ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [shortfic] "YunJae" Who am I ? แล้วผมเป็นใคร

    ลำดับตอนที่ #1 : :: who am I ? :: I

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 53


                    




                     เปลือกตาของชายร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มขยับแล้วเปิดขึ้นเผยดวงตากลมโตสีอ่อน ดูน่ามอง ตากลมของร่างบางเริ่มมองสำรวจไปรอบๆห้อง ราวกับเด็กน้อยที่พบเห็นสิ่งแปลกใหม่
                    “คุณฟื้นแล้ว” เสียงทุ้มชองชายหนุ่มร่างสูง ที่นั่งรอเวลาที่ร่างบางพื้นขึ้น
                    ทันทีที่คนร่างบางบนเตียงได้ยินเสียงทุ้มก็รีบหันหน้ามาตามเสียงนั้นทันที แล้วมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แล้วคิ้วทั้งสองเริ่มขมวดเข้าหากัน พลางเอียงคอมองคนที่ไม่คุ้นหน้าอย่างสงสัย
                    “หมี” ร่างบางได้เปล่งเสียงหวานออกมาจากปากบาง
                    “ตรงไหนครับ” หลังจากที่มองไปรอบๆห้องแล้วก็ไม่พบหมีอย่างที่ร่างบางพูด
                    คนร่างบางที่ยังนั่งอยู่บนเตียงใช่นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังสิ่งที่เรียกว่าหมีทันที ทิศทางที่ชี้ไปนั้นคือ ร่างสูงที่นั่งข้างๆเตียงนั่นเอง
                    “หา! ผมเนี่ยนะหมี” ด้วยความตกใจจึงเผลอตะโกนออกมาเสียงดังทีเอาร่างบางสะดุ้งทันที เมื่อคนที่ถูกหาว่าเป็นหมีได้สติที่รู้ว่าตัวเองทำเสียงดังเกินไป จึงค่อยๆพูดกับร่างบางซึ่งตอนนี้นั่งหน้าเสียอยู่บนเตียงด้วยเสียงที่อ่อนลง “อืม เรียกผมว่ายุนโฮนะ”
                    เมื่อได้ยินดังนั้นร่างบางจึงยกมือขึ้นไปจับผมนุ่มของตนเองแล้วก็พูดออกมาว่า “ยุนโฮ” แล้วก็หันไปมองหน้าคนที่เพิ่งจะแนะนำตัวเองไป เมื่อเห็นท่าทางของร่างบางยุนโฮถึงกับต้องยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ ตอนนี้ยุนโฮเริ่มรู้สึกถึงรางร้ายขึ้นมานิดๆแล้ว ยุนโฮปาดเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาจากกลุ่มผมสีเข้มของตนก่อนที่จะค่อยๆอธิบายให้ร่างบางเข้าใจ
                    “เอ่อ...ไม่ใช่ครับ นั่นคือผม ส่วนนี่ยุนโฮ” อธิบายไปก็ต้องชี้มือไปตามสิ่งที่ตังเองพูดอย่างช้าๆ เหมือนกับค่อยๆสอนเด็ก
                    “นี่ผม นี่ยุนโฮ” ร่างบางจึงทำตามโดยการเอื้อมมือไปจับเส้นผมสีเข้มของยุนโฮ ตามด้วยการชี้มือไปที่ยุนโฮแล้วเรียกชื่อ
    “อ่า...ใช่แล้วครับ เก่งมาก” เอ่ยชมพร้อมกับลูบเส้นผมนิ่มสีอ่อนอย่างเบามือ ทำเอาร่างบางที่ได้คำชมนั่งยิ้มแก้มปริ แล้วก็บังเอิญว่ามองเลยไปเห็นกระจกเงาที่ติดอยู่บนผนังห้อง ในกระจกเงานั้นทำให้เห็นตนเองแล้วก็ร่างสูง ทำให้ร่างบางขมวดคิ้วเข้าหากันอีกรอบ
    “ยุนโฮ ทำไมไม่เหมือนกัน” ถามขึ้นเพราะสงสัยว่าทำไมสีผมของตัวเองกับสีผมของยุนโฮนั้นไม่เหมือนกัน จู่ๆก็ถามขึ้นมาทำเอายุนโฮงงอีกรอบ แล้วก็นึ่งคิดหาว่าอะไรที่ไม่เหมือนกันอย่างทีร่างบางถาม ทำให้ไม่ได้ตอบร่างบางแต่กลับมองไปรอบๆห้องแทน
    “นี่ ทำไมสีไม่เหมือนกันล่ะ” ถามยุนโฮอีกรอบพลางกระตุกเสื้อของคนที่นั่งข้างๆเตียงให้หันมามองตน แล้วก็ชี้ผมของตนเองสลับกับผมของยุนโฮ ท่าทางที่ร่างบางทำไปโดยไม่รู้ตัวนั้นดูเหมือนเด็ก จนทำให้ยุนโฮเกิดความเอ็นดูเด็กช่างสงสัยเสียแล้วล่ะสิ จากนั้นก็เริ่มอธิบายให้ร่างบางฟัง
    .
    .
    .
    หลังจากที่ได้คุยกันสักพักหนึ่ง ไม่สิเป็นการตอบคำถามของยุนโฮมากกว่า คนตัวเล็กช่างสรรหาคำถามมาถามเสียจนยุนโฮเริ่มขี้เกียจจะตอบแล้วก็เลยขอตัวออกจากห้อง
    “เดี๋ยวรอยุนโฮก่อนนะ นั่งเฉยๆอย่าไปไหนล่ะ เดี๋ยวยุนโฮกลับมา” ร่างสูงเอ่ยกำชับร่างบาง กลัวว่าจะหนีไปซนที่อื่นแล้วเรื่องจะยุ่งยากมากกว่าเดิม แล้วก็รีบเดินออกไปยังห้องประจำของคุณหมอประจำคนไข้ทันที
    “ยูชอน อาการของเค้าเป็นอย่างที่แกบอกจริงๆว่ะ” ทันทีที่เห็นคุณหมอหนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก็รีบบอกอาการของผู้ป่วยให้คุณหมอเพื่อนสนิททราบทันที
    “เออ แสดงว่าชั้นก็เดาถูก แล้วแกจะเอายังไงต่อตอนนี้ยังติดต่อญาติคุณคิมไม่ได้เลย” คุณหมอปาร์คก็บอกเรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่เพื่อนของตนเองฝากให้ช่วยเป็นธุระให้ในการติดต่อครอบครัวของร่างบาง เพราะช่วงนี้ยุนโฮไม่ค่อยว่างเลย
    “ใครวะคุณคิม” ยุนโฮย้อนถามเพื่อนอีกครั้ง
    “นี่แก ขับรถชนเค้าแล้วยังไม่คิดที่จะหาประวัติเค้าเลยหรือไงฮะ” ตอนนี้คุณหมออยากจะเหวี่ยงใส่คนตรงหน้าเสียแล้วสิ อะไรมันจะยุ่งขนาดนั้น ไม่มีเวลามาใส่ใจคนที่ตัวเองต้องดูแลเลยรึไง
    “เออใช่สิ ชั้นลืมไปได้ยังไงเนี่ย แล้วตกลงเค้าชื่ออะไร” เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้เลยท่านประธานบริษัทชองกรุ๊ปคงจะยุ่งมากจริงๆ
    “แกต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยแล้วกันนะว่าเค้าชื่อคิมแจจุง เป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลคิมน่ะ ทำไมถึงติดต่อทางบ้านไม่ได้ก็ไม่รู้ว่ะ” ยูชอนบอกอย่างจนปัญญา เพราะเค้าไม่สามารถติดต่อครอบครัวของร่างบางได้เลย
    “เดี๋ยวชั้นจัดการต่อเองแล้วกัน ช่วงนี้ชั้นพอจะว่าบ้างแล้วล่ะ” อาสารับช่วงต่อทันที
    “เออ ไม่ต้องบอกชั้นก็จะโยนให้แก ลูกน้องตั้งเยอะแยะยังจะมาให้ชั้นทำให้อีก” จากอารมณ์ที่อย่างจะเหวี่ยงตอนนี้ได้กลายเป็นอารมณ์อยากจะบ่นซะแล้วสิ
    “แกอย่าบ่นได้มั้ยเนี่ย เออตอนนี้แกก็มีที่อยู่ของคุณแจจุงแล้วใช่มั้ย เอามาให้ชั้นเลย ประวัติที่ชั้นควรจะรู้ด้วยแล้วกัน” ได้ทีก็รีบสั่งเลยทีเดียว
    “ชั้นเป็นหมอนะเว่ย ไม่ใช่เลขาแก” คุณหมอท้วงถึงหน้าที่ของตัวเอง
    “เออ ชั้นรู้ว่าแกมี เอามาให้ชั้นเลยเพราะคงต้องอยู่ดูแลคุณแจจุงซักระยะนึงเลยว่ะ ถ้ายังติดต่อครอบครัวเค้าไม่ได้” ยุนโฮรู้ทันเพื่อนของตนอยู่แล้วว่าคนอย่างคุณหมอปาร์คนั้นรอบคอบเสมอ เรื่องประวัติและที่อยู่ก็คงต้องเตรียมเอาไว้พร้อมอยู่แล้ว
    “เออ ไอ้คนรู้ทัน พ่อคนฉลาด คุณเพื่อนที่แสนจะรู้ใจ ข้อมูลที่แกต้องการอยู่ในแฟ้มนี้ทั้งหมดแล้ว อ่ะเอาไป” โยนแฟ้มเล็กๆใส่คุณเพื่อนที่รักซะเต็มแรงจนโดนหน้าอกแกร่ง ทำให้คนที่โดนแฟ้มต้องเอามือลูบหน้าอกกว้างของตัวเองปอยๆ ท่าทางที่เห็นนั้นถูกใจผู้กระทำเป็นอย่างมาก จึงเกิดรอยยิ้มสะใจขึ้นบนริมฝีปากที่ได้ทั้งทำร้ายร่างกาย แล้วก็ได้เอ่ยคำพูดจิกกัดใส่เพื่อนรัก
    “เค้าแสดงความรักกันอย่างนี้หรอวะไอ้เพื่อนห้อย” พูดพลางก้มลงหยิบแฟ้มนั้นขึ้นมา
    “แหม แกไม่ห้อยเลย ไอ้หล่อเอ๊ย”
    “แน่นอนชั้นหล่ออยู่แล้ว ไปก่อนนะเดี๋ยวเจอกัน” กวนประสาทก่อนกลับไปอีกหนึ่งดอก แล้วก็รีบเดินกลับมายังห้องของคนที่เค้าต้องดูแล
    .
    .
    .
    “กลับมาแล้ว” ทันทีที่เปิดประตู เสียงทุ้มก็เอ่ยทักให้คนในห้องรู้ตัว พอเห็นร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงทำสีหน้าแปลกๆ จึงรีบเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร
    “เมื่อยขา ขยับขาไม่ได้” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้หลังจากที่ตอบยุนโฮ
    ยุนโฮเลยรีบเดินเข้ามาใกล้ๆที่เตียง ก็เลยรู้ว่าทำไมร่างบางถึงขยับขาไม่ได้เพราะร่างบางนั่นนั่งทับขาของตัวเอง ร่างสูงจึงรีบเข้าไปจัดท่านั่งให้ใหม่ พร้อมๆกับบีบนวดขาให้ร่างบาง แล้วก็ถามไปว่า “แล้วทำไมไม่ขยับขาหรือเปลี่ยนท่านั่งล่ะ หืม”
    “ก็ยุนโฮให้นั่งเฉยๆนี่” ได้คำตอบแบบนี้อีกแล้ว การที่ยุนโฮได้คุยกับแจจุงทำให้ยุนโฮต้องหัดค่อยๆคิดก่อนที่จะพูดอะไรกับแจจุงแล้วล่ะสิ
    “แจจุง” ยุนโฮลองเรียกชื่อของร่างบางเพื่อที่จะดูปฏิกิริยา
    “หืม” เจ้าของชื่อขานรับ พลางหันหน้ามามองร่างสูงด้วงตากลมโตคู่นั้น
    “คุณจำชื่อตัวเองได้หรอ”
    “จำไม่ได้” ร่างบางตอบกลับไป
    “อืม งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันนะ ยุนโฮจะเรียกแจจุงว่าแจจุงนะ” ยุนโฮอธิบายให้ร่างบางเข้าใจอย่างงงๆ แต่ร่างบางกลับเข้าใจเสียอย่างนั้น
    “แจจุง ยุนโฮ” ร่างบางชี้ที่ตัวเองหลังจากที่ยุนโฮบอกพร้อมทวนความจำโดยการชี้ไปยังร่างสูงด้วย
    “เก่งมาก” ยุนโฮยิ้มอ่อนโยนให้กับร่างบางพร้อมกับลูบกลุ่มผมนิ่มของร่างเล็ก
    ส่วนคนที่ได้รับความอ่อนโยนก็สุขใจที่มีคนใจดีกับตนเอง ได้นั่งยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว ถึงแจจุงจะไม่เข้าใจในหลายๆเรื่องแต่แจจุงก็ชอบให้ยุนโฮลูบหัวและพูดกับเขาแบบนี้
    “แจจุงหิวมั้ย” ยุนโฮถามคนป่วยหลังจากที่ดูเวลาแล้วสมควรที่จะทานอาหารได้แล้ว
    “หิวสิ” คนถูกถามพยักหน้าอย่างเร็วเหมือนกับเด็กๆ ท่าทางแบบนี้น่าเอ็นดูไม่น้องเลยทีเดียว
    “งั้นกินข้าวกันนะ” ยุนโฮรีบยกถาดอาหารมาให้ร่างบางทันที พร้อมกับจัดแจงอุปกรณ์การทานอาหารอย่าเรียบร้อย
    แจจุงหยิบช้อนขึ้นมาอย่างไม่ค่อยถนัดนักเนื่องจากมือข้างที่ถนัดยังมีผ้าพันแผลพันอยู่ ทำให้ข้าวต้มหกไปเยอะเลยทีเดียว จนยุนโฮต้องมาคอยนั่งป้อนข้าวต้มให้แทนที่จะปล่อยให้แจจุงจัดการทานเอง อาหารมื้อนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นอาหารมื้อสุดอร่อยของแจจุงไปเลย
    หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยยุนโฮก็จัดการยกถาดยามาให้คนป่วยที่นั่งสบายใจอยู่บนเตียง
    “แจจุง กินยาหน่อยนะ”
    “ไม่เอา ขม” ส่ายหัวซะจนผมนุ่มนั้นสะบัดไปตามแรงเหวี่ยง
    “ไม่กินเดี๋ยวไม่หายนะ” ยุนโฮเริ่มแผนการหลอกล่อ
    “ไม่เอา ไม่กิน แจจุงหายแล้วนะ” เด็กดื้อจึงเริ่มปฏิบัติการเหมือนกัน
    “ไม่ แจจุงยังไม่หายนะครับ กินยาก่อนนะคนเก่ง” เริ่มงัดวิธีที่เขาเคยใช้กับน้องสาวตัวดีขึ้นมาใช้
    “แจจุงเก่งอยู่แล้ว แต่ไม่กินยานะ ยุนโฮ นะนะ” เขย่าแขนคนถือยา พร้อมกับส่งสายตาอ้อนๆให้ จนร่างสูงใจกระตุกวูบ จะน่ารักไปถึงไหนนะแจจุง
    ยุนโฮต้องรวบรวมสติที่หลุดลอยไปกับคำอ้อนของแจจุงให้กลับมา หาวิธีให้ร่างบางคนนี้กินยาให้ได้
    “ไม่ได้ครับ แจจุงกินยานะ” ยุนโฮเริ่มทอดเสียงอย่างเหนื่อยใจ
    “ไม่กิน” พอยุนโฮพูดจบปุ๊บร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงนอนรีบหันหลังหนีทันที ยุนโฮเห็นท่าทางเด็กดื้อในตอนนี้แล้วพลางนึกถึงยัยน้องสาวตัวดีที่ดื้ออย่างนี้ไม่มีผิดเลย
    “ถ้าไม่กินยุนโฮจะไปแล้วนะ ไม่อยู่กับแจจุงที่ดื้ออย่างนี้แล้วนะ” พอพูดจบก็ว่าแก้วที่ใส่ยาลงบนโต๊ะ แล้วหันหลังจะเดินออกไป  แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขา เด็กดื้อที่ไม่ยอมกินยาก็รีบหันมาคว้าชายเสื้อของคนที่กำลังจะออกไปทันที
    “ไม่ให้ไปนะ” เสียงใสรีบตะโกนออกมาทันที ในตาใสเริ่มรื่นไปด้วยน้ำตา แล้วก็รีบพูดประโยคต่อมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ “อย่าทิ้งแจจุงนะ แจจุงจะกินยาแล้ว” ด้วยความที่กลัวยุนโฮจะหนี มือที่ว่างอีกข้างหนึ่งรีบยกแก้วที่มียาอยู่หลายเม็ดกระดกเข้าปากทันทีโดยที่ไม่มีน้ำ ผลที่ตามมาก็คือยาเม็ดขมๆนั้นติดคอเด็กดื้อ จนยุนโฮต้องรีบวิ่งไปหาน้ำให้เจ้าละหวั่น ส่วนคนที่กินยาเข้าไปนั้นก็ทำหน้าพะอืดพะอมเต็มแก่ อาหารที่เพิ่งทานไปเมื่อสักครู่เริ่มตีขึ้นมาจนทำให้ต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ สิ่งที่เพิ่งทานเข้าไปก็ได้หายไปจากท้องของร่างเล็กเสียแล้ว
    “ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะแจจุง” คนที่วิ่งหาน้ำเมื่อสักครู่หันมาพูดเสียงเข้มใส่ เป็นห่วงอาการของร่างบางตรงหน้าจริง ใบหน้าหวานดูซีด มีเหงื่อผุดขึ้นตามไรผม จนยุนโฮต้องเอื้อมมือไปเช็ดออกให้ “ยาตั้งเยอะกินอย่างนั้นได้ที่ไหนล่ะ น้ำก็ไม่มี” ยุนโฮตั้งท่าจะดุต่อ แต่ร่างบางก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
    “ก็...แจจุงกลัวยุนโฮจะไป” เสียงแหบๆของคนบนเตียงเปล่งออกมาเบาๆ พูดไปน้ำตาก็เริ่มคลอ “ยุนโฮ อย่าไปนะ อย่าทิ้งแจจุงนะ ฮือ...” น้ำตาที่ปริ่มขอบตานั้นไหลออกมาจาดวงตาคู่สวย แจจุงที่นั่งอยู่เอาแขนปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วก็ตามมาด้วยเสียวสะอื้น
    “ยุนโฮไม่ไปแล้ว อย่าร้องนะ” ร่างสูงเดินเข้าไปกอดปลอบคนขี้แย ค่อยๆลูบหัวลูบหลังเหมือนปลอบเด็ก จนแจจุงผลอยหลับไปในอ้อมกอดอุ่นๆของร่างสูง จากนั้นยุนโฮก็จัดการจับร่างเล็กให้นอนลงในท่าที่สบาย และเช็ดน้ำตาที่ติดอยู่บนแพขนตาหนาออก พลางพิจารณาใบหน้าหวานใส มีผมสีอ่อนรับกับใบหน้า ผิวพรรณดูขาวสะอาดตา ร่ายกายผอมบางน่าทะนุถนอม “ป่านนี้ครอบครัวของนายจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย แล้วติดชั้นขนาดนี้จะไปทำงานยังไง เฮ้อ...ชั้นโดดงานมาหลายวันแล้วนะ คิมแจจุง”
     
     
    กริ๊ง!!!  เสียงโทรศัพท์ของยุนโฮดังขึ้น
    “...”
    “พี่ยุนโฮเมื่อไรจะกลับคะ คุณพ่อคุณแม่แล้วก็จีฮเยรอนานแล้วนะ เอ้อ...แล้วพี่คนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ อาการดีขึ้นมั้ย...” ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนคุณพี่ชายพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
    “ค่อยถามสิยัยตัวแสบ เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วล่ะ ส่วนเรื่องอาการค่อยไปคุยกันที่บ้านนะ” ยุนโฮต้องตัดบทเดี๋ยวยัยน้องสาวจะยิงคำถามมากมายมาอีก
    “โอเคค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ” พูดจบก็รีบวางสายทันที โดยไม่ฟังคำตอบของพี่ชายเลย อาการแบบนี้ยุนโฮชินเสียแล้ว ร่างสูงเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกงของตนเองแล้วก็เดินสำรวจความเรียบร้อยภายในห้องพักแล้วกำลังจะเดินออกไปจากห้อง
    “ยุนโฮ ไปด้วยสิ” คนที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับลุกขึ้นมานั่งทำตาใส พร้อมกับเรียกร่างสูงที่กำลังจะก้าวขาเดินออกไปจากห้อง “แจจุงไม่อยากอยู่คนเดียว ไปด้วยนะ”
    “งั้นต้องไปถามคุณหมอก่อนนะครับ” ยุนโฮกดโทรศัพท์ถามคุณหมอว่าจะพาคนป่วยกลับบ้านได้มั้ย ได้คำตอบกลับมาก็ทำเอาแจจุงยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว






    ตอนที่หนึ่งผ่านไป ^^   ติชมได้นะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×