ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : สอบ (1)
             
                บทลงโทษของศาสตราจารย์คริปตอนไม่เลวร้ายอย่างที่เอลไลย่าคิด เจมิไนแค่ต้องอยู่ช่วยอาจารย์บรรณารักษ์จัดหนังสือในห้องสมุดตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงพฤหัสหน้า
             
              ในขณะที่อีกคน
             
              “ปฏิเสธความผิดสักครั้งเท่ากับได้กระทำความผิดขึ้นอีกครั้ง ”
             
              ศาสตราจารย์คริปตอนพูดขึ้นมาลอยๆ
             
              “คนที่ผิดแล้วมีความกล้าที่จะยอมรับผิด ผู้คนย่อมสรรเสริญเพราะผู้นั้นสามารถเอาชนะความขลาดในใจตนเองได้ การทำความผิดแล้วไม่ยอมรับย่อมได้รับผลที่ตรงกันข้าม”
             
              ทุกคนเงียบกริบ ในขณะที่ศาสตราจารย์กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วหยุดอยู่ที่แพทริค
             
              “เห็นด้วยมั้ยแพทริค เซบาสเตียน?”
             
              เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าที่ขาวซีด นัยน์ตาสีม่วงไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบขึ้นสบนัยน์ตาสีดำข้างเดียวนั้น
             
              “ครับ” แพทริคตอบเสียงอ่อย
             
              “อะไรนะครูไม่ค่อยได้ยิน?”
             
              “เห็นด้วยครับ!!” แพทริคตะโกน
             
              “ดี” ศาสตราจารย์ยิ้ม
             
              “งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกเย็นเธอมีหน้าที่ทำความสะอาดห้องอาหารรวม ห้องโถงใหญ่ และห้องประชุม ต้องมารายงานตัวกับครู หลังทำความสะอาดเสร็จทุกครั้ง ห้ามมีคนช่วยและห้ามใช้ออลซอร์ท ต้องปฏิบัติตามจนกว่าครูจะเป็นคนสั่งยกเลิก หากปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ดีและไม่ปฏิบัติตามกฎ โทษจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 เท่าทุกครั้ง รับทราบ?”
             
              “แต่!!  ผมไปเกี่ยวอะไรด้วย?”
             
              “รับทราบ?!!!”
             
              หมัดในมือกำแน่น ขบฟันแน่น ได้แต่มองปลายเท้าของตัวเองและข่มอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน
             
              “ครับ” แพทริคตอบเสียงอ่อยอีกครั้ง
             
              “ครูไม่ได้ยิน”
             
              “ทราบแล้วครับ!!!”
             
              “ดี!! ถ้าอย่างนั้นวันนี้คงแค่เพียงเท่านี้ เอ้า! ทุกคนแยกย้ายกันไปทานข้าวได้!”
             
              รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักเรียนปีสองสีน้ำเงินแทบจะทุกคน ในขณะที่แพทริคได้แต่ปรายสายตาอาฆาตแค้นมายังคนเดียวที่ไม่มีรอยยิ้ม
             
                เจมิไน แอชเชอร์
             
                นายต้องรับผิดชอบ!!!
                                                              ******************
               
                “อ้าว! ศาสตราจารย์ฮานน์ ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้ล่ะครับเนี่ย?”
   
                ศาสตราจารย์ผู้สอนวิชาการใช้พลังออลซอร์ทประจำสีเหลืองหันมาทักทายเมื่อเห็นแขกผู้มาเยือนถึงสนามฝึกหลังหอพักสีเหลือง
   
                “แล้วทำไมยังไม่ไปสอนอีกล่ะครับ นี่มันเลยเวลามาตั้ง 10 นาทีแล้วนะครับ”
   
                “สายนิดสายหน่อย อู้นิดอู้หน่อย เด็กผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ”
               
                จบประโยค ศาสตราจารย์ฮานน์ บราห์มินก็เริ่มหาว นัยน์ตาสีดำยังคงปรือไม่ตื่นดี ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง เหมือนคนเพิ่งจะตื่นนอนมา
               
                สำหรับวิชาการใช้พลังออลซอร์ทที่ต้องแยกเรียนเป็นสีนี้ ศาสตราจารย์ผู้สอนของนักเรียนสีน้ำเงินปีสองก็ยังคงเป็นครูฮานน์เหมือนเดิม แม้จะผ่านอะไรด้วยกันมามากเมื่อปีก่อน แต่ครูฮานน์ก็ยังคงเป็นครูฮานน์ จะมีเปลี่ยนก็แต่ผิวสีคล้ำที่ดูเหมือนจะคล้ำขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนจนกลายเป็นดำยิ่งกว่าเก่าก็เท่านั้น
   
                “ขอโทษที่มารบกวนเวลาสอนนะ ศาสตราจารย์เฟดเดน”
               
                เขากวาดสายตามองสนามหญ้าหลังหอพักของสีเหลือง พวกเด็กปีสองสีเหลืองนั่งกันอยู่เป็นวงกลมและกำลังฝึกทำอะไรบางอย่างกันอยู่อย่างเคร่งเครียด มีศาสตราจารย์หนุ่มท่าทางสุภาพนามเฟดเดนผู้สอนนั่งอยู่ตรงกลางของวงกลมคอยชี้แนะ
               
                “ไม่เป็นไรครับ แล้วมาหาผมนี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” ศาสตราจารย์เฟดเดนถามพลางลุกขึ้นเดินมาหาครูฮานน์
   
                “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่จะมาศึกษาวิธีการสอนของศาสตราจารย์เอาไว้เฉยๆ”
   
                “วิธีการสอนของผม?”
   
                “ครับ ศาสตราจารย์ผู้ใหญ่ทุกท่านต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่าวิธีการสอนของศาสตราจารย์เฟดเดนแห่งสีเหลืองเนี่ย แจ่ม”
   
                “ไม่จริงมั้งครับ ศาสตราจารย์ฮานน์ จะเอาอะไรบอกผมมาเลยดีกว่า อย่ามัวยอกันอยู่เลย”
   
                “เอ้อ ก็ สารภาพก็ได้ ความจริงผมทำหนังสือที่ศาสตราจารย์ให้ยืมเปียกน้ำ เลยจะมาสารภาพผิดพร้อมรับโทษ”
   
                ครูฮานน์ชูหนังสือบวมน้ำเล่มหนึ่งขึ้นมาด้วยท่าทีสำนึกผิด  สีหน้าแสดงว่าเสียใจสุดๆของครูฮานน์ทำเอาศาสตราจารย์เฟดเดนโกรธไม่ลง ได้แต่อมยิ้มอย่างนึกขำท่าของผู้ใหญ่ที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ
   
                “ไม่เป็นไรหรอกครับ เล่มนี้ผมชอบมากจนซื้อเก็บไว้สองเล่ม เล่มนั้นยกให้ศาสตราจารย์ไปเลยแล้วกัน ที่สละเวลาสอนมาถึงนี่เพราะแค่เรื่องหนังสือแค่นี้น่ะหรือครับ?”
                “สารภาพอีกทีก็ได้ ที่จริงกะจะอู้งาน ขี้เกียจสอนก็เลยหาเรื่องเดินมาถึงนี่”
   
                อู้งาน? ศาสตราจารย์เฟดเดนพลันคิดไปถึงลูกศิษย์ของคนตรงหน้าด้วยท่าทีครุ่นคิด เจมิไน นาธาน เมอลินด้า และเอลไลย่า 4 คนนี้เขาเคยเห็นฝีมือมาแล้วเมื่อคราวงานแข่งจตุภาคเมื่อปีก่อน ฝีมือนับว่าล้ำหน้าไปมาก ระดับ 4 คนนี่น่าจะข้ามชั้นไปเรียนวิชาการใช้พลังออลซอร์ทกับปีห้าได้อย่างไม่มีปัญหา
   
                “ถึงจะอู้งานบ้างก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้งครับ”
                ครูฮานน์พอจะเดาอะไรๆได้จากน้ำเสียงในประโยคนั้น แต่ก็ทำตีความไปอีกแบบ
   
                “นั่นสินะ ก็เมื่อปีก่อนน่ะผมทำนอกเวลาไปตั้งเท่าไหร่ เนอะ”
   
                ศาสตราจารย์เฟดเดนเข้าใจว่าครูฮานน์คงหมายถึงการติวเข้มทั้ง 4 คนก่อนการแข่งขันจตุภาค ที่ฝึกกันหนักแทบทุกวันจนพวกเขามีฝีมือขนาดเอาชนะมาได้
   
                แต่ไม่ได้รู้ว่าที่ครูฮานน์พูดถึงนั้น
   
                มันมากกว่านั้นเยอะ
   
                เพราะมันรวมถึงการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลผู้พิทักษ์ทั้ง 7 และการเข้าร่วมสงครามครั้งนั้นด้วย!!
   
                “แต่อย่าอู้บ่อยล่ะครับ ศาสตราจารย์”
   
                ศาสตราจารย์เฟดเดนกล่าวพลางยิ้มอารมณ์ดี
   
                “เดี๋ยวเด็กผมจะแซงเอา”
   
                “คร้าบ อู้บ่อยๆคงไม่ได้ อู้มากเดี๋ยวเงินเดือนก็โดนอู้ไปด้วย” ครูฮานน์กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่สนใจกับพูดดังกล่าวเท่าใดนัก
   
                “ผมพูดจริงนะ เด็กผมตอนนี้ก็ใช่ย่อย ส่งไปเรียนกับพวกเด็กปีสี่ได้สบายๆ”
   
                ครูฮานน์ยิ้ม เด็กปีสี่ พูดอะไรอย่างนั้น หลังจากที่ปราดสายตามองการฝึกเพียงแวบเดียวเขาก็พอจะมองอะไรๆออกอยู่บ้าง เด็กสีเหลืองปีสองพวกนี้น่ะหรือ ฝึกระดับของปีสองไปเถอะ แล้วก็ฝึกต่อไปอีกสักปีสองปีคงใช้ได้
   
                แต่อย่างน้อย ประโยคดังกล่าวก็ทำให้เขารู้อะไรขึ้นอีกมาก
   
                รู้ว่าศาสตราจารย์เฟดคิดเห็นกับเด็กของเขาอย่างไร
   
                คงจะคิดว่าเด็กเขามีฝีมือพอๆกับเด็กปี 4 ปี 5 ล่ะสิ
   
                แต่ที่คิดนั่นใช่ว่าจะถูกหรอกนะ เด็กพวกนี้ผ่านสงครามมาแล้ว อย่าว่าแต่ระดับปี 5 เลย 7 คนนี้ฝีมือล้ำหน้าไปถึงไหนถึงไหนแล้ว!!
               
                “ครับ ก็บอกแล้วว่ากลยุทธ์การสอนของศาสตราจารย์น่ะ แจ่ม”
               
                “ศาสตราจารย์ก็ชมผมเกินไป”
   
                “ไม่เกินไปหรอกครับ นี่ผมมาพาศาสตราจารย์อู้ไปด้วยอีกคนสิเนี่ย ถ้ายังไงผมไม่รบกวนเวลาแล้วล่ะ กลับไปทำงานทำการของตัวเองบ้างดีกว่า”
   
                “ครับ ตามสบาย ไม่ส่งนะครับ ผมไปสอนต่อล่ะ”
   
                ครูฮานน์พยักหน้า ก่อนออกเดินตรงมายังที่ที่สมควรอยู่ตั้งแต่เมื่อ 10 นาทีก่อน
   
                สนามหญ้าหลังหอพักสีน้ำเงิน
               
                                                          **********************
                “หวัดดีทุกคน เช้านี้อากาศดีนะ ว่ามั้ย?”
   
                ครูฮานน์กล่าวพลางทรุดตัวลงนั่ง มีสายตาเด็กๆ 7 คนจับจ้องราวจะกินเลือดกินเนื้อ
   
                สายมาเกือบๆ 30 นาทีแล้ว
   
                “ครูห่าน นี่มันบ่ายแล้ว เช้าที่ไหนกันล่ะ?” เคอัสกล่าว
   
                “ก็ที่ไหนซักที่ในดาวดวงนี้เนี่ยแหละ ที่ที่เพิ่งจะหมุนมาเจอแสงอาทิตย์ไง นี่เขาไม่ได้สอนวิชาอวกาศและดวงดาวกับพวกนายหรือไงกันนะ”
   
                “ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย สายทั้งปีอ่ะครูฮานน์” เอลไลย่าบ่น
   
                “จ้า จ้า ครูผิดไปแล้ว”
   
                “ก็เห็นพูดอย่างงี้ทุกที แล้วก็สายทุกที” แอมเบอร์บ่นบ้าง เพราะขัดเล็บรอจนเสร็จไปตั้งนานแล้ว
   
                “เอาเถอะครับ สรุปว่าวันนี้ทำอะไร” นาธานถาม
   
                “นั่นสินะ ทำอะไรดีล่ะ?”
   
                “อ้าว?!” แทบจะทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน
   
                “วันนี้ใครอยากทำอะไรก็ทำไปแล้วกัน ครูขอนอนต่อล่ะ ง่วง”
   
                “อ้าว?!!” อีกครั้ง
   
                “ก็ครูนึกไม่ออกว่าจะสอนอะไรดี พวกเธอก็เก่งๆกันแล้ว จะให้สอนอะไรล่ะ?”
   
                “อ้าว?!!!” เป็นครั้งที่สาม
   
                “งั้นวันนี้สอน การตั้งการ์ดแล้วกัน”
   
                “สอนไปแล้วครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” จูปิไตกล่าว
   
                “ถ้างั้น เทคนิคการหน่วงเหนี่ยวพลังให้อยู่นานที่สุดล่ะ?”
   
                “สอนแล้วอีกนั่นแหละครับ สองอาทิตย์ก่อน”
   
                “งั้น สอนการใช้พลังออลซอร์ทควบคู่กับการใช้อาวุธ”
   
                “สอนการใช้พลังควบคู่กับดาบไปแล้วครับ เมื่อปีก่อน”
   
                “เอ้า! เห็นมั้ย? สอนจนไม่มีอะไรจะสอนแล้ว”
   
                ครูฮานน์เงียบไปพักหนึ่งก่อนกวาดสายตามองเด็กๆและแสยะยิ้ม
   
                “ถ้าอย่างนั้น วันนี้ .สอบ!!!”   
   
                “เฮ้ย!!!” แทบทุกคนร้องพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายเป็นครั้งที่ 4 ของวัน
   
                “ก็สอนไปหมดแล้วก็ต้องสอบสิ เอาล่ะทุกคนตามครูมา”
   
                แต่ก่อนที่ครูฮานน์จะได้ออกเดินนำ จูปิไตก็ก้าวไปยืนขวางไว้ข้างหน้า นาธานล็อคแขนซ้าย เอลไลย่าล็อคแขนขวา เคอัสกระโดดขึ้นไปขี่หลังและล็อคคอ
   
                “เฮ้ย! ปล่อยครู! มาสามัคคีกันล็อคครูไว้ทำไมเนี่ย?! เคอัสอย่ากดหลอดลม มันหายใจไม่ออก”
   
                “ก็ครูฮานน์ไม่ยอมอยู่พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนี่คะ เลยต้องล็อคเอาไว้ก่อน” เอลไลย่าพูด
   
                “นั่นสิคะครูฮานน์ บอกก่อนว่าจะสอบอะไร แล้วจะสอบได้ยังไง ยังไม่ถึงเวลาสอบกลางภาคเลยนะคะ อีกตั้งนาน” เมอลินด้าร้องท้วงอยู่ข้างหลังครูฮานน์
   
                “สอบได้สิ ก็สอบเก็บคะแนนย่อยเฉยๆไง”
   
                “จู่ๆก็บอกสอบอย่างงี้ไม่ได้นะครูฮานน์ มันต้องให้เวลาเด็กเตรียมตัว อย่างน้อยบอกอาทิตย์นี้ แล้วอาทิตย์หน้าสอบก็ยังดี” แอมเบอร์ท้วง
   
                “สอบมันอาทิตย์นี้แหละดีแล้ว ปล่อยครูได้ยัง? มันอึดอัดนะเนี่ย”
   
                “ปล่อยครูห่านก็จับพวกเราสอบน่ะสิ เรื่องอะไร” เคอัสพูดพลางล็อคคอครูฮานน์แน่นขึ้น
   
                “ไม่ปล่อยงั้นครูไปทั้งอย่างงี้จริงๆด้วย”
   
                นิ่ง
   
                ทุกคนยังคงค้างไว้ท่าเดิม
   
                ครูฮานน์ถอนหายใจก่อนเริ่มก้าวขาทั้งสองข้างที่ไร้พันธนาการออกไป ถึงจะต้องกระเตงๆลูกศิษย์ลูกลิงไปด้วย แต่ครูฮานน์ก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ แม้จะค่อนข้างลำบาก แอมเบอร์เห็นท่าจะไม่ดี รีบขัดขาครูฮานน์เอาไว้ก่อน ทำให้ครูฮานน์ที่เพิ่งก้าวไปได้สองก้าวล้มคว่ำลงบนพื้นหญ้า น้ำหนักของคน 5 คนก็กดทับลงบนส่วนต่างๆของร่างกายทันทีจนไม่สามารถขยับตัวได้ มีเพียงส่วนศีรษะที่พลิกซ้ายพลิกขวาได้เท่านั้น พลิกไปพลิกมาก็หันไปเห็นตัวช่วยอีกสองคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
   
                “เจมิไนช่วยครูด้วย!”
   
                เจมิไนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เฉยๆ สะบัดพัดออกจนเกิดเสียงดังพรึ่บ! ครูฮานน์ยิ้มอย่างแน่ใจว่ารอดแล้วแน่ๆ แต่เจมิไนก็เพียงแค่ยืนพัดอยู่อย่างนั้น รอยยิ้มหุบไปแทบจะในทันที
   
                “เมอลินด้า เด็กจิตใจงดงามอย่างเธอทนดูครูถูกทรมานทรกรรมอยู่อย่างงี้ได้ยังไง ช่วยครูหน่อยน้า”
   
                เมอลินด้าถอนหายใจยาว
   
                “ทุกคนปล่อยครูฮานน์เถอะจ้ะ นะ สงสารครูฮานน์ อีกอย่าง สอบๆให้มันเสร็จไปซะก็ดีไม่ใช่เหรอจ๊ะ ครูฮานน์คงไม่โหดกับพวกเราหรอก สอบย่อยยังไงก็ได้เต็มกันทุกคนเหมือนเดิมนั่นแหละ”
   
                หลังจากได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเมอลินด้า น้ำหนักที่เคยกดทับก็ค่อยๆหายไปอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก จนกระทั่งครูฮานน์เป็นอิสระสามารถลุกขึ้นยืนได้ เขาทำทีเป็นปัดฝุ่นออกจากเสื้อก่อนออกวิ่งจู๊ดนำหน้าไปโดยที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว ตะโกนทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
   
                “ใครไปถึงคนสุดท้ายตก!! ครั้งนี้จะเอาแบบโหดๆเลยคอยดู!!”
                บทลงโทษของศาสตราจารย์คริปตอนไม่เลวร้ายอย่างที่เอลไลย่าคิด เจมิไนแค่ต้องอยู่ช่วยอาจารย์บรรณารักษ์จัดหนังสือในห้องสมุดตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงพฤหัสหน้า
             
              ในขณะที่อีกคน
             
              “ปฏิเสธความผิดสักครั้งเท่ากับได้กระทำความผิดขึ้นอีกครั้ง ”
             
              ศาสตราจารย์คริปตอนพูดขึ้นมาลอยๆ
             
              “คนที่ผิดแล้วมีความกล้าที่จะยอมรับผิด ผู้คนย่อมสรรเสริญเพราะผู้นั้นสามารถเอาชนะความขลาดในใจตนเองได้ การทำความผิดแล้วไม่ยอมรับย่อมได้รับผลที่ตรงกันข้าม”
             
              ทุกคนเงียบกริบ ในขณะที่ศาสตราจารย์กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วหยุดอยู่ที่แพทริค
             
              “เห็นด้วยมั้ยแพทริค เซบาสเตียน?”
             
              เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าที่ขาวซีด นัยน์ตาสีม่วงไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบขึ้นสบนัยน์ตาสีดำข้างเดียวนั้น
             
              “ครับ” แพทริคตอบเสียงอ่อย
             
              “อะไรนะครูไม่ค่อยได้ยิน?”
             
              “เห็นด้วยครับ!!” แพทริคตะโกน
             
              “ดี” ศาสตราจารย์ยิ้ม
             
              “งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกเย็นเธอมีหน้าที่ทำความสะอาดห้องอาหารรวม ห้องโถงใหญ่ และห้องประชุม ต้องมารายงานตัวกับครู หลังทำความสะอาดเสร็จทุกครั้ง ห้ามมีคนช่วยและห้ามใช้ออลซอร์ท ต้องปฏิบัติตามจนกว่าครูจะเป็นคนสั่งยกเลิก หากปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ดีและไม่ปฏิบัติตามกฎ โทษจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 เท่าทุกครั้ง รับทราบ?”
             
              “แต่!!  ผมไปเกี่ยวอะไรด้วย?”
             
              “รับทราบ?!!!”
             
              หมัดในมือกำแน่น ขบฟันแน่น ได้แต่มองปลายเท้าของตัวเองและข่มอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน
             
              “ครับ” แพทริคตอบเสียงอ่อยอีกครั้ง
             
              “ครูไม่ได้ยิน”
             
              “ทราบแล้วครับ!!!”
             
              “ดี!! ถ้าอย่างนั้นวันนี้คงแค่เพียงเท่านี้ เอ้า! ทุกคนแยกย้ายกันไปทานข้าวได้!”
             
              รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักเรียนปีสองสีน้ำเงินแทบจะทุกคน ในขณะที่แพทริคได้แต่ปรายสายตาอาฆาตแค้นมายังคนเดียวที่ไม่มีรอยยิ้ม
             
                เจมิไน แอชเชอร์
             
                นายต้องรับผิดชอบ!!!
                                                              ******************
               
                “อ้าว! ศาสตราจารย์ฮานน์ ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้ล่ะครับเนี่ย?”
   
                ศาสตราจารย์ผู้สอนวิชาการใช้พลังออลซอร์ทประจำสีเหลืองหันมาทักทายเมื่อเห็นแขกผู้มาเยือนถึงสนามฝึกหลังหอพักสีเหลือง
   
                “แล้วทำไมยังไม่ไปสอนอีกล่ะครับ นี่มันเลยเวลามาตั้ง 10 นาทีแล้วนะครับ”
   
                “สายนิดสายหน่อย อู้นิดอู้หน่อย เด็กผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ”
               
                จบประโยค ศาสตราจารย์ฮานน์ บราห์มินก็เริ่มหาว นัยน์ตาสีดำยังคงปรือไม่ตื่นดี ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง เหมือนคนเพิ่งจะตื่นนอนมา
               
                สำหรับวิชาการใช้พลังออลซอร์ทที่ต้องแยกเรียนเป็นสีนี้ ศาสตราจารย์ผู้สอนของนักเรียนสีน้ำเงินปีสองก็ยังคงเป็นครูฮานน์เหมือนเดิม แม้จะผ่านอะไรด้วยกันมามากเมื่อปีก่อน แต่ครูฮานน์ก็ยังคงเป็นครูฮานน์ จะมีเปลี่ยนก็แต่ผิวสีคล้ำที่ดูเหมือนจะคล้ำขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนจนกลายเป็นดำยิ่งกว่าเก่าก็เท่านั้น
   
                “ขอโทษที่มารบกวนเวลาสอนนะ ศาสตราจารย์เฟดเดน”
               
                เขากวาดสายตามองสนามหญ้าหลังหอพักของสีเหลือง พวกเด็กปีสองสีเหลืองนั่งกันอยู่เป็นวงกลมและกำลังฝึกทำอะไรบางอย่างกันอยู่อย่างเคร่งเครียด มีศาสตราจารย์หนุ่มท่าทางสุภาพนามเฟดเดนผู้สอนนั่งอยู่ตรงกลางของวงกลมคอยชี้แนะ
               
                “ไม่เป็นไรครับ แล้วมาหาผมนี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” ศาสตราจารย์เฟดเดนถามพลางลุกขึ้นเดินมาหาครูฮานน์
   
                “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่จะมาศึกษาวิธีการสอนของศาสตราจารย์เอาไว้เฉยๆ”
   
                “วิธีการสอนของผม?”
   
                “ครับ ศาสตราจารย์ผู้ใหญ่ทุกท่านต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่าวิธีการสอนของศาสตราจารย์เฟดเดนแห่งสีเหลืองเนี่ย แจ่ม”
   
                “ไม่จริงมั้งครับ ศาสตราจารย์ฮานน์ จะเอาอะไรบอกผมมาเลยดีกว่า อย่ามัวยอกันอยู่เลย”
   
                “เอ้อ ก็ สารภาพก็ได้ ความจริงผมทำหนังสือที่ศาสตราจารย์ให้ยืมเปียกน้ำ เลยจะมาสารภาพผิดพร้อมรับโทษ”
   
                ครูฮานน์ชูหนังสือบวมน้ำเล่มหนึ่งขึ้นมาด้วยท่าทีสำนึกผิด  สีหน้าแสดงว่าเสียใจสุดๆของครูฮานน์ทำเอาศาสตราจารย์เฟดเดนโกรธไม่ลง ได้แต่อมยิ้มอย่างนึกขำท่าของผู้ใหญ่ที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ
   
                “ไม่เป็นไรหรอกครับ เล่มนี้ผมชอบมากจนซื้อเก็บไว้สองเล่ม เล่มนั้นยกให้ศาสตราจารย์ไปเลยแล้วกัน ที่สละเวลาสอนมาถึงนี่เพราะแค่เรื่องหนังสือแค่นี้น่ะหรือครับ?”
                “สารภาพอีกทีก็ได้ ที่จริงกะจะอู้งาน ขี้เกียจสอนก็เลยหาเรื่องเดินมาถึงนี่”
   
                อู้งาน? ศาสตราจารย์เฟดเดนพลันคิดไปถึงลูกศิษย์ของคนตรงหน้าด้วยท่าทีครุ่นคิด เจมิไน นาธาน เมอลินด้า และเอลไลย่า 4 คนนี้เขาเคยเห็นฝีมือมาแล้วเมื่อคราวงานแข่งจตุภาคเมื่อปีก่อน ฝีมือนับว่าล้ำหน้าไปมาก ระดับ 4 คนนี่น่าจะข้ามชั้นไปเรียนวิชาการใช้พลังออลซอร์ทกับปีห้าได้อย่างไม่มีปัญหา
   
                “ถึงจะอู้งานบ้างก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้งครับ”
                ครูฮานน์พอจะเดาอะไรๆได้จากน้ำเสียงในประโยคนั้น แต่ก็ทำตีความไปอีกแบบ
   
                “นั่นสินะ ก็เมื่อปีก่อนน่ะผมทำนอกเวลาไปตั้งเท่าไหร่ เนอะ”
   
                ศาสตราจารย์เฟดเดนเข้าใจว่าครูฮานน์คงหมายถึงการติวเข้มทั้ง 4 คนก่อนการแข่งขันจตุภาค ที่ฝึกกันหนักแทบทุกวันจนพวกเขามีฝีมือขนาดเอาชนะมาได้
   
                แต่ไม่ได้รู้ว่าที่ครูฮานน์พูดถึงนั้น
   
                มันมากกว่านั้นเยอะ
   
                เพราะมันรวมถึงการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลผู้พิทักษ์ทั้ง 7 และการเข้าร่วมสงครามครั้งนั้นด้วย!!
   
                “แต่อย่าอู้บ่อยล่ะครับ ศาสตราจารย์”
   
                ศาสตราจารย์เฟดเดนกล่าวพลางยิ้มอารมณ์ดี
   
                “เดี๋ยวเด็กผมจะแซงเอา”
   
                “คร้าบ อู้บ่อยๆคงไม่ได้ อู้มากเดี๋ยวเงินเดือนก็โดนอู้ไปด้วย” ครูฮานน์กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่สนใจกับพูดดังกล่าวเท่าใดนัก
   
                “ผมพูดจริงนะ เด็กผมตอนนี้ก็ใช่ย่อย ส่งไปเรียนกับพวกเด็กปีสี่ได้สบายๆ”
   
                ครูฮานน์ยิ้ม เด็กปีสี่ พูดอะไรอย่างนั้น หลังจากที่ปราดสายตามองการฝึกเพียงแวบเดียวเขาก็พอจะมองอะไรๆออกอยู่บ้าง เด็กสีเหลืองปีสองพวกนี้น่ะหรือ ฝึกระดับของปีสองไปเถอะ แล้วก็ฝึกต่อไปอีกสักปีสองปีคงใช้ได้
   
                แต่อย่างน้อย ประโยคดังกล่าวก็ทำให้เขารู้อะไรขึ้นอีกมาก
   
                รู้ว่าศาสตราจารย์เฟดคิดเห็นกับเด็กของเขาอย่างไร
   
                คงจะคิดว่าเด็กเขามีฝีมือพอๆกับเด็กปี 4 ปี 5 ล่ะสิ
   
                แต่ที่คิดนั่นใช่ว่าจะถูกหรอกนะ เด็กพวกนี้ผ่านสงครามมาแล้ว อย่าว่าแต่ระดับปี 5 เลย 7 คนนี้ฝีมือล้ำหน้าไปถึงไหนถึงไหนแล้ว!!
               
                “ครับ ก็บอกแล้วว่ากลยุทธ์การสอนของศาสตราจารย์น่ะ แจ่ม”
               
                “ศาสตราจารย์ก็ชมผมเกินไป”
   
                “ไม่เกินไปหรอกครับ นี่ผมมาพาศาสตราจารย์อู้ไปด้วยอีกคนสิเนี่ย ถ้ายังไงผมไม่รบกวนเวลาแล้วล่ะ กลับไปทำงานทำการของตัวเองบ้างดีกว่า”
   
                “ครับ ตามสบาย ไม่ส่งนะครับ ผมไปสอนต่อล่ะ”
   
                ครูฮานน์พยักหน้า ก่อนออกเดินตรงมายังที่ที่สมควรอยู่ตั้งแต่เมื่อ 10 นาทีก่อน
   
                สนามหญ้าหลังหอพักสีน้ำเงิน
               
                                                          **********************
                “หวัดดีทุกคน เช้านี้อากาศดีนะ ว่ามั้ย?”
   
                ครูฮานน์กล่าวพลางทรุดตัวลงนั่ง มีสายตาเด็กๆ 7 คนจับจ้องราวจะกินเลือดกินเนื้อ
   
                สายมาเกือบๆ 30 นาทีแล้ว
   
                “ครูห่าน นี่มันบ่ายแล้ว เช้าที่ไหนกันล่ะ?” เคอัสกล่าว
   
                “ก็ที่ไหนซักที่ในดาวดวงนี้เนี่ยแหละ ที่ที่เพิ่งจะหมุนมาเจอแสงอาทิตย์ไง นี่เขาไม่ได้สอนวิชาอวกาศและดวงดาวกับพวกนายหรือไงกันนะ”
   
                “ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย สายทั้งปีอ่ะครูฮานน์” เอลไลย่าบ่น
   
                “จ้า จ้า ครูผิดไปแล้ว”
   
                “ก็เห็นพูดอย่างงี้ทุกที แล้วก็สายทุกที” แอมเบอร์บ่นบ้าง เพราะขัดเล็บรอจนเสร็จไปตั้งนานแล้ว
   
                “เอาเถอะครับ สรุปว่าวันนี้ทำอะไร” นาธานถาม
   
                “นั่นสินะ ทำอะไรดีล่ะ?”
   
                “อ้าว?!” แทบจะทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน
   
                “วันนี้ใครอยากทำอะไรก็ทำไปแล้วกัน ครูขอนอนต่อล่ะ ง่วง”
   
                “อ้าว?!!” อีกครั้ง
   
                “ก็ครูนึกไม่ออกว่าจะสอนอะไรดี พวกเธอก็เก่งๆกันแล้ว จะให้สอนอะไรล่ะ?”
   
                “อ้าว?!!!” เป็นครั้งที่สาม
   
                “งั้นวันนี้สอน การตั้งการ์ดแล้วกัน”
   
                “สอนไปแล้วครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” จูปิไตกล่าว
   
                “ถ้างั้น เทคนิคการหน่วงเหนี่ยวพลังให้อยู่นานที่สุดล่ะ?”
   
                “สอนแล้วอีกนั่นแหละครับ สองอาทิตย์ก่อน”
   
                “งั้น สอนการใช้พลังออลซอร์ทควบคู่กับการใช้อาวุธ”
   
                “สอนการใช้พลังควบคู่กับดาบไปแล้วครับ เมื่อปีก่อน”
   
                “เอ้า! เห็นมั้ย? สอนจนไม่มีอะไรจะสอนแล้ว”
   
                ครูฮานน์เงียบไปพักหนึ่งก่อนกวาดสายตามองเด็กๆและแสยะยิ้ม
   
                “ถ้าอย่างนั้น วันนี้ .สอบ!!!”   
   
                “เฮ้ย!!!” แทบทุกคนร้องพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายเป็นครั้งที่ 4 ของวัน
   
                “ก็สอนไปหมดแล้วก็ต้องสอบสิ เอาล่ะทุกคนตามครูมา”
   
                แต่ก่อนที่ครูฮานน์จะได้ออกเดินนำ จูปิไตก็ก้าวไปยืนขวางไว้ข้างหน้า นาธานล็อคแขนซ้าย เอลไลย่าล็อคแขนขวา เคอัสกระโดดขึ้นไปขี่หลังและล็อคคอ
   
                “เฮ้ย! ปล่อยครู! มาสามัคคีกันล็อคครูไว้ทำไมเนี่ย?! เคอัสอย่ากดหลอดลม มันหายใจไม่ออก”
   
                “ก็ครูฮานน์ไม่ยอมอยู่พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนี่คะ เลยต้องล็อคเอาไว้ก่อน” เอลไลย่าพูด
   
                “นั่นสิคะครูฮานน์ บอกก่อนว่าจะสอบอะไร แล้วจะสอบได้ยังไง ยังไม่ถึงเวลาสอบกลางภาคเลยนะคะ อีกตั้งนาน” เมอลินด้าร้องท้วงอยู่ข้างหลังครูฮานน์
   
                “สอบได้สิ ก็สอบเก็บคะแนนย่อยเฉยๆไง”
   
                “จู่ๆก็บอกสอบอย่างงี้ไม่ได้นะครูฮานน์ มันต้องให้เวลาเด็กเตรียมตัว อย่างน้อยบอกอาทิตย์นี้ แล้วอาทิตย์หน้าสอบก็ยังดี” แอมเบอร์ท้วง
   
                “สอบมันอาทิตย์นี้แหละดีแล้ว ปล่อยครูได้ยัง? มันอึดอัดนะเนี่ย”
   
                “ปล่อยครูห่านก็จับพวกเราสอบน่ะสิ เรื่องอะไร” เคอัสพูดพลางล็อคคอครูฮานน์แน่นขึ้น
   
                “ไม่ปล่อยงั้นครูไปทั้งอย่างงี้จริงๆด้วย”
   
                นิ่ง
   
                ทุกคนยังคงค้างไว้ท่าเดิม
   
                ครูฮานน์ถอนหายใจก่อนเริ่มก้าวขาทั้งสองข้างที่ไร้พันธนาการออกไป ถึงจะต้องกระเตงๆลูกศิษย์ลูกลิงไปด้วย แต่ครูฮานน์ก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ แม้จะค่อนข้างลำบาก แอมเบอร์เห็นท่าจะไม่ดี รีบขัดขาครูฮานน์เอาไว้ก่อน ทำให้ครูฮานน์ที่เพิ่งก้าวไปได้สองก้าวล้มคว่ำลงบนพื้นหญ้า น้ำหนักของคน 5 คนก็กดทับลงบนส่วนต่างๆของร่างกายทันทีจนไม่สามารถขยับตัวได้ มีเพียงส่วนศีรษะที่พลิกซ้ายพลิกขวาได้เท่านั้น พลิกไปพลิกมาก็หันไปเห็นตัวช่วยอีกสองคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
   
                “เจมิไนช่วยครูด้วย!”
   
                เจมิไนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เฉยๆ สะบัดพัดออกจนเกิดเสียงดังพรึ่บ! ครูฮานน์ยิ้มอย่างแน่ใจว่ารอดแล้วแน่ๆ แต่เจมิไนก็เพียงแค่ยืนพัดอยู่อย่างนั้น รอยยิ้มหุบไปแทบจะในทันที
   
                “เมอลินด้า เด็กจิตใจงดงามอย่างเธอทนดูครูถูกทรมานทรกรรมอยู่อย่างงี้ได้ยังไง ช่วยครูหน่อยน้า”
   
                เมอลินด้าถอนหายใจยาว
   
                “ทุกคนปล่อยครูฮานน์เถอะจ้ะ นะ สงสารครูฮานน์ อีกอย่าง สอบๆให้มันเสร็จไปซะก็ดีไม่ใช่เหรอจ๊ะ ครูฮานน์คงไม่โหดกับพวกเราหรอก สอบย่อยยังไงก็ได้เต็มกันทุกคนเหมือนเดิมนั่นแหละ”
   
                หลังจากได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเมอลินด้า น้ำหนักที่เคยกดทับก็ค่อยๆหายไปอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก จนกระทั่งครูฮานน์เป็นอิสระสามารถลุกขึ้นยืนได้ เขาทำทีเป็นปัดฝุ่นออกจากเสื้อก่อนออกวิ่งจู๊ดนำหน้าไปโดยที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว ตะโกนทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
   
                “ใครไปถึงคนสุดท้ายตก!! ครั้งนี้จะเอาแบบโหดๆเลยคอยดู!!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น