คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : chapter9:Jealously
ออฟฟิสที่สงบเงียบเบื้องหลังศูนย์การค้าใจกลางกรุงโซล แม้จะมีทางเชื่อมเฉพาะสำหรับพนักงาน
แต่บรรยากาศกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง
ศูนย์การค้า..ที่เต็มไปด้วยผู้คน บ้างเป็นครอบครัว บางเป็นกลุ่มเพื่อน บ้างก็เป็นคนรัก
ล้วนแสวงหาความสุขและบันเทิงจากที่นั่น
สำนักงานของเหล่ามนุษย์เงินเดือน..ไม่ใช่ที่สถานที่อภิรมย์สำหรับชายหนุ่มนักบริหารคนเก่งสักเท่าไหร่
เว้นอยู่กรณี...ถ้าจมอยู่กับกองเอกสารพวกนี้แล้วได้เหลือบมองคนแก้มยุ้ยคร่ำเคร่งกับงานของตัวเอง
คยูจงก็ไม่ปฏิเสธหากแฟ้มงานชวนปวดหัวนี่จะมาอีกสักกี่ตั้ง
..แค่เหลือช่องเล็กๆไว้สักหน่อย
ให้นัยต์ตาสีเทามีโอกาสชำเลืองมอง “กำลังใจ” เป็นพอ
โป๊ก!
“โอ๊ย!” มือใหญ่ลูบหน้าผากตัวเองหลังถูก “กำลังใจ”ประทุษร้ายไปหมาดๆ
แท่งพลาสติกทับกระดาษลายโบโนโบโน่แผลงฤทธิ์รุนแรงพอๆกับความแม่นยำของคนปา
“เหม่ออย่างนั้นงานจะเสร็จมั้ย?” ร่างบางโต๊ะข้างๆพูดเสียงเรียบ
ก้มหน้าก้มตาเก็บรายละเอียดตรวจงานโฆษณาชิ้นเมื่อวานต่อ หลังเหล่มองผลงานลูกกะปูดบนหน้าผากของคยูจง
“ไม่ได้เหม่อนะยองแซง”
“ยังจะแก้ตัวอีกหรอ..ฉันมาทำงานในนี้นายเสียสมาธิรึปล่าว?...จริงๆให้ไปนั่งออฟฟิสข้างนอกก็ดีนะ”
เมือเรียวหมุนปากกาเล่น..เปิดบทสนทนาง่ายๆทว่าโหดร้ายกับอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่ๆ จะอยู่ทำไมข้างนอก..นายชอบที่เงียบๆนี่จะได้มีสมาธิไง”
“ก็ไม่นะ..เห็นเลขานายกับโอเบอร์เรเตอร์ข้างนอกเม้าท์กันสนุกดี..ครึกครื้นจะตายไป” ริมฝีปากแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
...คยูจงนี่ก็แปลกคน หมกตัวอยู่ในห้องทึบๆจนชินสินะ...
หันไปอีกทีร่างบางก็แทบสะกดกลั้นอารมณ์ขันไว้ไม่อยู่
นัยนต์ตาคมสีเทากระพริบปริบๆ มองละห้อยอย่างหน้าสงสาร
เหมือนเด็กน้อยที่ถูกทิ้งให้เฝ้าบ้านคนเดียว..แถมแว่นสายตาก็ไม่ได้ใส่แล้วยิ่งดูเด็กขึ้นเป็นกอง
จะว่าไปคยูจงก็เด็กกว่าเขา3-4เดือนจริงๆนี่นา
“ยองแซงงงง” เสียงยานคางแบบเรียกร้องความสนใจดูขัดกับคนตัวโตในชุดสูทพิลึก
มือขาวซีดจึงยกขึ้นปรามอย่างยอมแพ้
“เอาล่ะๆฉันรู้ว่านายเหงา..จะอยู่เป็นเพื่อนก็ได้^^”
ก๊อกๆ
พลันเสียงเคาะประตูดังเป็นสัญญาณให้สองคนในห้องทำงานอยู่ในอาการสำรวมอย่างที่ควรจะเป็น
คยูจงปรับท่านั่งให้เข้าที่พร้อมเปิดแฟ้มเล่มบนสุดขึ้นมาดู ตีสีหน้าเครียดชนิดที่ไม่มีใครจับได้
ว่าเมื่อครู..หนุ่มคนนี้กำลังอู้งาน
...จริงๆที่ขรึมก็แค่ทำเนียนน่ะล่ะ...
กับอีกคนที่ยังอมยิ้มกับท่าทางหน้ามือเป็นหลังเท้าอย่างนั้น
“เชิญครับ”
“ฉันไม่ได้มากวนใช่มั้ยคะ?” แขกกิตติมาศักดิ์ผู้ไม่ได้รับเชิญเยื้องย่างไปยังมุมโต๊ะรับแขกอย่างมีอภิสิทธิ์
“คูณหนูชินฮเย...” คยูจงและยองแซงลุกขึ้นยืนโค้งทักทายเป็นมารยาท
“นั่งทำงานไปเถอะค่ะ...ดูยุ่งๆกันอยู่”
ซึ่งยองแซงก็ไม่ขัดอยู่แล้วที่จะละเว้นซึ่งมารยาทหากเจ้าหล่อนจะเป็นฝ่ายไม่ถือซะเอง
ผิดกับคยูจงที่ปลีกตัวจากกองเอกสาร มานั่งสนทนากับคุณหนูตระกูลลีทันที
...ก็เรื่องที่ฮยอนจุงทิ้งคุณเธอไว้คราวที่แล้ว
..ถ้าไม่พอใจขึ้นมาอาจเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้...
“แหมพี่คยูจงยังรักษามารยาทเหมือนเดิมเลยนะคะ” หญิงสาวแย้มรอยยิ้มหวานอย่างมีไมตรี
จงใจกดหนักไปยังคำว่า “มารยาท” โดยเฉพาะ นัยน์ตาเรียวรีของคนมุมห้องเหล่มองเล็กน้อยแบบที่ไม่ให้ชิยฮเยรู้ตัว
“ก็คุณหนูอุตส่าห์มาทั้งที...ทำไมไม่รอที่ห้องรับรองด้านนอกล่ะครับ มีอะไรเรียกผมออกไปคุยจะสะดวกกว่า”
“จริงๆฉันแค่อยากมาปรึกษาเรื่องพี่ฮยอนจุงน่ะค่ะ...และคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนอื่นนั่งอยู่ด้วย”
น้ำเสียงราบเรียบเน้นจริตกำลังรบกวนประสาทการทำงานของคนที่มุมห้องเงียบๆ
เพียงเจ้าของความรู้สึกกลับสงบนิ่งแสร้งเป็นไม่เข้าใจในความหมายแฝงนั้น
“ยองแซงไม่ใช่คนอื่นนะครับ...ออกจะสนิทกับพวกผมมากด้วยซ้ำ”
แม้ร่างสูงยังรู้สึกถึงแรงกดดันนั้นจึงพูดออกไปอย่างบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น
“ตายจริง! ฉันไม่รู้เลยพูดอะไรผิดออกไป..ขอโทษด้วยนะคะ”
มือเรียวยกขึ้นป้องปาก ชม้ายตาไปทางหนุ่มหน้าสวยเล็กน้อยก่อนกล่าวขอโทษอย่างเสียมิได้
“ครับผมไม่ถือ..คุณไม่รู้อะไร..พูดผิดย่อมไม่แปลก” ยองแซงตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ในแบบที่อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าซ้ำรอยเดิมกับที่ฮยอนจุงเคยพูดไว้ครั้งนึง
ต่างที่หนุ่มหน้าสวยคนนี้ไม่ใช่เขาคนนั้น
และถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ถือ...แต่เจ้าหล่อนถือ!
นอกจากหนุ่มหน้าตุ๊กตาคนนั้นยองแซงคนนี้ก็คงเป็นก้างชิ้นหนึ่งของเธอ
ลองถ้าเพื่อนเขาไม่ชอบ...จะให้ผู้ชายมาหลงคงยากสนิท
..เว้นแต่คยูจงจะเข้าถึงง่ายกว่ามาก
“คุณหนูจะปรึกษายังไง..ไปเดินเล่นที่ตัวห้างกันก่อนมั้ยครับ...ในห้องนี่ออกจะรกๆไปสักหน่อย”
คยูจงที่รับรู้ถึงบรรยากาศอึมครึมจึงคิดพาคุณหนูลีไปเดินเที่ยวเป็นการผ่อนคลาย
คงดีกว่าให้นั่งกดดันยองแซงอยู่แบบนี้
...แม้วันนี้เขาอยากอยู่ติดออฟฟิสใจจะขาดก็เถอะ
“ดีเหมือนกันค่ะ..คุณยองแซงจะได้ทำงานสะดวกๆ”
ริมปากสีเลือดนกแย้มพรายอย่างถูกใจในคำตอบ ..คนอย่างคุณหนูลีต้องมีคนมาคอยเอาใจถึงจะถูก
“งั้น..” ร่างสูงหลิ่วตามองคนที่จงใจรัวแป้นพิมพ์โน้ตบุ้คแรงๆ ก่อนพูดต่อ
“รบกวนรอผมด้านหน้าก่อนนะครับ..ขอเวลาจัดกองแฟ้มสักครู่”
“ค่ะ..อ้อ..แล้วเจอกันนะคะคุณยองแซง”
พูดจบหญิงสาวจึงจัดแจงลากส้นสูงเดินตัวปลิวไปรอคยูจงที่ชุดรับแขกด้านหน้าด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ
...เหลือเพียงคนสองคนในออฟฟิสเงียบเชียบเช่นเดิม
“จะไปก็รีบๆไปเถอะ...ถ้าห่วงเรื่องแฟ้มเอกสารพวกนี้เดี๋ยวฉันจัดให้” ร่างบางเอ่ยเรียบ
“ยองแซงฉัน..”
“ยืนทื่ออะไรอยู่ล่ะ!”
“...”
...ก็นายกำลังไล่ฉันอยู่นี่นา...
ผู้บริหารคนเก่งลอบคิดในใจทั้งที่อยากตะโกนออกไปดังๆ
..เขาก็ไม่ได้อยากจะไปนักหรอก
“อืม..ฝากด้วยนะแล้วฉันจะรีบกลับ” เสียงทุ้มพูดเพื่อย้ำจุดยืนของตัวเอง ก่อนสาวเท้าออกจากห้อง
“คยูจง” เสียงเล็กดักขึ้นก่อนอีกฝ่ายจะปิดประตู
“หือ?”
“ซื้อโดนัทมาฝากด้วยก็ดีนะ”
ร่างสูงที่ชะโงกศีรษะเข้ามาครึ่งตัวยิ้มรับคำสั่งนั้น
สิ้นเสียงปิดประตูร่างบางจึงทิ้งตัวลงบนเบาะหนังแล้วทอดถอนใจ
...ยองแซงหนอยองแซง...
นายปล่อยคยูจงไปกับยัยหนูผีนั่นได้ยังไงกัน?
ถึงยัยนั่นจะไม่ได้พิศวาสคยูจงก็เหอะ....
แล้วใครจะไปรู้ล่ะ!?
คิดแล้วหนุ่มหน้าสวยก็หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ตอนแรกไม่ยอมให้เขาออกไปทำงานข้างนอก
จู่ๆก็ออกไปเดินเที่ยวกับแม่สาวร้ายเดียงสา
ไม่หน้าใจกว้างเลย!
...อย่างไรก็ตาม
ลีชินฮเย...เธอคนนี้ไม่เหมาะสมกับเพื่อนเขา...ไม่ว่าจะเป็นคิมฮยอนจุงหรือคิมคยูจง!
ตอนนี้ความรู้สึกของคำว่าเพื่อนคงจะสำคัญกับเขามากว่าสิ่งอื่นกระมัง?
แล้วเพื่อนที่เขารักล่ะ..?
ตอนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้างหนอ
ท่ามกลางแหล่งรวมวัยรุ่นที่เดินจับจ่ายซื้อของ รวมทั้งแสวงหาความบันเทิงของศูนย์การค้าชั้นบนสุด
หนึ่งร่างบางเจ้าของดวงหน้าตุ๊กตากับหนึ่งร่างสูงเจ้าของดวงหน้ารูปสลักกำลังเอร็ดอร่อยกับไอศกรีมโคน
หลังตะลุยเกมเซนเตอร์กันจนแขนล้า
ฮยอนจุงเหลือบมองเจ้าของแก้มแดงอย่างเพลินสายตา
มองกี่ครั้งก็เหมือนเด็ก!...ไม่นึกแปลกใจเลยที่คิมคิบอมคนน้องจะเป็นการเป็นงานเสียมากกว่า
ไม่รู้เจ้าตัวจะลืมไปหรือเปล่าว่าน้องนอนป่วยอยู่บ้าน
นี่คงวางใจจองมินมากอยู่เหมือนกัน
....ไม่รู้จะอยู่กันรอดมั้ย= =
“พี่ฮยอนจุง...ผมมีเรื่องจะปรึกษา”
ร่างสูงเลิกคิ้ว...อย่างเขานี่น่าเชื่อถือขนาดปรึกษาได้ด้วยหรอเนี่ย?
“ว่ามาเลย”
“ผมอยากหางานทำ” แล้วคิ้วหนาก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน
...หางานทำ?
คิดพลางทบทวนคุณสมบัติของรุ่นน้องตาใสที่กำลังละเลียดไอศกรีมอย่างหน้าเอ็นดู
...จะทำอะไรเป็นมั้งล่ะเนี่ย-*-
ตาโตคู่นั้นกำลังมองเขาอย่างมีความหวัง ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมีสีหน้าลำบากใจ
หรือจะจริงของคิบอม...
เขาคงไร้ความสามารถจะพึ่งพาตัวเองได้จริงๆ
“ฮยองจุน อยากทำงานกับพี่มั้ย?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น หลังหาทางออกได้เรียบร้อย
“ได้หรอฮะ0.0”
“สนใจล่ะสิ..งั้นมาทางนี้เลย” พูดจบก็จัดการกับปลายโคนวัฟเฟิลกรอบชิ้นสุดท้าย
แล้วถืออภิสิทธิ์จูงคนข้างตัวเข้าร้านขายสัตว์เลี้ยงที่ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่เบื้องหน้านานสองนาน
ฮยองจุนผู้ถูกลากมายืนท่ามกลางเหล่ากระต่ายน้อยหลายสายพันธุ์หันไปมองฮยอนจุงอย่างสงสัย
ร่างสูงพยักหน้าเหมือนต้องการจะให้เขาพิจารณะเจ้าปุกปุยหูยาวพวกนี้ทุกๆตัว
มีทั้งกระต่ายตัวโตกว่าลูกหมาอย่างพันธุ์ใจแอนท์ที่หน้ากอดรัดฟัดเหวี่ยง
กระต่ายพันธุ์เท็ดดี้แบร์ตัวเล็กแต่ขนฟู บางตัวพอเห็นเจ้าของนัยน์ตาสีอ่อนมองเข้าหน่อย
ก็กระโดดจากหลังเพื่อนมาอวดความน่ารักอย่างไม่ยอมกัน
“ชอบตัวไหนบอกได้เลยนะ” ร่างบางหันไปตามเสียง
เห็นร่างสูงยืนล้วงกระเป๋าพิงตัวอยู่กับผนังด้านหนึ่งด้วยท่าทีสบายๆ
“ก็น่ารักทุกตัวเลย...ว่าแต่ทำไมถึงพาเข้าร้านขายสัตว์เลี้ยงล่ะฮะ”
ริมฝีปากได้รูปขยับยิ้มในคำถามนั้นเล็กน้อย
“เลือกมาสักตัวก่อนแล้วพี่จะบอก”
“...จะเลือกยังไงล่ะก็น่ารักทุกตัวนี่นา” ฮยองจุนทำปากจู๋ใส่แผ่นหลังกว้าง ไอศกรีมคำสุดท้ายถูกกลืนลงไปแล้ว
คนตัวโตไปยืนรอที่เคาท์เตอร์แต่ทิ้งการตัดสินใจที่แสนยากลำบากนี้ให้กับเขา
..ถ้าจะให้เขาเลือกกระต่ายให้ บอกไปเลยดีมั้ยนะว่าเอาทุกตัว
...ยังไงขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วงอยู่แล้วนี่-*-..
พลันนัยน์ตาสีอ่อนสบเข้ากับตาใสแวววาว ขนสีน้ำตาลปุกปุยผนวกกับรูปร่างกำลังน่ากอดน่าฟัด
น่าขันตรงที่เจ้าหัวโตกำลังเอาหัวโหม่งกรงกระจกทักทายเขา
ถึงจะดูเพี้ยนๆเอ๋อๆแต่ก็น่ารักดีแฮะ^^
“ตัวนี้แล้วกันฮะ" พูดพลางชี้ระบุเป้าหมายที่ยังโหม่งกระจกไม่เลิก..แสดงความจำนงอยากถูกซื้อเต็มที่
“ดีงั้นนายไปรอหน้าร้านเลย”
“แล้วงานที่ให้ผมทำ?” รางบางเดินเข้ามาย้อนคุยถึงเรื่องเก่าทันที
เมื่อฮยอนจุงมาพร้อมเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน
และพนักงานในร้านกำลังกระวีกระวาดหอบบ้านกระต่าย อาหาร ของใช้จำเป็นและของเล่นใส่รถเข็น
คาดว่าจะต้องนำไปส่งที่รถบีเอ็มคันเก่งเป็นแน่
"ก็นี่ไงงานนาย" ร่างสูงตอบหน้าตาย
“!!!” คำตอบแทบทำกระต่ายน้อยในร่างคนล้มทั้งยืน...
...นี่ตระหนักในศักยภาพของเขาขนาดนั้นเชียว-*-
“หัวใจเอ้ย!กระต่ายของพี่ดูแลให้ดีๆล่ะ” มือหนาบรรจงยื่นเจ้าตัวเล็กให้วงแขนบางรับไว้
“ไม่ตลกนะฮะ” ถึงฮยองจุนจะรับมาก็ไม่วายพองแก้มใส่จอมเผด็จการน้อย
“พี่ก็ไม่ได้ขำนี่....พี่จะจ้างนายเลี้ยงกระต่ายต่างหาก”
“แล้วทำไมพี่ไม่เลี้ยงเอง?”
“พี่อยากมีกระต่ายแต่พี่ซื้อหมามาเลี้ยงแล้วกลัวมันกัดกระต่ายนี่นา...ยังไงนายก็อยู่บ้านเฉยๆฝากเลี้ยงไว้หน่อยนะ..
ค่าใช้จ่ายของเจ้านี่เดี๋ยวพี่ออกให้ แล้วค่าจ้างของนายก็คือเงินค่าขนมเล็กๆน้อยๆไม่สนใจหรอ?”
“แต่งานมันเบาไป...ดูแลแค่กระต่าย..” ฮยองจุนแย้ง
“งั้นสนใจจะดูแลเจ้าของด้วยมั้ยล่ะ”
“พี่อ้ะ!” ใบหน้าขาวร้อนฉ่าโดยอัตโนมัติ มือขาวตีไหล่คนตัวสูงดังตุ้บตั้บ
...ไม่เกรงจงเกรงใจมันแล้ว>//<..
“มือหนักนะเนี่ย”
จริงๆฝ่ามือขาวนั่นก็ไม่ทำให้ระคายเคืองได้มากว่าแสบๆคันๆนิดหน่อย
...รู้แต่เห็นอาการแบบนี้แล้วตัดใจไม่แกล้งยากชะมัด- -
“เอาล่ะๆพี่ไม่ล้อเล่นก็ได้...เอาเป็นว่าถ้านายไม่รับเลี้ยงมันพี่จะเอาไปคืน”
ขี้โกง!
เสียงเล็กร้องก้องในใจฮยองจุน
คนตัวโตจงใจพาเขาเข้าร้าน...จนถูกใจเจ้าตาแป๋วนี่
ซื้อออกมา...ส่งให้อุ้มให้เล่น
...แล้วมาขู่ว่าจะเอากลับไปคืนถ้าไม่รับเลี้ยง..เอาไงดีล่ะฮยองจุน?
“ว่าไง?^^++”
“ตกลงๆ ผมเลี้ยงก็ได้..” เจอทั้งคำพูดกดดันของคนกับตาแป๋วๆของกระต่าย
งานนี้คิมฮยองจุนขอยอมแพ้...ว่าแต่
อะไรจะเป็นปี่เป็นขลุ่ยเป็นใจกันได้ทั้งกระต่ายทั้งเจ้านายขนาดนี้
เอาเถอะไว้เขาเอาไปเลี้ยง..จะขัดเกลาให้อย่างดีเลย
“นี่ไม่ได้งอนใช่มะ?” ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ดวงหน้าขาวที่ทำเมินเขาเกือบจะจริงจัง
ติดตรงที่กระต่ายในอ้อมกอดไม่ค่อยอยู่สุขสักเท่าไร
“นิดหน่อย”
ตอบออกไปตรงๆเพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำให้ปากไม่ตรงกับใจ
...พี่ฮยอนจุง...จงใจให้เงินเขาใช้แต่คิดวิธีให้ที่สร้างสรรค์กว่านี้ไม่ออกต่างหาก....
มันหน้าหงุดหงิดแต่จะโกรธร่างสูงฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก
ในเมื่อคิดจริงๆแล้วแทบจะนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะไปทำงานอะไร
คุณชายคิมมองคนอารมณ์บูดแล้วยังกระเซ้าต่อ
“แล้วต้องง้อมั้ยอ่ะ..เล่นดนตรีเดี๋ยวจะซ้ำ..งั้นคราวนี้พี่ลงทุนคุกเข่าเลยดีกว่าเนอะ”
พูดไม่พอเข่าซ้ายชักลงเข่าขวาตั้งท่าจะย่อตาม
“บ้า!ไม่ต้องแล้ว>3<” คนถูกง้อเลยยกโทษให้ทั้งไม่ต้องเปลืองแรง
เดินนำลิ่วฝ่าฝูงชนก่อนตกเป็นเป้าสายตาหนักกว่าเก่า ร่างสูงที่เก็บความขำไว้ไม่อยู่จึงรีบจ้ำอ้าวตามหลังไป
ขำไปเถอะ..วันหลังจะให้ไปง้ออย่างนี้กลางสี่แยกไฟแดง!
ภาพร่างบางกับกระต่ายน้อยในอ้อมแขนมีคุณชายสุดหล่อเดินเคียงคอยหยอกล้อ
กำลังฉายสู่จอรับภาพของหนุ่มสาวในร้านกาแฟริมกระจก
เล็บยาวจิกลงบนเนื้อกระโปรงของตนอย่างอัดอั้น พยายามข่มความรู้สึกริษยาทั้งหมดที่มี
เว้นแต่อาการเหล่านี้ไม่อาจปกปิดสายตามุ่งร้ายที่ฉายกร้าวในดวงตาที่มักหยาดเยิ้มคู่นั้น
ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามนึกด่าตัวเองในใจที่พาเจ้าหล่อนมาเห็นภาพบาดตาเช่นนี้
จะกังวลแทนเพื่อนก็ปล่าวดาย...
ไม่ว่าชินฮเยจะสวยหยาดฟ้ามาจะเกิดแค่ไหน
ถ้าทำให้ชายคนนึงมีความรู้สึกอึดอัดได้ขนาดนี้ละก็...เรื่องกุมหัวใจฮยอนจุงน่ะหรือ?
นอนฝันเอายังง่ายเสียกว่า
--- ---- ---sorry I'm late again --- --- ---
มาอัพแล้ว...อาทิตย์นี้ไม่ค่อยมีเวลาเลย...คิดว่าวันเสาร์อาทิตย์นี้คงเอามาลงอีกสักตอนอ่ะค่ะถ้าเป็นไปได้
ตอนนี้ถ้าคำผิดมากก็อย่าว่ากันเน้...รักคนอ่านและคนเม้นทุกคนเสมอนะคะ^^
ความคิดเห็น