ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Over Love One Hundred รักเธอเกินร้อยขอเอาหัวใจเป็นประกัน

    ลำดับตอนที่ #12 : อั๊บแอ อั๊บแอ # ๑๑

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 54


    11

    อั๊บแอ อั๊บแอ

    สายน้ำพาลำธารวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตก่อนจะวิ่งเข้าไปในป่าที่อยู่หลังตลาดจนมั่นใจว่าไม่มีคนตามมาแล้วเขาจึงหยุดวิ่งแล้วยืนหอบแฮ่กๆ ด้วยความเหนื่อย

    “คุณไม่เป็นอะไรนะ”

    “อืม” ลำธารตอบพลางหอบไม่แพ้กัน เธอเอามือด้านซ้ายมาทาบที่อกแล้วหายใจเข้าและหายใจออกอย่างช้าๆ เพื่อให้หายเหนื่อยแล้วหันไปมองสายน้ำที่ยืนหอบอยู่ข้างๆ ก่อนจะเลื่อนไปดูมือของเขาที่กำลังจับมือข้างขวาของเธออยู่เธอจึงรีบสะบัดออกทันที

    “นึกว่าชอบซะอีก” สายน้ำยิ้มก่อนจะรีบยื่นน้ำชาเย็นที่เหลืออยู่เพียงแค่ครึ่งแก้วให้ลำธารทันทีเมื่อเห็นว่ามองเขาตาเขียว “ผมล้อเล่นน่า เอานี่ไปกินก่อนไปจะได้ใจเย็นขึ้น”

    ลำธารรับชาเย็นจากสายน้ำมากินแต่ยังคงส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขาอยู่

    หลังจากที่ลำธารกินเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าป้าจิ๋วกำลังรอเธอกับสายน้ำอยู่ “นี่ พวกนั้นมันคงไม่ตามมาแล้วล่ะ ป่านนี้ป้าจิ๋วคงเป็นห่วงแย่แล้ว”

    “จริงด้วย ลืมป้าจิ๋วไปเลย งั้นเรากลับกันเถอะ” สายน้ำหันหลังแล้วเดินกลับทางเดินโดยมีลำธารเดินตามข้างหลัง

    ลำธารเดินตามสายน้ำไปเรื่อยๆ แล้วมองรอบๆ ไปเรื่อยเปื่อยจึงไม่ได้สังเกตใบหน้าของสายน้ำที่ตอนนี้ดูเป็นกังวลกับการหาทางออกจากป่าเสียเหลือเกินเพราะตอนที่เขาวิ่งมาเมื่อกี้เขาไม่ได้สังเกตหรือจำทางเลยแม้แต่นิดเดียว

                    ลำธารรู้มีหวังด่าเราเละแน่

                    สายน้ำถอนหายใจแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปก่อนจะฉุดคิดขึ้นมาอีกครั้ง

                    แต่ถ้าเรามัวแต่เดินแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วลำธารมารู้ทีหลังอาจจะโดนฆ่าเลยก็ได้นะ

                    สายน้ำขมวดคิ้วเป็นปมอย่างคิดหนักก่อนจะหยุดเดินแล้วหันไปเผชิญหน้ากับลำธารอย่างใจดีสู้เสือ (?)

                    “หยุดทำไม” ลำธารถามอย่างสงสัย

                    “คือ...ผมจำทางกลับไม่ได้น่ะ”

                    “อะไรนะ” ลำธาตะโกนออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเองแล้วยกมือขึ้นมากุมหน้าผาก “ให้ตายสิ”

                    สายน้ำยิ้มเจื่อนๆ แล้วยกมือไหว้ลำธารเหมือนเด็กกำลังขอโทษผู้ใหญ่ “ผมขอโทษ” สายน้ำพูดเสียงอ่อย

                    “แล้วจะเอายังไงล่ะทีนี้”

                    สายน้ำเงียบแล้วก้มหน้าเหมือนเด็กกำลังสำนึกผิด

                    ลำธารมองคนตัวโตที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ ก่อนจะพูดปลอบแบบอ้อมๆ เพราะจริงๆ แล้วมันก็เป็นความผิดของเธอที่โง่เดินตามสองคนนั้นมาไม่งั้นคงไม่วิ่งหนีกันจนหลงป่าหรอก

                    “ถ้านายมัวแต่ก้มหน้ายืนสำนึกผิดอยู่แบบนี้คงจะหาทางออกเจอหรอกนะ” ลำธารพูดแล้วผลักไหล่สายน้ำ “เดินต่อได้แล้ว”

                    ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่านี่ควรจะเรียกว่าการปลอบหรือเปล่า?

                    หลังจากที่ทั้งสองพากันเดินกันเกือบสองชั่วโมงแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นทางออกเลยแม้แต่นิดเดียว สายน้ำเหลือบมองลำธารที่ดูท่าทางว่าจะเหนื่อยแล้วอย่างเป็นห่วง

                    “ผมว่าคุณดูเหนื่อยแล้วนะ พักก่อนดีไหม”

                    “เราต้องหาทางออกให้เจอก่อนพระอาทิตย์ตก” ลำธารพูดโดยไม่หันมามองสายน้ำ

                    สายน้ำรู้สึกว่าเธอจะตอบไม่ตรงคำถามสักเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้เขารู้คำตอบว่าเธอจะไม่ยอมพักจนกว่าจะหาทางออกเจอ เขาจึงจำใจจะต้องเดินต่อไปแม้เมื่อยใจจะขาดก็ตาม

                “เออ ว่าแต่คุณทำไมถึงเดินมากับพวกนั้นแล้วไม่ยอมรอผมล่ะ” สายน้ำถามอย่างข้องใจ

                    “พวกนั้นบอกว่านายให้ฉันไปหา” ลำธารตอบไปตามตรงโดยไม่ได้มองหน้าสายน้ำและยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ

                    “แล้วคุณก็เชื่อเนี้ยนะ” สายน้ำพูดเสียงหลง

                    ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงอย่างลำธารจะเชื่อคนง่ายขนาดนี้

                    “เออ ทำไม” ลำธารถามเสียงหวน

                    “เปล่าครับเปล่า” สายน้ำยิ้มเจื่อนๆ “ผมแค่ไม่คิดว่าคนอย่างคุณจะเชื่อคนง่ายเพราะปกติเห็นผมพูดอะไรไปคุณไม่ค่อยจะเชื่อ”

                    “เพราะพวกนั้นตื้อมากจนน่ารำคาญฉันก็เลยต้องเชื่อ”

                    “งั้นวันหลังผมคงต้องทำให้คุณรำคาญซะละ” สายน้ำยิ้มทะเล้น

                    “ปกติฉันก็รำคาญนายอยู่แล้ว”

                    “โฮย เสียใจ” สายน้ำบู้ปาก “แล้วทำยังไงคุณถึงจะเลิกรำคาญผมล่ะ”

                    “เมื่อไปอยู่ไกลๆ ฉัน”

                    “งั้นคุณคงได้รำคาญผมไปตลอดชีวิตเพราะผมจะไม่ยอมไปไกลจากคุณแน่นอน”

     

                    ผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าลำธารก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเดินเลยแม้แต่นิดเดียวถึงแม้พระอาทิตย์จะตกดินแล้วก็ตาม

                    “นี่มันเย็นแล้วนะผมว่าพักก่อนเถอะ”

                    ลำธารหันไปหาสายน้ำ “ไม่” เธอตอบสั้นๆ แต่ความหมายชัดเจน

                    “แต่นี่มันก็มืดแล้วนะคุณจะมองเห็นทางหรอ เกิดไปเหยียบตัวอะไรเข้าขึ้นมาจะทำยังไง”

                    “สรุปนายอยากพักใช่ไหม” ลำธารหยุดเดินแล้วหันหาสายน้ำ

                    สายน้ำไม่ตอบอะไรโดยส่งยิ้มหวานไปให้แทนคำตอบ

                    “พักก็พัก” ลำธารพูดอย่างจำใจ “แต่ก่อนที่นายจะนั่งนายต้องไปหาไม้มาก่อไฟก่อน”

                    “งั้นเราไปหาไม้ด้วยกันเถอะ” สายน้ำยิ้ม

                    “นายไปคนเดียวสิ”

                “เกิดมีใครจับตัวคุณไปอีกจะทำยังไงผมเป็นห่วงคุณนะ”

                    กลัวผีก็บอกมาเหอะ

                    สายน้ำมองลำธารที่ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อคำพูดของเขาอย่างเห็นได้ชัดเขาจึงพูดย้ำอีกรอบ “ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ นะ”

                    ลำธารเริ่มรู้สึกรำคาญสายน้ำขึ้นมาตะหงิดๆ จึงจำใจตกลง “ก็นำไปสิ”

                    สายน้ำยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะหยิบของบางอย่างในถุงก๊อบแก๊บที่ซื้อจากตลาดขึ้นมา “ก่อนอื่นเราต้องจุดเทียนก่อนจะได้สว่างๆ”

                    “ไปเอามาจากไหน” ลำธารถามอย่างแปลกใจ

                    “ก็ซื้อที่ตลาดน่ะสิ พอดีตอนไปซื้อน้ำไปเห็นเขาขายพอดีเลยซื้อมากะว่าจะใช้จุดเวลาอาบน้ำแต่สงสัยคงจะต้องเอามาใช้ในป่าแทน ผมซื้อมาสองอันแหละ อันนี้ให้คุณ” สายน้ำยื่นเทียนอีกเล่มให้ลำธาร

                    “นายควรจะซื้อไฟแช็กมาด้วยนะ”

                    “แหม ซื้อมาสิ ใครมันจะบ้าซื้อมาแต่เทียนล่ะ” สายน้ำหยิบไฟแช็กในถุงขึ้นมา

    เขาจุดไฟแช็กก่อนจะเอาไปจ่อที่ไส้เทียนของลำธารและของตัวเอง

    “แค่นี้ก็เรียบร้อยย” สายน้ำชูเทียนขึ้นเหนือหัว

    ลำธารมองการกระทำเด็กๆ ของเขาอย่างหน่ายๆ ก่อนจะเดินไปหาไม้โดยไม่รอสายน้ำเลยแม้แต่นิดเดียว สายน้ำจึงหยุดการกระทำเด็กๆ แล้วรีบเดินตามเธอไปทันที “รอผมด้วยสิ”

    เวลาผ่านไปนานความมืดก็ยิ่งปกคลุมพื้นที่ผ่านในป่าลำธารจึงต้องใช้สายตาในการเพ่งมองไปข้างหน้าเป็นพิเศษเพราะแสงจากเทียนของเธอและสายน้ำก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เธอพยายามใช้แสงจากเทียนส่องมองตามต้นไม้ต่างๆ เพื่อเอากิ่งมันมาใช้ก่อไฟโดยมีสายน้ำเดินตามหลัง ขณะที่เธอกำลังใช้แสงเทียนส่องตามต้นไม้ไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงสัตว์บางอย่างดังอยู่ใกล้หูเธอยิ่งนัก

    ลำธารหยุดชะงักกึกทันทีเธอค่อยๆ กลั้นใจหันไปหาต้นเสียงอย่างช้าๆ ขาที่ยืนได้อย่างมั่นคงอยู่ดีๆ มันก็สั่นขึ้นมาดื้อๆ

    อั๊บแอ อั๊บแอ

    “กรี๊ดดด!!!

                ลำธารปล่อยเทียนออกจากมือด้วยความตกใจทำให้เทียนดับลงเหลือเพียงแต่เทียนของสายน้ำ

                    “เกิดอะไร...” สายน้ำหันไปหาลำธารอย่างตกใจไม่แพ้กันแต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อลำธารวิ่งมาชนเขาอย่างแรงจนหงานหงายหลังล้มลงไปบนพื้นดินโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

                    สายน้ำเบ้หน้าด้วยความเจ็บก่อนจะเงยหน้ามองลำธารที่ท่าทางจะตกใจอยู่ “เป็นอะไรไหม” สายน้ำถามลำธารอย่างเป็นห่วง

                    “...ไม่..เป็นไร” ลำธารค่อยๆ ลุกขึ้นจากร่างของสายน้ำแล้วพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนจะเปลี่ยนจากสีหน้าตกใจเป็นสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม

                    “ช่วยผมหน่อยสิ” สายน้ำยื่นมือไปให้ลำธาร

                    “ลุกเองสิ”

                    “คุณเป็นคนมาชนผมล้มคุณก็ต้องช่วยผมสิ”

                    ลำธารหมดหนทางเถียงจึงยื่นมือไปจับสายน้ำแล้วดึงเขาขึ้นมาอย่างจำใจ

                    “ขอบคุณครับ” สายน้ำยิ้มหวานให้ลำธารแล้วปัดเศษฝุ่นตามตัวของตัวเอง หลังจากปัดเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็หันมามองลำธารอย่างสงสัย “ว่าแต่เมื่อกี้คุณตกใจอะไรหรอ”

                    “เปล่า” ลำธารโกหกหน้าตายแต่เมื่อได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องขึ้นมาอีกครั้งเธอก็สะดุ้งขึ้นมาอย่างลืมตัวทำให้สายน้ำถึงกับยิ้มออกมา

                    “คุณกลัวตุ๊กแกหรอ”

                    ลำธารไม่ตอบแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทำให้สายน้ำยิ่งแน่ใจ

                    “เขาว่ากันว่าในป่าจะมีตุ๊กแกเยอะ” สายน้ำแกล้งพูดลอยๆ แล้วหันไปมองข้างหลังลำธารอย่างตกใจ “เฮ้ย ตุ๊กแก!

                    ลำธารรีบกระโดดกอดสายน้ำทันที สายน้ำเปลี่ยนสีหน้าตกใจเป็นรอยยิ้มก่อนจะกอดตอบลำธาร

                    “ตัวเบ้อเริ่มเลย” สายน้ำแกล้งพูดให้ลำธารกลัวกว่าเดิม

                    และมันก็ได้ผลเพราะเธอกอดเขาแน่นขึ้น

                    “ไปสิ แน่ะ ยังไม่ไปอีก ชิ้วๆ” สายน้ำยังคงเล่นละครแกล้งลำธารไปเรื่อยๆ เขารู้ว่าถ้าลำธารรู้คงโกรธเขามากแน่ๆ แต่ช่างประไรโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดลำธารขนาดนี้มันมีมากเสียที่ไหนล่ะ

                    ถึงคราวนี้จะโดนโกรธหรือโดนตีเจ็บสักแค่ไหนแต่มันก็คุ้มแหละน้า

                    หลังจากเหตุการณ์นั่นจบลงด้วยการตบหนึ่งฉาดของลำธารทั้งสองก็กลับมาพักกันโดยสายน้ำแบกท่อนซุงด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับรอยมือบนหน้า ส่วนลำธารลำธารเดินตัวเปล่าแต่ใบหน้ากลับดูหงุดหงิดไม่เหมือนคนที่แบกของหนักอยู่สักนิดเดียว

                    พอกลับมาถึงที่พักปุ๊บสายน้ำก็วางท่อนซุงลงแล้ววางเป็นกากบาทสลับกันไปมาอย่างสวยงามก่อนจะใช้ไฟแช็กจุดไฟ

                    “เฮ้อ ได้นั่งสักที” สายน้ำพูดอย่างมีความสุขหลังจากก่อกองไฟเสร็จแล้ว

                    หลังจากก่อกองไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วลำธารก็รีบจัดแจงหาที่นอนของตัวเองทันที สายน้ำนั่งยื่นมือเพื่อรับความอุ่นอยู่หันไปมองลำธารที่กำลังจัดแจงที่นอนอยู่ก่อนจะลุกไปหา

                    “ให้ผมช่วยไหม”

                    งั้นช่วยไปไกลๆ ฉันที ลำธารพูดในใจแล้วหยิบเสื้อผ้าในถุงมาคลุมท่อนซุงที่เหลือเพื่อใช้เป็นหมอนโดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจสายน้ำ

                    “ผมขอสีชมพูนะ” สายน้ำหยิบเสื้อสีชมพูของลำธารมาคลุมท่อนซุงบ้างก่อนจะลองหนุนดู “แข็งจัง แต่ไม่เป็นไรแค่ได้นอนหนุนเสื้อของลำธารผมก็นอนหลับฝันดีละ” สายน้ำยิ้มตาหยี

                    ลำธารหันไปมองสายน้ำที่นอนหนุนท่อนซุงที่ถูกห่อด้วยเสื้อของเธอที่กำลังส่งยิ้มตาหยีอย่างน่ารักมาให้เธอก่อนจะละสายตาไปทางอื่นทันทีอยู่ดีๆ ใบหน้าของเธออยู่ดีๆ ก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ

                    ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ นะ

                    “หน้าคุณดูแดงๆ นะเป็นอะไรหรือเปล่า” สายน้ำถามพร้อมส่งสายตาเป็นห่วงมาให้

                    นี่หน้าเราแดงหรอ

                    “เปล่า” ลำธารส่ายหน้าเบาๆ

                    สงสัยไฟที่ก่อไว้มันร้อนไปหน่อยล่ะมั้งหน้าเลยแดง ลำธารพยายามคิดในแง่ดี

                    “หรอ” สายน้ำมองอย่างไม่ค่อยเชื่อนักก่อนจะยิ้มตาหยีอีกครั้ง “หรือว่าคุณเขินรอยยิ้มของผม”

                    “หลงตัวเอง”

                    “แล้วรักไหมล่ะ” สายน้ำยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ลำธาร

                    “ถามโง่เนอะๆ” ลำธารผลักอกสายน้ำแล้วรีบนอนหันไปอีกทาง

                    “โง่แต่ก็รักนะ” สายน้ำย้ายมานั่งตรงหน้าลำธารพร้อมตาหยีๆ อีกครั้ง

                    ลำธารพ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะพลิกตัวไปอีกฝั่งแล้วแกล้งหลับทันที

                    “ว้า นอนแล้วหรอ” สายน้ำท่าทางเสียดาย “งั้นฝันดีนะครับ” สายน้ำพูดแล้วยื่นหน้ามาจุ๊บปากลำธารเบาๆ แล้วรีบเผ่นไปนอนทันทีก่อนที่จะโดนอีกฝ่ายตบหน้าเข้า

                    สายน้ำนอนตะแคงมองลำธารนอนหลับตานิ่งพร้อมยิ้มบางๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มตาหยีเมื่อลำธารลืมตาขึ้นมาแล้วสบตากับเขาพอดิบพอดี

                    ลำธารตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองเธอพร้อมส่งยิ้มตาหยีให้เธอจึงรีบพลิกตัวกลับไปอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะปกติของเธอจู่ๆ ก็เต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นเสียดื้อๆ

                    ลำธารเอามือทาบลงไปที่อกข้างซ้ายของตัวเอง

                    ทำไมใจของเราถึงเต้นแรงขนาดนี้นะ

                    ลำธารถามตัวเองในใจก่อนที่ความรู้สึกตอนที่สายน้ำจุ๊บที่ริมฝีปากบางของเธอเบาๆ จะโผล่ขึ้นมาในหัว

                    ทำไมนายถึงต้องทำแบบนี้ด้วยรู้ไหมว่าสิ่งที่นายทำมันกำลังล้อเล่นกับหัวใจฉันอยู่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×