คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3rd rebound - ( rewrite )
REBOUND III
ตามคาดครับ
พอผมกลับมาถึงบริษัทก็ได้รับสายของพ่อที่โทรตรงมาจากอเมริกาทันที โดนด่าจนหูชาเลยครับ ผมละอยากจะหายตัวไปจริงๆ เห้อ พูดละก็เพลีย
ผมหยิบเอกสารขึ้นมาเซ็นอย่างลวกๆจนหมด ดูนาฬิกาอีกทีก็ปาเข้าไปห้าโมงแล้วครับ ผมใช้เวลาอยู่ที่ฮงแดร่วมสองชั่วโมงเลย ไม่น่าแปลกใจครับถ้าจะโดนพ่อด่าซะขนาดนั้น
แฟ้มรูปโพลารอยด์ยังคงอยู่บนโต๊ะของผม ผมมักจะหยิบขึ้นมาดูทุกครั้งที่ผมละความสนใจจากงานหรือโทรศัพท์ มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ถ้านับดีๆก็คงจะซักห้าปีได้ แฟ้มนี้เลยค่อนข้างเก่าครับ แต่ผมก็พยายามเก็บรักษามันไว้อย่างดี เพราะข้างในแฟ้มเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยความทรงจำที่มีค่าของผม
หน้าแรกๆจะมีแต่รูปของผมกับเพื่อนหรือรูปแบคฮยอนเดี่ยวๆครับ ตอนนั้นผมยังตามจีบแบคฮยอนอยู่เลย เลยได้แต่แอบถ่ายรูปเค้าไว้ดูเล่นแก้คิดถึงน่ะครับ พอเกือบๆกลางนี่เริ่มเป็นรูปกลุ่มเพื่อนของผมกับแบคฮยอน พอดีว่าช่วงนั้นผมเริ่มจะรู้จักและสนิทกับแบคฮยอนแล้วครับ เลยพามาหาเพื่อน มาเที่ยวเล่นด้วยกันบ่อยๆ ตั้งแต่กลางเล่มจนถึงหน้าสุดท้ายก็เป็นรูปคู่ผมกับแบคฮยอนครับ มีตั้งแต่ตอนที่นั่งห่างกันเป็นคืบจนหน้าชิดกันเลยครับ พูดแล้วก็อดขำไม่ได้ แบคฮยอนนี่ขี้อายมากเลยครับ โคตรน่ารักเลย ผมโดนตัวนิดหน่อยก็แก้มแดงแล้ว ผมเลยหยิกแก้มแบคฮยอนบ่อยๆ อ่อลืมบอกไป ผมโตกว่าแบคฮยอนสองปีครับ ตอนที่จีบให้ไอลู่ห่านมันไปเป็นแม่สื่อ พอดีเป็นพี่รหัส ผมนี่โคตรโชคดีเลย
แล้วก็โชคร้ายในเวลาเดียวกัน
พูดว่าโชคร้ายมันก็ไม่ถูกหรอกครับ ผมเนี้ยแหล่ะทำตัวเอง
ไม่รู้ว่าถ้าได้เจอกับแบคฮยอนอีกรอบ ผมจะอธิบายเหตุผลของผมยังไง ผมจะขอโทษเค้ายังไง เค้าจะเชื่อผมมั้ยถ้าผมบอกเค้าว่าผมยังรักและรอคอยเค้าอยู่เสมอ ตลอดสี่ปีที่เค้าไปเรียนต่อผมไม่ได้มีใครอื่นอยู่ในใจของผมเลยนอกจากเค้า เค้าจะยอมคุย ยอมให้อภัยคนเลวๆอย่างผมมั้ย เค้า.. จะมีคนใหม่รึยัง
แต่เอาเถอะครับ ผมเข้าใจว่ามันไม่ง่ายหรอกครับที่จะให้อภัย ผมยอมรับกับสิ่งที่ผมทำทั้งหมด แล้วผมก็สาบานไว้กับตัวเองแล้วว่าผมจะตื้อเค้า จะอ้อนวอนเค้าจนกว่าเค้าจะให้อภัยผม ถ้าหากตอนนั้นเค้ายังไม่หมดรักผม
ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับแบคฮยอนผมมีความสุขมาก มากจนลืมความเครียด ลืมทุกอย่าง และพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้เค้า เป็นคนคนเดียวที่สามารถทำให้ผมเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น
แต่ผมแม่งก็โง่ชิบหาย
โง่ที่ไม่เชื่อใจคนรักของตัวเอง
ต่อค่ะ
ผมเดินไปตามริมฟุตบาทอย่างช้าๆ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ต้นไม้หลากหลายชนิดถูกปลูกเต็มสองข้างทาง ไม่คิดว่าแค่ไม่กี่ปีที่นี่จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
มีความสุขจังเมื่อได้กลับมาอีกครั้ง ..
ให้ทายว่านี่ใครครับ
ผมรู้ว่าทุกคนรู้
สวัสดีครับผมแบคฮยอนครับ เพิ่งกลับมาจากแวนคูเวอร์ได้ไม่ถึง24ชั่วโมง เลยยังไม่ได้เจอหน้าใครซักคนครับ
ตั้งแต่ไปเรียนต่อที่นั่นก็ไม่ได้กลับมาเยี่ยมเกาหลีเลยครับ แม้จะปิดเทอมผมก็ยังอยู่เที่ยวเล่นกับเพื่อนที่นั่นต่อ ไม่ได้ติดต่อกับใครที่เกาหลีเลยครับ แม้แต่เพื่อนสนิท ผมเปลี่ยนทั้งเบอร์โทรและโทรศัพท์ อ่อ ชื่อก็เปลี่ยนครับ แบคฮยอนออกเสียงยาก เลยเพี้ยนเป็นเบค่อนแทน เอาเถอะครับ ชื่อมันก็ไม่ได้หรูเสิศอลังการแบบที่จินตนาการไว้ก็เถอะ
แต่ถึงผมจะไม่ได้กลับมาเลยผมก็ยังจำทางทุกอย่างได้แม่นนะครับ จะว่าจำก็ไม่ใช่ ผมนั่งอ่านแผนที่โซลเป็นชั่วโมงเลยแหล่ะครับ ผมรู้ว่าต้องขึ้นรถเมล์สายไหน เดินไปยังไง ผมยังไปฮงแดเองเลย แต่มันน่าเบื่อตรงที่ต้องเดินคนเดียวเพราะผมยังไม่ได้บอกใครเรื่องที่ผมกลับมาก่อนเวลา
และผมก็ไม่คิดจะบอกด้วยแหล่ะ J
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะเจอเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวตัวเองหรอกนะครับ แต่ผมอยากใช้ชีวิตคนเดียวสักระยะนึงก่อน ผมขี้เกียจเป็นภาระให้คนอื่นอ่ะครับ ไปไหนมาไหนก็ต้องบอกเค้า ให้เค้าไปส่ง ซึ่งผมคิดว่าผมโตแล้วผมดูแลตัวเองได้
จริงๆแล้วผมตั้งใจว่าจะหาคำตอบให้กับตัวเองให้ได้ก่อนเนี้ยสิครับ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมันคอยรบกวนใจของผมอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่ค้างคาใจและผมก็สงสัยมากด้วย เพราะผมไม่คิดว่ามีเรื่องอะไรที่ผมยังไม่รู้อีก ผมคิดว่าคยองซูคงจะเล่าให้ผมฟังหมดแล้วนะ ..
“ครืด.. ครืด..” ผมล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นจากกระเป๋ากางเกง อดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าใครโทรมา
“ว่าไง” ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ ขาทั้งสองข้างยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย
‘ต้องพูดว่า ว่าไงฮะที่รักของผม สิถึงจะถูก’ ผมยู่หน้าใส่โทรศัพท์ถึงแม้ว่าอีกคนจะไม่เห็นก็ตาม ก่อนจะหัวเราะเบาๆ บทสนทนาที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกเบื่อมัน
“ก็จะพูดอย่างนี้อ่ะ แล้วนี่โทรมามีไรป่าว?”
‘ถ้าไม่มีเหตุผลนี่จะโทรมาไม่ได้เลยรึไงครับคนสวย?’ ใบหน้าผมกลับร้อนผ่าวซะงั้น ถึงแม้ว่าจะถูกหยอดคำหวานใส่ทุกวันผมก็ยังไม่ชินซักที
“เอาดีๆสิ” ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทุกครั้งที่คุยกับคนคนนี้ ผมต้องอมยิ้มอยู่คนเดียวตลอดเวลา
‘ก็พอดีเห็นคนน่ารักเดินก้ม หน้าแดงอยู่คนเดียว เลยกะจะพาไปเที่ยวซะหน่อย’
ผมสะดุ้งทันที หันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นมีใคร แต่พอมองไปข้างหน้านั่นแหล่ะชัดเลย
ผมจะไม่ก้มดูตัวเองเตะฝุ่นเล่นแล้วครับสาบาน
ร่างสูงเดินตรงเข้ามาหาผมทันทีหลังจากวางสาย ใบหน้าคมที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มนั้นทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากเค้าได้เลยจริงๆ
“คิดถึงจังครับคนดี” พูดจบก็โถมตัวเข้ากอดผมทันที
“อะไรของฮยองกัน เพิ่งห่างกันได้ไม่ถึงสามชั่วโมงเลยนะ” ผมบ่นเบาๆ เค้าเป็นคนพาผมไปส่งที่ร้านกาแฟเมื่อเที่ยงเองแท้ๆ
“ก็ฮยองไม่อยากจะห่างกับเราสักวินาทีเดียวเลยนิ่ครับ” เอาอีกละครับ ผมบอกได้เลยว่าผมไม่ชินเอาซะเลยๆๆๆๆ เค้านี่ก็ชอบทำให้ผมเขินอยู่ตลอดเวลา รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้ผมจะเขินก็ไม่เลิก ทำตัวแบบนี้น่าตีจริงๆ :(
“แล้วเราไม่คิดถึงฮยองบ้างหรอ” ส่งสายตาปริบๆมาให้แบบนี้ โอเคผมแพ้ครับ แพ้พี่เค้าตลอดแหล่ะ
“อือ ก็คิดถึง” ผมซุกหน้าลงบนอกของอีกคน ไม่อยากให้เค้าได้ยินหรอกครับ เขิน
“ฮยองไม่ได้ยินเลยครับ เอาใหม่อีกทีซิ” พูดอย่างเดียวไม่พอครับ เอาหูมาจ่อด้วย กัดดีมั้ยเนี้ย
“คิดถึงครับบ ได้ยินชัดยังงง” เบื่อคนแก่เรียกร้องความสนใจแถวนี้จังครับ
“ฮ่าๆๆๆ โอเคครับๆ แบคเพิ่งกลับมายังไม่ได้เจอใครใช่มั้ย? เดี๋ยววันนี้ฮยองจะพาไปเที่ยวนะ ฮยองนัดเพื่อนเอาไว้ จะไปรึเปล่าครับ?”
การได้พบปะผู้คนถือว่าเป็นเรื่องดีครับ ส่วนตัวแล้วผมก็ชอบเข้าหาสังคมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงไม่อยากปฏิเสธ แต่อีกใจนึงผมก็คิดว่าผมจะไม่เจอใครเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ หรือก็คือจนกว่าวันที่ทุกคนเข้าใจว่าผมกลับมา แต่เอาเถอะครับ ผมคงไม่รู้จักเพื่อนพี่คริสเค้าหรอก
“เอาสิฮะ ผมอยากไปเที่ยวอยู่เหมือนกัน” ว่าพลางยิ้มให้กับอีกคนบางๆ
เวลาที่อยู่กับพี่คริสเนี่ย
ผมมีความสุขที่สุดละครับ:-)
REBOUND
เวลา 20 : 33 น. ณ ผับxxx
ผมเดินเข้ามาในผับและตรงดิ่งไปยังโซนวีไอพีซึ่งอยู่ด้านบนทันที มาถึงปุ๊ปก็เจอไอ้เซฮุนนั่งเคลิ้มอยู่กับพวกเด็กทั้งหลายของมันละครับ กลิ่นเหล้านี่ฟุ้งกระจาย เพลงนี่แม่งก็เสียงดังชิบหาย คือมึงจะเปิดเสียงดังหาพ่อหรอครับ มีกันอยู่แค่เนี้ย
“ไงมึง" ผมเอ่ยถามอย่างเซ็งๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากมาหรอกนะครับ แต่มันค่อนข้างจะน่าเบื่อนิดหน่อยเพราะนี่เป็นครั้งที่สองของเดือนแล้วที่พวกมันนัดกันที่นี่
“อ่าว มึงมาละอ่อ มานั่งดิ้ๆ” มันพูดพลางหันไปหาสาวๆที่นั่งอยู่บนโซฟาให้ออกไปก่อนเพื่อที่จะให้ผมนั่งได้ถนัด
“ทำไมจู่ๆมึงถึงปิดผับเลี้ยงว่ะ มีงาน?” ผมถาม อดสงสัยไม่ได้นิ่ครับ ผับไอฮุนนี่ดังที่สุดในโซลนะครับ ปิดวันนึงนี่เสียรายได้เป็นล้านๆวอน แต่เอาเถอะครับ แค่ล้านวอนขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงซักเส้นหรอก
“กูเบื่อ” เออ สั้นและง่ายมากครับสัส
“กูล้อเล่น กูนัดเพื่อนไว้ ไม่ได้เจอกับมันนาน เดี๋ยวกูแนะนำให้มึงรู้จัก” เหมือนมันจะอ่านใจผมออกครับ เพื่อนไหนวะ นอกจากพวกผมแล้วมันยังสนิทกับคนอื่นอีกหรอวะครับ คบกับมันมาเกือบสิบปียังไม่เคยเห็นใครคบมันนอกจากผมกับไอจงอินเลยครับ..... ท่ดๆ
ผมแค่พยักหน้าหงึกหงักเข้าใจตามที่มันบอก แดกเหล้าไปได้ซักพักจงอินก็มาครับ หน้าตาเบิกบานสุดๆ จงอินนี่คอแข็งชิบหายครับ ผมกับเซฮุนเคยรวมหัวกันมอมเหล้ามัน แต่สุดท้ายพวกผมเมาแต่ไอจงอินยังแค่มึนๆ ทั้งๆที่มันแดกไปสามขวด พวกผมสามแก้ว
“ตึ้ง” เสียงโปรแกรมแชทดังขึ้นจากโทรศัพท์เซฮุน ต่อมเสือกกระตุกยิกๆเลยครับ ผมค่อยๆชะเง้อเข้าไปหาโทรศัพท์เซฮุน แต่..
ผลั่ก!!!!
“เชี่ยมึง เสือกเรื่องกูทำไมเนี้ยอีห่า โทรศัพท์นี่มันของส่วนตัวนะเว้ย มึงจะมาก้าวก่ายแบบนี้ไม่ได้ มึงจะแดกเหล้ามึงก็แดกไป กูให้มึงแดกฟรีไม่อั้น ไปกินนู้นไป๊ๆๆๆๆ” พูดแล้วก็ถีบผมออกห่างเลยครับ พูดเป็นพารากราฟขนาดนี้ โห อีเพื่อนรัก หวงไรนักหนาวะกะอีแค่โทรศัพท์ เมื่อก่อนผมยังเปิดเค้าไปส่องทั้งรูป เบอร์ ไลน์ วอทส์แอพ แม่งยังไม่ด่าไรสักคำ นี่อะไร ถึงปาร์ค ชานยอลจะโง่แต่ก็รู้นะครับว่ามันกำลังผิดปกติ มีพิรุธขนาดนี้แม่งหญิงในสต็อกชัวร์
“เออครับ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับกูนะครับสัส กูเป็นเพื่อนมึงนะอีฮุน” ขอสักนิดครับ มันน่าน้อยใจไหมละ เห้อ
เซฮุนไม่สนใจเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเครื่องมือสื่อสารในมือ เอ้อดี ทำเป็นหูทวนลม เดี๊ยะๆ อย่าให้รู้นะว่ากกกิ๊กไว้ จะฟ้องเสี่ยแม่ง
“เห้ยมึง นั่นใครวะ” จงอินที่นั่งดื่มเหล้าคนเดียวได้สักพักพูดขึ้นมาก่อนจะชี้ไปทางประตู
ผมเพ่งมองไปทางที่จงอินชี้ คือไฟแม่งสลัวชิบหายครับ เห็นแค่เงาตะคุ่มๆเนี่ย โอ้ยรวยขนาดนี้แม่งยังหวงค่าไฟอีกหรอครับ
“อ้าวเห้ยย ทางนี้เพื่อนๆๆ” เซฮุนรีบดีดตัวเองจากโซฟาเดินไปหาใครสักคนที่สูงโคตรๆ กับอีกคนที่เตี้ยโคตรๆ ยืนกันสามคนนี่เหมือนหลุมอากาศเลยครับ
ผมเปล่าด่านะครับ
“เห้ย พวกมึงมีมารยาทกันหน่อยดิ่วะ ลุกๆๆๆ กูจะแนะนำเพื่อนกูให้รู้จัก” เอาตีนเขี่ยกูอีกครับ คือดีครับ ดี
“นี่คริสเพื่อนกู เพิ่งกลับมาจากแคนนาดา ส่วนนี่ไอชานยอล แล้วอีหน้าอึนนั่นจงอิน” พอเซฮุนแนะนำจบผมก็ได้แต่โค้งแล้วก็ยิ้มให้ตามมารยาท เออ พอมองใกล้ๆแล้วก็หล่อดี
“แล้วนั่นใครวะคริส” เซฮุนถามถึงคนตัวเล็กที่ยืนหลบอยู่หลังคริส บังมิดจนมองไม่เห็นเลยครับ คริสยิ้มเล็กน้อยก่อนจะดึงอีกคนออกมาข้างหน้า ผมถึงกับสตั๊น
ถึงจะมืด แต่ผมก็ยังเห็นใบหน้าได้ชัด
“นี่น้องแบคฮยอน แฟนกูเอง” คริสกระชับไหล่อีกคนก่อนจะยิ้มบางๆให้กัน
บอกผมทีว่าผมหูฝาด
นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยครับ
มันเป็นแค่ความฝันใช่มั้ยครับ
พอผมตื่น ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
TALK
เค้ามาอัพแล้วนะตัวเองงง
หายไปนานมากๆๆๆ ยังมีใครจะอ่านกันอยู่รึเปล่าอ่ะ; - ;
ขอโทษนะคะที่ไม่ได้เข้ามาอัพเลย เพิ่งกลับมาจากอังกฤษ
ละเพิ่งจะมีเวลาจริงๆก็วันนี้แหล่ะค่ะ
อ่านแล้วช่วยเม้นต์หน่อยนะคะ คือเงียบมากเลยT _ T
รักรีดนะ ชุ้บ<3
มารีไรท์แล้วน้าาา
คือพอมาอ่านอีกทีรู้สึกว่าตัวเองแต่งแปลกๆอ่ะ 5555555
เอาเป็นว่าเรากลับมาแล้ว เดี๋ยวจะมาต่อตอน 4 เนอะะ
หวังว่าทุกคนจะยังซัพพอร์ตฟิคของเราเหมือนเดิมนะ
รักรีดมาก เยยย้
ความคิดเห็น