ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อันดราคาซัคค์

    ลำดับตอนที่ #7 : สอบ (2)

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 48


                   พวกเขามาถึงสถานที่สอบด้วยอาการเหนื่อยหอบ ที่ไม่เหนื่อยคงจะมีก็แต่พวกที่ไม่ต้องวิ่งมาอย่างเจมิไนที่ใช้ออลซอร์ทลมเหาะมา และจูปิไตที่เปลี่ยนเหล็กที่พกติดตัวให้เป็นบอร์ด นอกนั้นได้แต่นึกอิจฉาออลซอร์ทของสองคนนั้นและตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง แล้วก็ต้องมานั่งหอบหมดสภาพกันอยู่อย่างที่เป็น

                  

                   ทะเลสาบหลังโรงเรียนภายใต้แสงยามบ่ายอย่างในตอนนี้คงจะดูสวยไม่น้อย ถ้าไม่มีตอไม้ประหลาดๆพวกนั้นตั้งโด่เด่ขึ้นมาอยู่กลางทะเลสาบเต็มไปหมด



                   “เอลไลย่า…มาช้าสุด…ตก…ใช่มั้ย…ครูฮานน์?” เคอัสที่นอนหมดสภาพอยู่ถามคำหอบคำ

        

                   ครูฮานน์หอบอยู่พักหนึ่งก่อนตอบกลับ

        

                   “ไม่ล่ะ ครูเปลี่ยนใจแล้ว”

        

                   “เย้!!!!” เอลไลย่าที่นอนหอบอยู่เหมือนกันร้อง ชูมือทั้งสองข้างขึ้นไปในอากาศ

        

                   “อ้าว…อย่างงี้พวกเราจะวิ่งกันมาเพื่ออะไรล่ะคะ?” แอมเบอร์ถามขัดขึ้นมา ทำเอาแขนเอลไลย่าตกลงมาอยู่ข้างตัวเหมือนเดิมทันที

        

                   “ก็ตอนแรกจำนวนคนมันไม่ลงตัวไง เกินมาหนึ่งคน ครูเลยว่าจะจับคนมาถึงคนสุดท้ายตกไปเลยไม่ต้องสอบ แต่มาคิดๆดูครูว่าครูจะให้เมอลินด้าเต็มไปเลยโดยไม่ต้องดีกว่า เพราะว่าเป็นคนช่วยครูไว้เมื่อกี้นี้”

        

                    “ไม่ดีมั้งคะ?” เมอลินด้ากล่าว รู้สึกผิดที่เธอจะได้คะแนนเต็มโดยไม่ทำอะไร

        

                    “จำนวนไม่ลงตัวเรื่องอะไรครับเนี่ย?” นาธานถาม

        

                    “ถ้าจะให้ผมวิเคราะห์ล่ะก็ คิดว่าครูฮานน์น่าจะให้…”

        

                    “หยุดเลยจูปิไต สต๊อป! ขืนมัวฟังเธอวิเคราะห์ก็พอดีหมดเวลาไม่ได้สอบกัน…เอ้า ! ทุกคนลุก มาเริ่มกันเลยดีกว่า” ครฮานน์กระโดดลุกขึ้นยืน และชี้มือไปยังตอไม้ในทะเลสาบ

        

                     “สถานที่สอบของพวกเธอยู่ที่นั่น”

        

                     พูดจบครูฮานน์ก็กระโดดขึ้นไปยืนบนแผ่นไม้แผ่นหนึ่งที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมาจากน้ำใกล้ๆด้วยพลังออลซอร์ทของเจ้าตัว และพอขึ้นเหยียบ อีกแผ่นหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจากน้ำข้างหน้าให้ครูฮานน์ก้าวเหยียบต่อไป ไม่นานนักครูฮานน์ก็ทิ้งทางเดินแผ่นไม้ไว้ให้นักเรียนเดินตามกันไปจนกระทั่งถึงจุดที่มีตอไม้มากมายเรียงรายกันอยู่กลางทะเลสาบ…

        

                     “เลือกตอไม้กันคนละอัน แล้วขึ้นไปยืนบนนั้น” ครูฮานน์สั่งขณะที่แผ่นไม้ทางเดินกำลังผุดหายลงน้ำไปทีละแผ่นสองแผ่น ทำให้ทุกคนต้องตัดสินใจขึ้นไปยืนบนตอไม้กลางน้ำอันใดอันหนึ่งด้วยความรวดเร็ว

        

                     ตอไม้ทีเอลไลย่าขึ้นยืนในขณะนี้มีหน้าตัดรูปวงกลมที่เส้นผ่านศูนย์กลางไม่น่าจะเกินครึ่งฟุต คือขนาดประมาณที่ยืนโดยเท้าทั้งสองชิดกันพอดีๆ ความสูงของมันเลยน้ำขึ้นมาประมาณ 2 ฟุต และมีระยะห่างระห่างตอไม้ถึงตอไม้ประมาณ 2 เมตรโดยประมาณ…การทรงตัวยืนอยู่บนนี้ สำหรับเอลไลย่าต้องใช้สมาธิพอสมควร เพราะเธอไม่ถนัดด้านการทรงตัวเท่าไรนัก และยิ่งโดยเฉพาะเมื่อตอไม้ทั้งหมดปักอยู่ในเลนซึ่งทำให้โยกไปมาได้ ทำให้เธอหวิดจะตกน้ำอยู่หลายรอบ

        

                     “ทำไมเราจะต้องมาฝึกกายกรรมอะไรกันอยู่กลางน้ำด้วยล่ะครูฮานน์ ผมยิ่งไม่ค่อยจะถูกกับน้ำด้วย” เคอัสบ่นไปพยายามทรงตัวไป

        

                     “ก็เนี่ยแหละ เรียกการทรงตัว” ครูฮานน์กล่าว

        

                     “เรื่องนี้ไม่เห็นเคยสอนซะหน่อย!”

        

                     “ไม่เคยสอนก็จะสอบ มีปัญหาอะไรมั้ยเคอัส? การแกล้งเด็กนี่มีความสุขจริงๆ” ครูฮานน์หัวเราะเสียงดัง

        

                     “แล้วนี่ครูฮานน์จะให้สอบยืนอยู่บนนี้ให้นานที่สุดห้ามตกหรือไงคะ?” แอมเบอร์ผู้ไม่สะทกสะท้านกับเรื่องการทรงตัวถาม เธอสามารถยืนนิ่งๆอยู่บนตอไม้นี่ได้สบายๆ นี่ถ้าหากว่าเต้นบัลเล่ต์เป็นเธอคงจะอวดการยืนบนปลายเท้าแล้วหมุนอวดสักรอบสองรอบไปแล้ว

        

                     “ถูกแค่ครึ่งเดียว” ครูฮานน์ตอบก่อนหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา…มันเป็นกระบอกไม้อันเล็กๆที่มีไม้จิ้มฟันอยู่ข้างใน 6 อัน สีดำ 3 สีขาว 3

        

                     “เดี๋ยวครูจะให้พวกเธอแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม ตอนแรกที่บอกว่าไม่ลงตัวก็ตอนแบ่งกลุ่มเนี่ยแหละ แต่ตอนนี้ครูให้เมอลินด้าเต็มไปแล้วก็เท่ากับมีคนอยู่ 6 คน ได้กลุ่มละ 3 คนพอดี และเพื่อความยุติธรรมครูเลยเตรียมเจ้านี่มาให้จับสลากกัน” ครูฮานน์ส่งกระบอกไม้ต่อให้เด็กๆหยิบ

        

                     “เตรียมการมาแบบนี้ก็แสดงว่าคิดตั้งแต่ต้นแล้วสิครับว่าจะให้พวกเราสอบกันวันนี้?” จูปิไตถามพลางรับกระบอกไม้ต่อมาจากนาธาน ก่อนหยิบไม้จิ้มฟันขึ้นมาอันหนึ่งและพบว่ามันเป็นสีขาว

        

                    “ก็เตรียมๆไว้เฉยๆ ตอนแรกตั้งใจไว้อีกซัก 2-3 อาทิตย์ค่อยสอบเพราะครูยังคิดเรื่องแบ่งคนให้ลงตัวไม่ได้”

        

                    “และเป็นวิธีตัดคนออกที่ช่างไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย” เคอัสบ่น

        

                    “นั่นสิคะ หนูรู้สึกไม่ดีเลยที่จะได้คะแนนทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร” เมอลินด้ากล่าว

        

                    “แล้วใครบอกว่าไม่ต้องทำอะไรล่ะ”

        

                    “ผมว่าครูฮานน์อธิบายวิธีการสอบมาเลยดีกว่าครับ” นาธานกล่าว

        

                    “ก็ได้…แต่ก่อนอื่น ใครได้ไม้จิ้มฟันสีขาวย้ายมาอยู่ฝั่งซ้ายมือของครู ใครได้สีดำย้ายมาอยู่ทางขวา”

        

                    ไม่นานนัก ที่ตรงกลางก็เหลือเพียงครูฮานน์และเมอลินด้าที่ยืนอยู่…จูปิไต นาธาน และเอลไลย่ากระโดดจากตอไม้เดิมไปยังตอไม้ใหม่ที่อยู่ทางด้านซ้าย ส่วนทางด้านขวาเป็นเจมิไน แอมเบอร์ และเคอัส…

        

                     “กระโดดจากตอไม้ไปอีกตอไม้นี่ยากไม่ใช่เล่นแฮะ ย้าก!”

        

                     ตู้ม!

        

                     กระโดดมายืนอยู่บนตอไม้ทางด้านขวาได้ไม่ถึง 2 วินาที เคอัสก็หงายหลังร่วงลงไปในน้ำ ทำเอาน้ำที่เคยนิ่งใสราวกระจกเงานั้นกระจายไปท่วมเปียกแอมเบอร์ด้วย ก่อนเจ้าตัวจะพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมายืนบนตอไม้ใหม่เพื่อฟังแม่นางแว้ดๆใส่ แต่โชคก็ยังเป็นของเคอัสที่เสียงของครูฮานน์ดังขึ้นช่วยชีวิตเอาไว้เสียก่อน

        

                     “เอาล่ะๆ ทุกคนฟังกติกา…ตอนนี้พวกเธอถูกแบ่งออกเป็นสองทีมนะ ทีมไม้จิ้มฟันสีขาว กับทีมไม้จิ้มฟันสีดำ ทั้งสองทีมจะต้องช่วยเหลือกันภายในทีม ทำยังไงก็ได้ให้ฝ่ายตรงข้ามตกน้ำให้หมด ทีมที่คนในทีมตกน้ำหมดก่อนถือว่าแพ้ ทีมแพ้ครูจะให้คะแนนแต่ละบุคคลลดหลั่นกันไปตามความเหมาะสม ส่วนทีมที่ชนะครูจะให้เต็มทั้งทีม มีกติกาปลีกย่อยนิดหน่อยนะ…ครูจะเป่านกหวีดเป็นสัญญาณทุกๆ 30 วินาที ให้ทุกคนเปลี่ยนที่ยืน ใครไม่ยอมเปลี่ยนตอไม้เมื่อได้ยินเสียงนกหวีดถือว่าตกน้ำ ต้องออกจากการแข่งไป …พวกเธอสามารถเรียกหาตัวช่วยได้เมื่อทีมตัวเองเหลือสมาชิกแค่คนเดียว ตัวช่วยก็คือเมอลินด้า…เมอลินด้าจะทำให้ตอไม้ด้านทีมฝั่งตรงข้ามกลายเป็นน้ำแข็งเป็นเวลา 30 วินาที…แต่ละทีมสามารถเรียกตัวช่วยได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น…เอาล่ะ ใครมีปัญหาอะไรจะถามรึเปล่า?”

        

                     จูปิไตยกมือ

        

                     “ถ้าไม่มีเสียงนกหวีด คือผมหมายถึงระหว่าง 30 วินาทีนั้นน่ะครับ…เปลี่ยนที่ยืนได้รึเปล่าครับ?”

        

                     “ได้ เพียงแต่ได้ยินนกหวีดเมื่อไหร่เท้าต้องไม่อยู่ที่ตอไม้เดิมเท่านั้นแหละ ระหว่างนั้นจะเปลี่ยนที่ยืนทุกวินาทีก็ยังได้”

                    

                     “อย่างงี้เจมิไนก็แค่ลอยตัวอยู่บนอากาศ ไม่มีทางตกน้ำอยู่แล้ว ไม่เห็นยุติธรรมเลยครูห่าน” เคอัสบ่น

                    

                     “เอ้อใช่! ลืมไป…กติกาส่วนบุคคล…”

                    

                     ครูฮานน์หยิบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่าน

                    

                     “เจมิไน ห้ามลอยตัวหรือเหาะหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เท้าไม่อยู่ติดตอไม้นานเกิน 5 วินาทีต่อครั้ง ห้ามใช้ติดต่อกันเกิน 2 ทีด้วย  แล้วก็ใช้พลังลมผลักคนอื่นตกน้ำได้ครั้งหนึ่ง ต้องเว้นไปอีก 5 วินาทีถึงจะใช้ได้ครั้งต่อไปได้

                      

                      จูปิไต ถ้าเปลี่ยนเหล็กเป็นบอร์ด ห้ามใช้เกิน 5 วินาทีต่อครั้ง ห้ามใช้ติดต่อกัน 2 ที แล้วก็ห้ามเปลี่ยนเหล็กเป็นไม้ค้ำทรงตัว

                      

                      เอลไลย่า ห้ามใช้แรงโน้มถ่วงมากๆกดไม่ให้คนอื่นขยับเขยื้อนได้ แล้วก็ห้ามเปลี่ยนพื้นที่ที่ตนเองและทีมอยู่ให้มีแรงโน้มถ่วงน้อยๆจนลอยหรือทำให้เท้าไม่แตะตอไม้เกิน 5 วินาทีต่อครั้ง ห้ามใช้ติดต่อกัน 2 ครั้ง  

                      

                      แอมเบอร์ ห้ามใช้สายฟ้าผ่าตอไม้จนตอไม้หักสลายหรือใช้เหยียบไม่ได้

                      

                      เคอัส ห้ามใช้ไฟเผาตอไม้จนตอไม้หักสลายหรือใช้เหยียบไม่ได้

                      

                      นาธาน ห้ามใช้คลื่นความถี่สูงระเบิดตอไม้คนตอไม้หักสลายหรือใช้เหยียบไม่ได้ แล้วห้ามใช้เสียงสะกดจิตให้เพื่อนหลับนะ…เอาล่ะหมดแล้ว ใครผิดกติกาส่วนบุคคลต้องออกจากการแข่ง”

                    

                      “โห…อย่างงี้จะเอาชนะกันยังไงล่ะคะ ห้ามนู่นห้ามนี่สารพัดเลย” เอลไลย่าบ่น

                    

                      “ทีมเวิร์คไงเอลไลย่า…ทีมเวิร์ค”

                    

                      “ถ้างั้น…ขอเวลาผมปรึกษาแผนการกับคนในทีมก่อนได้มั้ยครับ?”

                    

                      “ได้เลย ครูให้เวลา 10 นาที”

                    

                      จูปิไตกวักมือเรียกเอลไลย่าและนาธานให้กระโดดไปยืนบนตอไม้ใกล้ๆกันเพื่อปรึกษา

                    

                      “ไม่ต้องปรึกษามากหรอกจูปิไต ยังไงๆก็แพ้อยู่ดี เพราะทีมฉันมีเจมิไน ต้องชนะแหงอยู่แล้ว โฮะ โฮะ โฮะ” แอมเบอร์เริ่มแผนการข่มขวัญศัตรูด้วยเสียงหัวเราะของนางมารร้าย แต่ก็ต้องหยุดแผนการไว้ชั่วคราวเมื่อเห็นเคอัสกวักมือเรียกเธอกับเจมิไน

                    

                       “อะไรยะ ลิง เรียกมาทำไมไม่ทราบ?”

                    

                       “เอ้าน่า เจ๊! สงบศึกชั่วคราว มาช่วยกันคิดแผนก่อน”

                    

                      “มีเจมิไนแล้วยังจะคิดอะไรอีกล่ะ?”

                  

                      “แต่เจมิไนโดนจำกัดสิทธิ์เพียบ เมื่อกี้ได้ฟังมั่งรึเปล่า?”

                  

                      เจมิไนพยักหน้าเห็นด้วย ทำให้แอมเบอร์ถอนหายใจยาว

                    

                      “ก็ได้…งั้นเคอัส…นายมีแผนว่าไงมั่งล่ะ?”

        

                      เคอัสยิ้มแสยะ นัยน์ตาสีน้ำตาลลุกวาวอย่างมีเลศนัย

        

                      “เราจะเปิดศึกกันแบบที่พวกนั้นคิดไม่ถึงเลย”



                                                              ************************

        

                      ขณะที่ทั้งสองทีมปรึกษากันอยู่ ครูฮานน์ก็พาเมอลินด้าถอยห่างออกมายืนดูอยู่ที่ริมฝั่งทะเลสาบด้านหนึ่ง ทั้งสองทีมตั้งใจปรึกษากันอย่างเงียบๆ เสียงที่ได้ยินคงจะมีแต่เสียงแอมเบอร์ที่อุทานว่า “ต๊าย! เคอัส สมองอย่างนายคิดอะไรดีๆอย่างนี้เป็นกับเข้าด้วยเหรอ” ที่ทำให้จูปิไต นาธานและเอลไลย่าต้องหันมามอง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเอลไลย่า และนาธานที่ตะโกนกลับไปว่า “ให้เคอัสคิดแผนเนี่ยนะ?”

        

                      ครูฮานน์ก้มมองนาฬิกาข้อมืออยู่ 2-3 ที ก่อนเป่านกหวีด เรียกความสนใจของทุกคน

        

                      “หมดเวลาปรึกษากันแล้ว…ทุกคนประจำที่!”

        

                      นาธานยื่นมือออกไปข้างหน้า ตามด้วยเอลไลย่าและจูปิไต ทั้งหมดตะโกนว่า “ไม้จิ้มฟันสีขาว สู้!” ดังๆก่อนชูมือขึ้นสูง เป็นการเรียกขวัญและกำลังใจให้กับทีม ก่อนเปลี่ยนที่ยืนกันอย่างรวดเร็ว…เคอัสเห็นอีกทีมทำรีบชักชวนแอมเบอร์กับเจมิไนให้ทำตามบ้าง…แต่แน่นอนว่าไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากเจมิไน แค่เพียงแอมเบอร์ตะโกน “สู้” คนเดียวก็เสียงแปดหลอดกินขาดแล้ว…ไม่มีใครมีทีท่าจะเสียหลักเหมือนตอนแรก…สายตาทุกคู่มาดมั่น เตรียมพร้อม…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×