ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Is It Really YOU' My PET(s) คฤหาสน์อลวน สัตว์เลี้ยงอลเวง!

    ลำดับตอนที่ #3 : +DAY 01+ มันก็แค่บ้านหลังใหญ่ๆ(?)

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 56







    DAY 01 :: มันก็แค่บ้านหลังใหญ่ๆ(?)

    ...

    “ลูกต้องไปอยู่ที่นั่นซักพักนะ...”

    “ครับ?”

    “พอดีพ่อกับแม่ไม่ค่อยว่าง แต่ดูเหมือนบ้านหลังนั้นต้องการคนดูแลด่วน จะหาตอนนี้ก็ไม่ทันซะแล้วด้วยสิ ไหนๆก็เป็นบ้านของคุณปู่ ลูกก็อยู่ๆไปเถอะนะ”

    ...

    ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ย ผมไม่ให้พี่ชายไป!!!

    ...

     

              เริ่มมาที่ตอนที่สองหลังจากหายหน้าหายตากันไปนาน(?) คิดถึงผมกันมั้ยครับ? เอาล่ะ วันนี้ก็มาพบกับผมเลอร์ลีส รีลเพียร์คนเดิม และคาดว่าทั้งเรื่องอาจจะมีอยู่คนเดียว(?)

     

              ย้อนความเดิมตอนที่แล้วซักเล็กน้อย(?) หนึ่งวันอันแสนปกติธรรมดาของผมก็จบลงเช่นนั้นแลครับ วันเวลาอันแสนสุขของผมดำเนินมาด้วยดี ตั้งแต่เสียงปลุกระดับ 180 เดซิเบลอัพ(?)ของน้องชายผู้มีหน้าตาและท่าทางดีกว่าผมทุกอย่าง(?)เหมือนกับขโมยเอายีนส์ความหน้าตาดีของผมไปทั้งแต่ยังไม่เกิดยังไงอย่างงั้น จากนั้นก็ต้องเจอกับคำพูดภาษาต่างดาวที่จำเป็นต้องให้เลอร์ลีสทรานสเลสทำงานหนักจากคุณเพื่อนที่มีหน้าตาเหมือนไปฟันสาวมาวันละไม่ต่ำกว่าสามคน(?) เสร็จแล้วคาบเรียนอันหน้าเบื่อกับอาหารกลางวันที่สลับสับเปลี่ยนระหว่างขนมปังรสจืดกับลูกชิ้นปิ้งรสจืด(?)และเย็นตาโฟรสจืด(??) นี่แหละครับชีวิตของผม

     

              มันช่างปกติและจืดชืดเสียจนน่าบีบน้ำตาร่ำไห้ไว้อาลัยซัก 2-3 หยดจริงๆ(?) แต่วันนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีจุดเปลี่ยนพลิกผันชีวิตจืดชืดด๊อกด๋อยของผม...คิดแล้วก็ได้แต่มองภาพของรั้วขนาดยักษ์พร้อมแม่กุญแจอันใหญ่ที่คล้องไว้อย่างแน่นหนาตรงหน้า มือหนึ่งก็ล้วงหาลูกกุญแจที่น่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกง อีกมือก็ถือกระเป๋าเดินทางในใหญ่ไว้

     

              ...ถ้าถามว่าทำไมมันถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ล่ะก็...อย่าครับ อย่าเพิ่งบอกว่าไม่ได้ถาม ผมอยากบอก(?) อย่างน้อยก็ช่วยแชร์ประสบการณ์ความอนาถของชีวิตจืดชืดของผมกันซักนิด

     

             เรื่องของเรื่องมันเริ่มขึ้นจากเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมาตอนราวๆตีสามของเมื่อคืน...มันเป็นเวลาที่ผมกำลังฝันถึงขนมปังรสจืดราดซอสมะเขือเทศสูตรพิเศษที่ขึ้นชื่อเรื่องความจืดออยู่เลยล่ะครับ(?)

     

              ตอนนั้นผมรับโทรศัพท์แบบคนยังไม่ตื่น แต่ฟังไปฟังมาเท่านั้นแหละครับ...จากที่ตอนแรกยังไม่ตื่น พอมันตื่นแล้ว มันก็ตื่นเลยล่ะครับ(?) อ๊ะ...อยากรู้ใช่มั้ยล่ะว่าอะไรที่ทำให้ผมตื่นได้ มันเป็นเหมือนถ้อยคำที่เปลี่ยนชีวิตรสจืดของผมให้ที่สีสัน(?)ขึ้นมาอีกเล็กน้อย...ล่ะมั้งครับ

     

              หรือถ้าให้พูดง่ายๆก็คือ เมื่อวาน แม่ของผมโทรมากลางดึก(?) พร้อมกับบอกว่า คฤหาสน์ของคุณปู่ที่เพิ่งเสียไปซักพักนั้นเริ่มจะกลายเป็นคฤหาสน์ผีสิงเข้าทุกวันเพราะไม่มีคนดูแล แต่เพราะคุณปู่ของผมรักคฤหาสน์หลังนั้นมาก แม่ก็เลยไม่อยากให้คฤหาสน์นั้นกลายเป็นคฤหาสน์ผีสิงไปเสียก่อน ครั้นจะขายคฤหาสน์ก็คงไม่ดีเท่าไรนัก เพราะในนั้นมีของมีค่าซึ่งรวมๆแล้วอาจจะมีราคามากกว่าตัวคฤหาสน์ทั้งหลังเสียอีกก็เป็นได้อยู่ด้วย แต่อย่าถามนะครับว่าทำไมมันไม่โดนขโมย...เพราะพระเอกผู้แสนจืดชืดไร้จุดขายอย่างผมไม่รู้หรอกครับ(?)

     

              แล้วสุดท้ายหลังจากที่พรรณนาถึงคุณปู่ที่เสียไปจบแล้ว โรซาน่า รีลเพียร์ คุณแม่บังเกิดเกล้าของผมก็ตบท้ายด้วยคำพูดที่ว่า ลูกต้องไปอยู่ที่นั่นซักพักนะ... แล้วกดตัดสายไป ส่วนแผนที่ทางไปคฤหาสน์ของคุณปู่นั้นก็ถูกส่งมาทางแฟกซ์หลังจากนั้นราวๆ 10 นาที

     

              นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ตอนนี้ผมมายืนโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ท่ามกลางความหว้าเหว่ของประตูรั้วคฤหาสน์สีขาวสะอาดซึ่งถูกแม่กุญแจอันใหญ่ยักษ์ปิดเอาไว้ ส่วนตอนนี้ น้องชายผมคงไปลั้ลล้าอยู่ที่สวนสนุกกับคุณพ่อซึ่งเพิ่งเคลียร์เคสท์ด่วนเสร็จ และจู่ๆเมื่อเช้าก็กลับมาพร้อมบอกว่าไปพาเจมส์ไปสวนสนุก...แล้วผมจะไปทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากมองน้องชายออกไปลั้ลล้ากับพ่อ ส่วนตัวเอง...หึ(?) ต้องรับหน้าที่พระเอกอันแสนจืดชืดและเปล่าเปลี่ยวจิตใจอย่างน่าอเนจอนาถอยู่ตรงนี้(?)

     

              ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามตั้งสติกับอาคารหลังใหญ่เสียจนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นปราสาทอย่างไรอย่างนั้นตรงหน้าราวกับจะไปพิชิตดันเจี้ยน(?) ค่อนๆไขกุญแจหลังจากที่หามันอยู่นาน บิดกุญแจไปจนมีเสียงกริ๊กดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับแม่กุญแจที่ถูกปลดออก ผมค่อยๆเปิดรั้วเข้าไปอย่างระมัดระวัง และปิดลงโดยไม่ลืมล็อคกลอน ค่อยๆก้าวขาอย่างเชื่องช้า ทีละก้าว ทีละก้าว... พอเถอะครับ อย่าบรรยายเหมือนผมก้าวไปอีกก้าวแล้วจะตกหลุมพรางตายกลายเป็นผีจืดชืดมาหลอก(?)เลยครับ

     

              สรุปคือตอนนี้ผมสามารถเข้ามาในอาณาบริเวณภายในรั้วคฤหาสน์ยักษ์ได้อย่างเรียบร้อยปลอดภัยแล้วนั่นเองครับ ผมเห็นประตูคฤหาสน์อยู่ไกลลิบๆ อ่า...บางทีผมคงต้องเดินอีกซักกิโลถึงจะถึงทางเข้าคฤหาสน์

     

              ระหว่างการเดินด้วยความเร็วแบบปกติของมนุษย์ธรรมดาๆที่มีขาเพียงแค่สองข้าง(?)อย่างผมจนไปถึงประตูคฤหาสน์ ผมจะใช้เวลานี้ในการสำรวจบริเวณโดยรอบไปพลางๆแล้วกันนะครับ

     

              อาณาเขตของบ้านหลังนี้กว้างเสียยิ่งกว่าโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่เสียอีกครับ ทั้งหมดถูกล้อมกรอบด้วยรั้วสีขาวสะอาดขนาดยักษ์ ด้านหน้ามีสวนและแปลงดอกไม้สีสวยประดับประดาไว้อย่างเป้ฯระเบียบเรียบร้อย น่าแปลกที่มันไม่ได้มีหญ้าขึ้นรกอย่างที่ควรจะเป็นเหมือนกับมีใครมาดูแลมันทุกวันอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็อย่างที่บอกแหละครับ คุณปู่ของผมอาศัยอยู่คนเดียว เพื่อนสนิทก็ไม่มี ญาติก็มีแต่พวกผมนี่แหละครับ เพราะงั้นใครมันจะไปดูแลแปลงดอกไม้ของแกกัน บางทีผมอาจจะคิดมากไป... ผมเดินไปตามทางเดดินซึ่งเป็นตัวคั่นกลางระหว่างสนามหญ้าสองฝั่งไว้ไปจนถึงน้ำพุซึ่งอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์ ตัวน้ำพุเป็นรูปหญิงสาวที่แต่งตัวราวกับเทพีถือถังน้ำซึ่งมีน้ำไหลออกมาตลอดเวลา แล้วตกลงไปมันบ่อน้ำเบื้องล่าง มันทำด้วยหินอ่อนอย่างประณีตงดงาม ผมเดินเลยไปอีกหน่อยจนมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ในที่สุด

     

             เอาล่ะ...ผมจะเปิดเข้าไปแล้วนะครับ(?)

     

              ผมค่อยๆเปิดประตูคฤหาสน์หลังใหญ่นี้เข้าไป รู้สึกตื่นเต้นแบบแปลกๆ(?) มันเป็นเรื่องปกติที่คนเราจะตื่นเต้นเวลาอยู่แปลกที่แปลกทางสินะครับ...ผมก็เพิ่งเข้าใจตอนนี้แหละ

     

              “เอ่อ...โทษนะครับ...”

     

               ผมลองส่งเสียงเรียกดูเผื่อว่าจะได้อะไรตอบกลับมา แต่ความจริงแล้วผมก็ไม่อยากให้มีอะไรตอบกลับมาหรอกนะครับ ในเมื่อบ้านหลังนี้มันไม่มีใคร...

     

              เงียบ...

     

              เงียบสนิทครับ ไม่มีอะไรเลยแม้แต่นิด(?) ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับเดินเข้าไปในคฤหาสน์ และแล้วผมก็ต้องตกตะลึงกับการตกแต่งภายในอีกครั้ง...หรูสุดๆ คงเป็นคำเดียวที่คนธรรมดาสามัญอย่างผมจะสามารถนิยามได้ในขณะนี้ การตกแต่งของคฤหาสน์หลังนี้นั้น เรียกได้ว่าหรูเสียยิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวเสียอีก ภายในเต็มไปด้วยวัตถุโบราณและของประดับตกแต่งที่ดูมีราคาไม่น้อยมากมาย มันถูกวางอย่างเป็นระเบียบ แต่กลับไม่มีฝุ่นเกาะเลยแม้แต่น้อยเหมือนกับว่ามีใครทำความสะอาดมันอยู่ทุกวัน ...ไม่หรอก ผมต้องคิดมากไปเองแน่ๆ

     

              แต่จากที่ดูแล้ว ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเหมือนคฤหาสน์ผีสิงอย่างที่แม่บอกตรงไหน บ้านก็ดูเรียบร้อยสะอาดสะอ้านดี ภายนอกก็ไม่ได้ดูมีรังสีมืดหม่นอะไรแผ่ออกมาเสียหน่อย ดูยังไงนี่ก็เป็นแค่คฤหาสน์หลังใหญ่ยักษ์ของมหาเศรษฐีที่ถูกทิ้งไว้แค่นั้น(?) ภายในเองก็ไม่ได้มืดเสียซักหน่อย แสงแดดก็ยังส่องเข้ามาทางผ้าม่านจนดูเหมือนตอนนี้ผมกำลังอยู่ในพระราชวังที่ในซักแห่งยังไงอย่างงั้น

     

              แล้ว...ผมต้องทำยังไงต่อล่ะครับ

     

              เลอร์ลีส รีลเพียร์ พระเอกผู้แสนจืดชืดและไร้พิษภัย(?)อย่างผมคนนี้ควรจะทำอะไรต่อดีครับ(???) ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงที่เรียกว่าทำตัวไม่ถูก อ่า...แม่บอกให้ผมมาอยู่ที่นี่แล้วจู่ๆก็จะให้ผมมาออยู่ที่นี่ง่ายๆแบบนี้เลยเรอะครับ!?

     

              ผมกดโทรศัพท์หาหม่อมแม่บังเกิดเกล้าทันที รอสายซักพัก เสียงหวานปนหงุดหงิดที่ดังขึ้น

     

              มีอะไร แม่กำลังทำงานอยู่นะ

     

              อ่า ผมโทรไปขัดจังหวะงานของแม่จริงๆด้วย...แต่เรื่องนั้นไว้ที่หลังแล้วกัน ดีกว่าให้ผมยืนอยู่ท่ามกลางความหรูหราขนาดที่สามารถทำให้ตาพร่าเลือนได้ง่ายๆนี่เพื่อรอจนกว่าแม่จะทำงานเสร็จเป็นไหนๆ

     

              “เอ่อ...ครับ คือตอนนี้ผมอยู่ที่คฤหาสน์ของคุณปู่แล้ว...”

     

              อ๋อ ก็ดีแล้วนี่ มีอะไรหรือเปล่า?

     

              “ครับ...แล้ว...จะให้ผมทำไงต่อ”

     

              แม่บอกได้คำเดียวว่าเป็นคำถามที่สิ้นคิดสุดๆ...ลูกจะเอาตัวเองกระโดดลงหม้อต้มซักใบก็ได้นะ แค่นี้แหละ

     

              ติ๊ดดดดดดดด ด ติ๊ดดดด ด

     

              แล้วก็กดตัดสายไป...อ่า ต่อจากนี้ผมต้องเอาตัวเองกระโดดลงหม้อต้มซักใบสินะ...บางทีผมควรจะหาหม้อ...ซะที่ไหนล่ะ!!! โถ่ หม่อมแม่บังเกิดเกล้าช่างพูดจาเสียดแทงจิตใจนัก โอเคครับ ผมรู้ว่าผมควรจะทิ้งตัวลงนอนที่ห้องไหนซักห้องในคฤหาสน์หลังนี้พร้อมกับยัดเสื้อผ้าราคาถูกแบบสามตัวร้อยของผมลงตู้ซักตู้

     

              แต่ว่านะ...ผมจะต้องเดินไปทางไหนละ(วะ)ครับ!? คฤหาสน์หลังไม่ใช่เล็กๆ อาจจะถึงขนาดที่ว่า ถ้าผมเดินมั่วซั่วผมอาจจะต้องตายเพราะหลงทางในคฤหาสน์ของปู่ตัวเองก็เป็นได้จริงๆ

     

              ผมมองซ้ายมองขวา เผื่อจะมีใบปลิวหรือแผนที่คฤหาสน์อยู่(?) แต่มันก็แค่ความหวังลมๆแล้งๆครับ ใครมันจะไปทำแผนที่ไว้ในบ้านด้วยเองกัน!!!

     

              และเพราะตระหนักได้ถึงความจริงในข้อนั้น ผมจึงจำใจต้องเดินแบกกระเป๋าเดินทางของตัวเองขึ้นบันไดคฤหาสน์ไป ความรู้สึกที่เท้าเหยียบพรมแดงที่มันช่าง...รู้สึกชวนให้ขาสั่นนิดๆจริงๆครับ(?) ผมรู้สึกเหมือนตัวแองกลายเป็นเจ้าชายจากที่ไหนซักแห่ง ...บางทีผมอาจจะได้บอกลาชีวิตธรรมดาๆแล้วสินะครับ!?

     

              แต่ก่อนอื่น...ผมคงต้องตื่นจากความฝันมาเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายตรงหน้าเสียก่อน... เดินไปไม่เท่าไร ผมก็หลงทางเสียแล้วล่ะครับ!!

     

              “เอ...เหมือนว่าตรงนี้จะผ่านมาแล้วนี่น่า”

     

              ผมพึมพำขณะมองแจกันดอกไม้ใบใหญ่ซึ่งจำได้ว่าเคยเดินผ่านมันมาไม่ต่ำกว่าสามครั้ง...บ้าจริง! นี่เซนส์เรื่องทิศทางของผมกับตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวเหรอ!?

     

              แต่ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ผมจึงต้องเดินต่อไป จนถึงตอนนี้ผมยังไม่เจอห้องที่สามารถใช้เป็นที่พักได้แม้แต่ห้องเดียว เริ่มจากตอนแรก ผมเจอห้องน้ำขนาดใหญ่เสียยิ่งกว่าบ้านราคาถูก 1 หลัง ต่อมาก็เจอห้องครัวหรูหราที่มีอุปกรณ์ทำครัวทุกอย่าง ถัดไปเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และห้องต่อมาที่เจอก็เป็นสปาชั้นดี...ถามจริงเถอะ เดี๋ยวนี้เขานิยมสร้างของแบบนี้ไว้ในบ้านรึไงครับ!! แล้วห้องนอนล่ะ ห้องนอนน่ะ! มันอยู่ไหนกัน!?

     

              และแล้ว...ผมก็ยังคงต้องเดินต่อไปครับ อย่าถามเชียวว่าผมอยู่ส่วนไหนของบ้าน เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ยิ่งเดิน ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหลุดออกนอกโลกยังไงอย่างงั้น ดีไม่ดี คืนนี้ผมอาจจะน้องนอนกอดกระเป๋าอยู่ที่หลืบไหนซักหลืบของคฤหาสน์ก็เป็นได้...






    -------------------------------
    โซนนี้ขอทอล์ก(?)
    หลังจากที่หายเข้ากลีบเมฆไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก ก็กลับมาอัพอีกครั้งกับตอนสั้นๆไร้แก่นสารเช่นเดิมก่อนเข้าเนื้อเรื่องหลัก(?) (#ซึุ่งยังคงความไร้แก่นสารไว้(#ว๊อท))
    ผมสอบเสร็จแล้วครับ!!!!!!!!!!!!  กรี๊ดกร๊าด(?) ก็เลยมาอัพได้ซักที
    คราวนี้เป็นตอนสั้นๆเล็กๆน้อยๆครับผม
    ขอโทษด้วยที่หายไปนานมาก(?) และขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนะครับ ;[]; 

     







    25 HOURs.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×