คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เพราะคุณ
เพราะคุณ
“ฮะโหล ใช่คุณกีตาร์หรือเปล่าครับ??”
“ค่ะ ใช่ค่ะ ใครค่ะ” เสียงของเจ้าของโทรศัพท์ตอบรับเลขหมายที่ไม่เคยรู้จัก
“ผมเอฟเอ็มครับ จะถามว่าถึงบ้านหรือยัง??” เจ้าของเลขหมายใหม่ก็คือ หัวหน้าคนใหม่ของเธอนั่นเอง
“อ๋อ ถึงแล้วค่ะ แล้วนี่คุณเอาเบอร์ฉันมาจากไหนคะ ??”
“พอดีพี่แก้วให้มาครับ” ผมตบปากตัวเองก่อนจะโยนคามิดจากการโกหกไปให้ไกลตัวที่สุด เอามาจากพี่แก้วที่ไหนล่ะ ผมต้องขับรถกลับมาที่บริษัทแล้วก็ดูจากแฟ้มประวัติพนักงาน เพื่ออะไรว่ะครับ??
“นอนได้แล้วดึกแล้ว” ผมหยุดความคิดทุกอย่างไว้เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายแทรกเข้ามา
“ค่ะๆ ไปแล้วค่ะ บอสคะ ฉันไปนอนก่อนนะคะ ฝันดีค่ะ”
“เอ่อ.. ครับ ฝันดีครับ” ยังไม่ทันจะพูดจบ เธอก็ตัดสายไปก่อน เฮ้อ!! อารมณ์เดิมอีกแล้ว
ผมขับรถกลับมาถึงบ้าน ก็วิ่งใส่คอมพิวเตอร์ทันที แล้ว search หาถึงอาการที่ผมเป็นทั้งหมดวันนี้ ก่อนจะตัดสินใจ โพสต์ถามในบล็อกสังคมชื่อดังที่ทุกคนรู้จักกันดี
“วันนี้ครับ ผมทำงานวันแรก ก็ได้รู้จักพนักงานใหม่ ตอนเจอครั้งแรกใจผมก็เต้นแปลกๆ อ่ะครับ แล้วก็เป็นอีกสองสามครั้งตอนที่เธอมีคนอื่นมารับ แล้วก็ได้ยินเสียงผู้ชายอยู่ในสายของเธอ ผมเป็นอะไรครับ??”
ผมโพสต์ถามก่อนที่จะทิ้งกระทู้นั้นไว้ แล้วลุกไปอาบน้ำ เฮ้อ ...ผมอยากเจอเธอเร็วๆ จังเลย
หลังจากอาบน้ำก็มาเช็คคนตอบกระทู้ ก็ไม่มีอะไรมากส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า รักมั้ง ปิ๊งปั๊ง เนื้อคู่ บราๆๆๆๆ แต่ผมมาสะดุดอยู่คนนึง
“it will be love if you do it be love by your love”
ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไรนะ แต่ผมรีบตอบกลับคอมเมนต์นั้น แล้วรีบขึ้นนอน แล้วทิ้งคำตอบที่อัพเสร็จแล้วไว้อย่างนั้น
“I will make it to be love of me.”
“คุณกีตาร์ครับ ผมว่า ผมรักคุณครับ”
“ฉันว่า ฉันก็คิดหมือนคุณค่ะ”
“จริงหรือครับ งั้นเราคบกันนะครับ??”
“เอ่อ ฉัน...”
“หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ .... ตี้ดๆ หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ...” เฮ้อ...วันนี้ผมรู้สึกเกลียดเสียงนาฬิกาปลุกของตัวเองจังเลย
วันนี้ผมจัดการตัวเองเร็วกว่าปกติเกือบหนึ่งชั่วโมง เผื่อเวลาไปทำภารกิจอะไรนิดหน่อย ขอให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวานด้วยเถอะนะ
“ปึ้ง ตึกๆ ตึกๆ” เสียงปิดประตูรถ ตามมาด้วยเสียงรองเท้ากระทบกับพื้น ตอนนี้ผมมาหยุดอยู่หน้าร้านดอกไม้เล็กๆ ที่หน้าร้านถูกตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสัน ป้ายไม้อักษร FLOWER STORE น่าจะเป็นชื่อร้าน ขนาดของร้านมีความกว้างยาวประมาณสามเมตร ตัวร้านเป็นสีขาว หลังคาไม้สีชมพูพาสเทล ร้านดูเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของพื้นที่ที่ปลูกดอกไม้ น่าแปลกที่ดอกไม้ที่มีอยู่หลากหลายสีสัน แต่กลับถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ทางเดินเป็นหินหลากสี เหมือนหลุดมาอยู่ในอีกโลกเลย บรรยากาศชวนให้ผมนั่งอยู่บนศาลาเล็กๆ ข้างร้านนี้เฉยๆ ได้เกือบครึ่งชั่วโมง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณที่ไว้ใจเรานะคะ” เสียงพนักงานในร้านกล่าว ก่อนที่ผมจะเดินออกมาจากร้าน
“อ่าวบอส มาทำอะไรค่ะ” เสียงเลขาสาวของผมทักขึ้นมาทันทีที่เจอหน้าประตูร้าน
“อ๋อ เอ่อ...มาเดินดูดอกไม้นะ เออใช่ มา...เอ้อแล้วคุณมาทำอะไรเหรอ??” ผมพยายามมีพิรธให้น้อยที่สุด หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ
“พอดีนัทมาสั่งดอกไม้ให้ลูกค้านะคะ”
“อ๋อๆ งั้นเอ่อ...เอ้อผมไปก่อนนะ บาย” ผมพูดก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากร้าน
ผมขับรถมาจนถึงบริษัท ตอนนี้ยังมีคนมาไม่กี่คน แผนกของผมนี่ยังไม่มีสักคน
“อ่าวบอส มาเร็วจังเลยนะครับ” เสียงพนักงานผู้ชายคนเดียวในแผนกผม
“ครับ คุณก็มาเร็วนะครับ”
“ครับ ทุกวันครับ เด๋วก็จะเป็นพี่แก้ว พี่นัท แบมบู แล้วก็คนสุดท้ายไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะครับ”
“ฮ่าๆๆ” เสียงเราสองคนหัวเราะพร้อมกัน
“เอ่อ นี่คุณกีตาร์เค้ามีแฟนหรือยังอ่ะครับ”
“ยัยนั่น ไม่มีหรอกครับ มันไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงปกติ ไม่มีผู้ชายที่ไหนมาจีบหรอก”
“เอ่อ ...แต่เมื่อวานผมเห็นมีผู้ชายมารับเค้านะ”
“คงจะเป็นพี่คีย์บอร์ดน่ะครับ พี่ชาย” พี่ชายหรือ?? รู้สึกโล่งแปลกๆ แฮะ 55
“บอส ถามแบบนี้จะจีบเหรอครับ??” ยิงคำถามมาตรงขนาดนี้
“ครับ ผมว่าผมชอบคุณกีตาร์ครับ” ผมพูดจบเสียงประตูแผนกก็เปิดขึ้น เราสองคนหันไปมองผู้ที่เพิ่งเข้ามา
“กีตาร์!!” ผมกับนินจาตะโกนพร้อมกัน
“อะไรกัน ตะโกนทำไมเนี่ย??” เธอถามอย่างสงสัย
“อ่ะ..อ๋อ ก็พอดีวันนี้แกมาเช้ากับคนอื่นเค้าได้ไง ใช่มั้ยครับบอส??” นินจาแก้ตัวก่อนที่จะหันมาทางผม ผมก็เลยต้องเออออห่อหมกไปด้วย
“ไปถามบอสแล้วเค้าจะรู้มั้ยเล่า เค้าพึ่งมา แล้วบอสเออออเนี่ย รู้ได้ไงคะ”
“เอ่อ ฉัน... ฉันดูจากเมื่อวานไง” ผมแถล
“เออใช่ๆ เมื่อวานไง” นินจาเสริม
กีตาร์ส่ายหัวอย่างเอือมๆ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวเอง
“อย่างนั้นผมไปทำงานก่อนนะ ตั้งใจทำงานนะครับ” ผมตัดบทก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง
ผมพยายามละทุกเรื่องทิ้ง เพราะตอนนี้ได้เวลาทำงานแล้ว
“ตื้ดๆ ตื้ดๆ” เสียงข้อความเข้า ผมหยุดงานไว้ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ครับ เริ่มประชุมเลยนะ วันนี้ก็จะคุยเรื่องที่เคยเกริ่นไว้นะครับ เอ่อ...เรื่องงานครบรอบของบริษัท เราเลยต้องคิดรูปแบบงาน”
“อารมณ์แบบ 50 ปี ที่อยู่เคียงข้างคุณมั้ยคะบอส??” เลขาของผมเสนอ
“แต่ผมว่ามันจะดูซ้ำๆ นะครับ” นินจาค้าน ทั้งห้องประชุมต่างก็เห็นด้วย
“อย่างนั้นลองจัดงานแบบนำเสนอผลงานที่ผ่านมา และในอนาคตที่จะมีมั้ยคะ??” แบมบูเสนอ
“ฉันว่าน่าจะมีนะคะ แต่ไม่อยากเน้นมากเพราะมันจะดูน่าเบื่อ” กีตาร์ค้าน ก่อนที่จะนำเสนอความคิดในแบบของตัวเอง
“ฉันอยากให้งานเป็นเหมือนงานเลี้ยงสังสรรค์ของคนในครอบครัว ให้ทุกคนมาแบบมีความสุขด้วยกัน เอ่อ... ชื่องานก็ประมาณ..เอ่อ ...จากนี้มีเราตลอดไป”
ผมฟังเสียง และดูท่าทางของเธอ ที่ดูมีความสุขมากในการคิดรูปแบบงานของเธอ อย่าว่าแต่คนในงานเลย ตอนนี้ผมก็รู้สึกอบอุ่นไม่ต่างกัน
“ผมเห็นด้วยครับ/ดีเลยๆ/เอาแบบนี้เลยค่ะ” ตอนนี้ทั้งห้องประชุม ต่างคนต่างก็แสดงความคิดเห็นแต่จุดหมายของความคิดเห็นเหล่านั้นก็ไปในทิศทางเดียวกันกับผม
“งั้นเอาตามนี้นะครับ มีใครเสนออะไรเพิ่มเติมมั้ยครับ??” ผมสรุป ก่อนเปิดประเด็นอีกเรื่อง
“พี่อยากให้เรามีของติดไม้ติดมือให้กับแขกในงานค่ะ” อืม... เห็นด้วยก็ครบรอบทั้งที่นี่นา
“แล้วเราจะแจกอะไรดีคะ??” คุณกีตาร์ถามด้วยความสนใจ
ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมาที่พี่แก้ว จนแทบจะเป็นตาเดียว
“อืม น่าจะ... น่าจะลองไปคิดๆ กันมานะ”
เฮ้อ... ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่รู้สึกว่าตัวเองตั้งใจฟังมากจนเกินไป ผมจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน...
ก็ผ่านมาสามชั่วโมงแล้ว ที่เราอยู่ในห้องประชุมนี่กับเรื่องงานฉลอง ตอนนี้ก็เหลือแค่ของที่จะแจกในงาน กับการจัดสถานที่นิดหน่อย...
“เที่ยงแล้วครับทุกคน” ไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าเสียงใคร คนที่ตรงต่อเวลา(กิน)ที่สุด แล้วก็เป็นพนักงานผู้ชายในแผนกผมด้วย
“เอาละครับ อย่างนั้นผมขอให้คุณนัทสรุปประชุม แล้วเชิญทุกคนทานข้าวได้ครับ เชิญคุณนัทครับ”
“ค่ะ ตอนนี้เราก็ได้คอนเซปท์งานแล้วนะค่ะ เราจะจัดงานในชื่อว่า จากนี้มีเราตลอดไป แล้วก็อยากให้ทุกคนช่วยคิดแบบของที่จะแจกให้ผู้เข้าร่วมงาน แล้วก็ลักษณะการจัดงานค่ะ”
“ครับ ตามนั้นนะครับ เชิญทุกคนพักได้ครับ” สิ้นเสียงของผมพนักงานทุกคนเดินออกจากห้อง เหลือเพียงเลขาที่กำลังเก็บรายงานการประชุมอยู่
“ผมขอตัวนะครับ” ผมพูดก่อนจะยิ้มจางๆ ให้เลขาของผม
“บอสเนี่ย โรแมนติกจังเลยนะคะ” ผมหันขวับเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“เอ่อ... ทำไมหรือครับ”
“ปล่าวค่ะ แค่จะบอกว่าดอกไม้สวยดี” คุณนัทพูดก่อนจะเดินผ่านหน้าผม ที่ตอนนี้ยืนนิ่งอยู่ เธอเดินไปถึงประตูก่อนที่จะหันหน้ากลับเข้ามา
“มันจะเป็นความลับค่ะ” แล้วเธอก่อนเดินจากไป ปล่อยผมทิ้งไว้กับคำพูดขอบใจ ที่เบามาก มากจนเหมือนเป็นแค่เสียงหายใจเท่านั้น
ถ้ามันเป็นความลับ ก็ต้องไม่มีใครรู้สิ แต่...
วันนี้ผมทิ้งรถไว้ในบริษัทก่อนที่จะเดินเท้าเปล่าออกมานอกบริษัท เดินข้ามถนนสายหลักรู้สึกว่าวันนี้รถจะเยอะเป็นพิเศษ เพราะแถวนี้เป็นย่านเศรษฐกิจ ถ้าจะหาอะไรทานแถวนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีหรือเปล่า คิดแค่ว่าวันนี้จะกินอะไรไว้เลยดีกว่า ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องใช้เวลาในการตัดสินใจนาน เพราะที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก
ผมเดินผ่านร้านขนมจีน ร้านอาหารญี่ปุ่น และอีกหลายร้าน จนมาหยุดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ก่อนจะเดินเข้าร้านไป ในร้านมีลูกค้าเพียงคนเดียว แต่คนเดียวก็น่าจะพอแล้วล่ะ สำหรับผม
“นั่งด้วยคนนะครับ” ผมพูดกับพนักงานสาว ที่วันนี้อยู่ในชุดเดรสสีเทาอ่อนๆ
“อ่าว บอสสวัสดีค่ะ เชิญค่ะ” กีตาร์ตอบผม ตอนนี้ผมอยากให้คนเยอะๆ จังจะได้รอแบบนี้นานๆ
“เอาเส้นเล็ก หมูน้ำตกครับ กีตาร์ทานอะไรครับ”
“เหมือนกันค่ะ” เธอตอบมาด้วยรอยยิ้ม และแววตาที่สดใส ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ อยากจะรักจริงๆ แล้วสิ
“บอสมาทานร้านนี้บ่อยมั้ยคะ??”
“วันแรกครับ”
“ตาถึงมากค่ะ ร้านนี้ตาร์มากินทุกวันเลย”
“จริงเหรอครับ สงสัยผมต้องมาทุกวันบ้างแล้ว” ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้เธอ สายตาของเราจ้องตากันอยู่สักพัก จากแววตาคู่นั้น ผมรู้สึกเหมือนเธอต้องการถามอะไรผม แต่สายตาเราก็ผละออกจากกันเมื่อ...
“ได้แล้วค่ะ”
หลังจากได้ก๋วยเตี๋ยวเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ไม่แม้แต่จะมองตากัน...
ผมรู้สึกอึดอัดจัง ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินของโลกใบนี้ยังไงก็ไม่รู้สิ ผมปล่อยให้บรรยากาศเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว เอาวะ...
“แล้ว...เอ่อ..”
“แล้ว??”
“แล้ว..เอ่ออ๋อ อร่อยมั้ยครับ”
“555” เธอไม่ตอบ แต่กลับหัวเราะแทน เอ้า!! ขำไรละเนี่ย??
“555” ผมขำด้วย
“ขำอะไรเหรอคะ”
“เอ่อ...ก็ผมเห็น เอ่อ..คุณขำก็เลย..”
“อร่อยมั้ยคะ??” พอเธอพูดเสร็จ เราทั้งคู่ก็มองตากันอีกครั้ง ตอนนี้ผมเห็นเธอฉีกยิ้ม ผมรู้สึกมีความสุขจัง
“หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ .... ตี้ดๆ หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ...” เสียงนี้อีกแล้วววว ผมละสายตาจากกีตาร์ ก่อนจะปิดเสียงนาฬิกาปลุก นี่เรานั่งมองหน้ากันมานานเท่าไหร่เนี่ย??
“ทานเถอะครับ เหลืออีกครึ่งชั่วโมงเอง”
“ค่ะ” เธอตอบ เราต่างคนต่างทานก๋วยเตี๋ยวต่อไป...
หลังจากที่ทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จเราก็ เดินออกจากร้านเพื่อจะไปเข้าประชุมต่อด้วยกัน
“คุณมีไอเดียดีๆ เพิ่มมั้ยครับ??”
“ก็มีค่ะ แต่กำลังประมวลอยู่” ผมเงียบ เพราะดูเหมือนตอนนี้เธอกำลังต้องการใช้สมาธิอย่างมาก
เราเดินมาเรื่อยจนถึงถนนหน้าบริษัท ผมหยุดเดินเพื่อดูรถ แต่กีตาร์...
“รถมาครับ...” ผมพูดก่อนจะดึงกลับเข้ามาเพื่อหลบรถ แต่ดูเหมือนแรงดึงมันจะมากเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำให้แรงที่เหลือเหมือนผลักเธอมากระแทกกับผมจนนอนกองกับพื้นทั้งคู่ ตอนนี้เธอนอนทับอยู่บนตัวผม...
เราสบสายตากันอีกแล้ว แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย เธออยากรู้อะไรจากผมเหรอ ผมถามไปอย่างนั้นด้วยสายตาเช่นกัน
“ผมขอมากินก๋วยเตี๋ยวที่นี่อีกนะครับ”
เราผละออกจากกัน ผมตั้งตัวได้ก่อน ลุกขึ้นมาแล้วยื่นมือส่งให้กีตาร์
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอื้อมมือตอบรับความช่วยเหลือจากผม
พอปัดฝุ่นจากเสื้อผ้าออกหมด ผมเห็นว่ารถว่าง จึงจับมือกีตาร์ ความรู้สึกแรกคือ มันอุ่นมาก ใจผมเต้นรัวแรงๆ อีกครั้ง แล้วเธอก็เช่นกัน เพราะผมรู้สึกได้ถึงการเต้นของชีพจรที่ข้อมือของเธอ
“ไปประชุมกันเถอะครับ”
ความคิดเห็น