ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( fic exo ) - REBOUND ; chanbaek♡

    ลำดับตอนที่ #4 : 4th rebound - 100%

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 57


    © Tenpoints!



    REBOUND IV

     

     

    “อยู่ที่นู่นเป็นไงบ้างวะ ไม่เคยคิดจะกลับมาหาเพื่อนบ้างเลยรึไง” เซฮุนเอ่ยถามเมื่อทุกคนกลับมานั่งหมดแล้ว

     

     

    “ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับเว้ย แต่งานที่นั่นก็ไม่ใช่น้อยๆ ไหนจะต้องช่วยพ่อบริหารโรงแรมอีก” คริสพูดขึ้นก่อนจะยกแก้วค็อกเทลขึ้นมาจิบแล้วหันไปหาคนที่นั่งข้างๆ

     

     

    “แบคฮยอนครับ ห้ามดื่มนะ เดี๋ยวพี่สั่งโค้กให้” คนตัวเล็กไม่ได้ค้านอะไร พยักหน้าน้อยๆก่อนจะยิ้มให้อีกคนบางๆ

     

     

    แน่นอนว่าทุกกรกระทำล้วนอยู่ในสายตาของผม​ ..

     

     

    ไม่อยากจะมองภาพที่น่าเจ็บปวดตรงหน้าเลยสักนิด

     

     

    แต่ผมกลับไม่สามารถละสายตาจากคนที่เคยรู้ใจกันได้เลย

     

     

    ผมหยิบขวดเหล้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดฝาออก ก่อนจะกรอกใส่ปากแบบไม่ยั้ง ความร้อนวาบไปทั้งตัว จนจงอินที่นั่งอยู่ข้างๆผมต้องกระชากขวดเหล้าออกจากมือผมไป

     

     

    “มึงจะบ้ารึไงวะไอ้ชานยอล!! มึงแดกเข้าไปเกือบทั้งขวดงี้มึงกะจะแฮงก์ถึงพรุ่งนี้เลยรึไง?!” จงอินตะโกนด่าใส่หน้าผม แต่ผมกลับไม่ได้สนใจเสียงด่าของมันเลย สิ่งที่ดึงดูดผมได้ตอนนี้เห็นจะมีเพียงแต่ดวงตาเรียวรีของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมเท่านั้น แบคฮยอนหันมาสบตากับผม ดวงตาคู่นั้นเผยความตกใจแบบปิดไม่มิด

     

     

     ผมแค่นหัวเราะกับตัวเองเบาๆก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา

     

     

     อยากจะออกไปจากตรงนี้เต็มที ..

     

     

    “ชานยอล มึงเป็นเหี้ยไรของมึงวะเนี้ย? ปกติมึงไม่ดื่มหนักขนาดนี้นี่หว่า” เสียงเซฮุนดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงๆของมันที่ลุกขึ้นมามองหน้าผมด้วยความสงสัย

     

     

    “กูอยากเมา” พูดจบผมก็ผลักจงอินและเซฮุนให้ออกจากทางแล้วเดินไปตรงบาร์ที่อยู่ไม่ไกลนัก

     

     

    โดยไม่ลืมที่จะปรายตามองคนที่นั่งอึ้งอยู่

     

     

    ผมสั่งค็อกเทลกับบาร์เทนเดอร์เรื่อยๆแล้วกระดกเข้าปากช็อตเดียวหมดจนผมจำไม่ได้ว่าผมสั่งไปกี่แก้วแล้ว แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่เมาอยู่ดี ผมตะโกนเรียกบาร์เทนเดอร์อีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีใครก็ไม่รู้เดินมาจากด้านหลังและตีหัวผมเข้าอย่างแรง

     

     

    “ป้าบ!!”

     

     

    “มึงจะแดกจนร้านไอเซฮุนมันเจ๊งเลยมั้ย” ไอคนตัวดำที่ตีหัวผมเมื่อกี้แขวะก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

     

     

    “เจ๊งก็เรื่องของแม่ง” ผมตอบแบบส่งๆก่อนหยิบแก้วค็อกเทลขึ้นมากระดกใส่ปากอย่างรวดเร็ว

     

     

    “มึงพอเหอะ”

     

     

    “ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะมึงยังลืมไม่ได้ใช่มั้ย?”

     

     

    “เรื่องมันก็สี่ห้าปีมาแล้วนะเว้ย มึงเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว.. “

     

     

    “มึงรู้มั้ย ไม่มีวันไหนที่กูจะไม่นึกถึงแบคฮยอนเลย” ผมตอบก่อนจะเหม่อมองแก้วเปล่าในมือของตัวเอง

     

     

    “ไม่คิดเลยว่าวันนึงเราต้องมาเจอกันในสถานะคนที่ไม่เคยรู้จักกัน” สายตาของแบคฮยอนเมื่อตอนที่สบตากันมันว่างเปล่าจนน่าใจหาย ไม่ได้แสดงออกถึงความเคียดแค้น หรือความเสียใจอยู่สักนิด

     

     

    คนแบบผมมันคงไม่มีค่าสำหรับแบคฮยอนอีกแล้ว

     

     

    “มึงยอมแพ้เหอะว่ะ เค้ามีคนใหม่ไปแล้วนะเว้ย ตัดใจซะเถอะ”

     

     

     

     

     

    นั่นสินะ .. ผมควรจะตัดใจได้แล้ว

     

     

    ผมจะไปยึดติดอยู่กับคนคนเดียวทำไม เค้าก็มีคนใหม่แล้ว เค้าลืมผมไปแล้วด้วยซ้ำ มีแต่ผมคนเดียวที่จมปลักอยู่กับอดีต

     

     

    เห็นเค้ามีความสุขผมก็ควรจะยินดีงั้นสินะ ?

     

     

    หลายคนชอบบอกว่าการรักคนคนนึงอย่างแท้จริงคือการที่ได้เห็นเค้ามีความสุข ไม่ใช่การได้ครอบครอง

     

     

    ถ้ามันทำได้ง่ายอย่างที่พูดก็คงจะดีสินะครับ

     

     

    ในเมื่อความสุขของผมคือการที่มีแบคฮยอนอยู่ข้างๆ ตื่นมาทุกเช้าพร้อมๆกัน ไปเที่ยวเล่นด้วยกัน จูงมือกัน โอบกอดกันทุกคืน อยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

     

     

    ความสุขของผมมันคือแค่นั้นจริงๆ ..

     

     

     

     

    REBOUND

     

     

     

     

    “แบคฮยอนครับ ห้ามดื่มนะ เดี๋ยวพี่สั่งโค้กให้” ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้อีกคน จะว่าไปร้านของเพื่อนพี่คริสก็ไม่เลวเหมือนกัน ใหญ่พอๆกับผับที่แคนนาดาเลยทีเดียว บรรยากาศก็โอเคเลย ดูเหมือนจะมีแต่พวกไฮโซเท่านั้นที่สามารถจะเข้าร้านนี้ได้

     

     

    ผมมองไปรอบๆร้านก่อนจะสะดุดสายตาที่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม

     

     

    ถ้าจำไม่ผิด .. ปาร์ค ชานยอลสินะ​ ?

     

     

    พวกเราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะเบี่ยงสายตาออกมาเอง

     

     

    ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกเหมือนแววตาของเขาดูเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้

     

     

    เอาจริงๆผมว่าชานยอลเป็นคนที่ค่อนข้างแปลกนะ ตั้งแต่ตอนเจอกันตอนแรกแล้ว เขามองผมอย่างกับผมเป็นตัวประหลาด จ้องแบบไม่วางตา แรกๆผมก็ไม่คิดอะไรนะ แต่ผมรู้สึกว่าผมสบตากับเค้าบ่อยไปแล้วเนี้ยสิ

     

     

    ช่างเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก

     

     

    ผมเอิ้อมมือไปจะหยิบแก้วโค้กของตนขึ้นมาดื่ม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นมีมือหนาคว้าขวดเหล้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแก้วของผมไปอย่างรุนแรง ผมเงยหน้ามองเจ้าของมือหนานั้นแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเขากำลังกรอกเหล้าเข้าปากตัวเองอย่างรวดเร้ว ก่อนที่เพื่อนของเขาจะมาดึงขวดเหล้าออก

     

     

    “มึงจะบ้ารึไงวะไอ้ชานยอล!! มึงแดกเข้าไปเกือบทั้งขวดงี้มึงกะจะแฮงก์ถึงพรุ่งนี้เลยรึไง?!” เสียงตะโกนของจงอินดังขึ้น เรียกความสนใจให้กับผมและอีกสองคนที่นั่งอยู่ได้เป็นอย่างดี

     

     

    ผมหันไปมองหน้าชานยอลอีกครั้ง และก็พบว่าเขาก็มองผมอยู่เช่นกัน เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา ผมขมวดคิ้วเป็นปมกับการกระทำของเขา กระตุกยิ้มงั้นหรอ? ใส่ผมเนี่ยนะ?

     

     

    “ชานยอล มึงเป็นเหี้ยไรของมึงวะเนี้ย? ปกติมึงไม่ดื่มหนักขนาดนี้นี่หว่า” เซฮุนลุกขึ้นก่อนจะถามเพื่อนของเขา ชานยอลทำเพียงเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา

     

     

    “กูอยากเมา” พูดจบเขาก็ผลักเพื่อนของเขาให้ออกห่างแล้วเดินออกไปทางบาร์ด้านหลัง

     

     

    โดยที่เขาก็หันมามองผมอีกรอบ

     

     

    ด้วยสายตาที่ .. ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย

     

     

    ผมเอนตัวลงบนโซฟาก่อนจะคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ผมไปทำอะไรให้ชานยอลหรอ? ผมเพิ่งเจอกับเค้าวันแรกเองนะ ทำไมเค้าถึงได้มองผมแบบนั้น มันเสียมารยาทนะรู้มั้ย L

     

     

    “คิดอะไรอยู่หืม คิ้วขมวดเป็นโบว์แล้ว” นิ้วเรียวยาวจิ้มลงบนระหว่างคิ้วของผม ทำให้ผมหันไปเขม่นคนที่นั่งข้างๆทันที

     

     

    “คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหน่ะ” ผมตอบปัดๆก่อนจะหันไปมองคนที่ดื่มอยู่ตรงบาร์อย่างไม่หยุดหย่อน .. ดื่มเยอะขนาดนั้นยังไม่เมาอีกหรือไง

     

     

    ผมจะห่วงเค้าทำไมกัน

     

     

    ช่างเถอะ

     

     

    “มีอะไรกับผู้ชายคนนั้นรึไง” พี่คริสเอ่ยถามอีกรอบ ผมจึงหันกลับมามองหน้าเค้าและส่ายหัวเบาๆ

     

     

    “แค่รู้สึกว่ามันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้” ผมยิ้มให้กับพี่คริสก่อนจะหันไปหาอีกสองคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลบ้าง

     

     

    แวบนึงผมเห็นสองคนนั้นมองหน้ากันด้วยท่าทางที่ดูกังวลไม่น้อย

     

     

    แต่แค่แปปเดียวจริงๆ

     

     

    “เดี๋ยวผมขอตัวไปดูชานยอลก่อนนะครับ” คนที่ชื่อว่าจงอินพูดขึ้นก่อนจะลุกยืนแล้วเดินออกไปทันที

     

     

    “เออ ไอคริส มึงกับน้องแบคฮยอนรู้จักกันนานยังวะ” เซฮุนเอ่ยถาม พี่คริสยิ้มบางๆก่อนจะตอบออกไป

     

     

    “มึงจะอยากรู้เรื่องกูกับน้องเค้าไปทำไมวะ” นั่นสินะ อยากรู้ไปทำไมกัน?

     

     

    “ก-ก็ไม่มีไร … กูแค่อยากถามว่ามึงจีบกันนานมั้ยไรงี้ คือ​.. กูจะไปจีบคนคนนึงไง” เมื่อพูดจบเซฮุนก็เม้มปากแน่น ก่อนจะหัวเราะฝืดๆออกมา

     

     

    โกหกไม่เก่งเอาซะเลยครับ สกิลการโกหกต่ำมาก ..

     

     

    ใครจะทำอะไรก็ไม่รอดพ้นสายตาของแบคฮยอนคนนี้หรอกครับ ผมน่ะจบไซโคมานะ เรื่องแค่นี้ผมดูออกสบายๆเลยอ่ะครับ แต่ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป เพราะผมอยากจะรู้ว่าเค้าจะโกหกไปอีกนานแค่ไหน และเค้าจะทำยังไงต่อไป

     

     

     

    มันก็สนุกดีไม่ใช่หรอครับ? การได้เล่นเกมโดยที่เราเดาเกมออกหมดแล้ว J

     


     

     

     

     

    80%

     

     

     

     

    “ครืด .. ครืด ..” เสียงโทรศัพทของคุณเซฮุนดังขึ้น เขายกมือให้กับพี่คริสเป็นเชิงว่าขอตัว พี่คริสพยักหน้าเบาๆก่อนจะหันมาหาผมเมื่อคุณเซฮุนลุกออกไปแล้ว

     

     

    “เป็นไง เบื่อรึเปล่า?” พี่คริสถาม มือหนาเลื่อนมากุมมือของผมไว้ ผมส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบ

     

     

    “ไม่ได้เบื่อหรอกครับ แต่แค่ไม่ค่อยคุ้นซักเท่าไหร่”

     

     

    “กับไอเซฮุนน่ะ คุยได้นะ มันเป็นเพื่อนที่เฮียไว้ใจที่สุดแล้ว ...”

     

     

    “….”

     

     

    “แต่เฮียไม่ไว้ใจชานยอล” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินพี่คริสพูด ผมสบตากับเขา แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรเขาก็ชิงพูดก่อน

     

     

    “ไม่เห็นสายตาที่ชานยอลมองมารึไง? ก็เห็นไม่ใช่หรอว่ามันมีความหมายอะไรแฝงอยู่?”

     

     

    ผมเม้มปากแน่นเมื่อพี่คริสพูดจบ มันก็จริงอย่างที่พี่คริสว่า สายตาที่ชานยอลส่งมานั้นเหมือนมีอะไรต้องการจะสื่อมาให้ผมอยู่เสมอ ดูท่าทางไม่ค่อยน่าจะคบหาด้วย

     

     

    แต่ทำไมผมกลับไม่รู้สึกว่าเขาอันตรายกันนะ?

     

     

    ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ แววตาคู่นั้นกลับมีอิทธิพลต่อผมซะด้วยซ้ำ

     

     

    ผมหลบสายตาพี่คริสและไม่ได้ตอบอะไรออกไป ยกแก้วโค้กของตนขึ้นมาดื่มแต่มันก็หมดซะแล้ว ผมวางแก้วลงบนโต๊ะอีกครั้งก่อนจะหันไปทางบาร์ แต่ก็ไม่พบร่างของคนที่นั่งอยู่เมื่อสักครู่นี้

     

     

    หายไปไหนนะ?

     

     

    ผมมองไปรอบๆร้านแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของชานยอลหรือแม้แต่คนอื่นๆ ผมลุกขึ้นจากโซฟาและหันไปบอกพี่คริสว่าไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาทันที

     

     

    ผมก้าวเท้าลงบันได สายตายังคงสอดส่องหาคนที่หายไป แต่ก็ไม่พบ ผมยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำตามที่ผมต้องการ

     

     

    หมับ!!

     

     

    “เห้ยยย !!” ผมตะโกนออกไปเมื่อมีมือหนึ่งฉุดผมเข้าไปในมุมหนึ่งของร้านก่อนจะเอามือปิดปากของผม ผมดิ้นอย่างแรงหวังจะสลัดมือที่ล็อคแขนของผมไว้ แต่เมื่อคนคนนั้นหันตัวของผมให้ไปเผชิญหน้ากับเขา ผมก็หยุดทันที

     

     

    ชานยอล?

     

     

    “จับตัวผมทำไม?” ผมถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ สบตาดวงตากลมเยิ้มเพราะฤทธื์แอลกอฮอลล์ ชานยอลไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากมองผมอยู่อย่างงั้น ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนของอีกคนที่รดอยู่บนแก้มของผม

     

     

    “ค-คุณชานยอล?” ผมเรียกชื่ออีกคนออกไปหวังว่าจะเรียกสติอีกคน ชานยอลค่อยๆคลายแรงที่บีบแขนของผมอยู่ก่อนจะขยับออกห่างเล็กน้อย

     

     

    “คุณ .. มีอะไรกับผมรึเปล่าครับ?” ผมเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นทีท่าว่าชานยอลจะพูดอะไรออกมา

     

     

    ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือหนาเลื่อนขึ้นมาทาบบนแก้มของผมพลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆ บนใบหน้าของชานยอลมีรอยยิ้มฝืดๆแต้มอยู่บางๆ

     

     

    ผมเลื่อนมือขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ข้างในเริ่มเต้นเร็วขึ้นและแรงขึ้น ราวกับจะหลุดออกมาซะให้ได้

     

     

    ทำไมมันคุ้นจัง ..

     

     

    ผมเลื่อนสายตาขึ้นไปมองชานยอลอีกครั้งก่อนจะพบว่าดวงตากลมคู่นั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

     

     

    ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นน้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้างของอีกคน ..

    ชานยอลร้องไห้ทำไมกัน?

     

     

    “คุณชานยอล! คุณร้องไห้ทำไมครับ?” ผมถามออกไปด้วยความตกใจ แต่ชานยอลกลับยิ้มออกมาก่อนจะพูดในสิ่งที่ผมไม่มีวันเข้าใจ ..

     

     

     

     

     

     

     

     

    “คิดถึงนะ ..”

     

     

    แบคฮยอนอา ..”

     

     

     

     

     

    END OF CHAPTER 4

     







     






    talk
    ตอนที่สี่มาอัพแล้วเยย้
    อาจจะดูแปลกๆไปบ้างนะ เราไม่ได้แต่งมานานพอสมควรY - Y
    คำผิดไม่ได้ตรวจเลยย เดี๋ยวถ้ามีจะมาแก้ให้ใหม่เน้อ
    หวังว่าทุกคนจะสนุกกับฟิคที่เราแต่งเนอะ เม้นกันบ้างนะ


    มาอัพอีก 20% ให้แบบไม่ง้อเม้นละนะ
    ขอบคุณคนที่เม้นให้นะคะถึงจะแค่ไม่กี่คน555555
    จะขยันมาอัพให้บ่อยๆนะคะ

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×