คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4th rebound - 100%
REBOUND IV
“อยู่ที่นู่นเป็นไงบ้างวะ ไม่เคยคิดจะกลับมาหาเพื่อนบ้างเลยรึไง” เซฮุนเอ่ยถามเมื่อทุกคนกลับมานั่งหมดแล้ว
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับเว้ย แต่งานที่นั่นก็ไม่ใช่น้อยๆ ไหนจะต้องช่วยพ่อบริหารโรงแรมอีก” คริสพูดขึ้นก่อนจะยกแก้วค็อกเทลขึ้นมาจิบแล้วหันไปหาคนที่นั่งข้างๆ
“แบคฮยอนครับ ห้ามดื่มนะ เดี๋ยวพี่สั่งโค้กให้” คนตัวเล็กไม่ได้ค้านอะไร พยักหน้าน้อยๆก่อนจะยิ้มให้อีกคนบางๆ
แน่นอนว่าทุกกรกระทำล้วนอยู่ในสายตาของผม ..
ไม่อยากจะมองภาพที่น่าเจ็บปวดตรงหน้าเลยสักนิด
แต่ผมกลับไม่สามารถละสายตาจากคนที่เคยรู้ใจกันได้เลย
ผมหยิบขวดเหล้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดฝาออก ก่อนจะกรอกใส่ปากแบบไม่ยั้ง ความร้อนวาบไปทั้งตัว จนจงอินที่นั่งอยู่ข้างๆผมต้องกระชากขวดเหล้าออกจากมือผมไป
“มึงจะบ้ารึไงวะไอ้ชานยอล!! มึงแดกเข้าไปเกือบทั้งขวดงี้มึงกะจะแฮงก์ถึงพรุ่งนี้เลยรึไง?!” จงอินตะโกนด่าใส่หน้าผม แต่ผมกลับไม่ได้สนใจเสียงด่าของมันเลย สิ่งที่ดึงดูดผมได้ตอนนี้เห็นจะมีเพียงแต่ดวงตาเรียวรีของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมเท่านั้น แบคฮยอนหันมาสบตากับผม ดวงตาคู่นั้นเผยความตกใจแบบปิดไม่มิด
ผมแค่นหัวเราะกับตัวเองเบาๆก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา
อยากจะออกไปจากตรงนี้เต็มที ..
“ชานยอล มึงเป็นเหี้ยไรของมึงวะเนี้ย? ปกติมึงไม่ดื่มหนักขนาดนี้นี่หว่า” เสียงเซฮุนดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงๆของมันที่ลุกขึ้นมามองหน้าผมด้วยความสงสัย
“กูอยากเมา” พูดจบผมก็ผลักจงอินและเซฮุนให้ออกจากทางแล้วเดินไปตรงบาร์ที่อยู่ไม่ไกลนัก
โดยไม่ลืมที่จะปรายตามองคนที่นั่งอึ้งอยู่
ผมสั่งค็อกเทลกับบาร์เทนเดอร์เรื่อยๆแล้วกระดกเข้าปากช็อตเดียวหมดจนผมจำไม่ได้ว่าผมสั่งไปกี่แก้วแล้ว แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่เมาอยู่ดี ผมตะโกนเรียกบาร์เทนเดอร์อีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีใครก็ไม่รู้เดินมาจากด้านหลังและตีหัวผมเข้าอย่างแรง
“ป้าบ!!”
“มึงจะแดกจนร้านไอเซฮุนมันเจ๊งเลยมั้ย” ไอคนตัวดำที่ตีหัวผมเมื่อกี้แขวะก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“เจ๊งก็เรื่องของแม่ง” ผมตอบแบบส่งๆก่อนหยิบแก้วค็อกเทลขึ้นมากระดกใส่ปากอย่างรวดเร็ว
“มึงพอเหอะ”
“ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะมึงยังลืมไม่ได้ใช่มั้ย?”
“เรื่องมันก็สี่ห้าปีมาแล้วนะเว้ย มึงเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว.. “
“มึงรู้มั้ย ไม่มีวันไหนที่กูจะไม่นึกถึงแบคฮยอนเลย” ผมตอบก่อนจะเหม่อมองแก้วเปล่าในมือของตัวเอง
“ไม่คิดเลยว่าวันนึงเราต้องมาเจอกันในสถานะคนที่ไม่เคยรู้จักกัน” สายตาของแบคฮยอนเมื่อตอนที่สบตากันมันว่างเปล่าจนน่าใจหาย ไม่ได้แสดงออกถึงความเคียดแค้น หรือความเสียใจอยู่สักนิด
คนแบบผมมันคงไม่มีค่าสำหรับแบคฮยอนอีกแล้ว
“มึงยอมแพ้เหอะว่ะ เค้ามีคนใหม่ไปแล้วนะเว้ย ตัดใจซะเถอะ”
นั่นสินะ .. ผมควรจะตัดใจได้แล้ว
ผมจะไปยึดติดอยู่กับคนคนเดียวทำไม เค้าก็มีคนใหม่แล้ว เค้าลืมผมไปแล้วด้วยซ้ำ มีแต่ผมคนเดียวที่จมปลักอยู่กับอดีต
เห็นเค้ามีความสุขผมก็ควรจะยินดีงั้นสินะ ?
หลายคนชอบบอกว่าการรักคนคนนึงอย่างแท้จริงคือการที่ได้เห็นเค้ามีความสุข ไม่ใช่การได้ครอบครอง
ถ้ามันทำได้ง่ายอย่างที่พูดก็คงจะดีสินะครับ
ในเมื่อความสุขของผมคือการที่มีแบคฮยอนอยู่ข้างๆ ตื่นมาทุกเช้าพร้อมๆกัน ไปเที่ยวเล่นด้วยกัน จูงมือกัน โอบกอดกันทุกคืน อยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ความสุขของผมมันคือแค่นั้นจริงๆ ..
REBOUND
“แบคฮยอนครับ ห้ามดื่มนะ เดี๋ยวพี่สั่งโค้กให้” ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้อีกคน จะว่าไปร้านของเพื่อนพี่คริสก็ไม่เลวเหมือนกัน ใหญ่พอๆกับผับที่แคนนาดาเลยทีเดียว บรรยากาศก็โอเคเลย ดูเหมือนจะมีแต่พวกไฮโซเท่านั้นที่สามารถจะเข้าร้านนี้ได้
ผมมองไปรอบๆร้านก่อนจะสะดุดสายตาที่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม
ถ้าจำไม่ผิด .. ปาร์ค ชานยอลสินะ ?
พวกเราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะเบี่ยงสายตาออกมาเอง
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกเหมือนแววตาของเขาดูเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้
เอาจริงๆผมว่าชานยอลเป็นคนที่ค่อนข้างแปลกนะ ตั้งแต่ตอนเจอกันตอนแรกแล้ว เขามองผมอย่างกับผมเป็นตัวประหลาด จ้องแบบไม่วางตา แรกๆผมก็ไม่คิดอะไรนะ แต่ผมรู้สึกว่าผมสบตากับเค้าบ่อยไปแล้วเนี้ยสิ
ช่างเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก
ผมเอิ้อมมือไปจะหยิบแก้วโค้กของตนขึ้นมาดื่ม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นมีมือหนาคว้าขวดเหล้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแก้วของผมไปอย่างรุนแรง ผมเงยหน้ามองเจ้าของมือหนานั้นแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเขากำลังกรอกเหล้าเข้าปากตัวเองอย่างรวดเร้ว ก่อนที่เพื่อนของเขาจะมาดึงขวดเหล้าออก
“มึงจะบ้ารึไงวะไอ้ชานยอล!! มึงแดกเข้าไปเกือบทั้งขวดงี้มึงกะจะแฮงก์ถึงพรุ่งนี้เลยรึไง?!” เสียงตะโกนของจงอินดังขึ้น เรียกความสนใจให้กับผมและอีกสองคนที่นั่งอยู่ได้เป็นอย่างดี
ผมหันไปมองหน้าชานยอลอีกครั้ง และก็พบว่าเขาก็มองผมอยู่เช่นกัน เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา ผมขมวดคิ้วเป็นปมกับการกระทำของเขา กระตุกยิ้มงั้นหรอ? ใส่ผมเนี่ยนะ?
“ชานยอล มึงเป็นเหี้ยไรของมึงวะเนี้ย? ปกติมึงไม่ดื่มหนักขนาดนี้นี่หว่า” เซฮุนลุกขึ้นก่อนจะถามเพื่อนของเขา ชานยอลทำเพียงเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“กูอยากเมา” พูดจบเขาก็ผลักเพื่อนของเขาให้ออกห่างแล้วเดินออกไปทางบาร์ด้านหลัง
โดยที่เขาก็หันมามองผมอีกรอบ
ด้วยสายตาที่ .. ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
ผมเอนตัวลงบนโซฟาก่อนจะคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ผมไปทำอะไรให้ชานยอลหรอ? ผมเพิ่งเจอกับเค้าวันแรกเองนะ ทำไมเค้าถึงได้มองผมแบบนั้น มันเสียมารยาทนะรู้มั้ย L
“คิดอะไรอยู่หืม คิ้วขมวดเป็นโบว์แล้ว” นิ้วเรียวยาวจิ้มลงบนระหว่างคิ้วของผม ทำให้ผมหันไปเขม่นคนที่นั่งข้างๆทันที
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหน่ะ” ผมตอบปัดๆก่อนจะหันไปมองคนที่ดื่มอยู่ตรงบาร์อย่างไม่หยุดหย่อน .. ดื่มเยอะขนาดนั้นยังไม่เมาอีกหรือไง
ผมจะห่วงเค้าทำไมกัน
ช่างเถอะ
“มีอะไรกับผู้ชายคนนั้นรึไง” พี่คริสเอ่ยถามอีกรอบ ผมจึงหันกลับมามองหน้าเค้าและส่ายหัวเบาๆ
“แค่รู้สึกว่ามันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้” ผมยิ้มให้กับพี่คริสก่อนจะหันไปหาอีกสองคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลบ้าง
แวบนึงผมเห็นสองคนนั้นมองหน้ากันด้วยท่าทางที่ดูกังวลไม่น้อย
แต่แค่แปปเดียวจริงๆ
“เดี๋ยวผมขอตัวไปดูชานยอลก่อนนะครับ” คนที่ชื่อว่าจงอินพูดขึ้นก่อนจะลุกยืนแล้วเดินออกไปทันที
“เออ ไอคริส มึงกับน้องแบคฮยอนรู้จักกันนานยังวะ” เซฮุนเอ่ยถาม พี่คริสยิ้มบางๆก่อนจะตอบออกไป
“มึงจะอยากรู้เรื่องกูกับน้องเค้าไปทำไมวะ” นั่นสินะ อยากรู้ไปทำไมกัน?
“ก-ก็ไม่มีไร … กูแค่อยากถามว่ามึงจีบกันนานมั้ยไรงี้ คือ.. กูจะไปจีบคนคนนึงไง” เมื่อพูดจบเซฮุนก็เม้มปากแน่น ก่อนจะหัวเราะฝืดๆออกมา
โกหกไม่เก่งเอาซะเลยครับ สกิลการโกหกต่ำมาก ..
ใครจะทำอะไรก็ไม่รอดพ้นสายตาของแบคฮยอนคนนี้หรอกครับ ผมน่ะจบไซโคมานะ เรื่องแค่นี้ผมดูออกสบายๆเลยอ่ะครับ แต่ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป เพราะผมอยากจะรู้ว่าเค้าจะโกหกไปอีกนานแค่ไหน และเค้าจะทำยังไงต่อไป
มันก็สนุกดีไม่ใช่หรอครับ? การได้เล่นเกมโดยที่เราเดาเกมออกหมดแล้ว J
80%
“ครืด .. ครืด ..” เสียงโทรศัพทของคุณเซฮุนดังขึ้น เขายกมือให้กับพี่คริสเป็นเชิงว่าขอตัว พี่คริสพยักหน้าเบาๆก่อนจะหันมาหาผมเมื่อคุณเซฮุนลุกออกไปแล้ว
“เป็นไง เบื่อรึเปล่า?” พี่คริสถาม มือหนาเลื่อนมากุมมือของผมไว้ ผมส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบ
“ไม่ได้เบื่อหรอกครับ แต่แค่ไม่ค่อยคุ้นซักเท่าไหร่”
“กับไอเซฮุนน่ะ คุยได้นะ มันเป็นเพื่อนที่เฮียไว้ใจที่สุดแล้ว ...”
“….”
“แต่เฮียไม่ไว้ใจชานยอล” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินพี่คริสพูด ผมสบตากับเขา แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรเขาก็ชิงพูดก่อน
“ไม่เห็นสายตาที่ชานยอลมองมารึไง? ก็เห็นไม่ใช่หรอว่ามันมีความหมายอะไรแฝงอยู่?”
ผมเม้มปากแน่นเมื่อพี่คริสพูดจบ มันก็จริงอย่างที่พี่คริสว่า สายตาที่ชานยอลส่งมานั้นเหมือนมีอะไรต้องการจะสื่อมาให้ผมอยู่เสมอ ดูท่าทางไม่ค่อยน่าจะคบหาด้วย
แต่ทำไมผมกลับไม่รู้สึกว่าเขาอันตรายกันนะ?
ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ แววตาคู่นั้นกลับมีอิทธิพลต่อผมซะด้วยซ้ำ
ผมหลบสายตาพี่คริสและไม่ได้ตอบอะไรออกไป ยกแก้วโค้กของตนขึ้นมาดื่มแต่มันก็หมดซะแล้ว ผมวางแก้วลงบนโต๊ะอีกครั้งก่อนจะหันไปทางบาร์ แต่ก็ไม่พบร่างของคนที่นั่งอยู่เมื่อสักครู่นี้
หายไปไหนนะ?
ผมมองไปรอบๆร้านแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของชานยอลหรือแม้แต่คนอื่นๆ ผมลุกขึ้นจากโซฟาและหันไปบอกพี่คริสว่าไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาทันที
ผมก้าวเท้าลงบันได สายตายังคงสอดส่องหาคนที่หายไป แต่ก็ไม่พบ ผมยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำตามที่ผมต้องการ
หมับ!!
“เห้ยยย !!” ผมตะโกนออกไปเมื่อมีมือหนึ่งฉุดผมเข้าไปในมุมหนึ่งของร้านก่อนจะเอามือปิดปากของผม ผมดิ้นอย่างแรงหวังจะสลัดมือที่ล็อคแขนของผมไว้ แต่เมื่อคนคนนั้นหันตัวของผมให้ไปเผชิญหน้ากับเขา ผมก็หยุดทันที
ชานยอล?
“จับตัวผมทำไม?” ผมถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ สบตาดวงตากลมเยิ้มเพราะฤทธื์แอลกอฮอลล์ ชานยอลไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากมองผมอยู่อย่างงั้น ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนของอีกคนที่รดอยู่บนแก้มของผม
“ค-คุณชานยอล?” ผมเรียกชื่ออีกคนออกไปหวังว่าจะเรียกสติอีกคน ชานยอลค่อยๆคลายแรงที่บีบแขนของผมอยู่ก่อนจะขยับออกห่างเล็กน้อย
“คุณ .. มีอะไรกับผมรึเปล่าครับ?” ผมเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นทีท่าว่าชานยอลจะพูดอะไรออกมา
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือหนาเลื่อนขึ้นมาทาบบนแก้มของผมพลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆ บนใบหน้าของชานยอลมีรอยยิ้มฝืดๆแต้มอยู่บางๆ
ผมเลื่อนมือขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ข้างในเริ่มเต้นเร็วขึ้นและแรงขึ้น ราวกับจะหลุดออกมาซะให้ได้
ทำไมมันคุ้นจัง ..
ผมเลื่อนสายตาขึ้นไปมองชานยอลอีกครั้งก่อนจะพบว่าดวงตากลมคู่นั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นน้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้างของอีกคน ..
ชานยอลร้องไห้ทำไมกัน?
“คุณชานยอล! คุณร้องไห้ทำไมครับ?” ผมถามออกไปด้วยความตกใจ แต่ชานยอลกลับยิ้มออกมาก่อนจะพูดในสิ่งที่ผมไม่มีวันเข้าใจ ..
“คิดถึงนะ ..”
“แบคฮยอนอา ..”
END OF CHAPTER 4
talk
ตอนที่สี่มาอัพแล้วเยย้
อาจจะดูแปลกๆไปบ้างนะ เราไม่ได้แต่งมานานพอสมควรY - Y
คำผิดไม่ได้ตรวจเลยย เดี๋ยวถ้ามีจะมาแก้ให้ใหม่เน้อ
หวังว่าทุกคนจะสนุกกับฟิคที่เราแต่งเนอะ เม้นกันบ้างนะ
มาอัพอีก 20% ให้แบบไม่ง้อเม้นละนะ
ขอบคุณคนที่เม้นให้นะคะถึงจะแค่ไม่กี่คน555555
จะขยันมาอัพให้บ่อยๆนะคะ
ความคิดเห็น