ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    `got7 ✧ ❝ 언라인 ( o n l i n e ) ❞ - markbam

    ลำดับตอนที่ #4 : ` 언라인 ♡ - c h a p t e r 3 ( 100% )

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 57


    -3-






     

     

    เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากมีพี่จินยอง(ซึ่งผมชวนมาให้บี)มาร่วมด้วย งานนี้บีมันเลยมีความสุขที่สุดครับ บีมันจีบพี่จินยองเค้าอยู่ไง้ แต่เหมือนพี่จินยองจะไม่รู้ตัวซะที ผมก็ได้แต่ช่วยอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆแหล่ะครับ หวังว่าบีมันจะไม่ถอดใจไปซะก่อน

     

     

    แต่ท่ามกลางความสนุกสนานกลับมีคนนึงที่ผมยังไม่ได้ยินเสียงเลยครับ

     

     

    ให้ทายว่าใคร

     

     

    ก็ไอคุณมาร์คนั่นแหล่ะครับ!!!

     

     

    พอบีแนะนำตัว คุณเค้าก็ขมวดคิ้วเหมือนชื่อผมมันแสลงหูเค้ายังไงยังงั้น แต่เค้าก็พยักหน้าเบาๆแล้วยิ้มพอเป็นมารยาท แล้วก็ก้มลงสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ คืออะไรวะครับ พี่แบมไม่เข้าใจโว้ย!!

     

     

    ผมเหลือบมองสิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่ข้างบีที่เอาแต่จ้องโทรศัพท์ ผมว่าถ้าโทรศัพท์เป็นปลากัดคงท้องลูกไปสิบตัวแล้วหล่ะครับ คือคุณมาที่นี่เพื่อนั่งเล่นโทรศัพท์หรอครับ มารยาทน่ะมารยาทรู้จักมั้ย

     

     

    ผมสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเองก่อนจะหันมานั่งเขี่ยอาหารในจานตัวเอง ทำไมผมถึงรู้สึกกินอะไรไม่ลงครับเนี่ย ปกติผมคงสูบเข้าไปทั้งจานโดยที่คนอื่นยังกินไปได้ไม่ถึงครังด้วยซ้ำ ผมก้มมองโทรศัพท์ที่ตายอยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา

     

     

    ตอนนี้เหมือนผมกำลังคิดถึงคนคนนึงอยู่อ่ะครับ ..

     

     

    “น้องแบมเป็นอะไรรึเปล่าครับ อาหารไม่อร่อยหรอ?” คุณหวัง(เรียกแบบสุภาพกับคนที่ปลื้ม)ถามขึ้นหลังจากเห็นผมเขี่ยอาหารในจานไปมาโดยไม่ได้ตักมันเข้าปากสักคำ

     

     

    “เปล่าหรอกครับ แบมโอเค อาหารก็อร่อยดีด้วย” ผมพูดก่อนจะยิ้มให้กับพี่เค้าแล้วทำท่าจะตักอาหารเข้าปาก แต่แล้วคุณหวังก็เลื่อนมือมาห้าม ผมมองหน้าเค้าก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

     

     

    “เดี๋ยวพี่ป้อนนะครับ” ว่าพลางแย่งช้อนในมือของผมไปตักข้าว แล้วมาจ่อปากผม คือก็เขินนะครับคนที่ปลื้มมาป้อนข้าวงี้ แต่ต่อหน้าทุกคนนี้มันก็แบบ ..

     

     

    “ไม่ต้องมายุ่งกะแบม” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหัวโต๊ะ ถึงแม้จะไม่ได้ตะคอกแต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่แฝงเอาไว้ ผมหันไปมองหน้าคนที่เพิ่งปริปากพูดประโยคแรกตั้งแต่ที่ผมกับเค้ารู้จักกัน

     

     

    ทุกคนในโต๊ะต่างหันไปให้ความสนใจกับคนที่กำลังมองพี่แจ็คสันด้วยสายตาที่เดาไม่ออก(แต่ก็พอจะรู้ว่ามันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่) กลายเป็นเดดแอร์ทันทีครับทุกคน ผมละโคตรเกลียดเหตุการณ์แบบนี้ แม่งเหมือนตอนที่ผมเปิดหอประตูหอประชุมเข้าไปอ่ะครับ โหยสัสพูดแล้วก็ยังเสียวไม่หาย

     

     

    “ทำไมกูจะยุ่งกับแบมไม่ได้?” รู้สึกถึงความซวยมั้ยครับ เกี่ยวไรกับกูวะเนี่ยกูมาแดกข้าวเฉยๆ มึงอยากมีเรื่องก็มีไปแต่อย่ามาพาดพิงกูได้มั้ย T _ T

     

     

    “ …. ” นางไม่ตอบครับนางเงียบไปเลย เดาว่านางคงจะงงอยู่อ่ะครับว่านางพูดอะไรออกมา ก็แน่ดิ่ครับ แม่งพูดมาซะชัดถ้อยชัดคว่าอย่ามายุ่งกับผม ผมนี่ก็งงนะครับไม่ใช่ไม่งง แต่แค่ไม่อยากจะถือสาคนแปลกๆอ่ะครับ คนพวกนี้เค้าชอบทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงอยู่แล้ว

     

     

    “อะไรของมึงวะมาร์ค? เป็นเหี้ยอะไร?” เป็นอีกครั้งที่พี่แจ็คสันพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดสุดๆและพร้อมจะเหวี่ยงได้ทุกเมื่อ ไม่เคยเห็นพี่แจ็คสันแนวนี้เลยว่ะครับ แม่งน่ากลัว T _ T

     

     

    “เกิดนึกถึงคนนั้นขึ้นมารึไง”

     

     

    สิ้นเสียงคุณหวังทุกคนนั่งตัวลีบหมดอ่ะครับ ยองแจที่กินเหมือนอดข้าวมาสามปีก็หยุดชะงักและนั่งอย่างสงบเสงี่ยม บีที่ตอนแรกพูดมากเป็นต่อยหอยก็รูดซิปปากซะสนิท เห็นบีมันคุยกับพี่จินยองทางสายตาซึ่งผมไม่เข้าใจ คู่นี้เค้าแอดวานซ์ละครับ แค่มองตาก็รู้ไปถึงไส้ติ่ง ทั้งๆที่ผมก็เห็นว่ามันก็แค่การมองตากันธรรมดา-_-

     

     

    แล้วคนนั้นที่คุณหวังพูดคือใครวะ

     

     

    “ปังงง!!!” เสียงทุบโต๊ะดังสนั่นไปทั้งห้องทำเอาผมที่นั่งเหม่ออยู่สะดุ้งจนตัวโยน

     

     

    “ถ้าขืนมึงพูดอีกแค่คำเดียว มึงไม่ได้ตายดีแน่” มาร์ค(ขอไม่เรียกพี่ครับ หมั่นไส้เป็นการส่วนตัว)มองคุณหวังตาขวางก่อนจะเดินออกจากห้องไป เงียบดิ่ครับเงียบมาก

     

     

    ผ่านไปเกือบสิบนาทีที่มาร์คออกไปข้างนอก คุณหวังก็ยิ้มแย้มสดใสเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม ผมกับคนอื่นๆก็ได้แต่มองหน้ากันงงๆ จนเมื่อมาร์คเดินกลับมาสงครามประสาทก็เกิดขึ้น ซึ่งให้ทุกคนทายครับว่าเป็นยังไง

     

     

    ก็พี่แบมเนี่ยแหล่ะครับตัวกลาง

     

     

    “น้องแบมทานเยอะๆนะครับเดี๋ยวพี่ตักหมูให้”

     

     

    “ทานผักดีกว่านะครับจะได้แข็งแรงๆ ทานหมูไม่ดีหรอกครับพยาธิเยอะ”

     

     

    “ผักมันไม่อร่อยนะครับ ไม่อิ่มด้วย ทานเนื้อจะได้โตไวๆนะครับ”

     

     

    “น้องแบมครับ หมูชิ้นนั้นไหม้ อย่ากินเลยนะครับเดี๋ยวมะเร็งถามหา”

     

     

    “น้องแบมครับ ...”

     

     

    “น้องแบ​ ...”

     

     

    “พวกมึงหยุด น้องกูมีมือตักกินเองได้ อายุก็17แล้วไม่ใช่เด็กสามขวบที่มึงต้องคอยทำให้เหมือนเป็นง่อย แล้วเห็นหน้าแบมมั้ยว่าเอือมพวกมึงแค่ไหน มึงจะโกรธจะเกลียดอะไรก็เรื่องของพวกมึงอย่ามายุ่งกับน้องกู น้องกูไม่เกี่ยว น้องกูไม่รู้เรื่อง” บีพูดเสียงแข็ง น้อยนักที่จะได้เห็นบีในโหมดนี้ ก็รู้หรอกนะว่าบีมันเป็นคนหวงน้อง แต่ไม่เห็นมันจะซีเรียสขนาดนี้สักที

     

     

    “... แน่ใจหรอว่าไม่รู้เรื่อง?” คุณหวังพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ ดวงตาคมมองบีในแบบที่ไม่มีใครเดาออก ผมเหลือบมองคนที่นั่งข้างๆที่ตอนนี้กำมือแน่นจนเส้นเลือดขึ้น

     

     

    โอ้ยพี่แบมไม่อยากจะอยู่แล้ว U _ U

     

     

    “มันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น อย่ามากวนตีน” บีจ้องคุณหวังตาเขม็งจนผมนี่ถึงกับแข็ง .. คิดไรกันครับ ผมหมายถึงตัวแข็งนะวุ้ว

     

     

    “แบม มากับบี” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบรับอะไรก็โดนคนแรงควายฉุดกระชากลากถูออกมาจากห้องอาหารแล้วเดินมายังซอกเล็กๆข้างๆห้องน้ำ

     

     

    “จะคุยเรื่องเมื่อกี้ใช่มั้ย?” บีพยักหน้าช้าๆก่อนจะถาม

     

     

    “แบมไปรู้จักกับไอมาร์คได้ยังไง” บีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมงง จะไปรู้จักกับพี่มันได้ไงวะนี่ก็เพิ่งรู้ว่าบีมีเพื่อนสนิทชื่อมาร์คด้วย อีกอย่างถ้าไม่จำเป็นผมจะไปรู้จักกับคนแปลกๆอย่างพี่มันหรอก

     

     

    “ก็ตั้งแต่บีแนะนำให้รู้จักเนี่ยแหล่ะ บีถามทำไม?”

     

     

    “ไม่ใช่ว่าแบมปิดบังอะไรบีอยู่นะ” ปิดบังห่าไรครับเนี่ย ปกติแค่ปวดขี้ก็บอก อย่าพูดถึงเรื่องใหญ่ๆเลยครับ บีมันรู้หมดทุกเรื่อง ผมกับบีเคยมีความลับกันที่ไหน

     

     

    “บีอย่ามาตลก แค่โดนพาดพิงแล้วสองคนนั้นจะฆ่ากันตายชีวิตก็แฟนตาซีมากละ” ผมพูดแบบไม่ได้จริงจังมากนัก หวังว่ามันจะทำให้บีเย็นลงมาบ้าง แต่ผมบอกเลยว่าผมโคตรเกลียดบีโหมดนี้อ่ะ เดาความคิดแม่งไม่ออกเลย

     

     

    “แบม ..”

     

     

    “…..”

     

     

    “บีขอเตือนแบมเอาไว้อย่างนะ”

     

     

    “….”

     

     

    อย่าไปยุ่งกับมาร์ค

     

     
     

     30%

     

     

     

     

    ผมโยนของทั้งหมดลงบนโซฟาก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำโดยไม่สนใจเสียงเรียกของแม่ที่ตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีผมก็ออกมาจากห้องน้ำ หยิบสายชาร์จแบตแล้วเสียบกับโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็วแล้วกระโจนขึ้นเตียงทันที ผมหลับตาลงก่อนจะปล่อยให้เรื่องราวต่างๆไหลไปเรื่อยๆ

     

     

    ยังไงผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     

     

    ‘ครืด .. ครืด ..’

     

     

    ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา

     

     

    พี่เอ็ม : หายไปเลยนะ..  2m ago

     

    พี่เอ็ม : เป็นอะไรรึเปล่า?   10m ago

     

    พี่เอ็ม : ไม่คิดจะตอบพี่เลยหรอครับหือ .. 14m ago

     

    พี่เอ็ม : หายไปสี่ชั่วโมงห้าสิบสี่นาทีแล้วนะ   20m ago

     

     

    ผมปลดล็อคโทรศัพท์แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ในเมื่อไลน์ของผมเด้งว่ามีคนแชทมาเกือบสองร้อยข้อความ ผมหายไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี่ทุกคนคิดถึงผมมากเลยหรอวะครับ

     

     

    พี่เอ็ม

    หายไปเลยนะ…                                                178

     

     

    เชี่ย

     

     

    พี่เค้าแชทมา178ข้อความเลยอ่ะครับเพื่อนๆ!!!

     

     

    ผมนี่แทบหงายหลังตึงเลยครับ พี่เค้าว่างมากหรอมาแชทหางี้เนี้ย

     

     

    พี่เอ็ม

    ไหนครับการบ้าน ให้พี่ช่วยมั้ย? 15:01

     

    พี่เอ็ม

    น้องแบมครับ? 15:36

     

    พี่เอ็ม

    กินข้าวอยู่หรอหืม 16:49

     

    พี่เอ็ม

    งอนอะไรพี่รึเปล่าเนี่ย 16:54

     

    พี่เอ็ม

    ถ้างอนพี่ขอโทษนะครับ 16:55

     

    พี่เอ็ม

    ไม่เอาดิ่อย่าหายไปแบบนี้ พี่รู้สึกไม่ดีนะครับ 17:10

     

    พี่เอ็ม

    น้องแบมครับ 17:19

     

    พี่เอ็ม

    ... 17:30

     

     

    ผมเลื่อนอ่านข้อความอย่างช้าๆ ผมใช้เวลาเกือบสิบนาทีกว่าจะอ่านหมดทุกข้อความ ไม่รู้ว่าตัวเองฉีกยิ้มกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติแล้วผมไม่ชอบคนเยอะนะ ผมออกจะรำคาญซะด้วยซ้ำ แต่ทำไมผมกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

     

     

    BamBam1A

    20:09 คิดถึงก็บอกสิครับ:P

     

     

     

     

    O N L I N E

     

     

     

     

    “แบมอยากกินอะไรมั้ยเดี๋ยวบีซื้อมาให้”

     

     

    “ทำไมจู่ๆมาถาม?”

     

     

    “อยากซื้อให้เฉยๆ”

     

     

    “มีอะไรจะขอก็บอกมาตรงๆเถอะ”

     

     

    “ก็.. บีมีเรื่องจะขอให้แบมช่วยหน่อยอ่ะ”

     

     

    “เรื่องพี่จินยองใช่มั้ย?”

     

     

    “อือ ..”

     

     

    “ก็แค่เนี้ย” ผมถอนหายใจเนือยๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วต่อสายหารุ่นพี่คนสนิททันที

     

     

    “พี่จินยองครับ เย็นนี้ว่างมั้ย” ผมเอ่ยถามปลายสายก่อนจะเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตานี่เป็นประกายโคตรๆอ่ะครับ มีการมาเกาะแขนทำท่าหงิงๆเหมือนแมว สยิวชิบหายเลยครับบาย

     

     

    “งั้นเป็นวันเสาร์ก็ได้ครับ..​ อ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ มีคนอยากเจอพี่จินยองน่ะ”

     

     

    “แบม!” บีตะคอกใส่ผมแบบไม่มีเสียง ผมยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะกลับไปคุยกับพี่จินยองต่อ

     

     

    “ฮ่าๆๆ โอเคครับ เจอกันวันเสาร์นะ แบมคิดถึงพี่จินยองม้ากมากกกกก” ผมกดตัดสายก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาก่อนจะหันไปหาบีอีกครั้ง

     

     

    “เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมซื้อของกินมาให้ด้วย” ผมพูดก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำโมเดลเมืองหรรษาต่อ หรรษากับพ่อมึงสิครับ กูปั่นมาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่เสร็จสักที เสือกเป็นงานเดี่ยวอีก ขอกราบขอบคุณครูที่ทำให้กูไม่ได้หลับได้นอน

     

     

    “เออๆ ไม่ลืมหรอกน้องรัก เดี๋ยวบีจะซื้อมาให้เยอะๆเลย” บีพูดแล้วกระโจนเข้ากอดผม ผมทำหน้าสะอิดสะเอียนก่อนจะดิ้นแรงๆให้หลุดจากการรัดกุมของบี บีหัวเราะเบาๆแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องของผมไปอย่างมีความสุข

     

     

    คนมีความรักมันก็ดีอย่างนี้สินะ

     

     

    ช่างมันเถอะครับ อย่างพี่แบมคงไม่มีใครไปอีกนาน ถ้าเล่นๆแบบไม่จริงจังก็อาจจะได้เรื่อยๆ แต่ถ้ามีเป็นตัวเป็นตนนี่พี่แบมไม่ไหวจะเคลียร์ว่ะ ไม่ได้อยากจะมีความรักเท่าไหร่ เข็ดละ

     

     

    ฮั่นแน่ะ สงสัยล่ะสิ

     

     

    ไม่บอกหรอกครับ ปล่อยให้งง55555555555555555

     

     

    เอาจริงๆคือพี่แบมก็จำไม่ได้เหมือนกันไง จำได้แค่ว่ามันแย่จนไม่อยากมีความรักแล้วอ่ะงืม อาจจะฟังดูแปลกนะแต่เป็นงั้นจริงๆ เคยถามบีแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ เลี่ยงประเด็นตลอด จะพูดแค่แบบมันไม่ดีก็อย่าไปจำ

     

     

    ก็งงแหล่ะครับ พี่แบมมีชีวิตอยู่บนความงงและความบังเอิญ

     

     

    ยิ่งพูดจะยิ่งงงป้ะครับ เออเอาเป็นว่าช่างมันเหอะ ชีวิตพี่แบมมันแฟนตาซีมั่กๆเบยแหล่ะพี่แบมก็ไม่อยากจะคิดมากให้ยุ่งยากเพราะมันจะพรากความสุขไปจากเรา หูย คมชิบหายเลยแกร

     

     

    ‘ครืด.. ครืด..’ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดรับสาย

     

     

    “ว่า”

     

     

    ‘มีคำทักทายที่ดีกว่านี้มั้ยครับเพื่อน’ ผมลอบถอนหายใจเมื่อเสียงแว้ดๆของยองแจดังขึ้น

     

     

    “นี่ก็ดีสุดละ มีอะไรว่ามา”

     

     

    ‘จะชวนมึงไปซื้อของทำรายงานส่งอาจารย์อังคณาว่ะ เค้าให้ใช้กระดาษไซส์พิเศษอ่ะ ฟิวเจอร์บอร์ดอีก แม่งเรื่องมากชิบหาย’ ผมนี่สะดุ้งเลยครับ ยังไม่ได้แตะงานครูแกเลย ส่งอาทิตย์หน้าแล้วด้วย ไอ้ชิบหาย

     

     

    “เออๆๆ ไปๆๆ งั้นเดี๋ยวอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ห้าง xx นะเว้ย” ผมตัดสายทันที ไม่รอให้ยองแจได้พูดอะไร

     

     

    ผมวางชิ้นส่วนโมเดลในมือก่อนจะเอื้อมไปหยิบเป้คู่ใจขึ้นมาแล้วยัดของต่างๆลงไป จัดการเปลี่ยนชุดเตรียมออกไปข้างนอก คว้าเสื้อโค้ทที่แขวนอยู่หน้าประตูแล้วเดินออกจากบ้านไป ที่เกาหลีตอนนี้ก็เริ่มหนาวแล้วครับ ถึงจะไม่มากแต่ผมเป็นคนขี้หนาวและขี้โรคครับ แค่สิบกว่าองศาก็ต้องเตรียมโค้ทแล้ว -_-

     

     

    ผมเดินไปยังป้ายรถเมล์แล้วนั่งรอ ผมล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไลน์อย่างเคยชิน

     

     

    พี่เอ็ม

    ทำอะไรอยู่ครับ? 13:21

     

     

    BamBam1A

    Read 13:25 นั่งรอรถเมล์อยู่ครับ จะไปซื้อของกับเพื่อน

     

     

    หลังจากวันที่แบตโทรศัพท์ผมหมดละโดนพี่เค้ารัวแชทมาเกือบสองร้อยข้อความ ผมก็ต้องพกแบตสำรองติดตัวไว้ตลอดเลยอ่ะครับ กลัวว่าแม่งจะหมดขึ้นมาแบบกะทันหันอีก ง้อพี่เอ็มนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับทุกคน กว่าจะหายงอนนี่เล่นเอาผมแทบหมดแรง งืม

     

     

    การคุยกับพี่เอ็มกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของผมไปแล้วครับ ยิ่งคุยกันนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกคลิ้กมากเท่านั้น เราชอบอะไรคล้ายๆกัน แต่นิสัยกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง พี่เอ็มจะเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนโยนและสุภาพบุรุษ แต่ผมนี่กวนตีนและเลว ล่าสุดเพิ่งโดนผู้หญิงด่าว่าอีเศษสวะมาครับ

     

     

    คือผมก็แค่เอานิยายแจ่มใสนางไปซ่อนเฉยๆป้ะ..

     

     

    ผู้หญิงนี่อารมณ์ไม่นิ่งจริงๆ

     

     

    ตึ๊ง!

     

     

    พี่เอ็ม

    จริงอ่ะ พี่ก็กำลังจะไปซื้อเครื่องเขียนพอดีเลย 13:26

     

     

    BamBam1A

    Read 13:26 อ่าวหรอครับ พี่เอ็มไปห้างไหนอ่ะ

     

     

    พี่เอ็ม

    ร้านเครื่องเขียนใกล้ๆหอเนี่ยแหล่ะ ขี้เกียจไปไกล555555 13:27

     

     

    BamBam1A

    13:27 แบมต้องไปไกลเลยอ่ะพี่ ลำบาก555555

     

     

    ผมเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิมเมื่อเห็นว่ารถเมล์กำลังเคลื่อนเข้ามา

     

     

    จริงๆแล้วก็ไม่ไกลมากหรอกครับ สามป้ายเอง แต่พอคนมันขี้เกียจทุกอย่างก็เลยดูไกลไปหมด5555555555 ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีผมก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้าง xx

     

     

    นี่เป็นครั้งที่สามของอาทิตย์แล้วครับ ทำไมครูแม่งไม่สั่งงานพร้อมๆกันวะ ลำบากนักเรียนต้องมาซื้อของประจำทุกวันเนี่ย

     

     

    ผมลากสังขารตัวเองขึ้นมาถึงชั้นสามของห้างก่อนจะต่อสายหายองแจทันที

     

     

    “ฮัลโหล อยู่ไหนแล้วมึง”

     

     

    ‘มึงมาตรงสีน้ำอ่ะ กูซื้อสีใหม่อยู่ แม่งหมดอีกละ’

     

     

    “เออๆเดี๋ยวกูเดินไปหา” ผมวางสายยองแจก่อนจะเดินลัดเลาะไปล็อคสีน้ำ พูดถึงสีน้ำผมก็ต้องซื้อพู่กันใหม่แล้วหล่ะ อันเก่านี่พังเละชนิดที่ว่าเหลือแต่ด้าม

     

     

    ผมเลี้ยวเข้าไปในช่องสีน้ำแล้วเกือบชนผู้ชายร่างถึก(?)ที่อยู่ในช่องนี้ก่อนหน้านั้นแล้ว

     

     

    เอ๊ะ

     

     

    ทำไมไอผู้ชายคนนี้ดูคุ้นๆวะ

     

     

    ผมสะบัดความคิดออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าไปหยิบพู่กันที่อยู่บนชั้นบนสุด อื้อหือ แค่เห็นชั้นวางของนี่ก็ถอดใจละครับ ทำไมต้องทำให้มันสูงนักวะ ขอความยุติธรรมให้กับพี่แบมด้วยครับ

     

     

    ผมเขย่งเท้าก่อนจะโดดดึ๋งๆหยิบพู่กันไซส์เล็กเท่าขี้มดแต่แม่งก็เฟลครับ ผมเอื้อมมือปัดป่ายๆไปมาแต่ก็ไม่สำเร็จครับ ควรเรียกให้ไอยองแจมาช่วย แต่เห้ย มันอยู่ไหนวะ

     

     

    ช่างมันเถอะครับ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ผมจ้องมองพู่กันก่อนจะรวบรวมพลังและกระโดด แต่ก่อนที่ผมจะโดดก็มีมือปริศนาหยิบพู่กันไซส์ขี้มดของผมไปเฉย เห้ยมันเหลืออันสุดท้ายนะเว้ย พี่แบมมาก่อนพี่แบมต้องได้ดิ่วะ

     

     

    ผมหันหน้าไปหาคนไร้มารยาท เตรียมจะด่าอย่างเต็มที่ แต่พอเห็นหน้าเท่านั้นแหล่ะครับ หยุดเลย

     

     

    ไอคุณมาร์ค

     

     

    “ขอพู่กันด้วย” ผมพูดเสียงแข็ง จ้องมองแบบที่ว่าถ้ามึงไม่คืนมึงได้เห็นดีแน่

     

     

    “พูดกับพี่ดีๆก่อนสิครับ น้องแบมแบม J

     

     

    ให้ตายเถอะ ผมล่ะเกลียดรอยยิ้มแบบนี้จริงๆ เอารองเท้าฟาดปากไปสักสองสามทีจะได้มั้ย

     

     

    “ทำไมผมต้องพูด” ผมไม่ชอบเค้าตั้งแต่วันแรกที่เจอละ คนอะไรแม่งเอาแต่เล่นโทรศัพท์ ไม่ปริปากพูดแถมอารมณ์ร้อนอีก ให้มาพูดดีด้วยนี่ผมขอเซย์บาย

     

     

    “งั้นพู่กันอันนี้พี่ขอละกันนะครับ” เขาพูดก่อนจะหมุนพู่กันในมือไปมาและเตรียมท่าจะเดินออกไป อ่าวเห้ยไอเวร ถ้าผมไม่มีพู่กันไซส์จิ๋วนี่ชีวิตผมบรรลัยเลยนะ จะให้ผมใช้พู่กับไซส์ใหญ่เก็บรายละเอียดหรอ พี่แบมอยากจะบ้า

     

     

    “เห้ยเดี๋ยวดิ่!” ผมวิ่งไปดักหน้าเขา เขามองผมอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก มันน่าตบมั้ยล่ะครับ

     

     

    “ห้ะ ว่าไงนะครับ?” ผมรู้สึกเหมือนผมคุยกับคนบ้าอยู่อ่ะครับ เอาแต่ยิ้มอยู่นั่นแหล่ะ ดูหน้าก่อนมั้ย เห้ยนี่ไม่เล่นด้วย

     

     

    “พี่มาร์คครับผมขอพู่กันหน่อยได้มั้ยครับ” ผมกัดฟันพูดแบบสุดฤทธิ์ แม่งโคตรกระดากปากอ่ะ ผมขอสาบานว่าถ้าไม่มีความจำเป็นผมจะไปพูดดีกับพี่มันอีก

     

     

    ไอคุณมาร์คหัวเราะอย่างมีความสุข ความหล่อของพี่มันไม่ได้มีผลกับผมเลยอ่ะครับ ไม่มีเลยจริงๆนะ .. U _ U

     

     

    มือหนาเอื้อมมาจับมือของผมก่อนจะวางพู่กันลง พี่มันมองผมก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา

     

     

    “ก็ตั้งใจจะหยิบให้เราตั้งแต่แรกแล้วแหล่ะครับ” พูดจบมือหนาก็เลื่อนมาขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมดก่อนที่ร่างที่สูงกว่าผมเดินผ่านไปปล่อยให้ผมยืนค้างอยู่ตรงนั้น

     

     

    สัมผัสนั้น ..

     

     

    คุ้นจัง

     

     

    ผมมองพู่กันในมือพร้อมกับหัวใจของผมที่เต้นเป็นจังหวะแปลกๆ ผมเลื่อนมือกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองก่อนจะหันไปมองคนที่เพิ่งเดินผ่านผมไป

     

     

    ก็แย่แล้ว

     

     

    ใจเต้นกับไอคุณมาร์คเนี้ยนะ?

     

     

     

     

    ミミミミミミミミミミミミ

     

     

     

     

     

    T A L K

    สวัสดี ยี่สิบหน้าเวิร์ดให้ทายว่าตายมั้ย

    ดูเหมือนเยอะนะแต่จริงๆคือน้อยมากอ่ะ แต่งแล้วรู้เลย

    เดี๋ยวบีเนียร์จะมานะครับใจเย็นๆทุกคน ส่วนน้องยูคนี่รอแปปเดี๋ยวนางมา

    เรื่องนี้ไม่ดราม่านะไม่ถนัดจริงๆ มีนิดหน่อยให้พอเป็นสีสันแหล่ะ555555555

    เหมือนทุกคนจะงงนะว่าทำไมพี่บีถึงไม่ให้ยุ่งกะมาร์ค มันไม่มีอะไรซับซ้อนหรอกแต่ยังไม่เฉลย5555555555

    เดี๋ยวปมจะค่อยๆคลายนะจ้ะที่รัก รอแปปปปป

    ว่าแต่หายไปนานมั้ย ขอโทษจริงๆนะคือแบบมันยุ่งมากเบย U _ U

    หวังว่าจะยังคงอ่านฟิคไร้สาระเรื่องนี้อยู่นะ ขอบคุณทุกเม้นต์เหลย<3

     


     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×