คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วันใหม่
วันใหม่
“หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ .... ตี้ดๆ หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ...” ผมตื่นจากภวังค์อันเงียบสงบ เริ่มต้นใช้ชีวิตที่วุ่นวายตามประสาคนเมือง ตื่นเช้า เข้างาน กลับบ้าน ไม่มีสีสันอะไรแต่งเติมชีวิตให้เปลี่ยนวิถีไปจากเดิม วันนี้คงจะมีอะไรให้ตื่นเต้นสักหน่อย เพราะเริ่มงานวันแรกกับบริษัทใหม่ บัณฑิตปริญญาโทป้ายแดงกับงานในระดับผู้จัดการฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์และสถานที่ เพื่อนร่วมงานของผมจะเป็นคนแบบไหนกันนะ..?
“ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีเถอะ..” ผมสบถกับตัวเองก่อนเคลื่อนตัวลงจากเตียง ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ใครๆ ในโลกก็คงอยากให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน...
“สวัสดีครับ ผมนายธิติสรณ์ สิริคุณามานิตย์ มารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ อายุ 27 ปี ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ แล้วก็ถ้ามีอะไรที่ผมต้องแก้ไขก็เตือนๆ กันได้นะครับ ขอบคุณครับ...” สิ้นเสียงแนะนำตัว พนักงานในฝ่ายก็ลุกขึ้นตบมือ
“รบกวนช่วยแนะนำตัว และตำแหน่งของแต่ละคนด้วยนะครับ...” ผมพูดพร้อมกับผายมือไปยังพนักงานสาวที่โต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้กับห้องของผมมากที่สุด
“หนูชื่อนัทค่ะ อมรรัตน์ เกตสุวรรณ เป็นเลขาของคุณธิติสรณ์ค่ะ” นัท สาวแว่นผิวขาว ผมยาวประบ่าตอบผมด้วยท่าทีเกรงใจ ดูท่าทางเป็นคนเรียบร้อย เงียบๆ
“เอ่อเรียกผมว่า เอฟเอ็มก็ได้ครับ”ผมพูดก่อนจะยิ้มจางๆ ไปยังนัท เพื่อให้เธอลดความประหม่าลง
“ค่ะ คุณเอฟเอ็ม” เธอตอบ
“พี่ชื่อแก้วจ้ะ ปรียา แสงจรัต เป็นรองผู้จัดการ” พี่แก้ว หญิงสาวผิวเหลืองรูปร่างสันทัด ท่าทางใจดี นั่งอยู่โต๊ะ ตรงข้าม ของนัทโดยมีทางเดินประมาณเมตรกว่าๆ กั้นอยู่
“ผมชื่อนินจาครับ อานัส พิบูลย์สุข เป็นออกแบบและวางแผนครับครับ” นินจา หนุ่มผิวขาวผมสั้น นั่งอยู่ด้านหลังของพี่แก้ว ท่าทางจริงจังกับการทำงานดี นิสัยเป็นยังไม่รู้ แต่อย่างน้อยผมก็ไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวในแผนกนี้แล้ว ค่อยยังชั่ว!!
“ค่ะ ดิฉันชื่อแบมบูค่ะ สุรัสวดี หัสอรุณ วางแผนค่ะ แรกว่าแบมเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” แบมบู สาวผมสั้น ผิวเหลืองหน้าตาน่ารัก นั่งอยู่ด้านข้างของพี่แก้ว สาวเปรี้ยวในแผนก
ผมส่งยิ้มให้ก่อนจะหันไปมองโต๊ะทำงานที่ว่างอยู่ด้านข้างของนินจา
“นั่นโต๊ะของยัยกีตาร์ครับบอส ยัยนี่คงกำลัง...” นินจาตอบผมก่อนที่จะเอ่ยปากเสียอีก แต่ยังพูดไม่ทันจบ ประตูกระจกแผนกก็เปิดขึ้น ผู้เข้ามาใหม่เป็นหญิงสาวผมลอนยาวสีดำ อยู่ในชุดเดรสสีชมพูคลุมเข่า กับเสื้อคลุมนอกสีขาว ที่เข้ากับรองเท้าส้นสูง ผมที่เป็นลอนปลิวไสวตามแรงของลมจากเครื่องปรับอากาศ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสีขาวอมชมพู ริมฝีปากเล็กๆ สีชมพูสด ที่กำลังฉีกยิ้มแหยๆ ให้กับผม
“ขอโทษค่ะ ดิฉันชื่อกีตาร์ค่ะ สโรชา คีตกาล เป็นผู้ช่วยพิเศษค่ะ ขอโทษค่ะพอดีรถมันเสีย” เธอพูดพร้อมกับเดินผ่านหน้าผมเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะนัท ก่อนจะหันกลับมาเอื้อมมือจับมือผม ที่ตอนนี้ไม่ได้สติ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ บอส”
“บอสค่ะ บอส!!”
“ครับ เอ่อ...เช่นกันครับ ผมชื่อเอฟเอ็มครับ” ผมคิดว่าตอนนี้ผมคงโกรธเธอที่มาสายแน่ๆ ผมไม่รู้ว่าโกรธมากเกินไปหรือเปล่า ก้อนเนื้อในร่างกายเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ทั้งๆ ที่คิดว่าตัองโกรธแต่ทำไมผมถึงยังส่งยิ้มไปให้เธออีก
“ตั้งใจทำงานนะครับทุกคน เย็นนี้ผมขอเลี้ยงข้าวทุกคนนะครับ อย่ารีบกลับกันก่อนละ” ผมพูดก่อนจะเดินเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง
ภายในห้องเป็นสีขาวเกือบทั้งหมด ซึ่งตัดกับขอบหน้าต่างกระจกสีน้ำตาลเข้มเกือบดำบานใหญ่ห้าหกบานที่กระจายอยู่ทั้งสามด้านที่เหลือของห้อง โต๊ะทำงานเป็นกระจกใสถูกวางไว้ตรงกลางบริเวณท้ายห้อง มีแฟ้มเอกสารวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ทางด้านขวามีโทรศัพท์ ด้านซ้ายมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ วางอยู่ในระดับสายตา ถัดไปเป็นชั้นเก็บเอกสารสีแดง ตัดกับสีห้องได้อย่างลงตัว ก็นี่มันฝ่ายออกแบบนี่นา อะไรๆ ก็ต้องถูกจัดไว้อย่างมีศิลปะ
ผมเดินไปยังกล่องที่พึ่งแบกมาเมื่อเช้า มันเป็นเอกสารกับของส่วนตัวนิดหน่อย เปิดฝาออกแล้วเอาเอกสารออกมาวางไว้บนโต๊ะ มองภายในกล่องมีรูปถ่ายที่อยู่ใต้กรอบกระจกใส มันเป็นเพียงรูปเดียวที่ผมถ่ายกับพ่อ แม่ และน้องชาย ก่อนที่พวกเค้าจะจากผมไป ตอนนั้นผมยังไม่ถึง 10 ขวบด้วยซ้ำ
“พ่อ แม่ ไอ้ตัวเล็ก ผมคิดถึงทุกคนนะครับ” ผมพูดกับทุกคนก่อนที่จะเริ่มทำอะไรทุกวัน มันอาจจะดูบ้าๆ ไปนิด แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อ
ผมวางรูปไว้มุมขวาของโต๊ะ เวลาท้อแท้ หรือเบื่อจะได้หันไปมองได้ตลอด ผมละสายตาจากรูป แล้วหยิบแฟ้มเอกสาร เริ่มอ่านเกี่ยวกับรายการต่างๆ ก่อนที่จะลงมือเซนต์เอกสารทั้งหมด
หลังจากที่ทำงานติดต่อกันมาประมาณสองสามชั่วโมง งานของผมก็ยังลดไปไม่ถึงครึ่งเอง ก็ผู้จัดการคนเก่าเล่นทิ้งงานไว้ก่อนที่จะออก ผมจึงต้องมาตามเก็บงานในส่วนนั้นด้วย เฮ้อ...
“คุณนัทครับ ช่วยชงกาแฟมาให้ผมแก้วนึงครับ” ผมสั่งกาแฟผ่านโทรศัพท์ที่เชื่อมสายไว้กับคนทั้งออฟฟิศ
“ค่ะบอส”
ไม่ถึงห้านาทีประตูห้องผมก็เปิดออก มีเสียงเท้าเดินก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของผม
“นี่ค่ะ” เจ้าของเสียงรองเท้าพูด พร้อมกับวางแก้วกาแฟ ลงบนโต๊ะผม
“ขอบคุณครับ คุณนะ.. อ่าว ว คุณแบม ขอบคุณนะครับ แล้วคุณนัทไปไหนล่ะครับ??”
“พี่นัทไปติดต่อกับแผนกอื่นนะค่ะ เลยให้ดิฉันมาแทน”
“อ๋อครับ ขอบคุณครับ”
“ค่ะ ทานให้อร่อยนะค่ะ” แบมบูพูดพร้อมกับฉีกยิ้มมุมปากแบบเซ็กซี่ ผมทำได้แค่ส่งยิ้มจางๆ ตอบกลับไป ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับแล้วเดินกลับไปทำงาน
ผมนั่งทำงานอีกสักพัก ก็มีโทรศัพท์เข้ามา
“บอสค่ะ หัวหน้าฝ่ายลูกค้าและประชาสัมพันธ์ต้องการคุยกับบอสค่ะ”
“ครับ ต่อสายมาเลยครับ”
“สวัสดีครับคุณธิติสรณ์ ผมนิติกร เจริญสุข เป็นหัวหน้าฝ่ายลูกค้าและประชาสัมพันธ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เสียงชายวัยกลางคนเอ่ยทักทายผม
“ครับ ยินดีเช่นกันครับ”
“เข้าเรื่องเลยนะครับ พอดีทางบริษัทของเราจะจัดงานครบรอบ 5 ปีของบริษัทของเรา ประมาณช่วงปลายปี อยากให้ทางแผนกของคุณช่วยรับเรื่องนี้ไปด้วยนะครับ”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหาครับ”
“ครับ ถ้าได้เรื่องยังไงช่วยบอกด้วยนะครับ ผมจะจัดประชุมทุกแผนก ขอบคุณนะครับ”
“ครับๆ ยินดีครับ” ผมตอบอย่างเกรงใจ ก่อนที่จะวางสายไป ปลายปีก็อีกประมาณห้าเดือน น่าจะทันนะ เดี๋ยวเย็นนี้คุยเรื่องนี้ตอนทานข้าวกับพนักงานในแผนกก็ได้ มาทำงานวันแรก งานใหญ่ก็เข้าเลย ดวงดีจริงๆ ชีวิตผม...
ตอนนี้ก็เย็นแล้ว ผมเดินออกมาจากห้อง พนักงานก็หันมามองทางผม
“ไปทานข้าวกันเถอะครับ” พนักงานที่มองเมื่อครู่ เผยรอยยิ้มจางๆ ก่อนที่จะทยอยเก็บของแล้วลุกขึ้นไปทานข้าว
“ไปค่ะบอส แบมมีร้านอร่อยๆ แนะนำ” คุณแบมบูที่เก็บของเสร็จก่อน เดินมาคล้องแขนผม แล้วกึ่งลากกึ่งชวนผมให้เดินไปกับเธอ
ทุกคนในแผนกหยุดเก็บของ แล้วหันมามองทางเราสองคน
“เอ่อ ผมว่าเราไปพร้อมกันหมดนี่เลยดีกว่านะครับ” ผมพูดพร้อมกับค่อยๆ เอาแขนตัวเองออกมาจากการกอดของคุณแบมบู
ผมพูดพร้อมกับหันไปทางคุณกีตาร์ ผมแอบเห็นเธอยิ้มด้วย ตอนนี้ใจผมเต้นเร็วอีกครั้งแล้ว...
“สิ้นปีนี้เราต้องจัดงานครบรอบ 5 ปีบริษัท ผมอยากให้ทุกคนลองคิดรูปแบบ หรือคอนเซปท์งานน่ะครับ” ผมพูดหลังจากที่เรามาอยู่ในห้องอาหารแล้ว ที่มาที่นี่เพราะพนักงานบอกว่ามาทานกันบ่อย อร่อยแล้วก็ไม่แพงด้วย
“เรื่องนั้นไว้ที่หลังเถอะครับ กินก่อนดีกว่า” นินจาพูพร้อมกับตักข้าวคำใหญ่เข้าปาก
ทุกคนในบริษัทยิ้มอย่างเห็นด้วย ผมจึงหยุดเรื่องนั้นไว้ แล้วมาจัดการกับกุ้งมังกรตัวยักษ์ที่อยู่ในจานต่อ
พอกุ้งหมดผมก็เหลือบไปเห็นยำไส้กรอก ไม่ต้องคิดแล้วครับ ผมยกช้อนไปตักยำ
“กึก” เสียงช้อนสองอันชนกัน ผมเงยหน้ามองเจ้าของช้อนคู่กรณี
“ขอโทษค่ะ” เสียงของสาวผมลอนพูดแบบเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับ” ผมพูดพร้อมกับเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นปลาเผา
“กึก” อีกแล้ว!! ผมมองหน้าเจ้าของช้อนก็ยังคงเป็นคนเดิม
“เชิญคุณก่อนเลยครับ” ผมละช้อนมาไว้ที่จาน ก่อนจะพยักหน้าเชิญให้คุณกีตาร์ทานก่อน
“คุณก่อนเลยค่ะ” เธอตอบ
ผมดูทีท่าแล้วถ้าผมไม่ทายเธอก็คงไม่ทานแน่ๆ เลยหยิบช้อนไปตักไก่อบ
“กึก” คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเสียงอะไร
“เอ่อ...เชิญคุณก่อนเลยครับ” ผมพูดพร้อมกับละช้อนแล้วหยิบแก้วน้ำมาดื่มแทน
“นี่ค่ะ” คุณกีตาร์ตักไก่อบ แล้วยกมาไว้ในจานของผม
“ขอบคุณครับ” ผมพูดก่อนจะตักยำไส้กรอกไปใส่จานเธอเช่นกัน
ตอนนี้พนักงานทุกคนหันมามองหน้าผม ผมเลยตักยำไส้กรอกให้ทุกคน
“นี่ครับทุกคน ทานให้อร่อยนะครับ” ผมพูดโดยมองหน้าคุณกีตาร์เมื่อพูดประโยคสุดท้าย
เธอพยักหน้าเหมือนรับรู้ ก่อนที่จะฉีกยิ้มจางๆ ตอนนี้หน้าเธอแดงขึ้น ยิ่งทำให้ใจผมเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“บอส เผ็ดหรือเปล่าค่ะ หน้าแดงๆ” พี่แก้วถาม ทำให้ผมละสายตายจากคุณกีตาร์ พึ่งรู้ตัวว่าหน้าตัวเองก็แดงเหมือนกัน
ผมหันไปทางคุณกีตาร์อีกครั้ง ตอนนี้เธออมยิ้มเบาๆ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเธอน่ารักจัง...
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ที่มาทานข้าวกับผม ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ” ผมพูดปิดรายการ หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย
“หวังว่าเราจะได้มาทานกันบ่อยนะค่ะ” คุณแบมบูพูด
“ยินดีครับ” ผมพูดก่อนจะฉีกยิ้มบางๆ ไปให้ทุกคน
ตอนนี้ทุกคนกำลังเริ่มทยอยกลับกัน เหลือเพียงคุณกีตาร์ที่ยังนั่งรออะไรสักอย่าง
“ไม่กลับบ้านหรือครับ” ผมถาม
“กลับสิค่ะ ใครจะนอนที่นี่เล่า พอดีรถฉันเสีย เลย...”
เธอจะพูดอะไรต่อไม่รู้ แต่ผมรีบชิงพูดเสียก่อน
“ให้ผมไปส่งมั้ยครับ??”
เธอนิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะตอบกลับมา
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ พอดีมีคนมาแล้ว ...นั่นไงมาแล้วกลับก่อนนะค่ะบอส”
เธอพูดแบบไม่ใส่ใจอะไรมาก ก่อนที่จะวิ่งผ่านผมไป... แล้วผมก็ต้องฉีกยิ้มคนเดียวอีกครั้งเมื่อ...
“ขอบคุณนะค่ะ สำหรับทุกอย่าง” เธอพูดพร้อมกับเดินไปที่รถที่มารับเธอ
ผมเห็นผ่านกระจกเป็นผู้ชายผมสั้น ผิวขาว หน้าตาดีทีเดียว..
เสียงรถออกตัวไปจากร้าน จนเงียบหายไป ทิ้งผมไว้เพียงคนเดียว พร้อมกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ มันรู้สึกชาๆ ยังไงก็ไม่รู้ นี่ผมเป็นอะไรเนี่ย??
ความคิดเห็น