คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เพราะความบังเอิญ โลกกลม หรือเพราะพรหมลิขิต? # ๓
3
เพราะความบังเอิญ โลกกลม หรือเพราะพรหมลิขิต?
สายน้ำค่อยๆ ประคองเข้าบ้านเขาค่อยๆ เปิดประตูบ้านแต่พอเปิดประตูเข้ามาปุ๊บก็เห็นสายลมกำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะนั่งเล่นอยู่ สายลมหันมามองสายน้ำกับผู้หญิงที่เขาประคองไปมาแล้วขมวดคิ้วก่อนจะจ้องผู้หญิงที่กำลังหลับใหลไม่มีสติอยู่
เอ่ ทำไมหน้าเหมือนผู้หญิงที่ทำแจกันที่ร้านแตกจังวะ
“ยังไม่นอนอีกหรอ” สายน้ำถามสายลมพลางวางซาซ่าลงบนโซฟาอย่างนุ่มนวลก่อนจะเดินออกไปนอกบ้านอีกครั้งแล้วกลับมาพร้อมกระเป๋าใบสีชมพู
“แกเอาผู้หญิงคนนี้มาทำไม” สายลมถามด้วยเสียงไม่พอใจ
“ซาซ่าเขาโดนไล่ออกจากบ้านเลยขอมาพักอยู่ที่นี้สักคืนหนึ่ง”
ขอผู้ชายมานอนที่บ้านง่ายๆ แบบนี้เลยเนี้ยนะ เฮอะ
“ฉันว่าแกน่าจะเคยเจอผู้หญิงคนนี้แล้วนะ คนที่ทำแจกันแตกไง” สายน้ำพูดทำให้สายลมนึกออกทันที นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นยัยนี่
“แล้วจะให้ยัยนี่ไปนอนห้องไหน”
“ห้องแม่ล่ะมั้ง” สายน้ำตอบก่อนจะยกกระเป๋าขึ้น “แกช่วยอุ้มซาซ่าไปที่ห้องหน่อยสิ เดี๋ยวฉันจะถือกระเป๋า”
“ไม่ว่าง ทำงานอยู่” สามลมพูดแล้วหันไปสนใจงานต่อ
สายน้ำเบ้ปากทันทีก่อนจะเดินไปกอดสายลมจากข้างหลังแล้วเอาหน้าถูไปมาตรงหลัง “น้าตัวเอง”
“ไอ้บ้านี่” สายลมใช้ศอกกระทุ้งสายน้ำทันทีก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้แล้วค่อยๆ อุ้มแล้วเดินไปที่ห้องของแม่เขาทันที
สายน้ำยิ้มอย่างพอใจแล้วหยิบกระเป๋าสีชมพูจากพื้นแล้วเดินตามสายลมไปติดๆ
ขณะที่สายลมกำลังเดินไปยังห้องนอนของแม่เขาเขาก็มองคนในอ้อมแขนเขาอย่างพิจารณา ...หน้าตาก็ดีแต่ไม่น่าง่ายขนาดนี้เลย สายลมค่อยๆ ใช้มือเปิดประตูห้องแล้วค่อยๆ วางซาซ่าลงบนเตียงอย่างทนุทนอมก่อนจะเดินออกจากห้องไป สายน้ำมองสายลมที่เดินสวนไปออกจากห้องแล้ววางกระเป๋าของซาซ่าลงแล้วมองร่างของซาซ่าที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองไป
ลำธารฟังอาจารย์สอนหน้าชั้นอย่างตั้งใจแล้วก้มลงจดช๊อตโน้ตก่อนจะวางปากกาลงแล้วเอื้อมไปหยิบมาร์กเกอร์มาขีดเนื้อหาสำคัญไว้ หลังจากเลิกเรียนเธอยังคงอยู่บนห้องเพราะต้องจดช๊อตโน้ตให้ซาซ่าเนื่องจากวันนี้เธอไม่มาเรียนอย่างไม่บอกไม่กล่าว เมื่อเธอจดช๊อตโน้ตเสร็จเรียบร้อยเธอก็รีบเก็บของแล้วออกจากตึกคณะก่อนจะแวะไปที่ห้างสรรพสินค้าพาราไดซ์เพื่อไปซื้อของมาทำงาน
เมื่อถึงห้างแล้วเธอก็ตรงเข้าไปที่ร้านขายอุปกรณ์การเรียนอย่างไม่รอช้าแล้วเข้าไปโซนที่เธอต้องการ พอเธอเข้าไปในโซนเธอก็เห็นสายไหมยืนกุมหัวตัวเองแล้วตัวเซเล็กน้อยเหมือนกำลังจะล้มทำให้เธอต้องรีบเดินเข้าไปหาทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
สายไหมค่อยๆ หันไปหาคนถามก่อนจะแล้วล้มลงไปทันทีแต่โชคดีที่ลำธารรับตัวเธอไว้ทันแล้วค่อยๆ พยุงเธอไปหาที่นั่งพักในร้านกาแฟที่เธอมากินเป็นประจำแล้วขอยาดมจากพนักงานให้สายไหม
ผ่านไปประมาณสิบนาทีสายไหมก็เริ่มรู้สึกตัวเธอค่อยๆ ลืมตาอย่างช้าๆ เพื่อปรับแสง
“ทำไมถึงออกมาเดินเล่นทั้งที่ไม่สบาย” ลำธารถามทันทีเมื่อเห็นว่าสายไหมฟื้นแล้ว
“พี่ลำธาร” สายไหมตาโตทันทีเมื่อเห็นลำธารนั่งอยู่ข้างๆ
นี่พี่เขาช่วยเราไว้อย่างนั้นหรอ
“เอ่อ...คือพอดีไหมต้องมาซื้ออุปกรณ์ทำรายงานน่ะค่ะ” สายไหมตอบพลางยิ้มบางๆ
ลำธารหยิบยื่นหาพาราเซตามอลให้สายไหมสองเม็ดพร้อมกับน้ำเปล่า เธอมองหน้าลำธารเล็กน้อยแล้วรีบรับยากับน้ำเปล่าจากเจ้าตัวแล้วรีบกินทันที
“ขอบคุณค่ะที่ช่วยไหมไว้นะคะ”
“อืม” ลำธารตอบสั้นๆ “เธอจะซื้ออะไรล่ะ เดี๋ยวจะซื้อมาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะๆ” สายไหมรีบปฏิเสธทันที “เดี๋ยวไหมไปซื้อเองดีกว่าค่ะ”
“จดมา” ลำธารหยิบกระดาษกับปากกาแล้วยื่นให้สายไหม “เดี๋ยวเธอจะไปเป็นลมแล้วทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนต้องช่วยเธอไว้อีก”
สายไหมเงียบไปทันทีเมื่อเจอเหตุผลของลำธารแล้วก้มงุดลงจดรายการที่ตัวเองจะซื้อทันทีก่อนจะยื่นกระดาษและปากกาคืนแล้วล้วงหยิบเงินในกระเป๋ากระโปรงนักเรียนให้ลำธารแต่ลำธารรับมาเพียงแค่กระดาษเท่านั้นแล้วลุกเดินออกจากร้านไปทันที
สายไหมได้แต่มองลำธารเดินออกไปจนลับตาก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขทันที
จะเป็นพรหมลิขิตหรือเปล่านะไม่ว่าเราจะไปไหนก็เจอพี่ลำธารแถมเขายังคอยช่วยเหลือเราทุกครั้งที่เจอกันอีกต่างหาก ...หรือพี่เขาจะชอบเราเหมือนกัน!?
ใบหน้าของเด็กสาวแดงขึ้นมาทันทีเมื่อคิดรอยยิ้มที่ยิ้มกว้างอยู่แล้วแทบอยากจะฉีกไปถึงหู ให้ตายสิ ทำไมเธอถึงหยุดยิ้มไม่ได้เลยนะ!
เมื่อซื้อของเสร็จเรียบร้อยลำธารก็เดินไปจ่ายสตางค์ที่เคาร์เตอร์พนักงานใส่ของในถุงก่อนจะยื่นมาให้ลำธาร เธอรับมันมาแล้วเดินออกจากร้านเพื่อลงไปหาสายไหมทันที ขณะที่เธอกำลังเดินเธอก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนอดคิดถึงความทรงจำอันเลวร้ายที่ฝังใจเธอไม่ได้ ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งไม่น่าควรจะจดจำแต่ทำไมกัน ทำไมเธอถึงลบล้างความทรงจำนี้ได้สักที...
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนนั่งมองหน้าแฟนสาวของตัวเองที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำงานด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวที่กำลังทำงานอยู่รู้สึกว่ามีคนมองถึงละสายตาจากงานแล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนที่มองเธอ
“มีอะไรหรอแซด”
“ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็น่ารักไปหมดเลยเนอะ” แซดยิ้ม
“ชมแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าน่ะ” ลำธารขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“พรุ่งนี้เราไปเที่ยวสวนสนุกกัน”
“อืม ได้สิ” ลำธารยิ้มบางๆ “จะไปกี่โมงดีล่ะ”
“พรุ่งนี้ตอนสิบโมงจะไปรับที่บ้านก็แล้วกัน”
ลำธารพยักหน้าแล้วหันไปสนใจงานของตัวเองต่ออย่างตั้งใจโดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้จะทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป
หลังจากตื่นเช้ามาลำธารก็รีบอาบน้ำแต่งตัวทันที เธอยืนอยู่หน้ากระจกนานสองนานกว่าจะยอมเดินลงไปข้างล่างได้ พอสิบโมงแซดก็ขับรถมาจอดรับเธอที่หน้าบ้านตรงเวลาเป๊ะแล้วทั้งสองก็เดินทางไปที่สวนสนุกทันที เมื่อถึงสวนสนุกแล้วทั้งสองก็พากันไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ อย่างมีความสุข ณ ตอนนั้นลำธารรู้สึกมีความสุขและคิดว่าผู้ชายคนนี้เนี้ยแหละที่จะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต
“ไปนั่งชิงช้าสวรรค์กัน” แซดพูดแล้วเอื้อมไปจับมือลำธารเดินไปต่อแถวเพื่อขึ้นไปนั่งชิงช้าสวรรค์
เมื่อถึงคิวของแซดและลำธารทั้งสองก็เข้าไปภายในกระเช้าแล้วมองวิวไปรอบๆ ในขณะที่ชิงช้าก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวสูงขึ้น พอกระเช้าของทั้งสองเคลื่อนตัวไปอยู่บนสุดชิงช้าจึงหยุดนิ่งเพื่อให้ชมวิวจากด้านล่าง แซดมองลำธารที่มองวิวด้วยอารมณ์สุนทรีและดูมีความสุขมากเขาก็อดรู้สึกผิดไม่ได้แต่เมื่อเขาทำมันมาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องทำให้มันจบไป แซดย้ายที่นั่งไปนั่งฝังเดียวกับลำธาร เธอหันมาหาเขาทันทีแต่ยังที่ไม่ทันจะอ้าปากถามอะไรแซดก็ใช้มือทั้งสองจับใบหน้าของเธอแล้วดึงเข้ามาประกบริมฝีปากทันที ลำธารตอบรับความรู้สึกของเขาเป็นอย่างดีโดยไม่รู้เลยว่าจูบครั้งนี้คือ ‘จูบอำลา’
หลังจากที่นั่งชิงช้าแซดก็พาลำธารไปกินอาหารกลางวันโดยเขาเป็นคนจ่ายทั้งหมด ลำธารรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมวันนี้แฟนของเธอถึงได้ใจดีมากกว่าทุกวันที่ผ่านมาแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรเขาไป เธอจึงลงมือทานอาหารตรงหน้าเป็นปกติพอเธอกินข้าวไปได้ประมาณครึ่งจานก็มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยิ้มให้เธอแล้วเดินมานั่งข้างๆ แซด ลำธารขมวดคิ้วอย่างสงสัยแล้ววางช้อนส้อมลง
“ใครหรอแซด”
“ลำธารฉันมีอะไรจะบอก” แซดสูดลมหายใจเข้าแล้วมองหน้าลำธารอย่างจริงจัง “นี่คือมิว...แฟนฉันเอง”
“หมายความว่ายังไง” ลำธารพยายามควบคุมสติและพยายามพูดให้เป็นเสียงเป็นปกติที่สุด
“ที่ฉันคบเธอเพราะเป็นส่วนของเกมส์ที่พวกเพื่อนบังคับให้ฉันเล่น” แซดอธิบายความจริงทำหมดแล้วเอ่ยขอโทษลำธารอย่างสำนึกผิด “ขอโทษนะ”
ลำธารกำมือแน่นเพื่อระงับความโมโหในตัวเธอ ขอบตาของเธอร้อนผ่าวไปหมดน้ำตาที่อยู่ในดวงตาพร้อมที่จะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ
เธอยิ้มให้แซดอย่างเยือกเย็นก่อนจะลุกขึ้นแล้วสาดน้ำแดงใส่เขา “ไม่เป็นไร” แล้วเดินออกจากร้านไปทันที
ความรู้สึกที่เธอให้เขาไปอย่างจริงใจแต่เขากลับมอบความรู้สึกจอมปลอมและเห็นเธอเป็นแค่หมากตัวหนึ่งในเกมส์
..พอกันที!
ผลั่ก!
เพราะมัวแต่เดินเหม่อทำให้ลำธารเดินชนกับใครบางคนเข้าอย่างจังจนข้าวของในมือหล่นกระจายทั่วพื้น เธอรีบกล่าวขอโทษเขาแล้วก้มลงเก็บของทันที ชายหนุ่มที่ถูกชนรีบก้มลงช่วยเธอเก็บของก่อนจะส่งคืนให้ ลำธารลุกขึ้นหลังจากที่เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วรับของจากชายหนุ่มแล้วแต่มือที่กำลัวจะยื่นไปหยิบของต้องชะงักทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เก็บของให้
...แซด
“อ้าว ลำธาร” แซดยิ้มทักทายเธอ
ลำธารมองเขานิ่งๆ ด้วยสายตาที่อยากจะคาดเดาได้ เธอใช้มือกระชากของในมือแซดแล้วเดินหนีเขาทันที
“เดี๋ยวสิ” แซดเดินมาขวางทางแล้วเบ้ปากเหมือนเด็กๆ “เธอยังโกรธฉันอยู่หรอ”
“ฉันคงไม่ลดตัวเอาสมองไปคิดแค้นอะไรคนอย่างนายหรอก”
แซดได้ยินคำพูดของลำธารพูดเขาถึงกับแทบสะอึกทันที ไม่คิดว่าเขาจะทำให้เธอกลายเป็นคนที่เย็นชาได้ขนาดนี้ ลำธารที่เห็นว่าแซดนิ่งไปเธอจึงรีบเดินหนีทันที
สายไหมหันไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนกำแพงของร้านกาแฟ นี่มันก็เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วทำไมพี่เขายังไม่มาอีกนะ แต่พอเธอคิดถึงปุ๊บเธอก็เห็นร่างของคนที่เธอคิดถึงเดินเข้ามาในร้านทันที
“เดี๋ยวฉันไปส่ง หยิบของตัวเองให้เรียบร้อยฉันจะรออยู่หน้าร้าน” ลำธารพูดกับสายไหมแล้วเดินออกไปนอกร้านทันที
สายไหมนั่งเอ๋อเพราะตามลำธารไม่ค่อยทันเมื่อเธอตั้งสติได้จึงรีบเก็บของแล้วเดินออกไปหาลำธารอย่างรวดเร็ว ลำธารเห็นว่าสายไหมเดินออกมาแล้วจึงเดินนำไปที่รถของตัวเองทันที
คนอะไรคิดเร็วทำเร็วชะมัด ฉันตามไม่ทันแล้วเนี้ย สายไหมบ่นในใจแล้วรีบเดินตามลำธารไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานรถของลำธารก็จอดอยู่หน้าบ้านของสามพี่น้องเรียบร้อย สายไหมอดแปลกใจไม่ได้ว่าลำธารมาบ้านของเธอเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแต่พอมาครั้งนี้ลำธารขับมาถึงบ้านของเธอได้โดยไม่ถามทางเลยสักคำ เป็นผู้หญิงที่น่าทึ้งจริงๆ
“พี่ลำธารเข้ามาดื่มน้ำในบ้านก่อนสิคะ”
“ไม่เป็นไร” ลำธารพูดแล้วทำท่าจะเดินกลับรถ สายไหมจึงรีบดึงมือของลำธารไว้ทันทีก่อนจะพยายามพูดอ้อนวอนให้ลำธารเข้าไปในบ้านเธอให้ได้ จนในที่สุดลำธารก็ต้องยอมแพ้กับความขี้อ้อนของเด็กสาวคนนี้แล้วเดินตามเด็กสาวเข้าไปในบ้านอย่างจดใจ
“เธออยู่บ้านคนเดียวหรอ” ลำธารถามหลังจากที่เข้าบ้านมาแล้ว
“พอดีวันนี้พวกพี่ๆ เขาออกไปข้างนอกกันหมดน่ะค่ะ พี่สายน้ำก็น่าจะกลับมาค่ำๆ ส่วนพี่สายลมก็คงจะกลับมาช่วงค่ำๆ เหมือนกัน” สายไหมตอบยิ้มๆ ก่อนจะฉุดคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เดี๋ยวไหมไปเอาน้ำมาให้นะคะ” สายไหมรีบวิ่งเข้าไปในห้องครัวทันที
ระหว่างที่ลำธารรอสายไหมเอาน้ำมาให้เธอก็สำรวจมองภายในบ้านไปรอบๆ บ้านนี้ไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ไม่ถึงกับเล็ก ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ทำให้ดูน่าอยู่ไม่น้อย
“มาแล้วค่า” สายไหมวางน้ำลงบนโต๊ะรับแขกแล้วนั่งลงข้างๆ ลำธาร ลำธารหยิบน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดก่อนจะทำท่าลุกขึ้น
“จะไปไหนหรอคะ” สายไหมรีบถามทันที
“กลับบ้าน”
“อ่า จะกลับแล้วหรอคะ” สายไหมทำหน้าเสียดายขึ้นมาก่อนจะคิดอะไรบางอย่างในหัวได้ เธอมองลำธารด้วยสายตาอ้อนวอน “ช่วยอยู่กับไหมจนกว่าพวกพี่ๆ ของไหมจะกลับมาได้มั้ยคะ ไหมกลัว”
ลำธารมองเด็กสาวตรงหน้าแล้วนั่งลงโดยไม่พูดอะไรเพราะเธอรู้ว่าถึงเธอจะยืนยันว่าจะกลับบ้านยังไงเด็กคนนี้ก็ต้องหาทางให้เธออยู่ต่ออยู่ดี สายไหมยิ้มอย่างดีใจก่อนจะชวนลำธารคุยเรื่องต่างๆ มากมาย ลำธารก็ถามและตอบเธอบ้างไปบางครั้ง คุยกันไปสักพักเสียงโทรศัพท์ของลำธารก็ดังขึ้นทำให้การสนทนาของทั้งสองหยุดชะงัก ลำธารหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นซาซ่าที่โทรมา
(ว่างมั้ย) ซาซ่ารีบถามทันทีพอลำธารรับโทรศัพท์
“อืม มีอะไร”
(ฉันขอไปนอนบ้านแกได้มั้ย)
“บ้านแกไม่มีหรือไง”
ซาซ่าจิ๊จ๊ะเล็กน้อยแล้วพูดใส่ปลายสายด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ (ฉันโดนไล่ออกจากบ้าน)
“สมน้ำหน้า” ลำธารรีบซ้ำเติมเพื่อนตัวเองทันที
(แกเป็นเพื่อนฉันจริงๆ หรือเปล่าเนี้ย) ซาซ่าถามเสียงดัง (แล้วสรุปจะให้ฉันไปนอนบ้านแกได้ใช่มะ)
“ถ้าบอกว่าไม่ได้แกก็จะด่าฉันอีก” ลำธารพูดอย่างรู้ทัน “มาเมื่อไหร่ก็บอกก็แล้วกันเพราะตอนนี้ฉันอยู่ข้างนอก”
(โอเคๆ ขอบใจมาก งั้นแค่นี้ก่อนนะ) ซาซ่าพูดอย่างดีใจแล้วรีบวางสายทันที
ลำธารเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าหลังจากที่คุยกับซาซ่าเสร็จเรียบร้อย สายไหมเห็นว่าลำธารคุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงชวนคุยต่อทันที
“ใครโทรมาหรอคะ”
“เพื่อนน่ะ” ลำธารตอบก่อนจะถามสายไหมบ้าง “เธอบอกว่าเธออยู่บ้านกับพี่ชายสองคนหรอ”
“ใช่ค่ะ พ่อของไหมทิ้งแม่กับพวกพี่ๆ ไปตั้งแต่พวกเรายังเด็กๆ ส่วนแม่ก็มาเสียตอนไหมห้าขวบ ก็มีน้าที่คอยส่งเสียเราเรียน พอพวกพี่เริ่มโตๆ แล้วเลยขอมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง น้าก็เลยยกบ้านหลังนี้ให้อยู่” สายไหมอธิบาย “แล้วพี่อยู่บ้านกับใครหรอคะ”
“อยู่คนเดียว” แต่เร็วๆ นี้คงจะไม่ใช่แล้ว
“แล้วไม่เหงาแย่เลยหรอคะ” สายไหมถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันชินแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่ฉันก็ไม่ค่อยมีเวลาให้อยู่แล้ว”
“ถ้าวันไหนเหงาโทรหาไหมหรือมาหาที่บ้านได้น้า ไหมยินดีเสมอ” สายไหมพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก
ลำธารยิ้มบางๆ ให้สายไหมเล็กน้อย “อืม ไว้ว่างๆ จะมาหา”
สายไหมถึงกับชะงักทันทีเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่น้อยคนที่ใครจะได้เห็น ถ้าเป็นยิ้มที่ยิ้มให้เธอคนเดียวก็ดีสิ
“เย็นแล้วจะไปหาอะไรกินมั้ย” ลำธารพูดพลางมองนาฬิกา
สายไหมรีบโบกมือไปมาทันทีแล้วลุกขึ้น “ไม่ต้องหาหรอกค่ะ เดี๋ยวไหมทำให้กินเอง ไหมทำอาหารอร่อยนะขอบอก” สายไหมหัวเราะ “พี่ลำธารอยากกินอะไรค่ะ”
“อะไรก็ได้ที่เธอคิดว่าทำแล้วอร่อยที่สุด”
“จัดไปค่ะ” สายไหมวิ่งหายไปหลังครัวทันทีหลังจากพูดจบ
ลำธารหันไปมองตู้หนังสือที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของเธอ เธอลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเปิดตู้นั้นแล้วหาหนังสือที่น่าสนใจมาอ่านรอสายไหมค่าเวลา เมื่อได้หนังสือที่ต้องการแล้วเธอก็ปิดตู้ให้เรียบร้อยแล้วกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงสายไหมก็เดินออกมาจากห้องครัวแล้วเรียกลำธารไปกินอาหารที่เธอทำไว้ในห้องกินข้าว ลำธารเดินเอาหนังสือไปเก็บในตู้แล้วเดินไปที่ห้องกินข้าว เมื่อเข้าไปลำธารก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยเข้ามาเตะจมูกทันที อาหารบนโต๊ะมีแกงจืดและไข่เจียวและอื่นๆ อีกสองสามอย่าง ลำธารนั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับสายไหม
“เชิญชิมอาหารฝีมือไหมเลยค่ะ”
ลำธารหยิบช้อนส้อมขึ้นมาแล้วเลือกอาหารบนโต๊ะที่อยากลองชิมเป็นจานแรกก่อนจะตักมันเข้าปาก
“อร่อยมั้ยคะ” สายไหมถามอย่างลุ้นๆ
“อืม อร่อยดี เธอไปเรียนมาจากไหน” ลำธารถามแล้วตักอาหารอย่างอื่นใส่จานตัวเอง
“น้าของไหมเป็นคนสอนให้ไหมเอง น้าบอกว่าเป็นผู้หญิงต้องทำอาหารเป็น”
งั้นฉันคงจะไม่ใช่ผู้หญิงสินะเพราะทำอาหารไม่ได้เรื่องเลย ลำธารคิดในใจ
หลังจากที่กินเสร็จเรียบร้อยสายไหมก็อาสาล้างจานให้ลำธารโดยอ้างว่าเธอเป็นเจ้าของบ้านไม่ควรจะให้แขกล้างจานแต่แท้จริงแล้วเธออยากทำให้ลำธารประทับใจในตัวเธอต่างหาก สายไหมจัดการล้างจานจนสะอาดเอี่ยมอ่องแต่ดูเหมือนพระเจ้าจะแกล้งเธอ ทำให้เธอสะดุดพรมเช็ดเท้าจานที่อยู่ในมือเธอจึงหล่นลงพื้นเสียงดัง เธอมองสภาพจานแล้วอยากจะเอาหัวโขกกำแพงอุส่าห์สร้างความประทับใจแต่ไหงมาตกม้าตายตอนจบละฮะ!
“เฮ้อ” เธอถอนหายใจก่อนจะก้มลงเก็บเศษจานที่ตกทีละชิ้นแต่เหมือนพระเจ้าจะแกล้งเธออีกแล้ว ทำให้เธอโดนเศษจานบาดจนเลือดไหลทำให้เธอยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
อยากจะพ่นไฟออกจากปากจริงๆ กร๊าซ!
ลำธารรีบลุกขึ้นไปหาสายไหมที่ครัวทันทีเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตก พอเข้าไปเธอก็เห็นสายไหมกำลังก้มเก็บเศษจานอยู่แถมยังโดนจานบาดอีก
ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้างเลยนะเด็กคนนี้
ลำธารดึงตัวของสายไหมให้ลุกขึ้นทันทีแล้วเปิดน้ำที่อ่างล้างจานก่อนจะยื่นมือข้างที่สายไหมโดนจานบาดใส่น้ำ “ล้างแผลซะ” ลำธารพูดจบก็ก้มลงเก็บเศษจานที่เหลือจนหมดก่อนจะลุกขึ้นไปหาสายไหมแล้วใช้มือของตัวเองจับข้อมือของสายไหมอย่างทนุทนอมเพื่อดูแผล
“บ้านเธอมีอุปกรณ์ทำแผลมั้ย”
“มีค่ะ อยู่ตรงชั้นบนหน้าห้องพี่สายลม” สายไหมตอบ
“ไปนั่งรอที่ห้องรับแขกเดี๋ยวฉันตามไป” ลำธารพูดกับสายไหมแล้วหันไปมองหาไม้กวาดก่อนจะหยิบมันมากวาดเศษจานเล็กๆ ที่เหลือไปทิ้งอีกรอบ สายไหมมองลำธารที่กำลังกวาดเศษจานก็ยิ้มๆ ออกมาแล้วเดินไปรอที่ห้องรับแขก
หลังจากที่ลำธารทำความสะอาดเรียบร้อยเธอก็เดินไปชั้นบนของบ้านแล้วหากล่องยา พอหาเจอปุ๊บเธอก็รีบเดินลงไปที่ห้องรับแขกทันทีแล้วทำแผลสายไหมอย่างเบามือที่สุด สายไหมมองลำธารที่ทำแผลให้เธออย่างตั้งใจยิ่งทำให้เธอรู้สึกรักผู้หญิงคนนี้มากขึ้น หัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
สิ่งที่พี่เขาให้เราขอให้เป็นเพราะเขารักเราไม่ใช่เพราะสงสารทีเถอะ
ยังแต่งตอนที่แปดไม่จบแหละแต่อยากลง (อีกแล้ว)
คือเห็นตอนที่แล้วพี่อุ้ยบอกว่าสงสารซาซ่าและอยากให้มีคู่ด้วยก็เลยอยากจะบอกว่าซาซ่ามีคู่แน่นอนแต่ไม่บอกนะว่าใคร
ถ้าอ่านไปเรื่อยๆ คงจะรู้เอง ฮ่าๆ
เรื่องนี้จะเกริ่นเกี่ยวกับคู่อื่นๆ ไว้ประมาณสองคู่ซึ่งพริลขอไม่บอกก็แล้วกันเพราะคงเดากันได้
ตอนนี้ก็แต่งถึงตอนที่หกแล้วอีกนิดเดียวก็จะสิบตอนละ วันนี้ก็แอบอู้สอนเทควันโดเพื่อมาปั่นนิยายโดยเฉพาะ หุุหุ
ยังไงก็ขอบคุณนะคะติดตาม ดีใจๆ ><
ความคิดเห็น