คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ชายแปลกหน้าและคำพูดปริศนา
เพราะชีวิต ยี่สิบ ปี ที่ผ่านมาของฉัน ฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน วันนี้ฉันเลยรู้สึกเหนื่อย และเพลียมากที่สุดเลยก็ว่าได้ แม้ว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีแล้ว และฉันไม่ได้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงแย่งแฟนชาวบ้าน แต่ใจฉันก็ยังคงเต้นแรง หน้าที่ยังคงชาจากการถูกด่า สายตาหลายร้อยคู่ที่มองมาที่ฉันตอนนั้น ฉันยังคงรู้สึกถึงมันได้ดี ฉันนั่งเอาขาพาดที่ ที่เท้าแขนของโซฟาสีฟ้าตัวใหญ่ ที่ตั้งอยู่กลางห้องสีเหลืองส้ม ในห้องนอนของฉันเอง ฉันนั่งอยู่ท่าเดิมมาชั่วโมงหนึ่งได้แล้ว ฉันมักจะนั่งท่านี้ทุกครั้งที่มีเรื่องให้คิด จากโซฟากลางห้องตัวนี้ ที่ที่ทำให้ฉันสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ ท้องฟ้าอันน้อยนิด การอยู่ใจกลางเมืองก็ต้องเป็นแบบนี้ วิวส่วนใหญ่ที่ได้เห็นมักจะเป็นตึกสูงระฟ้า ซึ่งไม่เหมาะกับอารมณ์เครียดๆของฉันตอนนี้เลย แต่ไม่ว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียน จะช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญความจริงอยู่ดี
"พี่ซาย รับโทรศัพท์สิ" เสียงน้องชายของฉันปลุกฉันกลับเข้าสู่โลกของความจริง และนั่นทำให้ฉันเพิ่งรู้สึกได้ว่าโทรศัพท์บ้านข้างตัวของฉันคงดังอยู่นานแล้ว
"ฮาโหล"
"ซายเหรอ"
"อืม ว่าไง ใบแก้ว"
"เป็นไงบ้างแก ดีขึ้นรึยัง"
"ก็ดีอ่ะแก เราก็พยายามที่จะไม่นึกถึงมันนะ แต่เราไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน จะห้าไม่ให้คิดก็ไม่ได้ ตอนนี้คนที่มหาวิทยาลัยคงพูดถึงเรื่องของเรากันให้ทั่ว"
"แกไม่ต้องคิดมาก ไม่มีใครว่าแกไม่ดีหรอก ใครๆก็เห็นทั้งนั้นว่ายัยนั้นยกมือขอโทษแก ไม่มีใครเข้าใจแกผิดหรอก อีกอย่างนะแกยังมีพวกเรา พวกเราที่รู้ว่าแกเป็นคนยังไง"
"ขอบคุณนะใบแก้ว ขอบคุณที่เป็นห่วง และเข้าใจ สัญญาเลยว่า พรุ่งนี้จะไปเรียน ใบแก้ว พรุ่งนี้คุยกันใหม่ที่มหาวิทยาลัยได้ไหม เราเหนื่อยมากเลยอยากนอนแล้ว ขอโทษทีนะ"
"ได้ๆ พักผ่อนเยอะๆนะจ๊ะ มาเรียนด้วยนะ บายๆ"
หวังว่าใบแก้วคงเข้าใจฉันนะว่า ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครจริงๆ ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดจริงๆ
ฉันควรที่จะไปอาบน้ำได้แล้ว มั้ง เพราะถ้ายังนั่งอยู่ตรงนี้ อีกเดี๋ยวก็คงต้องได้รับโทรศัพท์อีก นี่ขนาดให้พี่เลี้ยงช่วยโกหกไปตั้งหลายสายว่าฉันหลับอยู่ ก็ยังมีหลุดมาให้รับอยู่บ้าง
กริ๊งๆ กริ๊งๆ โอ๊ยอะไรกันนี่
"ซายรับโทรศัพท์หน่อย พายโทรมา"
"อืม" ฉันตอบรับเสียงตะโกนของแม่ ที่ว่าให้รับสายใยพาย เพื่อนซี้ปึกของฉันตั้งแต่ ม.1 และเป็นเพื่อนไอเฟรมด้วย ไม่ต้องให้ฉันคิดมากนักก็รู้ว่า ไอเฟรมต้องสั่งให้พายโทรศัพท์มาคุยให้แน่นอน
"ฮาโหล"
"ซาย แก เป็นไงบ้าง"
"ฉันคงไม่ต้องทายหรอกมั้ง ว่าแกรู้ข่าวมาจากใคร" ฉันถามน้ำเสียงเรียบๆ
"ฉันจะรู้จากใครได้หล่ะ ถ้าไม่รู้จากเจ้าของปัญหา แล้วแกเป็นอะไรรึเปล่ามันทำร้ายอะไรแกรึเปล่า ไหนเล่ามาซิว่าเรื่องเป็นมายังไง"
"เราโดนตบหน้า และนี่คือเหตุผลที่เรา ไม่อยากจะคุยกับเฟรมอีก" เสียงของฉันสั่นนิด น้ำตามันพานจะไหล อาจเป็นเพราะฉันกำลังคุยอยู่กับคนที่รู้จักฉันดีที่สุด เข้าใจอารมณ์ของฉันมากกว่าใครๆ ฉันอยากจะระบายความในใจทั้งหมด ความรู้สึกต่อเหตุการณ์วันนี้ ความรู้สึกของฉันจริงๆ ความรู้สึกกลัว อาย ที่ฉันไม่เปิดเผยออกมา
"เฮ้ย จริงดิ๋"
"เฟรมเล่าไม่ครบหล่ะสิ"
"อืม แล้วหน้าของแกเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นรึยัง พ่อแม่แกเห็นรึป่าว"
"ดีขึ้นแล้วหล่ะ เราไปนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟแถวมหาวิทยาลัย รอให้หน้าที่เป็นรอยมือจางลง แล้วค่อยกลับบ้าน พายจ๋า ขอโทษทีนะ แต่วันนี้ซายเหนื่อยมากเลย ซายอยากจะนอนแล้ว พรุ่งนี้พายค่อยโทรกลับมาหาซายใหม่นะ"
"อ๋อ อืมได้สิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันโทรหาแกใหม่นะ แกไม่ต้องเครียดนะ ฉันเป็นห่วงนะ"
"ขอบคุณนะ พาย และก็ขอโทษด้วย ไว้พรุ่งนี้พายโทรมาละกัน"
ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อย ที่ตัดบทกับพายไปอย่างนั้น แต่จะให้ทำอย่างไรหล่ะ วันนี้ฉันเพลียจริงๆ แต่ฉันก็มั่นใจว่าเพื่อนรักเพื่อนสนิทของฉันคนเดียวคนนี้ จะต้องเข้าใจ และไม่โกรธที่ฉันยังไม่อยากเล่าอะไรให้ฟัง และพายก็คงรู้ว่าไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ฉันก็ต้องบ่นรื่องนี้ให้เธอฟัง เพราะเราสองคนไม่เคยมีความลับต่อกัน คนบางคนอาจสนิทกันเพราะมีนิสัยเหมือนกัน แต่สำหรับฉันและสายพายเราสนิทกัน เพราะเราแชร์นิสัยของเราแต่ละคนเข้าหากันได้อย่างดี
ฉันตื่นขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟัน ทำผมเป็นลอนให้ดูแตกต่างจากเมื่อวาน อำพรางให้คนจำไม่ได้ตั้งแต่ตีห้า ที่ฉันตื่นเร็วขนาดนี้เพราะฉันนอนไม่หลับเลย หลังจากทำผมเสร็จ ฉันก็แต่งหน้าอำพรางดวงตาบวมโตที่เกิดจากการอดหลับอดนอน ตอนนี้ฉันลงมานั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร วันนี้น้องชายของฉันตื่นเร็วกว่าปกติอีกคน ฉันเลยมาถึงมหาวิทยาลัยก่อน 7โมงเช้าด้วยซ้ำ ฉันต้องนั่งรอเรียนวิชาแรกของวันนี้ตั้ง สองชั่วโมง
ปกติฉันจะให้พี่สำเริง ส่งฉันลงหน้าตึกเรียน ตรงนั้นมีเก้าอี้นั่งรอมากมาย แต่เพราะตอนนี้ยังเช้ามาก ไม่มีเพื่อนคนไหนมาถึงแน่นอน ฉันเลยให้พี่สำเริงไปจอดรถหน้าโรงอาหาร อันที่จริงแล้วฉันพยายามเลือกหาที่สถิต ให้ไกลจากสถานที่เกิดเหตุ และให้ดูลับตาคนมากที่สุด
"ซาย เดี๋ยวไปไหนต่อ" ใบตองถามฉันหลังจากเลิกเรียนวิชาสุดท้าย
"คงกลับบ้านเลยหล่ะ"
"โหย อย่าเศร้าไปเลย สดชื่นหน่อย เรื่องมันจบไปแล้วนะ ไปๆ ไปกินไอศกรีมข้างรั้วกัน"
"เราไม่ค่อยมีแรง แต่เลี้ยงเรามั๊ยหล่ะ"
"ไม่ต้องตีหน้าเศร้า กระเซ้ากินฟรี"
"ฮ่าๆๆ รู้ทันได้ไง ไปก็ไป"
"แกๆ ทำไมตรงนั้นผู้ชายเยอะจัง แต่ไม่ใช่ชุดมหาลัยเรานี่"
"นั่นสิ"
"แก น่ารักตั้งหลายคนแหนะ แล้ว แล้ว กำลังเดินเข้ามาหาพวกเราด้วย"
"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเรียนอยู่คณะเสดสาดรึป่าวครับ"
"ใช่ค่ะ"
"คือพอดีผม มาหาเพื่อนครับ อยู่ปีสอง แต่ติดต่อเค้าไม่ได้ เลยจะถามว่า ปีสองเขาชอบนั่งกันตรงไหนอ่ะ"
"พวกเราก็อยู่ปีสองค่ะ ไม่ทราบว่าเพื่อนชื่ออะไร เผื่อพวกเรารู้จัก"
"อ๋อ เพื่อนผม ชื่อซายครับ รู้จักไม่ครับ"
"ซาย ผมยาวๆ ตัวเล็กๆรึเปล่าค่ะ คล้ำๆหน่อย"
"ครับๆ หมวยๆนิดนึง"
"อ๋อซาย ที่เอ่อ เมื่อวานมีเรื่องวุ่นวาย"
"แก หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ขอโทษนะค่ะ เพื่อนฉันเสียมารยาทนิดหน่อย"
"ไม่เป็นไรครับ แล้วตอนนี้ซายอยู่ไหนเหรอครับ"
"คือพวกเราไม่ได้เป็นเพื่อนของซายอ่ะค่ะ แค่รู้จักเค้า แต่โต๊ะตรงนั้นอ่ะค่ะเป็นโต๊ะที่กลุ่มของซายเค้านั่งประจำ"
"อ๋อ ครับ ขอบคุณมากครับ"
"ได้เรื่องว่าไงบ้างไอเฟรม"
"เขาบอกว่าซายชอบนั่งโต๊ะตัวนั้น"
"โห่ ซายมันใหญ่ขนาดมีโต๊ะประจำด้วย"
"ใช่ แล้วก็ดังมากด้วย เพราะเรื่องเมื่อวาน ผู้หญิงสองคนนั้นยังรู้เลย ทำไงดีพวกมึง ซายต้องไม่หายโกรธกูแน่ๆเลย มึงช่วยกูคิดคำพูดขอโทษหน่อยดิ"
"ไม่ทันแล้วหว่ะไอเฟรม ซายเดินมานั่นแล้ว"
"เออ ใช่ด้วยหว่ะ ทำไงดีว่ะ ถ้าซายกูเห็นต้องวิ่งหนีกูแน่นอนเลย"
"งั้นพวกเราหลบก่อนดีกว่า พอซายเดินมาถึงตรงนี้ค่อยเข้าไป ซายจะได้ตั้งตัวหนีไม่ทัน"
"เออ ดีๆ"
"วันนี้อากาศดีเนอะแก ไม่มีแดดเลย"
ฉันพยายามหาเรื่องคุยหลังจากพวกเราเงียบมาตั้งแต่ใยข้าวชวนทานไอศกรีม
"อืมใช่ นี่แก เดี๋ยวฉันจะสั่งเครปญี่ปุ่นราดแยมสตอเบอรรี่ ใส่ไอศกรีมวานิลลาหล่ะ"
"โหย นั่นมันเมนูสุดโปรดของฉันนะ" ฉันท้วงขึ้นทันที เพราะที่ใยข้าวพูดเนี่ยะ มันคือเมนูจานโปรดของฉันเลย
"อ๊ะ ต้องใส่บราวนี่ ด้วยหนิ ไม่งั้นคุณซายไม่อิ่ม"
"ฮ่าๆๆ" ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่ขำ แต่ขำกันทั้งกลุ่ม ขำเพราะใยข้าวรู้เรื่องฉันดีไปหมดซะทุกอย่าง
ระหว่างที่ทุกคนก้มหน้าก้มตาขำและฉันหันหลังไปมองว่าใยนกจะขำอะไรหนักหนา ข้าวก็หยุดเดินและจับมือฉันไว้
"อะไรเหรอข้าว"
ไม่ต้องรอคำตอบจากปากข้าว คำตอบก็ลอยอยู่ข้างหน้าแล้ว ไอเฟรม เจ้าตัวปัญหายืนอยู่หน้าฉันแล้ว และเหมือนไอเฟรมจะรู้ทันว่าฉันจะต้องเดินหนี เฟรมก็คว้าข้อมือ ข้างที่ข้าวจับไว้เมื่อครู่อยู่เสียแล้ว
"ปล่อย" ฉันพูดพร้อมสะบัดมือ แต่ยิ่งสะบัดออกจากมือคนจับเท่าไหร่ มือนั่นก็ยิ่งจับฉันแน่นขึ้น
เมื่อฉันหมดหนทางที่จะสะบัดมือออก ฉันจึงยืนเฉยๆ ให้ไอบ้าเฟรมพูดๆให้จบ จะได้จากๆไปซะที
"ซายเฟรมขอโทษนะ เฟรมรู้ ว่าซายไม่มีทางหายโกรธง่ายๆ แต่เฟรมก็จะง้อจนกว่าซายจะหายโกรธ เฟรมยอมทำทุกอย่างเลยนะ ให้เฟิรสมาขอโทษซายอีกยังได้เลย"
"ซายยกโทษให้"
"จิงอ่ะ หมายถึงไม่โกรธแล้ว"
"ซายไม่ได้โกรธเฟรมอยู่แล้ว"
"ไม่ได้โกรธเลยเหรอ"
"อืมไม่ได้โกรธเลย เฟรมก็ไม่ต้องมาง้อซาย ไม่ต้องมาเจอ เลิกยุ่งเกี่ยวกันจริงๆซะที จะได้ไม่มีปัญหา ได้ยินอย่างนี้แล้วก็กลับไปได้แล้ว"
"อ่าว ไหนบอกไม่โกรธ แล้วไล่กันทำไมอ่ะ"
"ไม่ได้โกรธ แต่ไม่อยากคุยด้วย เข้าใจป่ะ ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากเห็น ไม่อยากรับรู้ว่าในโลกนี้ยังมีเฟรมอยู่
กลับไปได้แล้ว ไม่กลับใช่มั๊ย"เพราะไม่รู้จะพูดยังไงให้คนหน้าด้านอย่างเฟรมไปๆซะที ฉันเลยต้องปลีกตัวเองออกมาเสียเอง
"พวกแกฉันกลับก่อนนะ"
"ซาย"ฉันเดินจ้ำเอาจ้ำเอาไม่สนเสียงของเฟรมที่ดังไล่หลัง
"ซาย หยุดก่อน"
ฉันหยุดทันที แต่ไม่ใช่เพราะคำพูดของเฟรม แต่เป็นเพราะมือของฉันถูกฉุดให้หยุดเดินต่างหาก
"เฟรมไม่อยากอุ้มซายขึ้นรถนะ เพราะมันคงจะทำให้ซายมามหาวิทยาลัย ไม่ได้อีกหลายอาทิตย์ เดินขึ้นรถไปด้วยกันดีๆนะ"
ให้ตายเถอะนี่ฉันกำลังถูกขู่ใช่มั๊ย อะไรกันนักกันหนากับชีวิตของฉันนะ บอกไม่โกดก็น่าจะจบๆไปซะที ถ้าไม่เพราะฉันต้องเรียนที่นี้ต่อไปอีก2ปี ฉันไม่มีทางทำตามใจไอบ้าเฟรมแน่ๆ สาวๆหลายคนๆที่นั่งอยู่ใต้ตึกตอนนี้คงอิจฉาฉันแน่ๆ ที่มีผู้ชายตาคม สูง หล่อ ผมยาวซอยถูกจัดแต่งยุ่งๆเข้ากับกางเกงยีนส์เซอๆสีซีด วิ่งตามและเรียกให้ไปด้วยกัน แต่สำหรับฉันมันไม่น่าพิศวาสเอาซะเลย เฟรมพาฉันเดินผ่านใต้ตึกที่ฉันเรียนทะลุมาถึงที่จอดรถ เฟรมยื่นกุญแจรถให้ผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่ฉันไม่รู้จักมาก่อน ถึงตรงนี้ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่า เฟรมมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ทีเดียว เป็นเพื่อนกลุ่มเก่าของเฟรมเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยม เพื่อนที่ฉันรู้จักทั้งหมด ก็คงมีแต่คนที่เฟรมยื่นกุญแจรถให้ ผู้ชายที่ฉันไม่รู้จัก แต่ฉันก็อยากรู้จักมากๆเลยหล่ะ ก็เพื่อนเฟรมคนนี้ สเปคฉันเลย สูงประมาณ175 ขาวคม ผมเซอๆออกจาทรงเดียวกับไอเฟรม กางเกงดูจะเป็นร้านเดียวกัน แต่รวมๆแล้ว เพื่อนเฟรมหล่อกินขาด
ฉันได้ยินเพื่อนเก่าเรียกทักทายฉัน แต่เพราะฉันกำลังโกรธ คือความจริงฉันกำลังใช้สมาธิในการมองเพื่อนเฟรมที่เดินนำหน้าไปที่รถอยู่ต่างหาก ฉันเลยไม่สนใจ พอถึงรถของเฟรม เฟรมก็เปิดประตูหลังให้ฉันขึ้นไปนั่ง แล้วหันไปบอกเพื่อนที่ขับอีกคันว่าไปทองหล่อ ก่อนจะก้าวเข้ามานั่งข้างฉัน ข้างหน้ามีเพื่อนสุดหล่อของเฟรมขับ ส่วนที่นั่งข้างคนขับเป็นเพื่อนเก่าของเราทั้งสองคนชื่อ ทอป
"ซาย"
"โธ่เอ๊ย ปล่อยมือได้แล้ว รถแล่นเร็วขนาดนี้ ใครจะหนี" แม้น้ำเสียงของฉันจะแสดงอารมณ์โกรธ และดุออกมามากขนาดไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้แขนของไอบ้าเฟรมที่คล้องแขนฉันอยู่คลายออกได้เลย และยิ่งฉันพยายามจะสะบัดออกมาเท่าไหร่ ไอแขนบ้านั่นก็คอยจะเกาะฉันแน่นมากขึ้น
"ซาย" เสียงที่ดังขึ้นมา สงบสงครามเย็นของสองคนเบาะหลังได้เป็นอย่างดี
"คุยกันหน่อยสิ นี่อย่าโกรธไอเฟรมเลย เมื่อวาน ไอเฟรมก็ด่าไอเฟิรสไปหลายชุดเลยนะ แล้ววันนี้มันก็ตั้งใจมาขอโทษซายนะ แต่เพราะมันรู้ ว่าซายโกรธมาก มันเลยลากพวกเรามากันหมด แต่พวกเราก็เป็นห่วงแกนะซาย เราถึงยอมมากับมันไง เพราะฉะนั้นคุยกับมันเหมือนเดิมนะ"
"ขอบคุณนะทอป ที่เป็นห่วง แต่ซายก็ไม่ได้โกรธเฟรม ซายบอกเฟรมไปแล้วด้วย"
"โห ซาย ไม่โกรธดแต่ไม่อยากเจอหน้ากันอีกเลยเนี่ยะนะ" เฟรมรีบพูดแทรกขึ้นมา
"ทำไมหล่ะ ทำอย่างกับว่า ปกติเราเจอหน้ากันทุกวันงั้นแหละ นี่แค่เปลี่ยนจากเจอหน้ากันสองเดือนครั้งเป็นไม่เจอกันเลย แค่นี้ทำเป็นบ่น"
"โห ซาย แต่เราก็ยังได้คุยโทรศัพท์กันนี่ แต่ตอนนี้ซายเล่นจะไม่ติดต่อกันทางไหนเลย จะตัดขาดกันเลย จะให้เฟรมยอมได้ยังไงอ่ะ"
"แต่มันดีสำหรับเรา เฟรมมีแฟนแล้ว แฟนของเฟรมจะได้สบายใจ ส่วนซายจะได้ปลอดภัยจากแฟนและ แฟนคลับของเฟรม"
"แต่เฟรมไม่ต้องการแบบนั้น เฟรมต้องการจะเป็นเหมือนเดิม"
"เฟรมไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองได้ และตอนนี้ซายไม่มีเรื่องที่จะพูดอีกแล้ว ต่อให้ไปถึงร้านที่ทองหล่อ ซายก็ไม่เปลี่ยนความคิด เพราะฉะนั้น ขอโทษนะคะ ช่วยจอดรถหน่อยค่ะ"
"ไอซันนี่ อย่าจอด"
คนนี้ชื่อซันนี่เหรอเนี่ยะ ก๊ากก ชื่อน่ารักเหมาะกับหน้าจริงๆเลย
"นี่ จะเอายังไงกันแน่" ฉันเริ่มโมโหจริงๆเข้าแล้ว
"ก็จะเป็นเหมือนเดิม"
"โอ๊ย ตามใจ อยากทำอะไรก็เชิญ แต่รู้ไว้ด้วยนะ ว่าทุกครั้งที่ เฟรมเข้ามาใกล้ซาย โทรศัพท์หาซาย เฟรมกำลังทำให้ซายเสียใจ" ฉันใช้เวลานี้ดึงแขนของฉันที่ถูกเฟรมคล้องไว้ออกมา
"พนันกันมั๊ยหล่ะ ว่าเฟรม สามารถทำให้ซายยิ้มทุกครั้งที่คุยกัน"
ฉันโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาต่อดี เมื่อไหร่ไอผู้ชายคนนี้จะหายไปจากชีวิตฉันซักที ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวที่สุด
ขอบคุณที่โชคชะตาเข้าข้างฉันซักที รถติดไฟแดงพอดี เอื้ออำนวยให้ฉันลงจากรถได้ ฉันรีบจ้ำๆ พร้อมกับคิดด่าเฟรมในใจตลอดเวลา ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแกคิดยังไงเฟรม แกแค่กลัวว่าฉันจะรักแกน้อยลง แกแค่ทนไม่ได้ถ้าฉันไม่สนใจแก มันก็เหมือนกับทุกครั้งที่แกโทรมา ถ้าฉันบอกว่าไม่อยากคุย แกก็จะอยากคุยกับฉัน แต่พอฉันอยากคุย แกก็จะอิดออด ทำตัวไม่ว่าง ครั้งนี้แกก็จะทำเหมือนครั้งเดิมๆ พอฉันดีด้วยแล้ว แกก็จะหายไป ฉันก็ไม่ชอบการถูกลืมเหมือนกันนะ ไหนๆฉันก็อับอายมากมากแล้วเพราะฉะนั้น ครั้งนี้ฉันจะให้แกเดือดร้อนใจบ้าง
ระหว่างที่ฉันคิดด้วยความคับแค้นใจ ถึงนิสัยเอาแต่ใจของไอเฟรมฉันก็เริ่มเอะใจว่าฉันเดินมาไกลแค่ไหนแล้วเนี่ยะ และฉันกำลังจะไปไหน ระหว่างที่ฉันยืนนิ่งสักครู่คิดทบทวนตัวเองก็มีแทกซี่แล่นมาช่วยชีวิต ฉันรีบโบกให้แทกซี่จอด
"ไปสยามค่ะ"
เมื่อแทกซี่ตอบรับ ฉันกระโดดขึ้นรถทันที แต่ก่อนที่ประตูรถฝั่งฉันจะปิดลงประตูรถอีกฝั่งก็ถูกเปิดออก เบาะฝั่งนั้นกำลังถูกเข้ามานั่ง โดยผู้ชายคนนึง พร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมาหยุดความตกใจที่กำลังทำให้ฉันกระโดดลงจากรถ
"ซาย ซันนี่เอง" ฉันหันมามองโดยที่ขาซ้ายก้าวออกนอกรถไปแล้ว
"ซันนี่ คนที่ขับรถให้เฟรมเมื่อกี้เหรอ" ฉันถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ทั้งๆที่ฉันก็มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้วว่า ชายหนุ่มที่กำลังนั่งข้างๆฉันตอนนี้คือซันนี่
"ตกลงรู้จักกันมั๊ย ลุงออกรถได้รึยัง"
ลืมไปเลยว่าเราอยู่บนรถแทกซี่ ตายหล่ะ โชคดีนะเนี่ยะ ที่คนขับแทกซี่เป็นคุณลุงใจดี ไม่โวยวายที่เราขึ้นรถช้า แต่จะให้ไปคันเดียวกับซันนี่เนี่ยะนะ มันจะดีเหรอ
"ออกรถได้เลยครับ" ซันนี่ตอบแซงความคิดของฉันไปแล้ว ตอนนี้แม้แต่ในหัวของฉันก็ดูไม่มีเรี่ยวแรงเอาซะเลย ทำไมต้องพยายามทำให้หัวเล็กๆของฉันคิดเยอะด้วยนะ แต่คงไม่ต้องถามว่าซันนี่ขึ้นมาทำไมฉันก็รู้อยู่แล้ว ว่าซันนี่ต้องขึ้นมาแก้ตัวให้ไอเฟรมแน่ๆ ฉันพูดดักคอก่อนเลยดีกว่า
"ไม่ว่านายจะขึ้นมาพูดแก้ตัวให้เฟรมว่าอย่างไร หรือแม้แต่เรื่องนี้เฟรมไม่ผิด100เปอร์เซ็นต์ ซายก็ขอยืนยันคำเดิมว่า ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเฟรมอีก อย่างน้อยๆก็ช่วงนี้หล่ะที่ยังไงก็ต้องห่าง" เสียงของฉันค่อยๆเบาลง เหมือนคนขาดความมั่นใจ แต่ฉันก็รู้สึกขาดความมั่นใจนิดๆจริงๆ เพราะซันนี่ทำท่าเหมือนไม่สนใจที่ฉันพูดเลย เหมือนฉันพูดอยู่คนเดียว ซันนี่ยังคงนั่งหันหน้าเข้าหากระจกฝั่งเขา มองออกไปนอกรถ อย่างนิ่งๆ ฉันว่าเขาคงรู้ตัวว่าไม่ควรพูดอะไรกับฉัน ซึ่งมันก็ดี เพราะฉันไม่อยากรู้สึกแย่ที่ต้องว่าคนหน้าตาดีอย่างซันนี่ หรือมานั่งเถียงกัน เพราะฉันต้องแพ้แน่ถ้าเขาจ้องมาที่ตาของฉัน
"เราเป็นห่วงที่เธอขึ้นรถแทกซี่กลับบ้านคนเดียว" เสียงหวานเบาๆ ที่หลุดออกมาจากปากของซันนี่ ทั้งๆที่หน้ายังคงมองตึกราบ้านช่องผ่านกระจกฝั่งเขา มันทำให้ใจฉันชื้นขึ้นมาแปลกๆ แต่เขาพูดอย่างนี้ขึ้นมาทำไม ต้องการอะไรจากฉัน
ความคิดเห็น