ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SS501] At what point shall we begin (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : chapter1:come back

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 51


    ท่ามกลางความคลาคลั่งของผู้โดยสารขาออก ณ สนามบินใจกลางเมืองใหญ่  
    จะมีใครรู้ถึงความหนักใจของเหล่าบอดี้การ์ด และคณะต้อนรับสองคุณชายแห่งบ้านตระกูลคิม 
    หนึ่งหลานปู่และหนึ่งหลานตาของประธานบริษัทผู้คุมกงล้อเศรษฐกิจรายหนึ่งที่หน้าจับตามอง  

    พลันสายตาของชายกลางคนก็ประสบกับสองหนุ่มร่างสูงที่รูปพรรณสัณฐาน

    ตรงกับรูปที่คุณคยูจงให้มา 

    ไม่รอช้าคณะผู้ติดตามก็ตามหัวหน้าไปอย่างคล่องแคล่ว...

     

    คนของคุณตา?  
    หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเจ้าของรอยยิ้มหน้ามองพาร่างสูงของตนและลูกพี่ลูกน้องไปยังกลุ่มคนที่ดูจะประหลาดที่สุดในบริเวณ 
    นัยน์ตาคมขลับใต้กรอบแว่นดำสังเกตจากการแต่งสูทและมีหูฟังสื่อสารกันทั้งกลุ่ม 

       

    มารับกันอย่างนี้ทุกทีสิน่า..ใครเค้าจะคิดได้ว่าเป็นพวกผู้ต้องหาข้ามชาติ..
    ลอบคิดขณะรับการโค้งจากชายอีก4-5คน

     

    ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับหัวหน้าการ์ดพูดและโค้งพร้อมกับลูกน้องจนสองหนุ่มนึกกลัวว่าไอ้การโค้งจนลำตัวขนานกับพื้นมันจะพาลทำให้หลังเดาะเอาง่ายๆ

     

    สัมภาระมีเท่านี้สินะครับ

     

    อืม..แล้วก็มีตรงโน้นน่ะ... ร่างสูงโปร่งอีกคนที่เพิ่งปริปากเบี่ยงตัวไปยังสัมภาระชิ้นสำคัญที่บรรจุหีบห่ออย่างดี 

    ใบหน้าราวรูปสลักใต้กรอบแว่นสีชาต่างจากในภาพตรงที่ริมฝีปากยกขึ้นอย่างเป็นมิตร   

     

    รบกวนไปเอาด้วยแล้วกัน   บอดี้การ์ดคนเก่งเหยียดยิ้มกว้าง 
    ....ไม่ยากที่จะแยกคุณชายทั้งสองออกจากกันเลยแม้แต่น้อย

     


    ครับคุณชายฮยอนจุง
    -------------------------------------

    Trrrr..trrr…

     

    ทำไมถึงไม่มีใครรับสายนะ?  ว่าแล้วก็ลองกดเลขหมายเดิมอีกรอบ

     

    Trrrrrrrr…rrrr…

     

    บ้าชะมัด!”  มือขาวกระแทกหูโทรศัพท์สาธารณะดังเสียจนคนเดินผ่านไปมามองเป็นตาเดียว  เจ้าตัวได้แต่ยิ้มเจื่อนลืมไปเสียสนิทว่ายังอยู่ที่สนามบิน  นัยน์ตากลมโตกวาดมองไปรอบข้างแล้วถอนใจปลงอนิจจังอีกสักรอบ..


    ทั้งๆที่เขากลับมาทั้งทีไม่มีใครคิดจะมารับหน่อยรึไง

    ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นอย่างชั่งใจ...คงต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านเองกระมัง?  
    คิดได้ปุ๊บร่างโปร่งก็ก้มหน้าก้มตาสะดุดฟุตบาทจับกบกลางถนน จนรถลีมูซีนคันงามเบรกแทบไม่ทัน

     

    “O_Oอ่ะ....! คนซุ่มซ่ามยังคงนิ่งอึ้งอยู่กับพื้น

    เกิดอะไรขึ้นหรอ?  
    ร่างสูงที่กำลังเสียบหูฟังถามสารถี ในขณะที่อีกคนกำลังพริ้มตาลงช้าๆเป็นต้องสนใจกับเขาไปด้วย

     

    มีคนล้มข้างหน้าน่ะครับคุณชายจองมิน


    แล้วเราได้ชนเค้ารึปล่าว!” จองมินถามเสียงเรียบก่อนและแหลมขึ้นที่พยางค์สุดจนสารถีแทบหัวหด  
    เหมือนร่างโปร่งจะเฉลยด้วยการลุกยืนขึ้นหลังหายช็อคจากความซุ่มซ่ามที่เกือบจะกลายเป็นการฆ่าตัวตายเสียแล้ว

     

    ฉันลงไปดูหน่อยละกัน  ฮยอนจุงตัดสินใจเปิดประตูรถลงไปดูสภาพคนที่ทำลายโปรแกรมการนอนของเขา 
    ก่อนเจ้าน้องชายตัวแสบจะปริปากสั่ง

     


    คุณเป็นอะไรรึปล่าวครับ” 
    เขาถามขณะอีกฝ่ายยังวุ่นอยู่กับการลากกระเป๋าสัมภาระใบโตไม่เข้ากับตัวเสียเลย

    นิดหน่อยฮะ..ผมแค่...0.0” 

    แล้วจู่ๆร่างบางก็หยุดยืนจ้องเขานิ่ง  ต่อด้วยการเดินวนไปรอบๆร่างสูงอย่างชวนปวดหัว  
    โชคดีที่เวลานี้ไม่มีรถคันอื่นแล่นผ่านมาไม่งั้นได้มีขบวนบีบแตรด่ายาวเป็นทางแน่ๆ

     


    เอ่อ..คุณ..

     

    พี่ฮยอนจุง!”  ในที่สุดร่างโปร่งหยุดยืนชี้หน้าเขาราวกับเล่นเกมส์ซ่อนแอบแล้วจับได้

     

    ???

     

    อย่างงสิฮะ..ผมคิมฮยองจุน แผนกคอรัสอ่ะ...เราเรียนที่เดียวกันไงไม่เจอกันตั้งนาน 
    คำตอบไม่ได้ทำให้ฮยอนจุงเข้าใจมากกว่าเดิมเลย มีแต่คำว่ามึนกับมึน

     


    ปิ้นๆๆๆๆๆ
      

    เสียงบีบแตรด่าอย่างที่ฮยอนจุงกลัวดังมาเป็นหางว่าว พร้อมกับสายตาลำบากใจของคนขับรถส่งมาให้จนเขาแทบจะกุมขมับ  
    นี่เขาขึ้นเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมง  ลงมาแทนที่จะได้นอนก็ดันมีคนมาขัดจังหวะ      
    แถมเสียงแตรนรกก็กระตุกต่อมประสาทเขาเสียเหลือเกิน  แต่เจ้าตัวเล็กที่ยืนตาใสๆมันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด 


    สิ่งเดียวที่คิดออกคือ....
    ลากเอาร่างบางขึ้นลีมูซีนมาด้วยอีกคน!

    อ่ะพี่...ไฟหน้ารถไม่ได้แตกนะ..ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย...T^T”  แต่เจ้าเปี๊ยกนี่ไม่ได้ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่น่ะสิ

     

    ไม่ได้จะจับนายไปส่งตำรวจหรอกน่า..ขึ้นมาเหอะออกรถเลย  ฮยอนจุงถอนหายใจเฮือก  
    อย่างน้อยเสียงแตรนรกก็ไม่ดังแล้ว  ทีนี้จะได้จัดการเรื่องคนที่เขากระเตงมาด้วย

     

    พี่ฮยอนจุง  
    หันไปตามเสียงเรียกสบเข้ากับตาแป๋วๆ 
    ผมไม่อยากติดคุกนะTT TT”

     

    รู้แล้วล่ะน่า..นาย..?.

     

    ฮยองจุนฮะ

    อ้า...นายคิมฮยองจุน  แผนกคอรัสรุ่นเดียวกับฉันนี่  จองมินโพล่งขึ้น

     

    ใช่ๆ..นายจำฉันได้หรอ

     

    ถามแปลกๆนายมันเด็กดีเด่นใครไม่รู้จักก็หลังเขาโคตรๆ  คำพูดของญาติสนิททำเอาฮยอนจุงสะอึก  
    ก็เขาไม่ใช่ประเภทมนุษย์สัมพันธ์กว้างขวางอย่างจองมินนี่

     

    เอ่อ..ฮยองจุนบ้านนายอยู่ไหนน่ะ  ฮยอนจุงว่าพลางถอดแว่นสีชาออกยกขึ้นเช็ดแก้หน้าแตก 
    คนถูกถามยิ้มร่าบอกที่อยู่เสร็จสรรพก็หันไปเม้าส์กับจองมินต่อ

     

    พี่ฉันน่ะหรออัจฉริยะของรุ่น...จริงๆมันก็ติงต๊องน่ะล่ะ  เรื่องนินทาไม่ต้องกลัวว่าจะไม่หลุดมาจากปากปาร์คจองมิน  
    เคยด่าแล้วแต่มันไม่เคยจำไม่อยากหงุดหงิดก็มีแต่การนอนเท่านั้นที่จะพาให้หลุดพ้น
    .......................
    zzzz.................
    .........zz..........................



    เฮ้!พี่   พี่โว้ย=[]=”

     

    งืม...อาราย...- -คนขี้เซางัวเงียตอบอย่างไม่สบอารมณ์  
    ปกติตื่นยากตื่นเย็น แต่ถ้าความรำคาญมากล้ำกลายก็คงทนไม่ได้สักเท่าไร

     

    ถึงบ้านฮยองจุนแล้ว..มารยาทบอกลาอ่ะมีมั้ย?

     

    ถึงแล้วงายยยย-*-”  จองมินมองญาติผู้พี่แล้วส่ายหน้าอย่างระอา...นี่ถ้าสาวๆเห็นสภาพไอ้หล่อนี่คงสนุกพิลึกมันหน้าจับถ่ายรูปแบล็คเมลล์ไว้ซะจริง  แต่สำหรับอีกคนมันดูแปลกตาเหลือเกินเมื่อเห็นอดีตรุ่นพี่ร่วมโรงเรียน  สุดป๊อบในคราบเด็กขี้เซา

     

    ฮิฮิ..พี่เค้ากำลังหลับสบาย..แค่มาส่งก็พอแล้วล่ะ..^-^”

     

    งั้นโชคดีนะ

     

    อื้ม...พี่ฮยอนจุงบ๊ายบาย^o^”  ถึงจะไม่อยากตื่นก็เหอะ  แต่เมื่อเปลือกตามันเปิดน้อยๆก็อดโบกมือส่งๆไปไม่ได้  
    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้มแก้มแดงโบกมือหยอยๆส่งให้ ไม่ต่างจากตุ๊กตามาสคอทหน้าร้านขายขนม 

     

    นี่ถ้าตื่นแล้วก็ไม่ต้องนอนอีกนะ..จะถึงบ้านแล้วไม่ว่าเปล่าใช้ขาเขี่ยสะกิดญาติผู้พี่ไม่ให้จมลงสู่นิทราอีกรอบ

     

    รู้แล้วหน้า  มือใหญ่จัดแจงตัวเองให้ดูถูมิฐานขณะรถลีมูชีนและรถติดตามแล่นเข้าเขตรั้วเหล็กผ่านสวนกว้างเต็มไปด้วยไม้ยืนต้นที่คุ้นเคย  ผ่านน้ำพุที่คาดว่าท่านเจ้าของบ้านคงจัดแจงให้ต่อเติมขณะหลานรักทั้งสองไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ  
    ทันทีที่รถใหญ่จอดเทียบท่าสองหนุ่มก็ลงรถตัวปลิวมุ่งสู่ห้องโถงของบ้าน
    ที่มีชายชรากับแมวเปอร์เซียปุกปุยสีขาวคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

     

    คุณปู่/คุณตา  
    การทักทายกึ่งพิธีการของหลานชายทั้งสอง ทำให้ใบหน้ายับย่นตามกาลเวลาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม

     

    ขึ้นเครื่องมาเหนื่อยๆก็นั่งซะสิ

     

    อยู่ทางนี้สบายดีนะครับ^^”  หลานคนขี้ประจบยิงคำถามก่อนที่ผู้สูงวัยกว่าจะไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ  

     

    สบายสิ...เรากับฮยอนจุงไม่อยู่ แต่คยูจงเขาก็ช่วยงานได้เยอะ” 
    คยูจง...ชื่อที่ทำให้อีกสองคนยิ้มกว้าง  ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ  แม้จะเป็นแค่ลูกชายของคนสนิทแต่ก็ถูกชุบเลี้ยงมาด้วยกัน  
    ต้องขอบคุณคยูจงเสียอีกที่ช่วยงานทางนี้ ทั้งสองคนจึงมีโอกาสได้สานฝันทางด้านดนตรีของตนเอง

    พูดถึงคยูจง...หมอนั่นยังโหมงานอยู่อีกหรอครับ 
    ฮยอนจุงพูดพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดที่หนึ่งและสองออกอย่างผ่อนคลาย

     

    ใช้ไม่ได้เลย..เพื่อนกลับมาทั้งที.........แล้วเจ้าเหมียวนี่คุณตาซื้อมาแก้เหงาหรอครับ  
    จองมินถามพลางถือวิสาสะจับเจ้าเหมียวขนปุยท่าทางเริ่ด เชิด หยิ่งมาวางไว้บนตัก

     

    ไม่ใช่หรอก..อีกอย่างตาก็ไม่ได้เหงา

     


    งั้นของใคร? 

     



    ของฉันเองล่ะ^u^”  ร่างบางในชุดลำลองสีอ่อนเดินลงมาจากชั้นบน  เรียกให้สองหนุ่มหันไปมอง  

    ดวงหน้าคุ้นเคยมอบรอยยิ้มให้เพื่อนในวัยเยาว์ส่งผลให้นัยน์ตาเรียวรีหยักเป็นเส้นคล้ายประจันทร์เสี้ยว  
    แก้มป่องๆ กับผิวค่อนข้างซีดไม่ต่างจากสมัยก่อนนัก

     

    ของนายสินะยองแซง ฮอยนจุงยิ้มขณะรับเจ้าเหมียวจอมคลอเคลียจากจองมินแล้วส่งคืนให้ยองแซงรับไว้ในอ้อมกอด

     

    พวกนายนี่แย่จริงๆ กลับมาทั้งทีบอกแต่คุณปู่

     

    แหมยองแซงกี้ใจน้อยจริงๆเลยน๊า

    ใครใจน้อยฮะจองมิน!..  
    หันไปค้อนเล็กๆ  แล้วหันไปคุยกับอีกคน
    ได้ข่าวว่าไปโชว์เพลงใหม่ที่เวียนนา...เล่นให้ฟังมั่งได้มั้ยฮยอนจุง

     


    เอาสิ  คำตอบทำอีกคนยิ้มกว้างอย่างง่ายดาย

    แต่ไม่ใช่ตอนนี้อ่ะ..อยากพักผ่อนมากกว่า..ไว้ก่อนแล้วกันนะประโยคถัดมาก็ทำให้ยิ้มหุบได้ไวพอกัน

     


    ก็ได้แต่สัญญาแล้วนะ  พูดจบก็ทิ้งร่างลงข้างๆคุณปู่ตระกูลคิม  แม้จะไม่ใช่หลานโดยสายเลือด 
    แต่เขาก็วิ่งเล่นมาในบ้านหลังนี้มาแต่เด็ก  เรียกได้ว่าทั้งขี้อ้อนและเอาใจกว่าหลานๆแท้ๆด้วยซ้ำ

    พวกแกไม่อยู่ยองแซงเค้ามาอยู่เป็นเพื่อนทุกวันน่ะล่ะ..อยู่กับคนแก่ยังกลัวเค้าเบื่อเลย

     

    ไม่นะฮะ...ยองแซงมาที่นี่แล้วสนุก...พ่อแม่ไม่เคยอยู่ติดบ้าน..เหลือแต่บ้านโล่งๆ..ยองแซงชอบมาบ้านนี้ 
    คำตอบช่างเอาใจสมแล้วที่เป็นเด็กขี้อ้อนอย่างยองแซง ชายชราลูบหัวเด็กขี้อ้อนเบาๆ ก่อนนึกอะไรขึ้นได้

     


    เออจริงสิ...ปอเช่กับบีเอ็มเปิดประทุนสองคันนั้นไปตกลงกันเองล่ะ  กุญแจรถล่อตะเข้ถูกวางอย่างบรรจงบนโต๊ะ  
    ฮยอนจุงและจองมินจ้องหน้าเป็นอันตกลงกันก็คว้ากุญแจรถตัวเอง พาสังขารที่ว่าเหน็ดเหนื่อยนักหนาลงบันไดบ้านไปชื่นชมยานพาหนะส่วนตัวทันที

     

    แจ่มว่ะพี่*0*”  จองมินพูดพลางลูบพวงมาลัยใหม่เอี่ยมอ่องไปมา

     

    เออดิ่...หน้าเอาไปซิ่งเดี๋ยวนี้เลย...ปู่ครับ..เดี๋ยวผมมา  แล้วคนเห่อของก็สตาร์ทเครื่องเปิดซิงพารถคันงามแล่นฉิวไปอย่างร่าเริงเหมือนเด็กได้ขนม...เรื่องพักผ่อนอะไรนั่นไว้ที่หลังแล้วกัน

     

    อ้าวฮยอนจุง!?ประสบจังหวะขับสวนกับคยูจงที่เลิกงานขับรถกลับบ้านมาพอดี

     

    ไงเพื่อน..คุยกันเย็นนี้นะ

     

    คุณปู่....จองมิน ร่างสูงกล่าวทักทายเจ้าบ้านและเพื่อนซี๊ที่ไม่เห็นหน้ากันมาเป็นปีๆ  ไฟแรงอะไรของเขานะ 

    ไม่วายหันไปออกความเห็นถึงคนที่บึ่งบีเอ็มสีเงินออกไปเมื่อสักครู่  แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อไม่เห็นหน้าแขกประจำ

     

    ยองแซงอ่ะ?

     

    ไม่รู้ดิ่..เมื่อกี๊ยังเห็นอยู่เลย  จองมินตอบแล้วหันไปชื่นชมปอเช่สีแดงของตัวเองด้วยสายตาลุกวาว 
    คยูจงจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในตัวบ้าน พบกับใบหน้าหน้าคุ้นเคยงอง้ำนั่งอยู่ที่ตีนบันได
    กับเจ้าเปอร์เซียตัวโปรดคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

     



    ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ

     


    .........

     



    ยองแซง..”

     


    ฉันน่าเบื่อมั้ยคยูจง?ริมฝีปากอิ่มขยับแผ่วเบาเมื่อถูกเรียกเป็นครั้งที่สอง

     

    นายโอเคมั้ย? นัยนต์ตาสีเทาฉายแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัดแค่เพียงร่างบางจะหันไปสบประสานแต่ก็ไม่

     

    นายตอบฉันก่อน  เสียงหวานที่ติดจะสั่นน้อยๆนั่นไม่ใช่นิมิตหมายที่ดีเลย เส้นผมสีดำขลับยาวเคลียป่าปกปิดดวงหน้าซ่อนนัยน์ตาที่สั่นคลอน  ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงข้างๆร่างเล็กเหมือนทุกๆครั้ง 

     

    ไม่!นายไม่หน้าเบื่อสักนิด...ทีนี้บอกได้รึยังว่านายเป็นอะไร 

     

    ฮยอนจุง..เค้าไม่คิดยังงั้นนี่  
    ฮยอนจุง....ทุกครั้งที่ร่างบางออกอาการแบบนี้ก็มีต้นเหตุเพียงหนึ่งเดียว คยูจงรู้สึกโง่เหลือเกินที่ไปถามคนตรงหน้าว่าเป็นอะไร 

     

    ฉันแค่อยากฟังเปียโนแค่เพลงเดียว...เค้าบอกว่าเค้าเหนื่อย..นั่นไม่เป็นไร 
    ใบหน้าหวานเงยขึ้นทว่าไม่ได้มองไปที่ไหน  มีเพียงสายตาว่างเปล่าที่ค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง

     

    แต่พอคุณปู่ให้รถเค้า...เค้าก็ดีใจมาก..อย่างที่นายเห็นน่ะล่ะ..คงออกไปขับรถเล่นสบายใจแล้วล่ะ  
    ประโยคสุดท้ายเอ่ยมาพร้อมรอยยิ้มขื่นๆส่งให้คนที่ตั้งใจฟัง 
    นี่ฉันไม่หน้าจะพูดเรื่องนี้เลย..ขอโทษนะฉันไม่อยากให้นายต้องมาเบื่อด้วย..”

     

    ไม่หรอก...เรื่องที่นายพูดฉันไม่เบื่อเลย...  ร่างสูงยิ้มบางๆ แต่คำพูดทุกคำล้วนหนักแน่นและจริงใจ..
    ถ้าเพียงยองแซงจะเข้าใจความหมายของมัน

     

    ขอบใจนะนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด  วงแขนบางยกขึ้นโอบคนตัวโตไว้หลวมๆ 

    คยูจงรับอ้อมกอดนั้นอย่างเต็มใจแม้ทุกคำพูดเหมือนจะตอกย้ำในจุดยืนที่เขาฝืนรับมาตลอดก็ตาม..

     

    ---------------------------------------------------------------------------to be continue
    กว่าจะอัพตอนนี้ได้งงมากเลย...ก๊อบข้อความมาลงสับบรรทัดกันหมด
    สำเร็จซะที~~~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×