ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KOREA TRIP รักนี้ไม่เคยจางไป

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 : การพบกันของเค้าและเธอ

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 57


    แพรวพรรณรายเดินลงมาในชุดเดรสแขนยาวสีชมพู สวมทับด้วยเสื้อโค้ชยาวสีขาว หญิงสาวเดินออกไปนอกตัวบ้านอย่างช้าๆ มือบางๆกุมโทรศัพท์ไว้ด้วยอาการเจ็บปวดหัวใจที่ยังไม่หายไป หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้ภายในสวน หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาในฤดูหนาว น้ำใสๆเริ่มไหลออกจากดวงตาเมื่อพานคิดถึงเรื่องที่เธอต้องพบเจอก่อนจะหนีมาอยู่ที่นี่ ผมยาวสีน้ำตาลเต็มไปด้วยสีขาวจากละอองหิมะที่ตกลงมา หน้าที่เคยขาวอยู่แล้วยิ่งซีดลงไปอีกเมื่อต้องปะทะกับลมเย็นๆ หญิงสาวซุกหน้าลงกับมือทั้งสองข้าง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเจ็บปวด ร่มสีใสถูกกลางขึ้นเหนือศรีษะหญิงสาวเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มตัวโตคลุมเสื้อโค้ชหนังที่แสนอุ่นลงบนร่างบางๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่ เมื่อรู้สึกถึงผู้มาเยือน หญิงสาวก็ผละขึ้นจากมือทั้งสองข้าง

    “ข้างนอกมันหนาวนะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หญิงสาว
    “ถ้าไม่สบายไปจะแย่นะคุณหมอ” เค้าพูดขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวโผลเข้ากอดชายหนุ่มก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกที ชายหนุ่มปล่อยร่มก่อนจะกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมอกแกร่งๆ หญิงสาวซุกหน้าร้องไห้อย่างเสียใจ ชายหนุ่มลูบผมหญิงสาวเบาๆอย่างเจ็บปวด

    “ร้องมาเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบาๆก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้หญิงสาวอุ่นที่สุด มือหนาๆลูบผมหญิงสาวอย่างอ่อนโยน เมื่อร้องไห้จนพอใจหญิงสาวจึงผละตัวออกมาจากชายหนุ่ม

    “ขอโทษนะ เจอกันวันแรกก็ต้องมาปลอบกันเลย” แพรวพรรณรายเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มยิ้มหวานให้หญิงสาว

    “ไม่เป็นไร เข้าบ้านกันเถอะ คนอื่นคนหิวกันแย่แล้ว” ชายหนุ่มพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนและยื่นมาหนาๆมาให้หญิงสาว แพรวพรรณรายจับมือชายหนุ่มก่อนจะดันตัวให้ลุกขึ้นยืนและเดินตามชายหนุ่มเข้าบ้านไป

                อาหารหลากหลายชนิดถูกจัดวางบนโต๊ะอย่างสวยงาม ชายหนุ่มเดินจูงมือหญิงสาวมานั่งก่อนที่เค้าจะเดินกลับไปนั่งที่ของตนเอง พัทธนพัทธ์และพิทธภูสนะมองตามชายหนุ่มอย่างไม่ว่างตา เมื่อชายทุกคนนั่งประจำที่ตนเองเสร็จเรียบร้อย พิทภูสนะจึงเอ่ยขึ้น

    “พี่เจมส์รึเปล่าครับ” หนุ่มน้อยเอ่ยถามชายคนข้างหน้า ชเวจีมินยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ารับ พิทธภูสนะเอื้อมมือไปจับมือชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจ

    “ผมคิดถึงพี่เจมส์จัง” พิทธภูสนะเอ่ย

    “ไม่คิดเลยนะว่าน้องพิทโตมาแล้วจะหล่อขนาดนี้” ชเวจีมินเอ่ยขึ้นชมหนุ่มน้อย พิทธภูสนะยิ้มแป้น

    “พิท โตแล้วนะไม่ใช่เด็ก 10 ขวบ” พัทธนพัทธ์เอ่ยขึ้นบ้างเมื่อเห็นอาการดีใจอย่างออกนอกหน้าของน้องชายคนเล็ก ชเวจีมินยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างขำสองพี่น้อง นึกถึงครั้งแรกที่เค้าได้ทำงานเป็นผู้ช่วยไกด์ ตอนนั้นเค้าพึ่งจะเรียนอยู่ปีสี่เองด้วยซ้ำ ตอนนั้นพัทธนพัทธ์พึ่งจะอายุ 14 ส่วนหนุ่มน้อยพิทธภูสนะพึ่งจะอายุ 10 ขวบ

    10 ปีผ่านไปเร็วจริงๆเลยน่ะจีมิน ไม่นานนายก็ได้เป็นหมอแล้ว” แบซูบินเอ่ยขึ้นยิ้มๆเมื่อนึกถึงชายหนุ่มที่เคยไปช่วยเค้าทำงาน ชเวจีมินยิ้มออกมาก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่เยื้องๆเค้า สาวตากลมโตผมน้ำตาลที่เคยมีรอยยิ้มที่สดใสเมื่อ 10 ปีก่อน

    “จีมินเป็นหมอที่ดีมากเลยนะแพรวเวลาอยู่โรงพยาบาลต่างจากนายแทฮี” วาสิทธีเอ่ยขึ้นกระแทกคนที่นั่งติดกับชายหนุ่ม ชเวจีมินกับแพรวพรรณรายยิ้มออกมาอย่างขำๆ ส่วนเจ้าของชื่อนั่งทำหน้าบูดเป็นตูดปลาหมึกอยู้ข้างๆชายหนุ่ม ชเวจีมิน นายแพทย์หนุ่มรูปหล่อที่แสนจะรักเด็ก บุคลิกขี้เล่นและความขี้อ้อนของเค้าทำให้หญิงสาวตกหลุมรักได้ไม่ยาก ไม่ต่างกับยูแทฮีทันตแพทย์หนุ่มน่ารัก หนุ่มจอมทะเล้นและกวนโอ๊ยทำให้เป็นคู่กัดกับวาสิทธีมาตั้งแต่สมัยเรียน

    “นี้อึนซู เงียบปากของเธอไปก็ไม่มีใครว่านะ” ยูแทฮีพูดก่อนจะแยกเขี้ยวขู่หญิงสาว วาสิทธีแลบลิ้นกวน

    “ทำไมแทฮีถึงเรียกวาว่าอึนซูละ” แพรวพรรณรายเอ่ยถามเมื่อได้ยินยูแทฮีเรียกวาสิทธีในชื่อที่ต่างกันออกไป วาสิทธีเตะขายูแทฮีอย่างแรงก่อนจะเอ่ยขึ้น

    “วาไม่มีชื่อเกาหลีนะ เพื่อนๆก็เลยตั้งชื่อให้ชื่อชินอึนซู” ทันตแพทย์สาวออกตัว ยูแทฮีทำหน้ามู่ทู่ก่อนจะแยกเขี้ยวขาวๆใส่ทันตแพทย์สาวอีกครั้ง

    “จริงๆระหว่างที่พี่แพรวอยู่ที่นี่หน้าจะหาคลีนิกทำงานนะ แก้เบื่อแถมได้เงินด้วย” พิทธภูสนะพูดขึ้นก่อนจะตักอาหารเข้าปาก พัทธนพัทธ์มองน้องชายตัวดีอย่างเคืองๆ

    “พักผ่อนให้พอเถอะพี่แพรว ป๊าให้เงินมาเยอะแยะ ให้สบายใจก่อนดีกว่า” พัทธนพัทธ์พูดปลอบพี่สาวเมื่อเห็นว่าสีหน้าของหล่อนเริ่มเป็นกังวลจากเรื่องค่าใช้จ่าย

    “นั้นสิ อยู่กับแบไม่ต้องออกอะไรเลย จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้” แบซูบินพูดสมทบขึ้นเมื่อยังไม่เห็นว่าสีหน้ากังวลของหญิงสาวจะคลายลง

    “ถ้าอยากทำงาน เจมส์จะช่วยหางานให้” ชเวจีมินพูดก่อนจะตักข้าวเข้าปาก แพรวพรรณรายเงยหน้ามองชายหนุ่ม

    “ถ้าไปทำงานกับเจมส์ พัทกับพี่แบจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงไง” ชเวจีมินเอ่ย แบซูบินมองหน้าชเวจีมินอย่างรู้ทัน พัทธนพัทธ์มองหน้าพี่สาว

    “ถ้าไปทำเพราะว่าเบื่อ พัทก็สนับสนุนนะพี่แพรว แต่ถ้าไปทำเพราะว่าจะหาเงินอะไม่ต้องเลย ป๊ามีให้” พัทธนพัทธ์พูดกับพี่สาวที่นั่งนิ่งเงียบ สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธอ แพรวพรรณรายคาบช้อนอย่างใช้ความคิด

    “ถ้าแพรวจะขอทำเรื่องโอนมาทำงานที่นี่จะได้รึเปล่าวา” หญิงสาวหันไปถามวาสิทธีที่นั่งอยู่

    “อืม วาก็ไม่รู้สิ วาเรียนจบจากที่นี่อ่าสิ แต่จีมินหน้าจะลองถามผอได้” วาสิทธีหันหน้าไปบอกชเวจีมิน

    “อืม เดียวเจมส์ลองถาม ผอ ดูนะ แพรวจะได้ไม่ต้องนั่งเบื่ออยู่บ้าน” ชเวจีมินเอ่ยขึ้น แพรวพรรณรายยิ้มออกมาเบาๆ

    “ขอบคุณน่ะ” หญิงสาวเอ่ย พัทธนพัทธ์จับมือพี่สาว

    “ฝากด้วยนะครับพี่เจมส์” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะโค้งให้คนตรงหน้าแทนคำขอบคุณ ชเวจีมินยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร ยูแทฮียิ้มหวานให้แพรวพรรณราย

    เวลาผ่านไปรวดเร็ว เพียงไม่กี่อึดใจแพรวพรรณราย พัทธนพัทธ์และพิทธภูสนะก็มาอาศัยอยู่กับแบซูบินและวีรดาได้เกือบเดือนแล้ว ชเวจีมินพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้แพรวพรรณรายได้ไปทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกับเค้า ซึ่งได้ตัวช่วยที่ดีอย่างยูแทฮีและวาสิทธีคอยเป็นแรงประสานงานในที่ต่างๆให้ แพรวพรรณรายกับวาสิทธีกลายเป็นเพื่อนซี้กันอย่างรวดเร็ว เนื่องจากได้วาสิทธีคอยช่วยในเรื่องต่างๆแล้วยังได้วาสิทธีที่เป็นไกด์พาสามคนพี่น้องไปเที่ยวนู้นนี้ด้วยเช่นกัน

    “พรุ่งนี้ตอนเย็นวาเลิกเวรเร็วไปไหนกันดีแพรว” วาสิทธีเอ่ยถามแพรวพรรณรายขณะที่นั่งดูหนังอยู่ในห้องรับแขก พิทธภูสนะเดินออกมาแนะนำสถานที่เที่ยว

    “ไปเล่นสกีกันปะ คราวที่แล้วยังเล่นไม่จุใจเลย” น้องชายคนเล่นของอัครวานิชโยธินเอ่ย

    “ก็ดีนะ ไปนอนที่นั่นสักคืนก็ได้ เก็บบรรยากาศเก่า” แพรวพรรณรายเอ่ยสมทบเมื่อเห็นน้องชายคนเล็กออกอาการอยากมากมาย

    “อืม ก็ดี พัทก็อยากเล่นสกีเหมือนกัน หน้าหิมะตกอย่างงี้ต้องเล่นสกีถึงจะรู้สึกถึงหิมะ” พัทธนพัทธ์บอกพี่สาว วาสิทธีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    “อืมก็ดีนะ” วาสิทธีเอ่ยบอก

    “อืมม ชวนเจมส์กับแทฮีไปด้วยกันสิ ไปกันหลายๆคนจะได้สนุกหน่อย” แพรวพรรณรายเอ่ยขึ้นมา สายตาสามคู่จ้องมองไปที่หญิงสาว

    “เอิ่ม ไม่ชวนก็ได้อะ” หญิงสาวตอบเสียงเบาลง

    “ไม่ได้ว่าไรนี้ครับ เป็นความคิดที่ดีนะ” พัทธนพัทธ์เอ่ยยิ้มๆ พิทภูธสนะเหล่มองพี่สาวอย่างมีพิรุจ

    “โอเคร งั้นเดียวฉันไปชวนสองหนุ่มนั้นให้ แต่ตอนนี้ฉันขอขึ้นบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้ทำงานเช้าออกเวรเย็น” วาสิทธีบอกก่อนจะขอตัวขึ้นบ้าน สองหนุ่มขึ้นมาประกบข้างพี่สาว

    “เดี๊ยวนี้อะไรๆก็พี่เจมส์นะพี่แพรว”  พิทธภูสนะเอ่ยแซว แพรวพรรณรายหน้าแดง

    “นั้นสิ อาทิตย์นี้รู้สึกว่าจะพูดถึงพี่เจมส์บ่อยนะ” พัทธนพัทธ์หยอกเย้าพี่สาว แพรวพรรณรายตีแขนน้องชาย

    “อยากให้พี่กลับไปเศร้าไหมละ พัท พิท” หญิสาวถามแกล้งๆ สองหนุ่มหน้าเสีย

    “เห็นพี่แพรวมีความสุข พัทกับพิทก็มีความสุขตาม อย่าไปนึกถึงไอต้นมันอีกเลยนะพี่แพรว” พัทธนพัทธ์บอกพี่สาว

    “ใช่ พิทกับพี่พัทชอบให้พี่แพรวร่าเริงเหมือนเก่ามากกว่านะ” พิทธภูสนะบอกพี่สาวก่อนจะก้มลงไปนอนบนตักอ้อนเหมือนเด็กน้อย แพรวพรรณรายยิ้ม

    “พี่ขอโทษนะที่ทำให้พัทกับพิทเป็นห่วงพี่มาตลอดเลย” หญิงสาวพูดก่อนจะกอดคอน้องชายคนโต

    “ไม่เป็นไรครับพี่ อย่าลืมสิว่าเราเป็นพี่น้องกัน ไม่มีอะไรที่พัททำให้พี่แพรวกับพิทไม่ได้”

    “และก็ไม่มีอะไรที่พิทจะทำให้พี่แพรวกับพี่พัทไม่ได้”

    “จ่ะ แล้วก็ไม่มีอะไรที่พี่จะทำให้กับเราสองคนไม่ได้เหมือนกัน เพราะเราคือพี่น้องกัน” หญิงสาวพูดก่อนที่จะดึงน้องชายสองคนมากอด สามคนพี่น้องกอดคอกันอย่างสุดรักสุดหวง
     



     

    ____________________________________________________

    ลงรูปสองหนุ่มของอัครวานิชโยธินให้แล้วนะค่ะ
    มีใครกรี๊ดบ้างง

    18 March 2014

    mcriene    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×