ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Over Love One Hundred รักเธอเกินร้อยขอเอาหัวใจเป็นประกัน

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ #

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 54


    บทนำ

    หญิงสาวหน้าเรียวรูปไข่ริมฝีปากอิ่มเจ้าของผมสีดำสนิทสาวเท้าเดินออกจากคณะอักษรศาสตร์พร้อมกระเป๋าหิ้วสีดำบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของกระเป๋าต้องมีนิสัยที่ลึกลับ น่าค้นหาอย่างแน่นอน ขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ก็มีชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งเดินมาขวางทางเธออย่างหน้าตาเฉย

    “สวัสดีลำธาร” ชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งยิ้มทักทาย

    เธอมองเขาด้วยสายตายากที่จะอ่านออกแล้วสาวเท้าเดินหนีไปอีกทางอย่างไม่แยแส ทำให้ผู้กล่าวทักทายถึงกับหน้าเสีย คนที่เห็นเหตุการณ์หันมามองเธอด้วยสายตาหมั่นไส้ก่อนจะหันไปซุบซิบกันแต่คนที่ถูกนินทาไม่มีสีหน้าเดือดร้อนอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้สึกผิดหรืออายแต่เธอกลับสมเพชพวกที่นินทาเธอมากกว่า

    ..ดีแต่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้าน

    เธอเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงลานจอดรถของมหา’ลัยก่อนจะสาวเท้าตรงไปที่รถสีดำสนิทคู่ใจของเธอ มือเรียวล้วงหยิบกุญแจรถในกระเป๋าขึ้นมาแล้วกดรีโมทเพื่อเปิดประตู เธอเอื้อมมือไปสตาร์ทรถ เปลี่ยนเกียร์ แล้วใช้เท้าที่หุ้มด้วยรองเท้าส้นเตี้ยสีดำเหยียบคันเร่งมุ่งไปที่ทางออกของมหาลัย สายตาของเธอเพ่งตรงมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ เมื่อถึงทางแยกสัญญาณไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เธอเหยียบเบรก และเปลี่ยนเกียร์ก่อนจะใช้มือเอื้อมไปเปิดเพลงฟังอย่างสบายใจ ขณะที่หูฟังเสียงเพลงบรรเลงอยู่สายตาก็หันไปสำรวจบรรยากาศรอบๆ ตัว รถนับสิบคันจอดนิ่งสนิท ท้องฟ้าสีขุ่น มีเมฆฝนลอยอยู่เต็มไปหมดแสดงให้รู้ตอนนี้ฝนสามารถลงมาได้ทุกเมื่อ  ไม่นานนักเสียงฟ้าเริ่มดังขึ้นเป็นระยะๆ ตบท้ายสายฝนจากท้องฟ้าที่เทลงมาอย่างหนัก หญิงสาวมองสายฝนผ่านกระจกรถก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด

    รถติดไม่พอฝนยังจะตกอีก ให้ตายสิ

    ผ่านไปแล้วเกือบสิบนาทีก็ไม่มีท่าทีว่ารถจะขยับและฝนจะหยุดตกเลยแม้แต่นิดเดียวยิ่งทำเธอยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ มือเรียวเอื้อมไปปรับระดับเสียงของเพลงให้ดังแข่งกับเสียงสายฝนแล้วใช้นิ้วเคาะพวงมาลัย ฮัมเพลงตามเรื่อยเปื่อย สายตาของเธอยังคงหันไปมองนอกกระจกตลอดเวลา เวลาเย็นๆ แบบนี้แถมฝนตกหนักยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหงามากกว่าปกติ ขณะที่สายตากำลังจ้องมองสายฝนอยู่นั่นเธอก็เห็นเด็กผู้หญิงผมยาวกำลังเดินกางร่มผ่านสายฝนบนฟุตบาศอย่างลำบากยากเย็น เธออยากจะตะโกนเรียกเด็กคนนั้นให้มาขึ้นรถเธอเสียเหลือเกินแต่คงจะเป็นไปไม่ได้ที่เด็กสาวคนนั้นจะได้ยินเธอจึงทำได้แค่ใช้สายตาจับจ้องเด็กคนนั้นอยู่ในรถไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เด็กสาวกำลังพยายามเดินลุยฝนอยู่ก็มีชายหนุ่มท่าทางนักเลงสามคนเดินมาประกบเธอไว้แล้วพูดอะไรสักอย่างกับเด็กสาว เด็กสาวส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายและพยายามพูดกับกลุ่มนักเลง หญิงสาวที่แอบมองเหตุการณ์อยู่เห็นท่าทางไม่ค่อยดีจึงหยิบปืนขนาดพกพาจากเก๊ะรถแล้วเปิดประตูลงวิ่งผ่านสายฝนไปช่วยเด็กสาวทันที

    “จะทำอะไรน้องสาวฉัน” คนที่ถูกเรียกว่าน้องสาวหันมามองเธอแล้วทำท่าขอความช่วยเหลือจากเธอ นักเลงทั้งสามคนหันมามองเธออย่างพร้อมเพรียง

    “อ้อ เป็นน้องสาวของยายเด็กนี่ใช่มั้ย ดี งั้นก็ส่งของมีค่าที่มีอยู่ในตัวทั้งหมดมาไม่งั้นเจ็บทั้งคู่” หนึ่งในชายนักเลงขู่

    “แล้วไอ้นี่มีค่าพอรึเปล่า” เธอยกมือขึ้นมาให้นักเลงทั้งสามคนดู พวกนั้นอ้าปากเหวอด้วยความตกใจแล้วหันมามองหน้ากัน หญิงสาวมองท่าทางของสามคนนั้นอย่างสมเพชแล้วเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง “ว่าไง”

    “เอ่อ...” ชายนักเลงอ้ำอึ้งแล้วเหลือบไปหาเพื่อนของตัวเองอีกทั้งสองคน “คืนน้องสาวให้เขาไปสิ ยืนเอ๋ออยู่นั้นแหละ!”

    ชายนักเลงอีกสองคนที่ยืนนิ่งอยู่รีบผลักเด็กสาวไปให้เธอทันที ส่วนอีกคนที่เป็นคนออกคำสั่งยิ้มแห้งๆ มาให้เธอ

    “ขอโทษนะครับพี่ ผมส่งน้องสาวคืนให้แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ชายนักเลงก้มหน้าขอโทษอย่างกลัวๆ ก่อนจะผลักลูกน้องของตัวเองอีกสองคนแล้วพากันวิ่งหนีไปทันที

    เมื่อเหล่านักเลงวิ่งหายไปหญิงสาวก็หันไปมองเด็กสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่แล้วเอ่ยถามเธออย่างเป็นห่วง “หนาวหรอ”

    “ค...ค่ะ” เธอหันมาตอบแล้วยิ้ม “ขอบคุณนะคะที่มาช่วย ถ้าไม่ได้พี่มาช่วยไหมคงแย่แน่เลย”

    “อืม” เธอตอบกลับสั้นๆ “บ้านเธออยู่ไหนล่ะ ฉันจะไปส่ง”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวไหมนั่งแท็กซี่กลับก็ได้” เธอรีบปฏิเสธทันควันแค่มาช่วยเธอก็เป็นบุญคุณมากพออยู่แล้วขืนไปส่งด้วยยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณเข้าไปใหญ่

    “ถ้าอยากโดนไถเงินอีกก็ตามใจ” หญิงสาวบอกหน้านิ่งแล้วหันหลังเดินกลับรถของตัวเอง เด็กสาวที่กลัวโดนไถเงินอีกลืมเรื่องการเป็นหนี้บุญคุณทันทีก่อนจะรีบวิ่งตามหญิงสาวไปที่รถอย่างรวดเร็ว ขณะที่หญิงสาวกำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจสายตาเธอก็เหลือบมองไปเห็นคนตัวเล็กที่นั่งเบาะข้างๆ นั่งตัวสั่นด้วยความหนาวเหมือนลูกแมวไม่มีผิด ทำให้เธอต้องรีบปรับความเย็นของแอร์ทันที

    “ช่วยหยิบเสื้อกันหนาวสีดำตรงเบาะข้างหลังหน่อย” เธอพูดขณะที่สายตากำลังมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ

    เด็กสาวพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหันไปเอื้อมหยิบเสื้อหนาวตัวใหญ่สีดำที่เบาะหลังแล้วยื่นให้กับเจ้าของ

    “ให้ฉันทำไม เอาไปใส่สิ”

    “ห..หา ให้ไหมใส่หรอ”

    “อืม” หญิงสาวตอบสั้น

    “ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณแล้วค่อยๆ เอาเสื้อสวมทับเสื้อที่เปียกน้ำฝนของเธอแล้วหันไปหาคนที่กำลังขับรถอยู่ “แล้วพี่ไม่หนาวหรอคะ”

    “ก็หนาว”

    เมื่อได้ยินคำตอบจากปากเจ้าของเสื้อที่ตัวเองสวมอยู่ทำให้เด็กสาวรีบทำท่าจะถอดออกทันทีแต่ก็โดนเจ้าของเสื้อพูดขัดขึ้นมา

    “ไม่ต้องถอด”

     “ค...ค่ะ” เธอตอบแล้วสวมเสื้อเหมือนเดิม

    หลังจากนั้นภายในรถก็ถูกความเงียบปกคลุมทันทีมีเพียงเสียงฝนที่ดังลอดผ่านเข้ามาในรถเท่านั้น ยิ่งทำให้คนตัวเล็กอึดอัดเข้าไปใหญ่

    อ๊ะ จะว่าไปเรายังไม่รู้จักชื่อพี่เขาเลยนี่น่า

    “พี่ชื่ออะไรหรอคะ” เด็กสาวหันไปถามตาแป๋ว

    “ลำธาร”

    “ชื่อน่ารักจัง ชื่อสายไหมนะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก” เธอหันไปแนะนำตัวเองบ้างอย่างเขินๆ

    “เลี้ยวซ้ายหรือขวา” ลำธารถามเธอโดยทำเหมือนว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้สายไหมรู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    “เลี้ยวซ้ายค่ะ” เธอตอบเสียงเบา

    คนอะไรเย็นชาชะมัดเลย สายไหมคิดในใจพลางหันไปมองลำธารที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจแต่อยู่ดีๆ ก็จามขึ้นมาเสียงดังทำให้เธอแอบเป็นห่วงหญิงสาวไม่ได้ แต่เมื่อเจ้าตัวหันมามองเธอด้วยสายตาเฉียบคมทำให้เธอต้องรีบหันกลับมาทันที สายไหมก้มงุดมองเสื้อกันหนาวสีดำที่ตัวเองสวมอยู่แล้วยิ้มออกมาบางๆ

    ถึงสิ่งภายนอกจะดูเย็นชาแต่อย่างน้อยมันก็แค่ภายนอกล่ะนะ ไม่งั้นพี่เขาจะเอาเสื้อมาให้เราใส่ทำไม แสดงว่าเขาต้องเป็นห่วงเราแน่ๆ คิดแล้วเขินจัง

    “จอดตรงบ้านรั้วเขียวๆ เลยค่ะ” สายไหมชี้บ้านที่อยู่ทางขวามือของซอย

    ลำธารหักพวงมาลัยไปจอดตรงบ้านที่เด็กสาวพูดทันที เธอมองบ้านรั้วสีเขียวอ่อนหลังเล็กที่ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นแล้วหันกลับไปหาสายไหมที่กำลังเปิดประตูออกแต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดเธอก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

    “ขอเสื้อฉันคืนด้วย”

    “อ่ะ จริงสิ” สายไหมรีบถอดเสื้อสีดำสนิทออกแล้วรีบส่งคืนให้เจ้าของทันที “ขอบคุณที่อุส่าห์มาส่งนะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะ” เธอก้มตัวงกๆ เป็นการขอบคุณแล้วพูดปิดท้ายอย่างเป็นห่วงแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที หญิงสาวมองคนตัวเล็กวิ่งฝ่าฝนเข้าบ้านจนลับตาไปเธอส่ายหัวไปมาอย่างระอากับความไร้เดียงสาของสายไหมแล้วจามออกมาเสียงดังอีกครั้ง เธอถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะรีบขับรถกลับบ้านของตัวเองทันที

    เมื่อเด็กสาวก้าวเท้าเข้ามาในบ้านชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าโทรทัศน์รีบหันมาสนใจทันทีก่อนที่หนึ่งในนั้นจะรีบวิ่งมาหาอย่างเป็นห่วง

    “ทำไมไม่โทรให้พี่ไปรับ ดูสิตัวเปียกหมดแล้วเนี้ย” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนบ่น

    “ก็กลัวจะไปกวนเวลาคุยกับสาวๆ ของพี่น่ะสิ”

    “ยังจะมายอกย้อนอีก” ชายหนุ่มเขกหัวน้องตัวเองเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว

    “แล้วกลับมายังไง” ชายหนุ่มผมสีดำที่หน้าตาเหมือนชายหนุ่มผมสีน้ำตาลไม่มีผิดถามขึ้นมา

    “อ๋อ มีคนมาส่ง”

    “ใคร” ชายหนุ่มทั้งสองถามขึ้นมาพร้อมกัน

    “ไม่รู้สิ” คนเป็นน้องตอบซื่อๆ

    “เอ้า ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแล้วให้เขามาส่งเนี้ยนะ” หนุ่มผมน้ำตาลตะโกนเสียงดัง

    “ก็พี่เขามาช่วยไหมตอนโดนพวกนักเลงไถเงินแล้วก็มาส่งที่บ้าน” เธอพูดพลางยิ้มอย่างเขินๆ

    “คงหล่อมากเลยสินะเวลาพูดถึงได้ทำท่าเขอะเขินซะ” 

    “ไม่ใช่ๆ” สายไหมโบกมือไปมา “พี่เขาเป็นผู้หญิง”

    “ฮะ ผู้หญิง” หนุ่มผมน้ำตาลอุทานออกมาอย่างตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทน “สวยมั้ยอ่ะ”

    “ไม่ค่อยเลยนะ ไอ้สายน้ำ” หนุ่มผมดำพูดแขวะแล้วเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูน

    “ทั้งสวย ทั้งเท่เลยล่ะ” สายไหมทำท่าเคลิ้ม

    สายน้ำมองน้องสาวของตัวเองที่ทำท่าเคลิ้มจนทำให้เขารู้สึกขนลุก เขาดันหลังน้องของตัวเองแล้วไล่ไปอาบน้ำนอนทันที “พี่ว่าเราคงจะเป็นไข้แล้วล่ะ ทำหน้าทำตาซะขนลุกเชียว”

    “บ้า” เธอตีแขนพี่ชายของตัวเองไปหนึ่งทีแล้วเดินขึ้นห้องของตัวเองจนหายลับตาไป

    “แกว่าไหมมันแปลกๆ มั้ยวะสายลม” สายน้ำหันไปถามฝาแฝดของตนเองหลังจากที่เด็กสาวเดินขึ้นห้องไปแล้ว

    “ก็ไม่” สายลมตอบ

    “แต่ฉันว่าแปลกนะ” สายน้ำทำสีหน้าเครียดแล้วลูบคางตัวเอง “ตอนพูดถึงผู้หญิงที่มาส่งก็ทำหน้าเคลิ้มแถมแดงยังกับลูกตำลึงแน่ะ อย่าบอกนะว่ายัยไหมชอบผู้หญิง!

    “เป็นไข้ล่ะมั้ง”

    “เป็นไข้งั้นหรอ” สายน้ำพึมพำด้วยสีหน้าครุ่นคิด

    สายลมมองสายน้ำที่ทำสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนมีคนในบ้านตายด้วยใบหน้านิ่งๆ ไม่สบอารมณ์อะไรมากนักก่อนจะเอ่ยถามแทงใจดำสายน้ำไป

    “กลัวมีคู่แข่งหรือไง”

    สายน้ำหันควับไปหาคนพูดทันที “ไม่ใช่สักหน่อย เป็นห่วงยัยไหมต่างหาก”

    “เป็นห่วงทำไม”

    “เอ้า ก็...”

    “ก็?”

    “ก็... การชอบเพศเดียวกันมันผิดศิล”

    “ไม่เห็นจะเกี่ยว”

    “พูดแบบนี้แกชอบเพศเดียวกันหรือไง” สายน้ำถามอย่างกวนๆ ทำให้คนโดนถามถึงกับเขวี้ยงหนังสือในมือของตัวเองใส่คนถาม

    “พูดแบบนี้เดี๋ยวตาก็เขียวหรอก ไอ้น้องเวร”

    “หรอครับพี่ชาย” สายน้ำทำสีหน้ายียวนกวนประสาทใส่แฝดของตนเองแล้ววิ่งหนีสายลมที่กำลังลุกขึ้นมาเดินถีบเขาทันที

    สายลมเมื่อเห็นว่าสายน้ำวิ่งหนีขึ้นไปข้างบนแล้วจึงเดินกลับมานั่งที่โซฟาต่อพลางนึกขำเมื่อนึกถึงสาวๆ ที่หลงเสน่ห์ของสายน้ำ

    ผู้หญิงพวกนั้นชอบคนปัญญานิ่มอย่างมันเข้าไปได้ยังไงนะ

    กลับมาพร้อมกลับเวอร์ชั่นใหม่รีไรท์จนแทบจะไม่เห็นเค้าโครงเดิม
    รวมถึงอิมเมจตัวละครและนิสัยตัวละคร รวมถึงชื่อเรื่องด้วย
    สำหรับคนที่เคยแอดเรื่อง Blue Rose พิสูจน์รักท้าทายหัวใจยัยเย็นชา คลิกเข้ามาไม่ต้องตกใจว่า
    "เอ๊ะ ฉันแอดเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่"
    ความจริงเรื่องนี้ก็คือเรื่องบลูโรสน่ะแหละค่ะเพียงแต่ปรับเปลี่ยนเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง
    เพราะฉะนั้นเราจะให้โอกาสทุกคนในการตัดสินใจจะลบเรื่องนี้ทิ้งหรือจะแอดเรื่องนี้ต่อไป
    โดยเราจะให้ตัดสินใจจากเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นใหม่ถ้าไม่ชอบก็ลบได้ค่ะ ไม่ว่ากัน :)
    ไม่รู้สึกท้อแท้นะที่คนอ่านหายเพราะทำใจไว้ล่วงหน้าอีกแล้ว
    อีกอย่างแอบไปเห็นเพื่อนบ้านคนหนึ่งกำลังรีไรท์ เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนพล็อตอยู่เหมือนกัน
    เลยรู้สึกเหมือนมีเพื่อนร่วมชะตากรรม (?) ฮ่าๆ
    ตอนนี้ความคืบหน้าของนิยายก็เริ่มไหลไปเรื่อยๆ แล้วใกล้จะหกตอนแล้วค่ะ
    ถ้าแต่งถึงหกหรือแปดตอนพริลจะเอาตอนที่สามมาลงให้นะคะ
    อ่านตอนนี้จบแล้วถ้าติดใจก็คลิกไปอ่านตอนที่หนึ่งต่อได้เลยเบบี๋ :3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×