ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Over Love One Hundred รักเธอเกินร้อยขอเอาหัวใจเป็นประกัน

    ลำดับตอนที่ #3 : เหตุเกิดเพราะแจกัน # ๒

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 54


    2

     เหตุเกิดเพราะแจกัน

    หลังจากนั้นไม่นานรถสปอร์ตสีดำก็ถูกจอดอยู่ที่นัดหมายไว้ ลำธารถอดแว่นกันแดดแล้วยัดมันใส่กระเป๋าของตัวเองก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าร้านมิสเตอร์เหมียวทันที พอเข้ามาภายในร้านสายตาของเธอก็มองหาเด็กสาวตัวเล็กที่นัดเธอไว้อย่างละเอียดจนพบคนตัวเล็กกำลังโบกมือไปมาเรียกเธออยู่ ข้างๆ สายไหมมีพี่ชายของเธอนั่งอยู่กับเธอด้วย ทั้งสองหันมามองเธออย่างเป็นมิตร เธอเดินเข้าไปหาพวกเขาแล้วนั่งลงตรงข้ามกับทั้งสอง

    “ขอโทษนะคะที่พาพี่ชายมาด้วย พอดีเขาออกมาหาอะไรกินข้างนอกพอดี”

    “ไม่เป็นไร” ลำธารตอบพลางหันไปมองสายน้ำที่กำลังมองเธออยู่

    “สั่งอาหารเลยนะคะ” สายไหมโบกมือเรียกพนักงาน “ตามสบายเลยนะคะพี่ลำธาร ไหมเลี้ยงไม่อั้น” เด็กสาวยิ้ม

    “มีเงินเลี้ยงเขาด้วยหรือไง” สายน้ำหันมาแขวะน้องสาว

    “มีก็แล้วกันน่ะ” สายไหมแลบลิ้นใส่สายน้ำแล้วหันมาหาลำธาร “สั่งเลยค่ะ”

    ลำธารเปิดเมนูไปสองสามหน้าก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงาน ส่วนสองพี่น้องก็ต่างคนต่างเปิดเมนูแล้วสั่งอาหารที่ตัวเองชอบกัน หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยสายไหมก็หันมาหาลำธาร

    “เอาน้ำอะไรดีคะ”

    “น้ำเปล่าก็แล้วกัน”

    “น้ำเปล่าสามที่ค่ะ” สายไหมหันไปบอกพนักงานแล้วส่งเมนูคืน

    ระหว่างที่รออาหารสายไหมก็หาเรื่องสารพัดมาคุยกับลำธารอย่างสนุกสนานคนถูกถามก็ตอบไปสั้นๆ เท่านั้น สายน้ำมองทั้งสองที่คุยกันไม่หยุดทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นธาตุอากาศไปซะอย่างนั้น เขามองลำธารอย่างพิจารณา ผิวขาว หุ่นดีสมส่วน จมูกที่มีสันขึ้นมานิดๆ บวกกับปากเรียวปาก และดวงตาสีดำกลมโตพอดี แถมนิสัยที่ดูนิ่งๆ และลึกลับทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาไม่น้อย...

    ลำธารที่กำลังตอบคำถามของสายไหมรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องอยู่จึงหันไปมองสายน้ำที่กำลังมองเธอไม่ละสายตา

    “มีอะไรหรือเปล่า” ลำธารเอ่ยถามสายน้ำที่จ้องหน้าเธออยู่

    เมื่อได้ยินเสียงของลำธารทำให้สายน้ำรีบดึงสติของตัวเองกลับมาทันทีแล้วยิ้มหวานให้อีกฝ่าย “ผมสวยดีนะครับ”

    “ขอบคุณ”

    เย็นชาจัง สายน้ำคิดในใจ

    หลังจากนั้นไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็วางไว้อยู่บนโต๊ะแต่ละจานถูกจัดอย่างสวยงามและน่าทานยิ่งนัก พนักงานวางแก้วน้ำที่ใส่น้ำแข็งไว้บนโต๊ะแล้วเทน้ำจากเหยือกใส่ทีละแก้ว

    “น่ากินจัง” สายไหมถือช้อนส้อมไว้ในมือแล้วสูดดมอาหารดังฟืดฟาด “กินแล้วนะคะ” เธอพูดก่อนจะลงมือกินอาหาร

    ลำธารหยิบช้อนส้อมขึ้นมาก่อนจะลงมือกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าทันที สายน้ำก็เช่นกันระหว่างที่เขากินนั่นสายตาของเขาก็จะคอยแอบมองหญิงสาวมาดนิ่งเป็นระยะๆ

    “ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” หลังจากที่สายไหมกินเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยปล่อยให้ลำธารและสายน้ำอยู่ตามลำพังสองต่อสอง

    “ลำธารอายุเท่าไหร่หรอครับ” สายน้ำเริ่มต้นบทสนทนาขึ้น

    “ยี่สิบสองแล้วนายล่ะ” ลำธารตามกลับตามมารยาทพลางหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปาก

    “ยี่สิบสองเหมือนกันครับ” สายน้ำยิ้ม “ว่าแต่อยู่มหาลัยอะไรหรอครับ”

    “คริสเตียน นายล่ะ”

    “ยูเนี่ยนไลท์ครับ”

    และหลังจากการสนทนาครั้งนี้จบลงทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งมีเพียงเสียงดนตรีจากร้านเท่านั้นที่ได้ยิน

    “กินเสร็จแล้วหรอคะ” สายไหมเดินกลับมานั่งที่นั่งตัวเองหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ

    ลำธารไม่ตอบอะไรเธอหยิบขวดน้ำมาเทน้ำใส่แก้วตัวเองแล้วยกแก้วขึ้นจิบน้ำเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจิบน้ำอยู่เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทำให้เธอต้องรีบวางแก้วน้ำแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที

    ‘Zaza’

    “ฮัลโหล”

    (ตอนนี้แกอยู่ไหน)

    “อยู่ข้างนอก”

    (คือตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วนมากๆ อยากจะให้แกช่วยหน่อย ช่วยมาที่ร้านขายแจกันแถวๆ ถนนแอลพี ชื่อร้านสามพี่น้องทีสิ เดี๋ยวนี้เลยนะ) ซาซ่าพูดรัวเป็นชุดในโทรศัพท์ก่อนจะตัดสายไปอย่างรวดเร็ว

    ลำธารเอาโทรศัพท์ออกจากหูของตัวเองก่อนจะนิ่งคิดในใจอย่างหงุดหงิด

    ...อะไรของยัยนั่นเนี้ย

    สายไหมและสายน้ำมองลำธารเป็นตาเดียว ทั้งสองดูออกมาหลังจากที่วางสายอารมณ์ของหญิงสาวดูหงุดหงิดมาทีเดียว

    “มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ลำธาร” สายไหมเลือกที่จะถามออกไปส่วนสายน้ำเลือกที่จะรอคำตอบจากลำธารอย่างเงียบๆ

    “ฉันขอตัวก่อนนะ พอดีมีธุระด่วนนิดหน่อย” ลำธารลุกออกจากเก้าอี้ทันทีหลังจากที่พูดเสร็จโดยไม่กล่าวลาสองพี่น้องที่นั่งอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

    “ไปซะละ ว่าจะชวนไปเดินเล่นสักหน่อย” สายไหมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    สายน้ำมองน้องสาวตัวเองที่นั่งถอนหายใจอย่างเสียดายแต่มันก็ไม่ใช่แค่สายไหมเท่านั้นที่เสียดายเขาก็เสียดายเช่นกันที่อยู่ๆ ลำธารก็มีธุระกระทันหันแบบนี้

    “จะกลับยัง” สายน้ำหันไปถาม

    “กลับก็ได้” สายไหมพูดพลางเรียกพนักงานมาเก็บเงิน เมื่อรู้ยอดเงินที่ต้องจ่ายเธอจึงหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเพื่อหยิบเงินจ่ายแต่ถูกสายน้ำจ่ายเงินตัดหน้าซะก่อนและแขวะสายไหม

    “มีเงินเยอะขนาดที่จะเลี้ยงคนอื่นเขาแล้วหรือไง”

    ลำธารลงจากรถเธอมองชื่อร้านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก่อนจะมองหาเพื่อนสาวของตัวเอง เธอเห็นซาซ่ากำลังยืนคุยกับคนแก่คนหนึ่งอยู่แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่บทสนทนาที่ดีสักเท่าไหร่ทำให้ลำธารรีบเดินไปหาเพื่อนสาวทันที

    “บอกแล้วไงว่าโทรเรียกเพื่อนมา” ซาซ่าเท้าสะเอวบอกคุณลุงพุงพุ้ยก่อนจะเดินมาหาลำธารแล้วพูดกับเธอเบาๆ “นึกว่าแกจะไม่มาซะแล้ว”

    “เรียกฉันมาทำไม” ลำธารรีบเข้าประเด็นทันทีแล้วมองสภาพเพื่อนของตัวเองที่มีรอยช้ำและบาดแผลเป็นบางแห่งบนหน้าและผมที่ยุ่งเหยิงเหมือนไปฟัดกับหมาที่ไหนสักแห่ง มือข้างหนึ่งมีเลือดอาบอยู่อย่างน่ากลัว

    “พอดีฉันมาหาอะไรกินแถวๆ นี้แล้วไปเจอยัยเบลกับเพื่อนนรกของยัยนั่นโดยบังเอิญก็เลยมีเรื่องกันนิดหน่อย ยัยนั่นมันผลักฉันล้มมาโดนแจกันหน้าร้านนี้แตกแล้วชิ่งหนีเลยเหลือฉันรับเวรกรรมที่ยัยนั่นทำไว้คนเดียวเนี้ยแหละ” ซาซ่าอธิบายด้วยอารมณ์เซ็งปนหงุดหงิด

    “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันไม่ทราบ”

    “โถ แกเป็นเพื่อนฉันนะเรื่องแค่นี้ช่วยไม่ได้หรอ”

    ลำธารมองซาซ่าด้วยสายตาเอือมระอาก่อนจะหันไปหาลุงพุงพุ้ย “ขอโทษสำหรับเรื่องแจกันด้วยนะคะ”

    “โอย แจกันนี่มันไม่ได้ชดใช้ได้ง่ายๆ กับคำขอโทษของเธอหรอกนะ” ลุงแก่โวยวายทันที

    “แล้วจะให้ทำยังไงล่ะลุง ในเมื่อแจกันมันแตกไปแล้วแล้วฉันก็ไม่ได้เป็นคนทำด้วย ยัยนั่นมันผลักฉันต่างหาก” ซาซ่าโต้กลับ

    “แล้วจะให้ทำยังไงล่ะคะ” ลำธารพยายามคุยอย่างใจเย็น

    “สองแสน”

    “อะไรของสองแสน” ซาซ่าถามอย่างงงๆ

    “พวกเธอต้องจ่ายค่าแจกันให้ฉันสองแสน”

    “ฮะ!!” ซาซ่าอุทานออกมาอัตโนมัติด้วยความตกใจ “แจกันบ้าอะไรตั้งสองแสน”

    ลำธารอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินมูลค่าของแจกัน เธอพยายามคิดหาหนทางเพื่อช่วยเพื่อนของเธอหลังจากที่เธอเงียบไปสักพักเธอก็หันไปหาลุงคนนั้นอีกครั้ง “ลุงเป็นเจ้าของร้านหรือเปล่าคะ”

    “เปล่า” ลุงแก่ตอบสั้นๆ หวนๆ

    “งั้นโทรเรียกเจ้าของร้านมาเคลียร์ดีกว่ามั้ย” ลำธารเสนอ

    “ใช่ๆ โทรเรียกเจ้าของร้านมาเลยดีกว่า”

    พนักงานร้านพุงพุ้ยทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านแล้วออกมาพร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก เขาหันไปคุยกับลุงตัวอ้วนแล้วหันมายิ้มให้หญิงสาวทั้งสองอย่างเป็นมิตร

    “ผมโทรหาเจ้าของร้านให้แล้วนะครับอีกสักพักคงจะมา”

    “เจอพนักงานสุภาพอย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” ซาซ่าพูดลอยๆ ทำให้ลุงคนนั้นถึงกับหันมามองตาขวาง

    “เอ่อ...” เด็กหนุ่มมองซาซ่ากับลุงสลับกันไปมา “ผมขอโทษแทนลุงเขาด้วยนะครับ พอดีว่าลุงเขามีปัญหาทางจิตนิดหน่อยน่ะครับ”

    “ไอ้เรย์แกว่าฉันเป็นสติไม่ดีหรอ!”

    “ลุงผมซื้อข้าวมาให้แล้วอยู่หลังร้านอ่ะ ลุงไปกินนะ เดี๋ยวผมดูแลลูกค้าเอง” เรย์แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่ลุงพูด ลุงพุงพุ้ยทำท่าจิ๊จ๊ะไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแล้วเดินหายไปหลังร้านทันที

     ผ่านไปหลายนาทีแล้วก็ไม่มีวี่แววของเจ้าของร้านโผล่มาสักทีทำให้ซาซ่าเริ่มออกอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เรย์ที่เห็นว่าหญิงสาวผมแดงเริ่มออกอาการหงุดหงิดแล้วจึงรีบโทรตามเจ้านายของตัวเองอีกครั้งอย่างร้อนรน ขณะที่เขากำลังกดโทรออกสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่พร้อมผมสีดำสนิทของเจ้านายคนโตของตนเดินเข้ามาในร้านพอดี

    “มาแล้วครับๆ” เรย์รีบวางโทรศัพท์ทิ้งแล้วเดินไปหาเจ้านายทันที “นี่คือสองคนที่ลุงเบิ้มบอกครับพี่ลม” เรย์พูดพลางชี้ไปที่ซาซ่าและลำธาร

    ลำธารเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของร้านทำให้เธอถึงกับชะงักนิ่งทันทีแล้วจ้องเขาไม่ละสายตา หนุ่มใบหน้าหวานแต่เพราะสีผมดำสนิทและดวงตาของเขาภายใต้ชุดนักศึกษาทำให้กลายเป็นหนุ่มเท่แทนที่จะเป็นหนุ่มหน้าหวานขี้เล่น

    ทำไมหน้าเหมือนพี่ชายของสายไหมเลยนะ ..แต่ต้องไม่ใช่คนเดียวกันแน่ๆ เพราะแววตาของเขาดูดุดันไม่ใช่แววตาขี้เล่นเหมือนสายน้ำ

    “ขอบใจมากเรย์ ไปพักเถอะ” สายลมหันไปพูดกับเรย์

    เรย์พยักหน้าหงึกๆ สองสามทีแล้วเดินกลับเข้าไปหลังร้านทันที

    “คุณรู้ราคาแจกันแล้วใช่มั้ย” สายลมหันไปถามผู้หญิงตรงหน้าทั้งสอง

    “แพงขนาดนั้นฉันไม่มีเงินจ่ายให้คุณหรอกนะ” ซาซ่ากอดอกพูดกับเขา ถึงแม้ว่าบ้านเธอจะรวยแต่เธอก็ไม่มีหน้ากล้าไปขอเงินมากมายขนาดนั้นได้หรอก มีหวังโดนไล่ออกจากบ้านแน่ๆ ทำไมน่ะหรอ เพราะเธอสัญญากับพ่อของเธอว่าจะไม่ก่อเรื่องอีกแล้ว ถ้ามีเรื่องอีกครั้งให้พ่อไล่ออกจากบ้านได้เลย

    ทำยังไงดีเนี้ย!

    “งั้นก็มีอีกทางหนึ่ง” สายลมพูดขึ้น “คุณต้องมาทำงานให้ทางร้านเราจนกว่าจะใช้ค่าแจกันครบ”

    “ฮะ!!!” ซาซ่าอุทานขึ้นมาเสียงดังทันทีก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากลำธารทางสายตา ลำธารยักไหล่ข้ามหนึ่งโดยไม่พูดอะไรแต่ซาซ่ายังคอยส่งสายตาอ้อนวอนปนขู่เข็ญทำให้ลำธารต้องเปิดปากช่วยพูดให้เธอด้วยความสงสาร (และรำคาญ)

    “ตกลง” ลำธารหันไปพูดกับสายลม “ยัยนั่นจะมาทำงานที่ร้านคุณจนกว่าจะใช้ค่าเสียหายทั้งหมดครบ”

    “...!!!”

    ซาซ่าหันไปมองลำธารจนตาแทบทะลักออกมาจากเบ้าตา ...ยัยลำธารรร!!!

    “งั้นเดี๋ยวผมจะบอกวันเริ่มงานอีกที ผมขอเบอร์ติดต่อของคุณหน่อย” สายลมพูดแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา

    ซาซ่ากัดฟันบอกเบอร์โทรศัพท์ไปอย่างจำใจ หลังจากที่สายลมได้เบอร์ติดต่อของซาซ่าเรียบร้อยแล้วเขาก็ขอตัวออกจากร้านไปทันทีโดยทิ้งให้สองสาวอยู่ในร้านเพียงสองคน

    “ฉันอยากจะจิกหัวแกมาตบจังเลยเพื่อนรัก” ซาซ่ายิ้มหวานปนยาพิษให้ลำธาร

    “ก็อยากให้ฉันพูดให้ก็พูดให้แล้วนี่ไง”

    “ฉันอยากจะบ้าตาย” ซาซ่าขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด

    “ฉันไปละ โชคดี” ลำธารเดินไปตบไหล่เพื่อนสาวแล้วเดินออกจากร้านทันที

    แสงสีสันมากมายที่ส่องมาจากเพดานด้านบน สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวกลางคืนต่างพากันมาดื่มดำแสงสียามค่ำคืนและซาซ่าก็เป็นหนึ่งในนั้น

    หลังจากที่พ่อของเธอเห็นบาดแผลบนใบหน้าของเธอจึงรู้ทันทีว่าเธอได้ไปมีเรื่องกับคู่อริมาอีกแล้ว ทำให้เธอต้องหอบผ้าออกมาพักอาศัยอยู่ข้างนอกเธอยกไวน์ขึ้นมากระดกหมด กระเป๋าที่วางอยู่บนพื้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกหดหู่เพราะตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้วด้วยสิป่านนี้ลำธารเพื่อนของเธอคงนอนฝันหวานไปแล้ว

    “เฮ้ย ทำไมแกไปไล่น้องเขาแบบนั้นวะ ปกติไม่เป็นแบบนี้นี่หว่า” ดิวชายหนุ่มร่างสูงดูกำยำหันไปพูดกับสายน้ำ

    “ก็แค่เบื่อ” สายน้ำตอบไปตามความจริง ตอนนี้ไม่รู้ทำไมเขาถึงเป็นกังวลเรื่องน้องสาวของเขาเหลือเกิน ใบหน้าของลำธารและสายไหมอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา ตอนแรกก็แค่อยากจะจีบดูเล่นๆ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้กังวลขนาดนี้นะ หรือเพราะปกติการจีบสาวหรือทำให้ผู้หญิงสนใจเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาแต่พอมาเป็นเธอคนนี้กลับไม่ง่ายเหมือนกับคนอื่นๆ เลย

    “ดูผู้หญิงคนนู้นดิ สวยว่ะ” แม็กเพื่อนชายหน้าตาเข้มหล่อตามสไตล์หนุ่มตะวันตกชี้ไปที่หญิงสาวผมสีแดงแสบตา

    “ท่าทางจะแรงใช้ได้” ดิวพูดพลางหันไปหาสายน้ำ “สนมั้ยเพื่อน”

    สายน้ำส่ายมือไปมาเป็นการปฎิเสธ “แกไปเหอะ”

    ดิวและแม็กมองสายน้ำเป็นตาเดียวแล้วหันมามองหน้ากันด้วยสายตที่จะสื่อความหมายประมาณว่า แกคิดเหมือนฉันมั้ยวะ

    “เป็นอะไรของแกวะไอ้สายน้ำ โดนผู้หญิงหักหน้ามาหรือไง” แม็กพูดใส่สายน้ำอย่างหยอกๆ เพราะเขาไม่คิดว่าคนอย่างสายน้ำจะโดนผู้หญิงหักหน้ามีแต่หมอนั่นนั่นแหละที่จะไปหักหน้าผู้หญิง

    “เปล่า”

    “หรือผู้หญิงที่ไหนไม่รับรัก” ดิวถามต่ออย่างหยอกๆ เช่นกันแต่หารู้ไม่ว่าคำถามของเขาเหมือนมีดที่ปาเข้าไปปักที่อกของสายน้ำอย่างจัง

    สายน้ำหันขวับไปมองเจ้าของคำถามทันที “เปล่า”

    เมื่อเพื่อนทั้งสองเห็นปฎิกิริยาของเพื่อนตัวเองจึงมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่ดิวจะพยักหน้าแล้วหันไปพูดยั่วโมโหสายน้ำ

    “หันมามองฉันแบบนี้แสดงว่าโดนผู้หญิงหักอกมาจริงๆ สิท่า” ดิวเริ่มเป็นคนแรก

    “แน่ๆ” แม็กเสริม

    “ก็บอกว่าเปล่าไงวะ” สายน้ำพูดอย่างหงุดหงิด

    “แล้วทำไมแกถึงมานั่งเซ็งแบบนี่เล่า ปกติเห็นสาวเป็นไม่ได้”

    “สรุปแกจะให้ฉันไปหาผู้หญิงผมแดงคนนั้นให้ได้เลยใช่มั้ย” สายน้ำพูดอย่างรู้ทันแล้วลุกขึ้นจากโซฟา “ก็ได้” เขาพูดก่อนจะเดินไปหาหญิงสาวผมแดงที่นั่งอยู่อีกด้านทันที

    ซาซ่าที่กำลังกระดกไวน์แก้วที่สามเข้าปากหันไปมองบรรยากาศรอบๆ ขณะที่เธอกำลังมองสายตาของเธอก็เห็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่หน้าเหมือนเจ้าของร้านแจกันไม่มีผิด ทำให้เธอตกใจจนทำแก้วในมือหล่นลงพื้นเสียงดังก่อนจะชี้หน้าชายหนุ่มตรงหน้าที่ส่งยิ้มให้เธออยู่

    “..นาย”

    “น้องช่วยมาทำความสะอาดตรงนี้หน่อย” สายน้ำตะโกนเรียกพนักงานในผับก่อนจะหันมาสบตาให้ซาซ่า “สวัสดีครับ”

    ซาซ่ามองคนตรงหน้าอย่างสงสัยเล็กน้อยถึงแม้หน้าตาของเขาจะเหมือนคนที่เจอกันในตอนบ่ายแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าไม่ใช่คนเดียวกันเลยนะ

    “นายใช่คนที่ร้านแจกันหรือเปล่า” ซาซ่าถามสายน้ำด้วยเสียงเปร่งๆ คล้ายว่าไวน์ที่กินไปจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

    “ครับ?” สายน้ำพยายามนึกที่ร้านแจกันที่สาวตรงหน้าพูด

    หรือว่าจะหมายถึงร้านเรานะ ...แต่เราไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้เลยนี่น่า

    “ใช่ร้านสามพี่น้องหรือเปล่าครับ”

    “ช่าย”

    “อ๋อ สงสัยคนที่คุณเจอคงจะเป็นพี่ผมแล้วล่ะ” สายน้ำบอกยิ้มๆ “เพราะผมเพิ่งเจอคุณครั้งแรก”

    “พี่นาย?” ซาซ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย “อ๋อออ นายเป็นฝาแฝดของหมอนั่นใช่มะ”

    “ครับ” สายน้ำตอบ เมื่อเขาเห็นว่าพนักงานทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วจึงเดินมานั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ ซาซ่า “ผมขอนั่งด้วยคนนะ”

    “ตามสบาย” ซาซ่าพูดกับสายน้ำแล้วหันไปหาพนักงานตรงบาร์ “น้องขออีกแก้ว”

    “ของฉันด้วย” สายน้ำตะโกนบอกพนักงาน “มาคนเดียวหรอครับ” เขาหันไปถามซาซ่า

    “ช่ายย” เธอพยักหน้าหงึกๆ “เพื่อนฉันมันก็ไม่ว่างกันแถมโดนไล่ออกจากบ้านอีก” ซาซ่าเริ่มเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับตัวเองให้สายน้ำฟัง สายน้ำก็เป็นผู้ฟังที่ดีเขานั่งเงียบคอยรับฟังเธอระบายทุกสิ่งทุกอย่างในใจ พนักงานเสิร์ฟไวน์ให้ทั้งสองซาซ่าหยุดเล่าแล้วหยิบไวน์ขึ้นมาจิบก่อนจะพูดต่อ

    “เพราะยัยนรกนั่นแท้ๆ ทำให้ฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ยัยลำธารเพื่อนฉันก็อีกคนบอกให้มาช่วยแท้ๆ แต่ดันมาผลักฉันลงเหว”

    สายน้ำที่กำลังยกไวน์ขึ้นมาดื่มอยู่ถึงกับชะงักทันทีเมื่อได้ยินชื่อของลำธารอยู่ในนั่น เขารีบวางแก้วไวน์ทันทีก่อนจะหันไปถามซาซ่า

    “คนชื่อลำธารเป็นเพื่อนของคุณหรอ”

    “อืมใช่ ยัยนั่นน่ะเป็นคนเงียบมากและเย็นชาผิดกับฉัน แถมยังเลือดเย็นฆ่าเพื่อนตัวเองทั้งเป็นได้ลงคออีกต่างหาก”

    เย็นชาอย่างนั้นหรอ... หรือว่าจะคนเดียวกัน

    “ว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอครับ ตั้งแต่คุยกันมาคุณยังไม่ได้บอกชื่อผมเลยนะ”

    “ซาซ่า” เธอพูดชื่อตัวเอง “แล้วนายล่ะ”

    “สายน้ำครับ”

    “อ๋อออ ว่าแต่บ้านนายมีห้องว่างมั้ย ขอไปพักอยู่สักคืนเดะ” ซาซ่าพูดแล้วหยิบไวน์ในมือของสายน้ำมากระดกจนหมด ถ้าเป็นซาซ่าในเวอร์ชั่นปกติเธอไม่มีวันขอผู้ชายไปนอนที่บ้านแน่นอนแต่ด้วยความจนตรอกและความเมาของเธอทำให้เธอพูดมันออกมา

    “ก็ได้อยู่นะ” สายน้ำยิ้มพลางมองคนที่นั่งข้างๆ ที่แย่งแก้วไวน์ของตัวเองไป “ผมว่าคุณเมาแล้วนะ”

    “งั้นหรอ ฮ่ะๆ” ซาซ่าหัวเราะอย่างขมขืด “น้องขออีกแก้ว”

    “พอเถอะ ผมพาคุณกลับบ้านดีกว่านะ”

    “ขออีกนิ๊ด เดี๋ยวคอยกลาบ” ซาซ่าส่ายหน้าไปมาแล้วรับไวน์จากพนักงาน

    เวลาผ่านไปไม่นานนักสายน้ำก็เอาแต่มองซาซ่าดื่มไวน์อย่างไม่ลดละ ทำให้เธอเมานักขึ้น สายน้ำจึงมีแผนดีๆ อยู่ในหัวทันที

    ถามตอนเมาเนี้ยแหละดีที่สุด

    “ลำธารเพื่อนของคุณนี่มีแฟนหรือยังครับ” สายน้ำเริ่มถามทันที

    “อย่างยายนั่นน่ะนะจะมีแฟน” ซาซ่าหัวเราะหึๆ “ใครได้เป็นแฟนซวยตาย”

    “ทำไมล่ะ” สายน้ำรีบถามอย่างสนอกสนใจ

    “ก็ยัยนั่นทั้งเย็นชา เลือดเย็น รู้ม้า เมื่อสองวันก่อนมีคนมาสารภาพรักยัยนั่นด้วย”

    “หรอครับ!”

    “อื้ม หมอนั่นเอาดอกไม้มาให้แล้วก็พูดว่า ฉันรักเธอ พวกเพื่อนของหมอนั่นก็ส่งเสียงร้องฉันก็เลยด่า พวกนั้นเลยเงียบเป็นหมาหงอยเลยล่ะ ฮ่าๆ”

    “แล้วยังไงต่อหรอครับ”

    “ยัยนั่นก็เลยถามกลับไปว่ามาบอกฉันทำไม หมอนั่นบอกว่ามาบอกเพราะอยากเป็นแฟน ตอนที่หมอนั่นพูดนะฉันเห็นยัยลำธารมองหมอนั่นด้วยสายตาสมเพชสุดๆ เลยล่ะ พอหมอนั่นพูดจบปุ๊บยัยนั่นก็รับดอกไม้มา พอเอามาปุ๊บก็หักทิ้งแล้วโยนลงพื้นแล้วก็ใช้เท้าขยี้ดอกไม้จนเละเลยล่ะ”

    เมื่อได้ยินคำเล่าจากปากของเพื่อนรักของลำธาร สายน้ำถึงกับแทบอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับความโหดร้ายของลำธารแต่ในอีกทางก็เหมือนเป็นของมีค่าที่ไม่สามารถได้มาง่ายๆ

    “แล้วเพื่อนซาซ่าเคยคบใครมาก่อนหรือเปล่า”

    “ทำไมนายอยากรู้เรื่องเพื่อนของฉันจัง” ซาซ่าขมวดคิ้วเป็นปมอย่างสงสัย “สนใจยัยนั่นหรอ”

    “คือผมไม่เคยเจอผู้หญิงนิสัยแบบเพื่อนซาซ่าน่ะเลยอยากรู้เฉยๆ” สายน้ำรีบแก้ตัวทันควัน

    “อ๋อๆ ยัยนั่นก็เคยมีนะเพราะหมอนั่นเนี้ยแหละ ทำให้ยัยนั่นกลายเป็นคนเลือดเย็นแบบนี้”

    “เพราะ?”

    “ก็เมื่อก่อนยัยนั่นดูเย็นชาน้อยกว่านี้และก็ยิ้มมากกว่านี้ แถมไม่ค่อยพูดทำร้ายจิตใจใครเท่าไหร่ด้วย แต่หลังจากที่เลิกกับหมอนั่นก็กลายเป็นอย่างที่เล่าเนี้ยแหละ”

    หืม ตั้งแต่เลิกกับแฟนก็เลยกลายเป็นคนเย็นชาอย่างนั้นหรอ...

    “หมอนั่นมาจีบลำธารเพราะพนันกับเพื่อนพอจบเกมส์ก็ทิ้ง”

    “โอ้โห เลวฉิบ” สายน้ำอุทาน

    น่าสงสารลำธารจังที่ต้องไปรักคนแบบนั้น สายน้ำคิดในใจตอนแรกที่ได้ยินที่ซาซ่าพูดว่าเธอได้ไปทำร้ายจิตใจคนที่มาสารภาพรัก ตอนนั้นเขารู้สึกไม่ชอบเธอขึ้นมาเล็กน้อยแต่พอได้ทราบสาเหตุที่ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ทำให้เขารู้สึกสงสารและรู้สึกอยากเป็นคนดึงเธอออกจากหวงในอดีตทันที

    “แล้วลำธารลืมแฟนเขาได้หรือยัง”

    “ไม่รู้สิ คนอย่างยัยนั่นเดาใจได้ซะที่ไหน” ซาซ่าเบ้ปากก่อนจะวางแก้วไวแล้วลุกขึ้น สายน้ำรีบลุกตามทันทีเพราะเห็นซาซ่าเดินเซไปเซมา เธอทำท่าจะก้มลงเก็บกระเป๋าแต่เขากลัวเธอจะหัวคะมำซะก่อนเลยอาสาหยิบให้และพาไปที่บ้านของเขา

    “เฮ้ย กลับก่อนนะ” สายน้ำพูดกับดิวและแม็กพลางกระชับแขนที่ประคองซาซ่าเอาไว้

    “บอกว่าเบื่อแต่ก็แบกกลับบ้าน ร้ายนะ” ดิวแซว

    สายน้ำไม่อยากจะอธิบายความเป็นมายืดยาวกับดิวจึงเออออตามแล้วพาซาซ่าไปที่รถของเขาก่อนจะพาไปบ้านของเขา

    ขอมาอัพก่อนล่วงหน้าเนื่องจากถ้ารอตอนแปดเสร็จคงจะอีกนานเนื่องจากช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา

    มีเวลาแต่งแค่ช่วงเช้าๆ เท่านั้น ตอนเย็นต้องไปสอนเทควันโดแล้วก็ซ้อมด้วยกว่าจะกลับก็สามทุ่มนู้น

    เจอกันในวันที่ตอนที่แปดเสร็จหรือพริลอยากจะอัพนะคะ ๕๕

    ปล.ขอบคุณพี่อุ้ยมากที่ตามมาอ่านนิยายพริลจริงๆ ขอบคุณที่มาอวยพรวันเกิดด้วย ปลื้มสุดๆ เลย >3<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×