ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC]SHINee 2Min:Hieina ' ไฮอินะ 'ดอกไม้ขาวแห่งบัลลังก์มังกร

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : ความทรงจำที่หายไป

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 54


    Part 2 ความทรงจำที่หายไป


























    เครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่ ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าของประเทศจีนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ก่อนจะจอดเทียบท่าอากาศยาน
    ของประเทศเกาหลีอย่างปลอดภัย ทันทีที่เครื่องลงจอด ชายหนุ่มจัดการสั่งให้เหล่าผู้ติดตามเพียงไม่กี่คนพาเขาและคิบอม
    ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง สถานที่ที่เขาจากมานานหลายปี…
















    บ้าน












    เพราะกระดาษสีขาวเพียงแผ่นเดียว คือเหตุผลตัวใหญ่ที่ทำให้เขาต้องรีบกลับมาก่อนเซียวฟงและเหล่าบรรดาลูกน้องในพรรค
    ทั้งที่ควรจะอยู่สังสรรค์และทำความรู้จักกับเหล่าบรรดาหัวหน้าพรรคมาเฟียทั้งหลาย แต่แทมินกลับเลือก
    ที่จะเดินทางกลับประเทศเกาหลีทันทีที่พบกระดาษสีขาวสลักด้วยลายมือคุ้นตา





    และมันก็เป็นอีกครั้งที่แทมินถูกมองจากเหล่าหัวหน้าพรรคเครือข่ายด้วยสายตาดูแคลน







    เด็กน้อยไร้ประสบการณ์และคุณสมบัติ เด็กน้อยที่ร้องหาแม่และอยากจะกลับแต่บ้าน
















    “ 702 ”







    ข้อความในกระดาษสีขาว แม้จะเป็นตัวเลขเพียงไม่กี่ตัว แต่กลับจำได้อย่างแม่นยำ ลายมือชินตา
    ของมารดาที่เคยหัดและพร่ำสอนให้ลูกชายตัวเล็กจับดินสอขีดเขียน ให้ได้ตามอย่างผู้เป็นแม่




    เขาพบกระดาษสีขาวถูกซุกซ่อน อยู่ในห้องนอนของเขาภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลในเซี่ยงไฮ้ 




    พีธีสำคัญจำต้องจัดขึ้นในสถานที่ที่สำคัญ คฤหาสน์ตระกูลอี้ในเซี่ยงไฮ้ คือสถานที่ที่ทรงคุณค่า 
    พิธีศักดิ์สิทธิเกิดขึ้นที่นั่นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ครอบครัวของแทมินจะทิ้งคฤหาสน์หลังนั้นให้เหลือเพียงเหล่าแม่บ้าน
    และพนักงานดูแล และย้ายมาพำนักในกรุงโซลด้วยเหตุผลทางธุรกิจตั้งแต่รุ่นคุณตาของเขา 
    แต่การประกอบพิธีสำคัญก็จำต้องเดินทางไปยังถิ่นกำเนิดของบรรพบุรุษ





    กระดาษที่เป็นดั่งตั๋วใบสำคัญให้เขารีบกลับบ้าน ความหมายลึกซึ้งของตัวเลขที่แม้จะมีเพียงแค่สาม 
    เขากลับรับรู้และเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี 





    ‘ แทมินมีเรื่องสำคัญที่ลูกต้องรู้ ’ เด็กชายตัวเล็กวัย 10 ขวบ ตั้งใจฟังผู้เป็นแม่พูดเป็นครั้งสุดท้าย
    ก่อนเที่ยวบินจากโซลถึงกรุงลอนดอนจะทะยานสู่ฟากฟ้า



    7 หมายถึงครอบครัวของเรา
    701 คือ แม่
    702 คือ พ่อ
    703 พี่ดงเฮ
    704 พี่จินกิ

    และตัวเขา 705



    แทมินจับใจความสำคัญได้เพียงเท่านั้น เด็กชายตัวเล็กมองไม่เห็นความน่าสนใจของตัวเลขที่แสนวุ่นวาย 
    ทั้งๆที่อี้เสี่ยวหมานย้ำนักย้ำหนา แทมินต้องจดจำความหมายของตัวเลขเหล่านี้ มันคือสิ่งสำคัญที่รู้กัน
    แค่ภายในครอบครัวของเขา แค่ พ่อ แม่ พี่ชาย และ เขา เท่านั้น!






    แทบจะหลงลืมมันไปด้วยซ้ำ ทั้งที่ไม่เคยใส่ใจกับความสลักสำคัญของมัน แต่ตัวเลขวุ่นวายในความคิด
    ของเด็กน้อยครั้งเก่าก่อน กับเป็นปัญหาให้เขาต้องขบคิด 








    ไม่มีเวลาจะเสียให้อย่างอื่น คนตัวเล็กคิดได้เพียงแค่อย่างเดียว











    “พ่อ”













    บุตรชายที่เหลือเพียงคนเดียวของหัวหน้าพรรคจำต้องเดินตามเส้นทางที่โชคชะตาขีดไว้ให้
    อย่างเลี่ยงไม่ได้ การรับรู้ว่าได้สูญเสียผู้เป็นแม่ คือบาดแผลบอบช้ำที่ชายคนหนึ่งเกินจะรับไหว 
    ทันทีที่ทราบข่าว เขาต้องเดินทางไปร่วมงานและเข้าพิธีศักดิ์สิทธิที่เมืองเซี่ยงไฮ้ 
    โดยที่เท้าของเขายังไม่มีโอกาสได้กลับไปสัมผัสบ้านที่แผ่นดินเกิดเสียด้วยซ้ำ
    เขาคิดว่าเขาจะได้เจอพ่อที่เซี่ยงไฮ้หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี
    แต่ผิดคลาด มีเพียงศพของเสี่ยวหมานที่ถูกย้ายมาทำพิธีที่เซี่ยงไฮ้ พ่อของเขาไม่ได้ตามมาร่วมพิธี 






    เขาไม่เห็นพ่อ ในงานศพของแม่ แค่นั้นก็เป็นข้อสงสัยที่มากพอตัวแล้ว น่าแปลกใจที่ไม่มีใครเอ่ยปาก
    ถึงชายที่สำคัญที่สุดของผู้หญิงที่นอนนิ่งและจากลาโลกนี้ไปด้วยความอาลัย






    นอกจากเรื่องของพ่อ









    ยังมีบางอย่างแปลกไป มีบางอย่างไม่เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น

    ทั้งในสิ่งมองเห็นและไม่อาจมองเห็นได้ สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลก เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
































    ความรู้สึกสงสัยและลางสังหรณ์สีเทาๆกำลังแล่นพล่านเข้ามาิ ทำให้คิ้วเรียวต้องขมวดเคร่ง 
    ไรฟันกระทบกันแน่นอย่างที่เจ้าตัวไม่ทันได้รู้สึก แววตาหวานกลับฉายแววความกังวล 
    แม้จะมองไปยังภาพนอกกระจกรถ แต่คิบอมแน่ใจว่าแทมินคงมองไม่เห็นภาพพวกนั้นแน่ 
    คิบอมมองเพื่อนรักด้วยความเห็นใจ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าผู้ชายข้างๆเขายังต้องพบกับเรื่องเลวร้ายอะไรอีก
















    ยังมีอะไรอีกนะ ในหนทางข้างหน้านั่น 













    ดังเช่นคำสาบาน …ดังเช่นคำสัญญา ในหนทางข้างหน้า จะมีอีแทมิน ตราบเท่าที่คิมคิบอมยังคงหายใจ


















    จากความฝันนั้น ใครคนหนึ่งยังคงพยายาม เปิดหน้าต่างบานนั้นออกไป
    อนาคตเฉกเช่นปีกของเจ้านกน้อยที่บางเบา ไม่มีใครกำหนดมันได้แน่นอน


























    คฤหาสน์หลังใหญ่แม้จะไม่มโหฬารเท่าคฤหาสน์ที่เซี่ยงไฮ้ แต่มันก็น่าอยู่และมีชีวิตมากกว่าเป็นร้อยเท่า 
    ภาพของครอบครัวที่แสนอบอุ่นฉายชัดขึ้นมาทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถ แทมินมองภาพที่โหยหาให้ประจักษ์แก่สายตา 
    ก่อนจะระลึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่เขาจำต้องกระทำให้หายเคลือบแคลงใจ






    แม่คงมีบางอย่างที่ต้องการบอกเขา














    พ่อ… คงจะเป็นอ้อมกอดที่อยากสัมผัสที่สุดในยามที่ใจหนาวเหน็บเช่นนี้ ที่พึ่งสุดท้ายของเขา 
    จะมอบทั้งความอบอุ่นและบอกเรื่องราวบางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันค้างคาอยู่ในจิตใจ








    เขาเชื่อ












    พ่อ…ต้องช่วยเขาได้แน่














































    ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มที่อยู่ข้างหน้ากำลังทำให้จิตใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ 
    ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าห้องทำความเคารพเขา ก่อนที่ประตูไม้จะถูกเปิดออกให้บุคคลสำคัญเข้าไป

















    ใครบางคน กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่















    “พ่อ” น้ำเสียงเล็กดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เขาเอ่ยเรียกใครบางคนที่นอนนิ่งด้วยลมหายใจเอื่อยรวยริน 
    ความรู้สึกแล่นพล่านขึ้นมาจนทำให้รุ้สึกจุก เขายังคงเรียกใครคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากแต่ไร้การตอบสนอง 
    ใครคนนั้นยังคงนอนนิ่ง แทมินหันไปสบตากับคิบอมที่ยืนอยู่ไม่ไกล คิบอมเองก็ตกใจกับทุกสิ่งไม่แพ้เขา
    เขาพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา คิบอมเองก็เช่นกัน
    เขารู้สึกสงสารคนตัวเล็กจับใจ แทมินหันควับไปหาชายสองคนที่เป็นเปิดประตูให้เขา








    “หมายความว่ายังไง บอกมาสิ ว่าหมายความว่ายังไง !” เสียงเล็กแผดเสียงขึ้นอย่างก้าวร้าว




    “คุณผู้ชายนอนหลับแบบนี้มาหลายเดือนแล้วครับ คุณท่านประสบอุบัติเหตุ ทางแพทย์บอกว่าคุณท่านพ้นขีดอันตราย
    แต่คุณท่านจะเป็นเจ้าชายนิทรา”ชายคนหนึ่งพุดออกมาให้คนที่ยืนหันหลังให้เขาได้ยิน แทมินฟังคำบอกเล่านั้นเงียบๆ 
    เขามองหน้าบิดานิ่งพยายามสงบสติ คิบอมมองแทมินน้ำตาจะไหล คนตัวเล็กน่าสงสารเหลือเกิน



    “ทำไมไม่มีใครบอกฉัน ทำไมไม่มีสักคนที่จะบอกเรื่องนี้กับฉัน!!” แทมินพูดขึ้นด้วยเสียงกร้าวอีกครั้ง 
    ชายคนหนึ่งพยายามจะเอ่ยปากตอบด้วยความยากเย็น




    “คุณแม่ของนายท่านเกรงว่า นายท่านจะเป็นห่วง จึงสั่งให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เป็นความไม่ให้นายท่านรู้”
    เปลือกตาบางของแทมินค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ เขาพยายามสะกดกั้นทุกความรู้สึกที่กำลังถาโถมเข้ามา ปากบางเอ่ยเสียงเรียบ



    “ทุกคนออกไปให้หมด” คิบอมมองแทมินเห็นอีกฝ่ายยังคงหลับตานิ่ง เพื่อนของเขาคงกำลังใช้ความคิดและจัดการกับความรู้สึก 
    แทมินคงต้องการอยู่กับพ่อเพียงลำพัง คิบอมจึงหันหน้าไปส่งสัญญาณให้ชายสองคนออกไป 
    ก่อนที่เขาจะเดินไปสัมผัสบ่าของแทมินเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องนั้นไปอย่างเงียบเชียบ
















    หลังจากที่ทุกคนออกไป เหลือเพียงความเงียบและความเลวร้ายที่กำลังทำร้ายแทมินอย่างไม่ปรานี 
    ยามนี้เขาทำได้แค่เพียงหยุดน้ำตาที่กำลังจะไหล แม้จะไม่มีใครมาร่วมสัมผัสกับเค้าตอนนี้ 
    แต่หัวใจของเขาหมดสิทธิอ่อนแอไปเสียแล้ว ดังนั้นน้ำตาจึงไม่ใช่คำตอบของเรื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังผู้ใด










    เปลือกตาบางลืมขึ้น ดวงตาหวานที่แดงก่ำไปด้วยน้ำตาที่กำลังคลอ เพราะมันไม่มีโอกาสได้ไหลออกมา 
    แทมินค่อยๆเคลื่อนกายเข้าไปใกล้คนที่กำลังนอนนิ่ง ก่อนจะค่อยเอื้อมแขนไปโอบกอดใครคนนั้นไว้ 






    “พ่อครับ” แทมินเอ่ยเสียงเบาไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เขาอยากจะใช้เวลาที่แสนเศร้านี้ให้มันผ่านไป 
    แม้ที่พึ่งของเขาจะเป็นเพียงคนที่นอนนิ่งๆไม่ไหวติง แต่ลมหายใจนั้นยังเป็นเหมือนความหวังสุดท้าย
    ที่ทำให้เขาฝากทุกความกังวลไว้ทั้งหมด













    ช่วงเวลาเงียบเหงาอ้างว้าง ช่างผ่านไปอย่างยากลำบาก
    ท้องฟ้าช่างห่างไกลจากยอดเขาเหลือเกิน ฝนตกกระหน่ำสาดลงบนหัวใจบอบช้ำ ฉันรอคอยเธอนั้นกลับมา











    กาลเวลายังคงดำเนินต่อไป แทมินยังคงกอดใครคนนั้นนิ่ง ก่อนจะรู้สึกตัวชัดเจน เขาค่อยๆผละออกมา 
    มองหน้าผู้เป็นพ่ออีกครั้ง ก่อนจะยิ้มอย่างเศร้าสร้อย


    “พ่อยังอยู่กับผมใช่ไม๊ครับ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น สายตาก็พลันไปเห็นบางอย่างในมือของผู้เป็นพ่อ
    มือข้างนั้นกำมันเอาไว้อย่างแน่น ภาพของตัวเลขสามตัวฉายชัดขึ้นมาในความรู้สึก แทมินค่อยๆแกะนิ้วกร้านออกอย่างเบามือ
    เขาพบกระดาษสีขาวยับยู่ยี่ซุกซ่อนอยู่












    'คุณคะ ฉันฝากนี่ไว้ให้ลูกด้วยนะคะ ฉันเชื่อว่าคุณต้องส่งมันให้ถึงมือแทมินแทนฉันได้แน่ค่ะ'







    หญิงคนหนึ่งใส่กระดาษสีขาวแสนสำคัญไว้ในฝ่ามือของสามีที่นอนนิ่งไม่ได้สติ 
    เธอมองหน้าสามี ยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกจากห้องโดยไม่มีใครรับรู้





















    นิ้วเรียวของแทมินค่อยๆคลายกระดาษเปียกชื้นด้วยเหงื่อที่ถูกกำเป็นก้อนกลม ทันที่กระดาษถูกคลาย 
    ลายมือแสนคุ้นตาก็ปรากฏต่อสายตาเขาอีกครั้ง








    แทมิน ลูกรัก




    ตอนนี้ลูกอาจจะโกรธแม่เรื่องของพ่อที่แม่ไม่ได้บอกลูก แต่แม่อยากให้ลูกรู้ว่าแม่หวังดี 
    เส้นทางของชีวิตอาจจะทำร้ายให้เราต้องเจ็บปวด ใครบางคนสามารถเป็นที่พึ่งให้แก่เรา 
    ใครบางคนกลับทำร้ายเราอย่างไม่คาดคิด ความจริงใจและความไว้ใจคือสิ่งต้องค้นหาให้พบ 
    แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าลูกไม่ได้อยู่อย่างโดดเดียว และลูกคือคนที่เหมาะสมที่สุด คุณสมบัติ เกียรติ ศักดิ์ศรี
    และคุณค่าของลูก ลูกมีมันอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ จะมีคำพูดนับร้อยพัน สายตาที่แสนน่ารังเกียจ 
    ที่ทำให้ลูกของแม่ต้องเจ็บปวด ขอให้ลูกมั่นใจและเข้มแข็ง ลูกชายของแม่คือคนที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด 
    และลูกจะเดินไปด้วยความรักที่อยู่รอบกายลูกอย่างเต็มเปี่ยม ลูกไม่ได้อยู่อย่างอ้างว้าง



    ฉันเข้าสู่ห้วงแห่งน้ำตา ฉันเสาะแสวงหาดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่เคยพบมันเลย

    น้ำชาของคุณปู่ผู้ซึ่งมีผมสีขาวเต็มศีรษะ เป็นที่ชื่นชอบของคนในครอบครัว

    ผู้ใดหนอเฝ้ารอคอยบนหอไกล ความหวังมลาย สูญสลายกับตา






    แม่รักลูกเสมอ


    อี้เสี่ยวหมาน
























    เป็นอีกครั้งที่แทมินต้องต่อสู้กับความรุ้สึกของตัวเองอย่างหนัก ความรู้สึกค้างคาจิตใจ
    บางอย่างแล่นเข้ามาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน เขาไม่อาจจะสะกดกลั้นมันได้อีกต่อไป 
    ลายมือบนข้อความของแม่ทำให้หัวใจของเขาอ่อนล้าอย่างหนัก








    บางสิ่งบางอย่างที่แปลกไป บางสิ่งที่ทำให้รู้สึกค้างคา เขาเคยสงสัยว่าตัวเองกำลังมีอะไรค้างคาใจ แต่ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว 







    สายดูหมิ่น น้ำเสียงเหยียดหยาม ท่าทางซึ่งแสดงออกถึงความไม่นับถือ ในตัวของหัวหน้าพรรคคนใหม่

    เหตุใด จึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่เขามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับตำแหน่งแสนยิ่งใหญ่ทุกประการ 
    แต่เหตุใด คนพวกนั้นกลับทำเหมือนไม่ยอมรับมัน? มันต้องมีอะไรบางอย่าง









    มือเรียวของแทมินเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมา เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะรวบรวมสติ มือเรียวบิดกลอนประตู
    คิมคิบอมยังคงยืนรอเขาอยู่ตรงนั้น





    “ฉันมีเรื่องอยากถามนาย” แทมินมองหน้าคิบอมก่อนส่งสัญญาณให้คิบอมเข้ามาในห้อง


    “บอกฉันมา พี่ชายคนโตของฉันตายยังไง” คิบอมรอฟังคำถามด้วยใจเต้นระทึก แต่ต้องรู้สึกช็อคกับคำถามที่ได้รับ
    แทมินรอคอยคำตอบจากเขาด้วยความตั้งใจ และเขาไม่อาจจะโกหกใครคนนี้ได้


    “ฉัน…ไม่รู้” คิบอมเอ่ยออกไปอย่างตะกุกตะกัก ท่าทางของเขา ทำให้แทมินมองคิบอมอย่างไม่เชื่อ 
    แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อในคำพูดของคนที่ได้ให้คำสัตย์สาบานต่อเขาแล้ว แทมินจึงตัดสินใจที่จะเอ่ยบางอย่างต่อไป


    “นายรู้ไหม ฉันจำพี่ชายคนโตของฉันไม่ได้เลย หน้าของเขาฉันก็จำไม่ได้ มันไม่มีความทรงจำอะไรสักนิด 
    มันเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน มันน่าแปลกไม๊ล่ะ”
    แทมินเอ่ยในสิ่งที่ตนค้างคาใจออกไป ดวงตาคมของคิบอมเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจในสิ่งที่ได้ยิน


    “งั้นบอกมาสิ พี่ฉันตายตอนฉันอายุเท่าไร” แทมินรอคอยคำตอบอย่างเคร่งเครียด 
    สิ่งที่ค้างคาใจของเขาจะประติดประต่อกันได้หรือไม่



    “แปดขวบ ตอนนั้นนายแปดขวบ แล้วตอนนั้นคุณชายดงเฮอายุสิบสามปี ฉันรู้แค่นั้นจริงๆ” ทันทีที่คิบอมพูดจบ 
    คิ้วเรียวของแทมินเขายิ่งขมวดแน่น ดวงตาหวานกำลังแสดงออกว่าเจ้าของมันกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก 
    คิบอมยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่แทมินต้องการ



    “นั่นไง นายรู้ไหมคิบอม ฉันจำอะไรก่อนช่วงที่ฉันอายุแปดขวบไม่ได้เลย” 
    ดวงตาคมของคิบอมมองแทมินด้วยความแปลกใจสิ่งที่แทมินเอ่ยกับเขา ทำให้คำถามต่างๆถาโถมเข้ามา 


    “นายหมายความว่ายังไงแทมิน” คิบอมเอ่ยถามแทมินด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน เพราะเรื่องนี้เขาเองก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน 
    และคงไม่มีอื่นอีกที่จะรู้ เพราะดูเหมือนว่าแทมินเองก็เพิ่งจะรู้ตัว 




    “หมายความว่าความทรงจำก่อนแปดขวบของฉันหายไปทั้งหมดน่ะสิ ฉันจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากพ่อกับแม่” 










    ก๊อก ก๊อก ก๊อก


    ก่อนที่บนสนทนาจะได้ดำเนินต่อ เสียงเคาะประตูดังขึ้น 
    ชายสองคนที่กำลังสนทนากัน มองหน้ากันนิ่ง ก่อนที่คิบอมจะเดินมาเปิดประตู







    “มีคนมาขอพบนายท่านค่ะ” ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก หญิงรับใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม 
    แทมินมองหน้าหญิงคนนั้นก่อนจะเอ่ยถามว่า




    “ใคร”













    “เขาบอกว่า เขาชื่อ ชเว มินโฮ ค่ะ” 




























    TBC









    ยังไม่ได้ฟังเพลงก็อย่าลืมฟังกันนะคะ ^^

    TALK : ขอโทษที่เอามาลงช้าค่ะ กว่าจะแต่งได้เล่นเอาเครียดพอตัว รู้มันยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่กลัวจะไมไ่ด้ลงก่อนสงกรานต์ ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมานิดนึงที่ได้ลงก่อนสงกรานต์ ฮ่าฮ่า มันจะแย่อะไรยังไงก็น้อมรับคำติชมนะคะ


    มีข้อสงสัยอะไรก็ถามได้เลยนะคะ


    ขอเม้นบ้างงง สั้นยาวไม่ว่าจริงๆ แค่อยากรู้ว่าใครอ่านบ้าง อย่าซุ่มเลยน้า ไรเตอร์ต้องการกำลังใจ น้า น้า ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×