่ใช่หรอก..อีกอย่างตาก็ไม่ได้เหงา”
“งั้นของใคร?”
“ของฉันเองล่ะ^u^” ร่างบางในชุดลำลองสีอ่อนเดินลงมาจากชั้นบน เรียกให้สองหนุ่มหันไปมอง
ดวงหน้าคุ้นเคยมอบรอยยิ้มให้เพื่อนในวัยเยาว์ส่งผลให้นัยน์ตาเรียวรีหยักเป็นเส้นคล้ายประจันทร์เสี้ยว
แก้มป่องๆ กับผิวค่อนข้างซีดไม่ต่างจากสมัยก่อนนัก
“ของนายสินะยองแซง” ฮอยนจุงยิ้มขณะรับเจ้าเหมียวจอมคลอเคลียจากจองมินแล้วส่งคืนให้ยองแซงรับไว้ในอ้อมกอด
“พวกนายนี่แย่จริงๆ กลับมาทั้งทีบอกแต่คุณปู่”
“แหมยองแซงกี้ใจน้อยจริงๆเลยน๊า”
“ใครใจน้อยฮะจองมิน!..”
หันไปค้อนเล็กๆ แล้วหันไปคุยกับอีกคน “ได้ข่าวว่าไปโชว์เพลงใหม่ที่เวียนนา...เล่นให้ฟังมั่งได้มั้ยฮยอนจุง”
“เอาสิ” คำตอบทำอีกคนยิ้มกว้างอย่างง่ายดาย
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้อ่ะ..อยากพักผ่อนมากกว่า..ไว้ก่อนแล้วกันนะ” ประโยคถัดมาก็ทำให้ยิ้มหุบได้ไวพอกัน
“ก็ได้แต่สัญญาแล้วนะ” พูดจบก็ทิ้งร่างลงข้างๆคุณปู่ตระกูลคิม แม้จะไม่ใช่หลานโดยสายเลือด
แต่เขาก็วิ่งเล่นมาในบ้านหลังนี้มาแต่เด็ก เรียกได้ว่าทั้งขี้อ้อนและเอาใจกว่าหลานๆแท้ๆด้วยซ้ำ
“พวกแกไม่อยู่ยองแซงเค้ามาอยู่เป็นเพื่อนทุกวันน่ะล่ะ..อยู่กับคนแก่ยังกลัวเค้าเบื่อเลย”
“ไม่นะฮะ...ยองแซงมาที่นี่แล้วสนุก...พ่อแม่ไม่เคยอยู่ติดบ้าน..เหลือแต่บ้านโล่งๆ..ยองแซงชอบมาบ้านนี้”
คำตอบช่างเอาใจสมแล้วที่เป็นเด็กขี้อ้อนอย่างยองแซง ชายชราลูบหัวเด็กขี้อ้อนเบาๆ ก่อนนึกอะไรขึ้นได้
“เออจริงสิ...ปอเช่กับบีเอ็มเปิดประทุนสองคันนั้นไปตกลงกันเองล่ะ” กุญแจรถล่อตะเข้ถูกวางอย่างบรรจงบนโต๊ะ
ฮยอนจุงและจองมินจ้องหน้าเป็นอันตกลงกันก็คว้ากุญแจรถตัวเอง พาสังขารที่ว่าเหน็ดเหนื่อยนักหนาลงบันไดบ้านไปชื่นชมยานพาหนะส่วนตัวทันที
“แจ่มว่ะพี่*0*” จองมินพูดพลางลูบพวงมาลัยใหม่เอี่ยมอ่องไปมา
“เออดิ่...หน้าเอาไปซิ่งเดี๋ยวนี้เลย...ปู่ครับ..เดี๋ยวผมมา” แล้วคนเห่อของก็สตาร์ทเครื่องเปิดซิงพารถคันงามแล่นฉิวไปอย่างร่าเริงเหมือนเด็กได้ขนม...เรื่องพักผ่อนอะไรนั่นไว้ที่หลังแล้วกัน
“อ้าวฮยอนจุง!?” ประสบจังหวะขับสวนกับคยูจงที่เลิกงานขับรถกลับบ้านมาพอดี
“ไงเพื่อน..คุยกันเย็นนี้นะ”
“คุณปู่....จองมิน” ร่างสูงกล่าวทักทายเจ้าบ้านและเพื่อนซี๊ที่ไม่เห็นหน้ากันมาเป็นปีๆ “ไฟแรงอะไรของเขานะ”
ไม่วายหันไปออกความเห็นถึงคนที่บึ่งบีเอ็มสีเงินออกไปเมื่อสักครู่ แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อไม่เห็นหน้าแขกประจำ
“ยองแซงอ่ะ?”
“ไม่รู้ดิ่..เมื่อกี๊ยังเห็นอยู่เลย” จองมินตอบแล้วหันไปชื่นชมปอเช่สีแดงของตัวเองด้วยสายตาลุกวาว
คยูจงจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในตัวบ้าน พบกับใบหน้าหน้าคุ้นเคยงอง้ำนั่งอยู่ที่ตีนบันได
กับเจ้าเปอร์เซียตัวโปรดคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”
“.........”
“ยองแซง..”
“ฉันน่าเบื่อมั้ยคยูจง?” ริมฝีปากอิ่มขยับแผ่วเบาเมื่อถูกเรียกเป็นครั้งที่สอง
“นายโอเคมั้ย?” นัยนต์ตาสีเทาฉายแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัดแค่เพียงร่างบางจะหันไปสบประสานแต่ก็ไม่
“นายตอบฉันก่อน” เสียงหวานที่ติดจะสั่นน้อยๆนั่นไม่ใช่นิมิตหมายที่ดีเลย เส้นผมสีดำขลับยาวเคลียป่าปกปิดดวงหน้าซ่อนนัยน์ตาที่สั่นคลอน ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงข้างๆร่างเล็กเหมือนทุกๆครั้ง
“ไม่!นายไม่หน้าเบื่อสักนิด...ทีนี้บอกได้รึยังว่านายเป็นอะไร”
“ฮยอนจุง..เค้าไม่คิดยังงั้นนี่”
ฮยอนจุง....ทุกครั้งที่ร่างบางออกอาการแบบนี้ก็มีต้นเหตุเพียงหนึ่งเดียว คยูจงรู้สึกโง่เหลือเกินที่ไปถามคนตรงหน้าว่าเป็นอะไร
“ฉันแค่อยากฟังเปียโนแค่เพลงเดียว...เค้าบอกว่าเค้าเหนื่อย..นั่นไม่เป็นไร”
ใบหน้าหวานเงยขึ้นทว่าไม่ได้มองไปที่ไหน มีเพียงสายตาว่างเปล่าที่ค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง
“แต่พอคุณปู่ให้รถเค้า...เค้าก็ดีใจมาก..อย่างที่นายเห็นน่ะล่ะ..คงออกไปขับรถเล่นสบายใจแล้วล่ะ”
ประโยคสุดท้ายเอ่ยมาพร้อมรอยยิ้มขื่นๆส่งให้คนที่ตั้งใจฟัง
“นี่ฉันไม่หน้าจะพูดเรื่องนี้เลย..ขอโทษนะฉันไม่อยากให้นายต้องมาเบื่อด้วย..”
“ไม่หรอก...เรื่องที่นายพูดฉันไม่เบื่อเลย...” ร่างสูงยิ้มบางๆ แต่คำพูดทุกคำล้วนหนักแน่นและจริงใจ..
ถ้าเพียงยองแซงจะเข้าใจความหมายของมัน
“ขอบใจนะนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด” วงแขนบางยกขึ้นโอบคนตัวโตไว้หลวมๆ
คยูจงรับอ้อมกอดนั้นอย่างเต็มใจแม้ทุกคำพูดเหมือนจะตอกย้ำในจุดยืนที่เขาฝืนรับมาตลอดก็ตาม..
---------------------------------------------------------------------------to be continue
กว่าจะอัพตอนนี้ได้งงมากเลย...ก๊อบข้อความมาลงสับบรรทัดกันหมด
สำเร็จซะที~~~
ความคิดเห็น