ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 : ทฤษฎีของดอกไม้
Part 6 ทฤษฎีของดอกไม้
“ปืน”
“ปืนกระบอกนั้นหายไปแล้ว.”
!!!!
สิ้นคำตอบดวงตาคมของคิบอมปรากฏความตกใจอย่างเด่นชัด
“พวกแกออกไปข้างนอกก่อนไป ”
เซียวฟงเอ่ยเสียงแหบพร่า ไล่ชายชุดดำหลายนายที่วิ่งตามเข้ามาให้ออกจากห้องไป
แทมินเหลือบมองต้นเสียงแวบ คิดบางอย่างในใจเพียงเสี้ยวหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมายังคิบอม
“คงจะเป็นไอ่คนที่มันลอบเข้ามาทำร้ายฉันแล้วหนีออกไปได้เมื่อกี้นั่นแหละ”
แทมินเอ่ยสีหน้าครุ่นคิด เซียวฟงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“มันเป็นนินจาหรือยังไง เข้ามาไม่มีใครเห็น แถมออกไปไม่มีใครพบร่องรอย เมื่อสักครู่ลูกน้องที่ผมส่งออกไปตามมัน
เข้ามารายงานว่าไม่มีใครพบเห็นมันแม้แต่เงา” แทมินพยักหน้ารับ คนทั้งสามครุ่นคิดอย่างหนัก
“ผมฝัน ผมฝันร้าย ผวาตื่นขึ้นมา แต่พอมองไปข้างๆ มันกำลังเล็งปืนมาที่ผม วินาทีนั้นผมตกใจ
แต่ตอนที่มันกำลังหนีออกไป ผมสังเกตว่าปืนกระบอกนั้นมันเป็นรุ่นเดียวกันกับที่ปาร์คจองซู ส่งมา”
“แล้วสุดท้ายมันก็เป็นอย่างคิด มันเข้ามาขโมยปืนกระบอกนั้น”
“หมายความว่ามันต้องรู้เรื่องคุณชายดงเฮ แล้วต้องการใช้ปืนกระบอกเดียวกันนั้นฆ่านายอีกคนงั้นเหรอ”
คิบอมเอ่ยเสียงเครียด
“ไม่คิบอม ไม่ใช่ ฉันไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น ฉันคิดว่ามันไม่ได้ต้องการฆ่าฉัน มันแค่ต้องการปืน”
“ทำไม?”
“มันเหมือนจงใจคิบอม ฉันคิดว่าถ้ามันต้องการฆ่าฉันจริง ตอนนี้ฉันคงไม่ได้มานั่งพูดกับนายและเซียวฟงตรงนี้หรอก
มันง่ายเกินไป ฉันไม่คิดว่าฉันจะรอดด้วยซ้ำ ตอนที่มันเล็งปืนมา เหมือนกับว่า มันยืนจ้องฉันมานานแล้ว
ดูเหมือนการฆ่าฉันเป็นแค่เรื่องง่ายนิดเดียว แต่มันแค่รอเวลาที่ฉันจะตื่นขึ้นมาต่างหากคิบอม”
“เพื่ออะไร?”
“เพื่อสร้างสถานการณ์ยังไงล่ะ”
เซียวฟงครุ่นคิดหนัก ก่อนเอ่ยว่า
“และเป็นไปได้ว่า มันอาจจะเป็นคนร้ายที่ฆ่าคุณชายดงเฮ แล้วตอนนี้เรื่องที่นายท่านประกาศว่า
จะหาตัวมันมาลงโทษให้ได้ คงจะถึงหูมัน มันเลยต้องการมันเอาหลักฐานไป เพื่อไม่ให้สาวถึงตัวมันได้”
แทมินและคิบอมพยักหน้ารับ
“ตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดี นายท่านต้องระวังตัวไว้ให้มาก
เราไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น ผมจะจัดเวรยามรักษาความปลอดภัยให้หนาแน่นขึ้นอีก”
สิ้นประโยคของเซียวฟงแทมินคิดบางอย่างขึ้นได้
“อืม มีอีกเรื่องที่ต้องจัดการ” สองพ่อลูกมองหน้ากัน พอจะเข้าใจในสิ่งที่แทมินต้องการจะเอ่ย
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น นายท่านต้องตกอยู่ในอันตรายถึงขนาดนี้ เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้”
ชายวัยกลางคนเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนการสนทนาในค่ำคืนนี้จะจบลง
สองพ่อลูกกลับออกไปด้วยสายตาห่วงใยในตัวเจ้านายตัวเล็กผู้นี้
ร่างเล็กไม่อาจข่มตาให้หลับลงอีกคราได้ เรื่องราวและความรู้สึกหลากหลายประเทประทังเข้ามา
ห้วงความคิดถูกบีบรัดอย่างมหาศาล
แสงอาทิตย์ทอประกายอ่อนๆยามสาย เหล่าแมกไม้ภายในรั้วคฤหาสน์ตระกูลอี้ต่างแย้มกลีบสีสวย
ขึ้นรับดวงตะวัน เบื้องหลังของลานกว้างขนาดใหญ่ คือ ภาพของดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานส่งกลิ่นหอมยิ่งกว่าดอกไม้ชนิดใด
ชายวัยกลางคนทั้งหลายกำลังง่วนอยู่กับการดูแลดอกไม้ประจำตระกูล
แม้บริเวณลานกว้างตรงหน้าพวกเขาจะเป็นภาพของชายหนุ่มหลายสิบคนกำลังนั่งคุกเข่า อยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันตึงเครียด!
หญิงสาวและเหล่าแม่บ้านทั้งหลาย รวมถึงพวกคนงานในห้องเครื่องโอสถต่างมามุงดู
อยู่ไม่ห่างจากจุดที่ชายทั้งหลายนั่งคุกเข่ากันอยู่นั้นมากนัก เพราะไม่ได้รับสิทธิใดให้เข้ามา
จึงได้มองดูภาพนั้นอย่างสงบเสงี่ยมแม้ภายในจิตใจต่างก็กระวนกระวาย และอยากรู้อยากเห็นมากก็ตาม
“ข้าหลีเซียวฟง รักษาการผู้คุมห้องเครื่องโอสถ ขอเชิญน้ำหวาน ได้ทำหน้าที่อีกครั้ง”
สิ้นเสียงของชายวัยกลางคน สตรีหลายสิบนางเดินเรียงแถวเข้ามาอย่างสงบเสงี่ยม
ในมือทั้งสองถือถาดไม้ที่ถูกวางไว้ด้วยจอกไม้สองจอก ที่มีไอร้อนบางเบายกไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะหยุดหน้าเหล่าชายชุดดำทั้งหลาย
“ชีวิตนายท่านสำคัญเหนืออื่นใด แต่ไม่อาจดูและและปกป้องนายท่านได้ คนเพียงคนเดียว
กลับปล่อยให้มาย้ำกรายถึงตัวนายท่าน หากโชคชะตาไม่เข้าข้าง นายท่านไม่รอดชีวิต พวกแกจะทำยังไง?”
เซียวฟงเอ่ยเสียงโกรธเกรี้ยวดังกังวาน คนทั้งหลายสะดุ้งอย่างรู้สึกยำเกรงต่อน้ำเสียงนั้น
“พวกเราผมควรได้รับโทษ ขอนายท่านได้โปรดลงโทษพวกเรา”
ชายทั้งหลายเอ่ยพร้อมเพรียง
“โทษมีว่าอย่างไร”
แทมินเอ่ยเสียงราบเรียบ ร่างบางนั่งอยู่ภายในศาลาไม้ขนาดกลาง รอบข้างมีชายอีกประมาณสี่ห้าคนยืนคุ้มกัน รวมถึงคิมคิบอม
“ภายในรั้วของตระกูลอี้ บุคคลที่เฝ้าเวร ละทิ้งนายท่าน ปล่อยศัตรูย้ำกรายของมาถึงตัวของนายท่าน
โทษคือ อดอาหารเป็นเวลาสามวันสองคืน นั่งอยู่ในท่าคุกเข่าสำนึกผิดห้ามเคลื่อนไหวกาย
เพื่อมิให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง น้ำหวานที่จะได้ดื่มประกอบด้วยพืชสี่ชนิด ชนิดแรกจากแถวที่สี่สิบหกชั้นเจ็ด
ชนิดที่สองแถวที่สิบเจ็ดชั้นเจ็ด ชนิดที่สามแถวที่เก้าสิบชั้นหนึ่ง และชนิดที่สี่แถวที่ห้าสิบสามชั้นสอง
บทลงโทษนี้ถือสิ้นสุด ยึดตามกฎของสมุดปกแดงหลันหลง” เซียวฟงเอ่ยเสียงหนักแน่นประกาศก้อง
เหล่าชายสามสี่คนที่ต่างกำลังมองเหตุการณ์นั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ พร้อมใจหันมายังอีอนยูด้วยสีหน้าสงสัยไม่แพ้กัน
ชายหนุ่มมองใบหน้าที่เต็มใบด้วยคำถามเหล่านั้น ก่อนจะเอ่ยตอบ
“มันเป็นดอกซัวคุ้ย ต้นส่วยฮั้งอัง ต้นเพอนิส แล้วก็ดอกไซเบีย น่ะ
รวมกันแล้วจะมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายเสมือนได้รับอาหาร ทั้งยังรักษากล้ามเนื้อให้อยู่ในสภาพดี”
ชายเหล่านั้นยังคงแสดงอาการงง อนยูส่ายหน้าเบาๆ จึงเอ่ยต่อว่า
“ง่ายๆก็คือให้คนพวกนั้นทรมาน แต่ไม่มีทางตาย เข้าใจแล้วใช่ไหม”
ชายพวกนั้นพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหันไปมองยังบริเวณลานกว้างอีกครั้ง
เหล่าสตรีผู้ถือถาดไม้เข้ามายกจอกไม้ขึ้นทีละจอกส่งให้ชายตรงหน้าอย่างเรียบร้อย
ชายทั้งหลายรับจอกไม้จากสตรีที่อยู่ตรงหน้าตน ก่อนจะยกขึ้นกรอกลงคอหมดทั้งสองจอก
จอกไม้ที่ว่างเปล่าติดเพียงกลิ่นหอมหวานของน้ำหวานสีน้ำเงินเข้ม ถูกยกออกไปหลังสิ้นหน้าที่ของมัน
ร่างเล็กของแทมินดึงตัวลุกขึ้นก่อนเดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์ โดยมีคิบอมและชายอีกสามสี่คนเดินตามไป
ดวงตาหวานไม่แสดงความรู้สึกใด ไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมองภาพชายทั้งหลายแม้แต่น้อย
ชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัดใบหน้าไร้อารมณ์
กวาดมือหนาเป็นสัญญาณให้คนสนิททั้งสองที่เพิ่งแทรกกายเข้ามา ในห้องทำงานใหญ่ของเขานั่งลงตรงหน้า
“ฉันมีงานสำคัญให้แกสองคนทำ”
ปาร์คจองซูเอ่ยทันทีที่ทั้งสองนั่งลง ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
แผ่นสี่เหลี่ยมบางๆถูกส่งไปยังชายทั้งสองคนละใบ ก่อนที่จะก้มลงมองรูปในมือของตน
“จงฮยอนแกไปจับตาดูคนๆนั้นไว้” จงฮยอนเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“ใครครับ สำคัญขนาดนั้น?”
“จะใครก็ช่าง ฉันสั่งให้แกไปจับตาดู ก็คือไปจับตาดู อย่าเพิ่งทำอะไร แล้วมารายงานฉัน อย่าให้ฝ่ายนั้นรู้ตัว เข้าใจที่ฉันพูดใข่ไหม”
จงอยอนพยักหน้ารับแม้ภายในจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจเอ่ยแย้งผู้เป็นนายได้
“ส่วนแกมินโฮ หาในภาพให้เจอ จะผลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาให้เจอ
งานนี้สำคัญมากฉันถึงให้พวกแกสองคนไปทำ จำไว้ทุกอย่างคือความลับ”
ภายในห้องพื้นวงกลมไม่กว้างใหญ่นัก มีหน้าต่างเพียงช่องเล็กที่พอสำหรับให้แสงอาทิตย์ที่กำลังยอแสงยามเย็น
ลอดสาดส่องเข้ามาได้ โคมไฟสีสวยถูกเปิดให้แสงสว่าง ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นดูสงัดมากยิ่งขึ้น
ชายผู้หนึ่งเดินย่ำกรายบนพื้นพรมสีน้ำเงินวนไปมาอย่างใช้ความคิด
ในขณะที่แทมินยังคงนั่งนิ่งๆบนโต๊ะทำงานอีกตัวของตน ร่างบางเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
“ฉันเข้าสู่ห้วงแห่งน้ำตา ฉันเสาะแสวงหาดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์…”
คิบอมหยุดนิ่งหันกลับมายังแทมิน
“นายว่าไงนะแทมิน?”
“เปล่า”
“แล้วเมื่อกี้พูดอะไร”
“ฉันแค่พูดประโยคที่แม่เขียนไว้ให้ในจดหมาย”
“จดหมาย?”
“เป็นจดหมายที่แม่ทิ้งไว้ให้ฉัน ฉันรู้สึกว่าภายในจดหมายนั้นล้วนเต็มไปด้วยปริศนา
แม่ต้องการจะบอกอะไรกับฉันสักอย่าง คงจะสำคัญมาก
และแม่คงไม่ต้องการให้ใครรู้ ถึงได้เขียนอะไรเอาไว้ในคำพูดที่ยากจะเข้าใจ”
“ฉันขอดูได้ไหม?”
คิบอมเอ่ยอย่างลังเล แทมินมองใบหน้าหวานของเพื่อน
ก่อนพยักหน้าเบาๆ เปิดลิ้นชักหยิบกระดาษสีขาวยับยู่ยี่ ยื่นให้อีกฝ่าย
คิบอมรับกระดาษใบนั้น ก่อนจะก้มลงอ่านอย่างตั้งใจ
แทมิน ลูกรัก
ตอนนี้ลูกอาจจะโกรธแม่เรื่องของพ่อที่แม่ไม่ได้บอกลูก แต่แม่อยากให้ลูกรู้ว่าแม่หวังดี
เส้นทางของชีวิตอาจจะทำร้ายให้เราต้องเจ็บปวด ใครบางคนสามารถเป็นที่พึ่งให้แก่เรา
ใครบางคนกลับทำร้ายเราอย่างไม่คาดคิด ความจริงใจและความไว้ใจคือสิ่งต้องค้นหาให้พบ
แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าลูกไม่ได้อยู่อย่างโดดเดียว และลูกคือคนที่เหมาะสมที่สุด คุณสมบัติ เกียรติ ศักดิ์ศรี
และคุณค่าของลูก ลูกมีมันอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ จะมีคำพูดนับร้อยพัน สายตาที่แสนน่ารังเกียจ
ที่ทำให้ลูกของแม่ต้องเจ็บปวด ขอให้ลูกมั่นใจและเข้มแข็ง ลูกชายของแม่คือคนที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
และลูกจะเดินไปด้วยความรักที่อยู่รอบกายลูกอย่างเต็มเปี่ยม ลูกไม่ได้อยู่อย่างอ้างว้าง
ฉันเข้าสู่ห้วงแห่งน้ำตา ฉันเสาะแสวงหาดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่เคยพบมันเลย
น้ำชาของคุณปู่ผู้ซึ่งมีผมสีขาวเต็มศีรษะ เป็นที่ชื่นชอบของคนในครอบครัว
ผู้ใดหนอเฝ้ารอคอยบนหอไกล ความหวังมลาย สูญสลายกับตา
น้ำชาของคุณปู่ผู้ซึ่งมีผมสีขาวเต็มศีรษะ เป็นที่ชื่นชอบของคนในครอบครัว
ผู้ใดหนอเฝ้ารอคอยบนหอไกล ความหวังมลาย สูญสลายกับตา
แม่รักลูกเสมอ
อี้เสี่ยวหมาน
อี้เสี่ยวหมาน
“คุณเสี่ยวหมาน เตือนให้นายระวังตัว อย่าไว้ใจใครนะแทมิน” เสียงเรียบเอ่ยขึ้นหลังจากที่อ่านเนื้อความในจดหมาย
“ใช่ เหมือนที่เซียวฟงบอก”
“แล้วนายเชื่อมันรึเปล่า นายได้ทำรึยัง การที่นายเอาจดหมายที่สำคัญขนาดนี้ให้ฉันอ่าน
เพียงฉันเอ่ยขอแค่ครั้งเดียว นายรู้จักและไว้ใจฉันมากพอแล้วหรือ..แทมิน?”
แทมินฟังคำถามของอีกฝ่ายนิ่งๆ สายตาหวานทอดลงต่ำ นิ่งงันไปครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า
“ฉันจะไว้ใจนายหรือไม่ ฉันก็ให้นายได้ขึ้นมาเหยียบบนหอไฮอินะแห่งนี้แล้ว
ทุกตารางนิ้วในพื้นที่นี้ไม่มีรอยเท้าของใคร นอกจากคนของตระกูลอี้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคหลันหลง
แต่นายตระกูลหลี ตอนนี้นายยืนอยู่ตรงนี้ คิบอม”
แทมินเอ่ยเสียงเรียบ ทั่วทั้งห้องวงกลมบนหอสูงที่เบื้องล่างรายล้อมด้วยพื้นที่กว้าง
ของทุ่งดอกไฮอินะสีขาวแห่งนี้ตกอยู่ในความเงียบ คนทั้งคู่ไม่เอ่ยวาจาใดออกมา
หอไฮอินะ สูงตระหง่านอยู่ท่ามกลางเหล่าดอกไม้ขาวนวลส่งกลิ่นหอมไกล
ทางขึ้นเป็นเพียงบนไดวนแคบๆสู่ห้องพื้นที่กลมขนาดไม่ใหญ่ ภายในมีโต๊ะทำงานที่ผ่านการใช้งานมานาน
แต่กลับไม่มีร่องรอยการชำรุด ด้วยเพราะเจ้าของมันดูแลและรักษาสืบต่อมาเป็นอย่างดี
ใกล้ๆกันมีเครื่องดนตรีจีน ‘กู่เจิง’ วางไม่ห่างจากชั้นหนังสือนัก
เบื้องหลังโต๊ะทำงานตัวนั้นเป็นภาพมังกรสีฟ้าตัวใหญ่กำลังแสดงความน่าเกรงขาม
มีโซฟาไม้เนื้อดีตั้งอยู่สำหรับใครเพียงคนหนึ่ง อีกด้านใกล้ชั้นหนังสือมีประตูเปิดออกไปเป็น
ระเบียงยื่นออกไปลักษณะโค้งรอบทั้งห้องนั้น เพื่อสำหรับรับบรรยากาศอันสวยงามรอบๆ
ทุกอย่างล้วนมีไว้สำหรับคนเพียงคนเดียว คนที่สำคัญที่สุด
แค่หนึ่งดียว
“ฉันคิดเกี่ยวกับข้อความของแม่มานานแล้ว แต่ฉันคิดไม่ออก
อ้อ มีอีกอย่างคิบอม นอกจากมันจะมาขโมยปืนไปแล้ว มันยังมีอีกอย่าง” แทมินเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“คนที่แอบมาทำร้ายฉันคืนนั้น พูดอะไรบางอย่าง”
คิบอมหลุดจากความคิดของตน มองหน้าอีกแทมินอย่างเคร่งเครียด รอคอยคำพูดของอีกฝ่าย
“ไอ้เด็กฆาตกร”
น้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึกของผู้พูด เป็นอีกครั้งที่ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
คิบอมนิ่งงันไปกับประโยคนั้น แทมินมองอีกฝ่าย พลางคิดในใจ
ไม่ต่างกันหรอก ทั้งเขาและคิบอม คิดเหมือนกัน
ด้วยสถานการณ์ทั้งหมด ด้วยความรู้สึก ความหมายของมัน ทั้งคู่ตีความหมายของมันไม่ต่างกัน สิ่งที่ใครคนนั้นต้องการจะบอก
แทมินคือฆาตกรที่ฆ่าพี่ชายตัวเอง!!
ความในของประโยคที่ดั่งกรีดลึกลงในห้วงความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่ง
‘นี่แหละคิบอม ลูกกระสุนที่ใครคนนั้นได้ยิงฆ่าฉันในคืนนั้น’
“ไม่แทมิน มันเป็นเพียงการสร้างสถานการณ์” คิบอมเอ่ยเสียงร้อนรน แทมินถอนหายใจเบาก่อนเอ่ย
“จะอย่างไร ใครก็ตาม จงอย่าได้ขวางเส้นทางค้นหาอดีตของเรา ไม่ว่ามันจะเป็นใคร เราก็จะทลายให้หมดสิ้น”
น้ำเสียงน่าเกรงขามเอ่ยดังอย่างไม่เกรงกลัว คิบอมมองอย่างพอใจ พยักหน้ารับ
“ด้วยคำสัญญาแทมิน”
คนทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้าใจ
“ฉันจะตามหาปืนกระบอกนั้นกลับคืนมา พิสูจน์ลายนิ้วมือว่ามันไม่ใช่ของนาย”
คิบอมเอ่ยอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะหันหลังไปยังประตูไม้เบื้องหลัง แต่เท้าทั้งคู่กลับต้องหยุดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบของอีกฝ่ายที่เอ่ยดังขึ้น
“ ด้วยทฤษฏี …หนามของพีริสเคียจะไม่มีวันทิ่มแทงไฮอินะ ”
ดวงตาโตคมเข้มกวาดมองร้านค้าต่างๆริมสองข้างถนนอย่างครุ่นคิด ก่อนจะก้มลงมองภาพในมืออีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดมุ่น
ถอนหายใจเบา ก่อนเงยหน้าขึ้นมองภาพร้านขายของเก่าๆเหล่านั้นอีกครั้ง
ร่างสูงโปร่งในชุดสีดำเข้ม ก้าวเท้าเข้าไปยังร้านค้าเก่าๆร้านหนึ่ง สำรวจมองสิ่งของภาพใน
แทบจะไม่เชื่อเป็นร้านขายของ สภาพฝุ่นเขรอะราวกับไม่เคยได้ทำความสะอาด
เขาจามเบาๆ สองสามที ก่อนชายชรารูปร่างซูบผอมจะเดินออกมา
“หาอะไรหรือพ่อหนุ่ม?”
มือหนายื่นภาพให้กับชายชราดู คิ้วขาวๆที่หงอกเสียหมดครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขอตัวไปยังหลังร้าน
บรรยากาศร้อนอบอ้าว เหงื่อเปียกโชมกายชายหนุ่มที่ยืนรออย่างอดทน
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงชายชรากลับออกมา ก่อนจะยื่นภาพใบนั้นคืนแก่ชายหนุ่ม
“ของแบบนี้น่ะ หาแล้วไม่มีหรอกนะพ่อหนุ่ม ท่าจะหายาก จะมีก็เพียงแค่ใกล้เคียง แต่พอดูแล้วกลับไม่ใช่ พ่อหนุ่มจะเอาไหมล่ะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า เอ่ยกล่าวขอบคุณเจ้าของร้าน ก่อนเดินออกจากร้านนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สิ้นเสียงเอ่ยอนุญาตของเจ้าของห้อง ใครคนหนึ่งแทรกตัวเข้ามาอีกครั้ง ในหน้าที่เริ่มปรากฏรอยเหี่ยวย่นตีสีหน้าเคร่งเครียด
เจ้าของห้องไม่ทันเอ่ยถาม ชายวัยกลางคนเอ่ยชิงพูดก่อน
“เรื่องคุณอี้เฟย ลูกสาวหัวหน้าพรรคจิน” แทมินพยักหน้ารับ เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายพูดต่อได้
“ผมมีความเห็นว่า นายท่านควรจะแต่งงานกับเธอ” แทมินพยักหน้ารับอีกครั้ง อีกฝ่ายจึงพูดต่อ
“ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจในตัวนายท่านรวมถึงพรรคของเรา ผมเกรงว่าจะมีผลเสียหลายด้าน
รวมถึงเรื่องธุรกิจ หากเราได้พรรคจินมาเป็นแรงหนุนก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น หลายพรรคในเซี่ยงไฮ้คงไม่กล้ากระด้างกระเดื่อง”
เซียวฟงแอบลอบมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ที่ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านอะไร จึงเอ่ยต่อไป
“อีกเหตุผลที่ผมคิดว่าสำคัญ ในจุดที่นายท่านยืนอยู่ ล้วนมีอันตรายรอบด้าน มีคนลอบคิดทำร้ายนายท่านตลอดเวลา
และนายท่านเองก็ยังไม่มีใครที่จะสืบตระกูลต่อ หากนายท่านเป็นอะไรไป หลันหลงของเราคงต้องเกิดปัญหาใหญ่หลวง”
“แต่ผมยังไม่รู้จักเขาดี”
“ก็เป็นเพื่อนเล่นกันสมัยเด็กนี่ครับ?” เซียวฟงเอ่ยอย่างแปลกใจ
“ตอนเด็กกับตอนโต ก็อาจเปลี่ยนแปลง”
แทมินเอ่ยในสิ่งที่คิด พลางเบี่ยงเบนในปัญหาข้อที่ว่า ตนจำอะไรเกี่ยวกับอี้เฟยไม่ได้
ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ผมว่าเรื่องนี้ นายท่านคงจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแก่พรรคของเรา”
“และอีกอย่าง ถึงจะอย่างนั้น หลิวอี้เหวินหัวหน้าพรรคจิน นายท่านก็มิอาจประมาท”
ชายวัยกลางคนหายออกจากห้องไปแล้ว ประตูไม้ถูกปิดลง ร่างบางเอยกายอย่างเหนื่อยอ่อน ถอนลมหายใจยาว
หลับตาครุ่นคิด อีกครู่หนึ่ง นิ้วเรียวยกขึ้นมาคลึงที่ขมับเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียดลง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอันใดแม้แต่น้อย
ร่างบางผ่อนร่างกายให้เอนอย่างอ้อนล้าเช่นนั้นอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนจะเปิดเปลือกตาบาง มองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนัง
แล้วดึงตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้นุ่มตัวใหญ่ มือเรียวบิดกลอนประตูออกจากห้องไป
เท้าเรียวเดินสาวอย่างใจเย็นบนทางเดินบนชั้นสอง ดวงตากลมมองไปยังห้องของบิดาที่อยู่อีกไม่ไกลนัก
ครั้นแล้วสายตาก็พลันเห็นร่างของใครบางคน ในมือมีถาดไม้อยู่ กำลังปิดประตูและถอยตัวออกจากห้องนั้นมา
“มาทำอะไรในห้องพ่อฉันเวลาดึกเช่นนี้อนยู?” ร่างบางเอ่ยเสียงเย็น อีกฝ่ายสะดุ้งเบาๆ
“ผมเอายามาให้คุณท่านครับ”
“ยา? หน้าที่ของนายหรือ?”
“ครับ คุณเซียวฟงให้ผมเอามาคุณท่านให้ ผมขอตัวนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเรียบง่าย ก่อนจะก้าวเดินจากไป
ร่างบางมองอีกฝ่ายก่อนมือเรียวจะเปิดประตูให้ตนแทรกตัวเข้าห้องไป
แทมินเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อที่ยังคงนอนหลับนิ่งไม่ไหวติง มีเพียงเสียงลมหายใจที่เป็นสัญญาณบ่งบอกการมีชีวิตอยู่
ร่างเล็กโน้มตัวลงไปกอดบิดาช้าๆ ดวงตาเหม่อไปยังที่แสนไกล ริมฝีปากบางเอ่ยพึมพำเบาๆ
“ผมเหนื่อยจังครับพ่อ”
เวลาเดินผ่านไปช้าๆตามวิถีของมัน ชายหนุ่มตัวเล็กยังโอบกอดผู้เป็นพ่อไม่ห่าง ทิ้งความกังวลใจไว้หน้าประตูเสียแล้ว
ร่างบางกอบโกยเอากลิ่นละมุนของลมหายใจที่แสนอบอุ่นนั้น อย่างที่เคยทำในเวลาเดิมเป็นประจำทุกวัน
“ผมไม่ได้ฆ่าพี่ดงเฮใช่ไหมครับ”
เปลือกตาบางปิดลง หลบหนีจากความกลัวภายในจิตใจที่ค่อยก่อตัวขึ้นทีละน้อย
เวลาผ่านไป ร่างเล็กผละตัวเองออกจากร่างของบิดาก่อนยิ้มอย่างเข้มแข็ง มองใบหน้าที่ปรากฏความอาทรณ์นั้นอย่างมีกำลังใจ
มือบางเอื้อมคว้ามือหนาของผุ้เป็นพ่อขึ้นมา
กำลังจะเอ่ยพูดบางอย่างหากแต่สายตาพลันไปเห็นตัวอักษร ที่เขียนด้วยหมึกสีน้ำเงินบางอย่างบนฝ่ามือหนานั้น
ดวงตากลมเบิกขึ้นอย่างแปลกใจ คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ ค่อยอ่านข้อความในใจ
ห้วงความคิดประเมินผลอย่างรวดเร็ว
คิ้วเรียวค่อยคลาย ก่อนนัยน์ตาหวานจะฉายแววประกายแห่งความดีใจและความหวัง
ร่างเล็กของเด็กชายย่อตัว ก้มๆเงยๆถูกเหล่าดอกไม้หลายชนิดบดบัง เห็นเพียงศีรษะทุยๆที่ล่อกแลกไปมา
นิ้วเรียวจิ้มไปบนกลีบดอกไม้สีแดงสดเบื้องหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะเป็นยามวิกาลที่ค่อนข้างเงียบสงัด
ดวงตากลมโตนั้นไม่ทันได้ระวัง นิ้วเรียวเล็กเผลอไปโดนหนามอันแหลมและใหญ่โตของมันเข้า
“โอ้ยยยยยยยย!” เสียงเด็กชายร้องเสียงหลง ชายหนุ่มอีกคนที่กำลังจะเดินเข้ามาวิ่งตรงเข้ามายังร่างของเด็กชายอย่างตกใจ
“แจฮา!!!”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม เด็กชายตัวน้อยหันไปมองต้นเสียง ที่ยืนจ้องมองเขม็ง ก่อนเด็กตัวเล็กจะค่อยยิ้มหน้าเจื่อนๆ
“ใครให้มายุ่งกับดอกไม้ของฉัน!” ชายหนุ่มเอ่ยต่อไปอย่างโกรธเกรี้ยว ไม่สนเด็กชายที่กำลังก้มมองดูเลือดตัวเองที่ไหลซิบๆ
ก่อนจะดวงตากลมจะจ้องไปยังเจ้าหนามแหลมๆอันใหญ่ตัวต้นเหตุ
ที่พอดีมีแสงจันทร์อ่อนๆส่องมากระทบพอให้มองเห็นเจ้าตัวปัญหาแล้วเด็กน้อยเพิ่งจะรู้
ว่ามันเป็นดอกไม้ที่มีหนามแหลมเสียจริงๆ
เด็กชายตัวเล็กมองหน้าคนตัวสูงกว่ายิ้มหวานๆอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งหนีแจ้นอย่างรวดเร็ว
คิบอมมองเด็กน้อยวิ่งผ่านตัวเองไปอย่างรวดเร็วอย่างตกใจ เอ่ยตะโกนตามหลัง
“แจฮา หยุด!!!”
ร่างเล็กที่วิ่งหนีไม่คิดชีวิต ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง แทบจะล้มตึงลงไป แต่โชคดีที่มีมือหนาจับตัวเอาไว้ทัน
“ส่งแจฮามาให้ฉันอนยู” คิบอมเอ่ย มองเด็กตัวน้อยอย่างอาฆาต
“อะไรกันคุณ มาวิ่งไล่จับกับเด็กดึกดื่นๆ” อนยูกล่าวเรียบเฉย เด็กชายตัวเล็กไปหลบหลังอนยูเรียบร้อยแล้ว
“นายหยุดพูดไปดีกว่าอนยู ฉันจะจัดการเจ้าเด็กคนนี้”
“ดอกไม้นั่นมันสำคัญอะไรนักหนา คุณถึงได้เห็นมันดีกว่าเด็กผู้ชายคนนึง?”
ร่างสูงเอ่ยเสียงเข้ม แววตาถามอย่างจริงจัง ร่างบางมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ไม่เอ่ยตอบใดใด
“มันก็เป็นแค่ดอกไม้”
ร่างสูงเอ่ยก่อนจะพาเด็กชายตัวเล็กเดินจากไป ทิ้งให้ร่างบางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
หยาดน้ำใส ไหลรินประกายวับจับต้องแสงจันทร์นวล…อย่างไร้ผู้ใดเอ่ยปลอบใจ
TBC
Talk : ปั่น ปั่น ปั่น จะไปหอแล้ว รีบสุดฤทธิ์ กะว่าแต่งยาวแล้ว ไหงออกมาดูสั่นๆน้าา
มีรีดเดอร์แสนน่ารักบอกมา ภาษายากไปนิด แหะๆ เมลองปรับแล้ว
น่าจะดีขึ้น(รึเปล่า???) 555555 ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ ติตามสบายโลดดดด
ปล ใครรอทรูมินๆๆๆ ใจรุ่มๆเน้อ มาแน่นอน อดใจรอฉันที... ฮ่าฮ่า
สงสัยอันใดเชิญถามได้จ้า
ขอบคุณทุกคอมเม้นในยามที่ท้อใจ ดั่งสายน้ำชะโลมใจ จริงๆ ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น