คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ #
บทนำ
หญิงสาวหน้าเรียวรูปไข่ริมฝีปากอิ่มเจ้าของผมสีดำสนิทสาวเท้าเดินออกจากคณะอักษรศาสตร์พร้อมกระเป๋าหิ้วสีดำบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของกระเป๋าต้องมีนิสัยที่ลึกลับ น่าค้นหาอย่างแน่นอน ขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ก็มีชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งเดินมาขวางทางเธออย่างหน้าตาเฉย
“สวัสดีลำธาร” ชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งยิ้มทักทาย
เธอมองเขาด้วยสายตายากที่จะอ่านออกแล้วสาวเท้าเดินหนีไปอีกทางอย่างไม่แยแส ทำให้ผู้กล่าวทักทายถึงกับหน้าเสีย คนที่เห็นเหตุการณ์หันมามองเธอด้วยสายตาหมั่นไส้ก่อนจะหันไปซุบซิบกันแต่คนที่ถูกนินทาไม่มีสีหน้าเดือดร้อนอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้สึกผิดหรืออายแต่เธอกลับสมเพชพวกที่นินทาเธอมากกว่า
..ดีแต่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้าน
เธอเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงลานจอดรถของมหา’ลัยก่อนจะสาวเท้าตรงไปที่รถสีดำสนิทคู่ใจของเธอ มือเรียวล้วงหยิบกุญแจรถในกระเป๋าขึ้นมาแล้วกดรีโมทเพื่อเปิดประตู เธอเอื้อมมือไปสตาร์ทรถ เปลี่ยนเกียร์ แล้วใช้เท้าที่หุ้มด้วยรองเท้าส้นเตี้ยสีดำเหยียบคันเร่งมุ่งไปที่ทางออกของมหา‘ลัย สายตาของเธอเพ่งตรงมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ เมื่อถึงทางแยกสัญญาณไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เธอเหยียบเบรก และเปลี่ยนเกียร์ก่อนจะใช้มือเอื้อมไปเปิดเพลงฟังอย่างสบายใจ ขณะที่หูฟังเสียงเพลงบรรเลงอยู่สายตาก็หันไปสำรวจบรรยากาศรอบๆ ตัว รถนับสิบคันจอดนิ่งสนิท ท้องฟ้าสีขุ่น มีเมฆฝนลอยอยู่เต็มไปหมดแสดงให้รู้ตอนนี้ฝนสามารถลงมาได้ทุกเมื่อ ไม่นานนักเสียงฟ้าเริ่มดังขึ้นเป็นระยะๆ ตบท้ายสายฝนจากท้องฟ้าที่เทลงมาอย่างหนัก หญิงสาวมองสายฝนผ่านกระจกรถก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
รถติดไม่พอฝนยังจะตกอีก ให้ตายสิ
ผ่านไปแล้วเกือบสิบนาทีก็ไม่มีท่าทีว่ารถจะขยับและฝนจะหยุดตกเลยแม้แต่นิดเดียวยิ่งทำเธอยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ มือเรียวเอื้อมไปปรับระดับเสียงของเพลงให้ดังแข่งกับเสียงสายฝนแล้วใช้นิ้วเคาะพวงมาลัย ฮัมเพลงตามเรื่อยเปื่อย สายตาของเธอยังคงหันไปมองนอกกระจกตลอดเวลา เวลาเย็นๆ แบบนี้แถมฝนตกหนักยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหงามากกว่าปกติ ขณะที่สายตากำลังจ้องมองสายฝนอยู่นั่นเธอก็เห็นเด็กผู้หญิงผมยาวกำลังเดินกางร่มผ่านสายฝนบนฟุตบาศอย่างลำบากยากเย็น เธออยากจะตะโกนเรียกเด็กคนนั้นให้มาขึ้นรถเธอเสียเหลือเกินแต่คงจะเป็นไปไม่ได้ที่เด็กสาวคนนั้นจะได้ยินเธอจึงทำได้แค่ใช้สายตาจับจ้องเด็กคนนั้นอยู่ในรถไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เด็กสาวกำลังพยายามเดินลุยฝนอยู่ก็มีชายหนุ่มท่าทางนักเลงสามคนเดินมาประกบเธอไว้แล้วพูดอะไรสักอย่างกับเด็กสาว เด็กสาวส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายและพยายามพูดกับกลุ่มนักเลง หญิงสาวที่แอบมองเหตุการณ์อยู่เห็นท่าทางไม่ค่อยดีจึงหยิบปืนขนาดพกพาจากเก๊ะรถแล้วเปิดประตูลงวิ่งผ่านสายฝนไปช่วยเด็กสาวทันที
“จะทำอะไรน้องสาวฉัน” คนที่ถูกเรียกว่าน้องสาวหันมามองเธอแล้วทำท่าขอความช่วยเหลือจากเธอ นักเลงทั้งสามคนหันมามองเธออย่างพร้อมเพรียง
“อ้อ เป็นน้องสาวของยายเด็กนี่ใช่มั้ย ดี งั้นก็ส่งของมีค่าที่มีอยู่ในตัวทั้งหมดมาไม่งั้นเจ็บทั้งคู่” หนึ่งในชายนักเลงขู่
“แล้วไอ้นี่มีค่าพอรึเปล่า” เธอยกมือขึ้นมาให้นักเลงทั้งสามคนดู พวกนั้นอ้าปากเหวอด้วยความตกใจแล้วหันมามองหน้ากัน หญิงสาวมองท่าทางของสามคนนั้นอย่างสมเพชแล้วเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง “ว่าไง”
“เอ่อ...” ชายนักเลงอ้ำอึ้งแล้วเหลือบไปหาเพื่อนของตัวเองอีกทั้งสองคน “คืนน้องสาวให้เขาไปสิ ยืนเอ๋ออยู่นั้นแหละ!”
ชายนักเลงอีกสองคนที่ยืนนิ่งอยู่รีบผลักเด็กสาวไปให้เธอทันที ส่วนอีกคนที่เป็นคนออกคำสั่งยิ้มแห้งๆ มาให้เธอ
“ขอโทษนะครับพี่ ผมส่งน้องสาวคืนให้แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ชายนักเลงก้มหน้าขอโทษอย่างกลัวๆ ก่อนจะผลักลูกน้องของตัวเองอีกสองคนแล้วพากันวิ่งหนีไปทันที
เมื่อเหล่านักเลงวิ่งหายไปหญิงสาวก็หันไปมองเด็กสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่แล้วเอ่ยถามเธออย่างเป็นห่วง “หนาวหรอ”
“ค...ค่ะ” เธอหันมาตอบแล้วยิ้ม “ขอบคุณนะคะที่มาช่วย ถ้าไม่ได้พี่มาช่วยไหมคงแย่แน่เลย”
“อืม” เธอตอบกลับสั้นๆ “บ้านเธออยู่ไหนล่ะ ฉันจะไปส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวไหมนั่งแท็กซี่กลับก็ได้” เธอรีบปฏิเสธทันควันแค่มาช่วยเธอก็เป็นบุญคุณมากพออยู่แล้วขืนไปส่งด้วยยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณเข้าไปใหญ่
“ถ้าอยากโดนไถเงินอีกก็ตามใจ” หญิงสาวบอกหน้านิ่งแล้วหันหลังเดินกลับรถของตัวเอง เด็กสาวที่กลัวโดนไถเงินอีกลืมเรื่องการเป็นหนี้บุญคุณทันทีก่อนจะรีบวิ่งตามหญิงสาวไปที่รถอย่างรวดเร็ว ขณะที่หญิงสาวกำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจสายตาเธอก็เหลือบมองไปเห็นคนตัวเล็กที่นั่งเบาะข้างๆ นั่งตัวสั่นด้วยความหนาวเหมือนลูกแมวไม่มีผิด ทำให้เธอต้องรีบปรับความเย็นของแอร์ทันที
“ช่วยหยิบเสื้อกันหนาวสีดำตรงเบาะข้างหลังหน่อย” เธอพูดขณะที่สายตากำลังมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ
เด็กสาวพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหันไปเอื้อมหยิบเสื้อหนาวตัวใหญ่สีดำที่เบาะหลังแล้วยื่นให้กับเจ้าของ
“ให้ฉันทำไม เอาไปใส่สิ”
“ห..หา ให้ไหมใส่หรอ”
“อืม” หญิงสาวตอบสั้น
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณแล้วค่อยๆ เอาเสื้อสวมทับเสื้อที่เปียกน้ำฝนของเธอแล้วหันไปหาคนที่กำลังขับรถอยู่ “แล้วพี่ไม่หนาวหรอคะ”
“ก็หนาว”
เมื่อได้ยินคำตอบจากปากเจ้าของเสื้อที่ตัวเองสวมอยู่ทำให้เด็กสาวรีบทำท่าจะถอดออกทันทีแต่ก็โดนเจ้าของเสื้อพูดขัดขึ้นมา
“ไม่ต้องถอด”
“ค...ค่ะ” เธอตอบแล้วสวมเสื้อเหมือนเดิม
หลังจากนั้นภายในรถก็ถูกความเงียบปกคลุมทันทีมีเพียงเสียงฝนที่ดังลอดผ่านเข้ามาในรถเท่านั้น ยิ่งทำให้คนตัวเล็กอึดอัดเข้าไปใหญ่
อ๊ะ จะว่าไปเรายังไม่รู้จักชื่อพี่เขาเลยนี่น่า
“พี่ชื่ออะไรหรอคะ” เด็กสาวหันไปถามตาแป๋ว
“ลำธาร”
“ชื่อน่ารักจัง ชื่อสายไหมนะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก” เธอหันไปแนะนำตัวเองบ้างอย่างเขินๆ
“เลี้ยวซ้ายหรือขวา” ลำธารถามเธอโดยทำเหมือนว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้สายไหมรู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เลี้ยวซ้ายค่ะ” เธอตอบเสียงเบา
คนอะไรเย็นชาชะมัดเลย สายไหมคิดในใจพลางหันไปมองลำธารที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจแต่อยู่ดีๆ ก็จามขึ้นมาเสียงดังทำให้เธอแอบเป็นห่วงหญิงสาวไม่ได้ แต่เมื่อเจ้าตัวหันมามองเธอด้วยสายตาเฉียบคมทำให้เธอต้องรีบหันกลับมาทันที สายไหมก้มงุดมองเสื้อกันหนาวสีดำที่ตัวเองสวมอยู่แล้วยิ้มออกมาบางๆ
ถึงสิ่งภายนอกจะดูเย็นชาแต่อย่างน้อยมันก็แค่ภายนอกล่ะนะ ไม่งั้นพี่เขาจะเอาเสื้อมาให้เราใส่ทำไม แสดงว่าเขาต้องเป็นห่วงเราแน่ๆ คิดแล้วเขินจัง
“จอดตรงบ้านรั้วเขียวๆ เลยค่ะ” สายไหมชี้บ้านที่อยู่ทางขวามือของซอย
ลำธารหักพวงมาลัยไปจอดตรงบ้านที่เด็กสาวพูดทันที เธอมองบ้านรั้วสีเขียวอ่อนหลังเล็กที่ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นแล้วหันกลับไปหาสายไหมที่กำลังเปิดประตูออกแต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดเธอก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ขอเสื้อฉันคืนด้วย”
“อ่ะ จริงสิ” สายไหมรีบถอดเสื้อสีดำสนิทออกแล้วรีบส่งคืนให้เจ้าของทันที “ขอบคุณที่อุส่าห์มาส่งนะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะ” เธอก้มตัวงกๆ เป็นการขอบคุณแล้วพูดปิดท้ายอย่างเป็นห่วงแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที หญิงสาวมองคนตัวเล็กวิ่งฝ่าฝนเข้าบ้านจนลับตาไปเธอส่ายหัวไปมาอย่างระอากับความไร้เดียงสาของสายไหมแล้วจามออกมาเสียงดังอีกครั้ง เธอถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะรีบขับรถกลับบ้านของตัวเองทันที
เมื่อเด็กสาวก้าวเท้าเข้ามาในบ้านชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าโทรทัศน์รีบหันมาสนใจทันทีก่อนที่หนึ่งในนั้นจะรีบวิ่งมาหาอย่างเป็นห่วง
“ทำไมไม่โทรให้พี่ไปรับ ดูสิตัวเปียกหมดแล้วเนี้ย” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนบ่น
“ก็กลัวจะไปกวนเวลาคุยกับสาวๆ ของพี่น่ะสิ”
“ยังจะมายอกย้อนอีก” ชายหนุ่มเขกหัวน้องตัวเองเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว
“แล้วกลับมายังไง” ชายหนุ่มผมสีดำที่หน้าตาเหมือนชายหนุ่มผมสีน้ำตาลไม่มีผิดถามขึ้นมา
“อ๋อ มีคนมาส่ง”
“ใคร” ชายหนุ่มทั้งสองถามขึ้นมาพร้อมกัน
“ไม่รู้สิ” คนเป็นน้องตอบซื่อๆ
“เอ้า ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแล้วให้เขามาส่งเนี้ยนะ” หนุ่มผมน้ำตาลตะโกนเสียงดัง
“ก็พี่เขามาช่วยไหมตอนโดนพวกนักเลงไถเงินแล้วก็มาส่งที่บ้าน” เธอพูดพลางยิ้มอย่างเขินๆ
“คงหล่อมากเลยสินะเวลาพูดถึงได้ทำท่าเขอะเขินซะ”
“ไม่ใช่ๆ” สายไหมโบกมือไปมา “พี่เขาเป็นผู้หญิง”
“ฮะ ผู้หญิง” หนุ่มผมน้ำตาลอุทานออกมาอย่างตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทน “สวยมั้ยอ่ะ”
“ไม่ค่อยเลยนะ ไอ้สายน้ำ” หนุ่มผมดำพูดแขวะแล้วเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูน
“ทั้งสวย ทั้งเท่เลยล่ะ” สายไหมทำท่าเคลิ้ม
สายน้ำมองน้องสาวของตัวเองที่ทำท่าเคลิ้มจนทำให้เขารู้สึกขนลุก เขาดันหลังน้องของตัวเองแล้วไล่ไปอาบน้ำนอนทันที “พี่ว่าเราคงจะเป็นไข้แล้วล่ะ ทำหน้าทำตาซะขนลุกเชียว”
“บ้า” เธอตีแขนพี่ชายของตัวเองไปหนึ่งทีแล้วเดินขึ้นห้องของตัวเองจนหายลับตาไป
“แกว่าไหมมันแปลกๆ มั้ยวะสายลม” สายน้ำหันไปถามฝาแฝดของตนเองหลังจากที่เด็กสาวเดินขึ้นห้องไปแล้ว
“ก็ไม่” สายลมตอบ
“แต่ฉันว่าแปลกนะ” สายน้ำทำสีหน้าเครียดแล้วลูบคางตัวเอง “ตอนพูดถึงผู้หญิงที่มาส่งก็ทำหน้าเคลิ้มแถมแดงยังกับลูกตำลึงแน่ะ อย่าบอกนะว่ายัยไหมชอบผู้หญิง!”
“เป็นไข้ล่ะมั้ง”
“เป็นไข้งั้นหรอ” สายน้ำพึมพำด้วยสีหน้าครุ่นคิด
สายลมมองสายน้ำที่ทำสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนมีคนในบ้านตายด้วยใบหน้านิ่งๆ ไม่สบอารมณ์อะไรมากนักก่อนจะเอ่ยถามแทงใจดำสายน้ำไป
“กลัวมีคู่แข่งหรือไง”
สายน้ำหันควับไปหาคนพูดทันที “ไม่ใช่สักหน่อย เป็นห่วงยัยไหมต่างหาก”
“เป็นห่วงทำไม”
“เอ้า ก็...”
“ก็?”
“ก็... การชอบเพศเดียวกันมันผิดศิล”
“ไม่เห็นจะเกี่ยว”
“พูดแบบนี้แกชอบเพศเดียวกันหรือไง” สายน้ำถามอย่างกวนๆ ทำให้คนโดนถามถึงกับเขวี้ยงหนังสือในมือของตัวเองใส่คนถาม
“พูดแบบนี้เดี๋ยวตาก็เขียวหรอก ไอ้น้องเวร”
“หรอครับพี่ชาย” สายน้ำทำสีหน้ายียวนกวนประสาทใส่แฝดของตนเองแล้ววิ่งหนีสายลมที่กำลังลุกขึ้นมาเดินถีบเขาทันที
สายลมเมื่อเห็นว่าสายน้ำวิ่งหนีขึ้นไปข้างบนแล้วจึงเดินกลับมานั่งที่โซฟาต่อพลางนึกขำเมื่อนึกถึงสาวๆ ที่หลงเสน่ห์ของสายน้ำ
ผู้หญิงพวกนั้นชอบคนปัญญานิ่มอย่างมันเข้าไปได้ยังไงนะ
กลับมาพร้อมกลับเวอร์ชั่นใหม่รีไรท์จนแทบจะไม่เห็นเค้าโครงเดิม
รวมถึงอิมเมจตัวละครและนิสัยตัวละคร รวมถึงชื่อเรื่องด้วย
สำหรับคนที่เคยแอดเรื่อง Blue Rose พิสูจน์รักท้าทายหัวใจยัยเย็นชา คลิกเข้ามาไม่ต้องตกใจว่า
"เอ๊ะ ฉันแอดเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่"
ความจริงเรื่องนี้ก็คือเรื่องบลูโรสน่ะแหละค่ะเพียงแต่ปรับเปลี่ยนเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นเราจะให้โอกาสทุกคนในการตัดสินใจจะลบเรื่องนี้ทิ้งหรือจะแอดเรื่องนี้ต่อไป
โดยเราจะให้ตัดสินใจจากเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นใหม่ถ้าไม่ชอบก็ลบได้ค่ะ ไม่ว่ากัน :)
ไม่รู้สึกท้อแท้นะที่คนอ่านหายเพราะทำใจไว้ล่วงหน้าอีกแล้ว
อีกอย่างแอบไปเห็นเพื่อนบ้านคนหนึ่งกำลังรีไรท์ เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนพล็อตอยู่เหมือนกัน
เลยรู้สึกเหมือนมีเพื่อนร่วมชะตากรรม (?) ฮ่าๆ
ตอนนี้ความคืบหน้าของนิยายก็เริ่มไหลไปเรื่อยๆ แล้วใกล้จะหกตอนแล้วค่ะ
ถ้าแต่งถึงหกหรือแปดตอนพริลจะเอาตอนที่สามมาลงให้นะคะ
อ่านตอนนี้จบแล้วถ้าติดใจก็คลิกไปอ่านตอนที่หนึ่งต่อได้เลยเบบี๋ :3
ความคิดเห็น