ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ex girlfriend : ภารกิจร้ายดัดนิสัยยัยแฟนเก่า

    ลำดับตอนที่ #4 : เดินไปด้วยกัน

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 57


    “เอาหล่ะ มากันครบแล้ว เริ่มประชุมต่อเลยนะครับ”

    “เรื่องของที่จะแจก ตาร์ว่าเอาเป็นถุงผ้ามั้ยคะ รักษ์โลกกันนิดนึง” เธอหยุดพูด เพื่อดูปฏิกิริยาของคนในห้องประชุม ก่อนที่จะพูดต่อ

    “ส่วนลาย ก็จะเป็นกระเป๋าสีขาวค่ะ แล้วก็จะมีรูปมืออยู่ตรงหูจับ จะได้ดูเหมือนการเดินจับมือไปด้วยกันค่ะ มัน...อบอุ่นดี”

    ใช่...มันอบอุ่นจริงๆ รู้สึกดีแบบบอกไม่ถูกเลย

    “แรงบันดาลใจมาจากไหนเนี่ย ไปจับมือใครมาหรอไอ้ตาร์” เสียงนินจาถาม พอสิ้นเสียงคำถามทุกคนในห้องก็พากันกรี๊ดกร๊าดกันตามประสา

    ตอนนี้เธอทำตัวไม่ถูกแล้ว ขืนปล่อยไว้แบบนี้ ผมว่ามันไม่ดีแน่...

    “ทุกคนพอได้แล้วครับ!!” ตอนนี้ทุกคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว รวมทั้งกีตาร์ด้วย บรรยากาศในห้องเงียบลง เงียบ เงียบมากจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเสียงแอร์จะดังเกินไปแล้วนะ

    “แก๊ก” ผมได้ยินเสียงอะไรสักอย่างตก ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่มันก็ทำให้ผมได้สติกลับคืนมา

    “เอ่อ ผมหมายถึงเรามาประชุมกันต่อดีกว่านะครับ” ผมพูดก่อนจะนั่งลงอย่างช้าๆ ผมทำอะไรไปเนี่ย?? ตอนนี้คนเดียวที่ผมกล้าสบตาคือกีตาร์ แต่เจ้าตัวก็ดันมาหัวเราะอีก หมดกันๆ ภาพลักษณ์ของผม ม่ายยยยย...

    “พี่ว่าก็ดีนะ ใครมีอะไรเสนออีกมั้ย??” พี่แก้วเรียกบรรยากาศให้กลับมาปกติขึ้น

    “เอาอันนี้แหละค่ะ/เอาด้วย/ผมเห็นด้วยครับ”

    “ว่าแต่เรื่องผ้าเราจะหาซื้อที่ไหนดีละ??”

    “เรื่องนั้นเดี๋ยวตาร์ ลองไปดูตามร้านให้ค่ะ เดี๋ยวไปวันนี้เลย จาแกไปกับฉันนะ เย็นนี้” กีตาร์พูดพร้อมกับหันไปหาเพื่อนชาย

    “เอ่อ...ฉันไม่ว่างว่ะ ขอโทษนะ”

    “ไม่เป็นไรๆ”

    “เอ่อ...ผมว่างครับ” เอาอีกแล้ว สายตาแบบนี้ ผมทำอะไรผิดมากเนี่ย??

    “อย่างนั้นบอสก็ไปกับกีตาร์สิค่ะ” คุณนัทพูดเพื่อเปลี่ยนบรรยกาศอีกรอบ ค่อยยังชั่วหน่อย

    “อย่างนั้นวันนี้ก็ปิดประชุมเท่านี้นะครับ เดี๋ยวถ้ามีอะไรผมจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีหนึ่ง”

    พนักงานเริ่มทยอยออกจากห้อง กีตาร์ก็ด้วย ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอ

    “เลิกงานแล้ว รอผมด้วยนะ เดี๋ยวไปรถผม”

    “เอ่อ...คือ” กีตาร์พูดก่อนที่จะมองมาที่มือของผม ที่กำลังกุมมือเธออยู่...

    “ผมขอโทษนะ...” ผมพูดก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือเธอ พอมือของเราหลุดออกจากกัน เธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป

    “เจอกันนะค่ะ”  กีตาร์พูดโดยที่ไม่หันหลังกลับมาเลย ผมแค่อยากรู้ว่าเธอจะยิ้มอยู่เหมือนผมตอนนี้หรือเปล่า

     

     

    วันนี้ผมรีบเคลียร์งานเสร็จแบบ เร็วมากๆ ไม่ได้พักเลย พอคิดถึงตอนเคลียร์งานเมื่อกี้ ก็ขำตัวเองที่ทำตัวบ้าๆ ขึ้นทุกวัน แต่ผมว่า ใช้ชีวิตแบบบ้าๆ มันก็มีความสุขดีนะ มากที่สุดเท่าที่เคยมีเลยหล่ะ

    “บอสค่ะ ไปกันเถอะค่ะ” กีตาร์พูดพร้อมกับสะกิดผมจากด้านข้าง

    “ตอนนี้เลิกงานแล้ว เรียกเอฟเอ็มเฉยๆ ก็ได้นะ” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าเธอ รอยยิ้มจางๆ บนหน้าเธอ

    “ค่ะบอส” ผมพึ่งบอกไปเมื่อกี้ไม่ใช่หรอว่าให้เรียกชื่อเฉยๆ ตอนนี้ผมรู้สึกอยากเอามือไปขยี้หัวผู้หญิงคนนี้จังเลย...

    “บอสค่ะ คือ...” เห้ย!! ผมได้สติจากเสียงเรียกของเธอ ตอนนี้มือผมกำลังทำให้หัวเรียบๆ ของกีตาร์ยุ่งเหยิงหมดแล้ว

    “ผมขอโทษนะ..” ผมเปลี่ยนจากมือที่ขยี้หัว ไปเป็นจัดผมให้แทน

    “เราไปกันเถอะค่ะ” เธอพูดก่อนจะเดินนำผมออกไป นี่เธอโกรธผมหรือเปล่าเนี่ย??

    บรรยากาศบนรถเป็นไปอย่างสงบ ผมหันมองเธอที่ตอนนี้นั่งมองแต่หน้าต่าง ตอนนี้ผมควรจะทำยังไงเนี่ย??

    “เราแวะไปกินข้าวก่อนนะ ผมหิวแล้ว” ผมเริ่มต้นพูดคำแรก หลังจากที่ขึ้นมาบนรถนานมากแล้ว

    “ค่ะ”

    “อย่างนั้นกินก๋วยเตี๋ยวนะ”

    “ค่ะ”

    ตอบเป็นคำเดียวหรือไงเนี่ย?? ผมไม่เข้าใจความคิดผู้หญิงเลย แค่ขยี้หัวเอง โกรธขนาดนี้เลยหรอ??

    “เอ่อ...นี่คุณปกติพี่ชายคุณมารับมาส่งทุวันเลยหรอ??”

    “ค่ะ”

    “คุณดูรักกันจังเลยเนอะ”

    “ค่ะ”

    “คุณว่าผมหล่อมั้ย??”

    “ค่ะ เอ้ย!!” ตามแผน ผมยิ้มกับการถูกชมแบบไม่ได้ตั้งใจ ฮ่าๆ รอยยิ้มของกีตาร์คนเดิมกลับมาแล้วสินะ

    “หลงตัวเอง” กีตาร์พูดกวนๆ ก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถที่จอดสนิท

    ตอนนี้รถมาจอดอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังที่ใครๆ ในย่านนี้ก็รู้จัก ภายในร้านเป็นสีขาว ตกแต่งด้วยรูปภาพของครอบครัวมีเด็กๆกับพ่อแม่ ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นครอบครัวของเจ้าของร้าน มันทำให้รู้สึกอบอุ่น และอิจฉาคนในภาพ ที่ดูมีความสุขมากจริงๆ

    ผมละสายตาจากผนังของร้าน มาสนใจพนักงานในร้านที่เข้ามารับรายการอาหาร

    “เส้นเล็กหมูตุ๋นน้ำตกครับ/เส้นเล็กหมูตุ๋นน้ำตกค่ะ” ผมกับกีตาร์พูดพร้อมกัน ทำให้พนักงานในร้านยืนขำเราสองคน

    “รับน้ำอะไรดีค่ะ??” พนักงานคนเดิมถามหลังจากที่จดๆ อะไรสักอย่างลงบนกระดาษที่ถือมา

    “น้ำเปล่าครับ/น้ำเปล่าค่ะ” อีกแล้ว มันไม่แปลกสักหน่อยที่คนสองคนจะกินน้ำเปล่าเหมือนกัน แต่ยัยพนักงานคนนี้ขำอะไร เราสองคนอีกแล้วเนี่ย

    เมื่อได้ก๋วยเตี๋ยวมาผมจัดการหยิบช้อนและ... อ่าว! ไม่มีส้อมหรอ??

    ผมหันมองกีตาร์ที่ตอนนี้กำลังกินก๋วยเตี๋ยวอย่างเมามัน เหมือนโดนแกล้งยังไงไม่รู้

    “คุณไม่กินละคะ??”

    “เอ่อคือ...มันไม่มีส้อมอ่ะ”

    “ก็ตะเกียบไง” เธอพูดพร้อมกับมองไปที่ตะเกียบที่เสียบอยู่เป็นร้อยๆ อัน

    “อย่าบอกนะว่า...” กีตาร์พูดลากเสียงยาว พร้อมกับเลิกคิ้วสูง

    “น้องมีส้อมมั้ยครับ” ผมเปลี่ยนประเด็นหันไปถามเรื่องส้อมน้องพนักงานแทน แต่ก็ไม่วายถูกคนที่พามาด้วยหัวเราะอยู่ตรงหน้า

    กีตาร์วางเครื่องมือทุกอย่างลง เหมือนจะรอกินพร้อมกัน ไม่นานมากน้องพนักงานก็เดินมา ผมมองเธอด้วยสายตาที่คาดหวังมากๆ

    “ไม่มีส้อมค่ะ” ความทุกอย่างพังทลาย ไม่!! ก๋วยเตี๋ยวของผม... ผมเอามือหยิบช้อนมาตักน้ำและเนื้อที่สามารถตักได้มากิน

    “มานี่ ฉันสอนเอง” กีตาร์คงทนสงสารผมไม่ไหว หยิบซองตะเกียบใหม่มาแล้วแกะ ก่อนที่จะมาใส่ในจานผม

    “เอามาจับแบบนี้” เธอพูดก่อนจะจับตะเกียบให้ผมดู

    “แล้วตอนตักก็บีบมัน แล้วจะคีบได้แบบนี้” ผมทำตามเธอทุกอย่าง ตอนนี้เธอคีบลูกชิ้นเข้าปากไปเคี้ยงอย่างอร่อยแล้ว ตาผมแล้ว ค่อยๆคีบ อ่าได้แล้ว ยกขึ้นมาเรื่อยๆ เห้ย!! ได้แล้วๆ ค่อยๆๆๆ จะเข้าปากแล้ว อีกนิดเดียว อีกนิด จะถึงแล้ว มาถึงแล้ว อ้ามมม.... ตึก!! มันหล่นลงไปในชามอีกแล้ววว

    “ไม่เอาแล้ว ใช้ช้อนก็ได้” ผมพูดอย่างหัวเสีย

    “ให้ฉันป้อนมั้ย??” ป้อน นี่หมายถึงเธอจะป้อนก๋วยเตี๋ยวผมหรอ จะมาคิดทำไมเนี่ย เอาดิ

    “เอาๆๆๆ” ผมตอบแบบไม่ทันคิด (จริงๆ ก็คิดไปแปปนึง)

    กีตาร์พูดก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบชามก๋วยเตี๋ยวของผม ไป แล้วคีบเส้นมาใส่ปากผม อั้ม!! อร่อยจัง ผมว่ามันอร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินเลยแหละนี่เพราะคนป้อนล้วนๆ เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ

    ผมใช้เวลาในการกินก๋วยเตี๋ยวชามแรกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตามมาอีกสามชาม นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องไปซื้อของ ผมคงกินทั้งคืนแน่ๆ เลย ก็มีคนป้อนขนาดนี้ ใครจะยากหยุดกินกันเล่า...

    “คิดเงินด้วยครับ” ผมยกมือขึ้นเพื่อเรียกพนักงานในร้านมาเก็บเงิน แต่มีผู้ชายหน้าจีนๆ คนนึงเดินมาเก็บ ดูจากหุ้นที่อ้วนพุ้ย คงน่าจะเป็นเจ้าของร้าน

    140 บาก(บาท)” เสียงแกพูด ยิ่งบอกว่าแกเป็นคนจีน ผมยิ้มกับสำเนียงของแกก่อนจะจ่ายเงินไป

    “ลื้อสองคงผัวเมียนี่รักกังดีจังเลยเนอะ (ลื้อสองคนผัวเมียรักกันดีจังเลยนะ)” แกพูดด้วยคามชื่นชมมากๆ แต่เราสองคนสิครับ

    “อ่อเราไม่../ไม่ใช่ค่ะ”

    “อ่อๆ ยังไม่ล่ายแต่งงางสินะ แต่งกังไวๆ ละ ถ้ามีลูกเลี้ยวเอามาให้อั้วลูบ้างเนอะ อีต้องน่ารักแน่ๆ เลย เดี๋ยวอั้วเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวรับฝัง (อ่อๆ ยังไม่ได้แต่งงานสินะ แต่งกันไวๆ ละ ถ้ามีลูกแล้วเอามาให้อั้วดูบ้างนะ อีต้องน่ารักมากเลย เดี๋ยวอั้วเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวรับขวัญ)”

    “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเอามาให้แป๊ะดู ไปคุณผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวฟรี” ผมพูดแบบทะเล้นๆ ใส่แป๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้ว ดึงกีตาร์ตามมาด้วย

    “ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย?? จะพาฉันไปไหน” เธอพูดแบบโกรธๆ แต่แก้มเธอแดงบ้าง ผู้หญิงคนนี้กำลังเขินอยู่ใช่ไหมครับ??

    “ก็ไปซื้อผ้าไง หรือคุณคิดอย่างอื่น” ผมพูดพร้อมกับเปิดประตูรถ ก่อนจะผายมือเป็นการเชิญให้กีตาร์ขึ้นรถ แล้วก็ตามมาขึ้นรถตรงที่คนขับ

    “เราจะไปดูผ้ากันที่ไหนเหรอ??”

    “เดี๋ยวคุณขับตรงไป แล้วจะมีทางแยก เลี้ยวซ้าย มันจะเป็นตลาดผ้าใหญ่ๆ”

    “ขอรับ คุณผู้หญิง” ผมพูดล้อเลียน เธอเบ้ปากใส่ผม ก่อนที่เราจะหัวเราะออกมาทั้งคู่

    คำว่าตลาดใหญ่ของเธอผมว่ามันไม่ควรใช้นะ ต้องเป็นตลาดใหญ่มากๆๆ ต่างหาก ตอนนี้ผมอยู่ร้านแรก แต่ยังมองหาร้านสุดท้ายไม่เจอเลย มันต่อกันยาวไปหมด ดีนะเนี่ยที่กินก๋วยเตี๋ยวมาเต็มที่

    ผมเผลอแปบเดียว กีตาร์ไปไหนแล้วเนี่ย ?? ผมรีบออกมาจากรถ พอเห็นเธอกำลังเดินไปที่ร้านผ้า ก็รีบล็อกรถแล้ววิ่งตามไปทันที

    เราเข้ามาดูผ้าในร้าน “อาภรณ์รำภา” เป็นร้านสีฟ้าทั้งร้าน ย้ำว่าทั้งร้าน ขนาดเสื้อผ้าของพนักงานในร้านยังฟ้าเลย ดีนะที่ยังมีผ้าสีอื่นที่ไม่ใช่สีฟ้าในร้าน ไม่อย่างนั้นพนังงานในร้านพวกนี้คงพรางได้แล้วแน่ๆ

    “สวัสดีค่ะ มาดูผ้าเอาไปทำถุงผ้านะค่ะ”

    “อ๋อค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวร่างท้วม ม้วนผมอยู่ในเน็ตผูกผมอย่างเรียบร้อย ไม่ใช่แค่เธอหรอก แต่พนักงานผู้หญิงทุกคนก็ต้องทำแบบนี้

    เธอเดินนำเรามาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง พอเปิดเข้าไป ก็เป็นม้วนผ้าอีกเป็นร้อยๆ ม้วน ผมหันไปมองประตูอีก เกือบยี่สิบบาน ร้านนี้มีผ้าทุกชนิดบนโลกเลยมั้ยเนี่ย??

    เราดูผ้ากันอยู่นานพอสมควร กีตาร์ก็บอกว่าเดี๋ยวมาดูใหม่ นี่ก็ร้านที่สิบห้าแล้ว ผมล่ะไม่เข้าใจผู้หญิงเลย ว่าเลือกอะไรอยู่ ผมก็เห็นมันเป็นผ้าเหมือนกันหมดนั้นแหละ

    “เอาสามสีนี้ค่ะ อย่างละ 100 เมตร” ซื้อแล้วๆ เย้ !! ผมรู้สึกว่าเรี่ยวแรงกลับมาอีกครั้ง อย่างน้อยผมก็ไม่จำเป็นต้องไปถึงร้านสุดท้ายแล้วสินะ

    “นี่เดี๋ยวเอาผ้าไปไว้ที่บ้านผมก่อนนะ แล้วเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”

    “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันให้พี่มารับก็ได้”

    “ไม่ได้ ผมพาคุณมา ผมก็ต้องส่งให้ถึงบ้าน ตกลงนะ” เธอพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
     

    มาต่อแล้ว เป็นยังไงก็บอกได้นะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×