ท่ามกลางความวุ่นวายของการจราจรตอนช่วงเย็นหลังเลิกเรียน
ยิ่งในย่านการค้าของเมืองแบบนี้ ยิ่งน่าอึดอัดเข้าไปอีก
แต่ยังมีอีกมุมเล็กๆมุมหนึ่งที่ทำให้เด็กนักเรียนชายสองคน ต้องมาเดินเล่นเป็นประจำ จะเรียกว่าเดินเล่นเลยก็ไม่ได้
เรียกว่าเป็นทางผ่านกลับบ้านดีกว่า ด้วยเพราะเบื่อหน่ายกับการจราจร
และเส้นทางจากโรงเรียนถึงบ้านก็ไม่ไกลเกินจะเดินกลับ
ดังนั้นเด็กสองคนนี้จึงเลือก ที่จะเดินเล่นไปเรื่อยๆ แทนการนั่งรถเมล์จะดีกว่า
“ผมชอบลมเย็นๆแบบนี้ยังเลยฮะพี่มินโฮ” แทมินนักเรียนม.ต้นปีสุดท้าย พูดพร้อมกับเอามือผายออก
เหมือนจะขอรับกลิ่นไอของแสงอาทิตย์ยามเย็น และสายลมที่พัดพาให้ต้นหญ้าที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำแห่งนี้ปลิวพลิ้ว
ไปพร้อมๆกับเกลียวคลื่นในแม่น้ำเบื้องข้าง
กิริยาท่าทางแบบนี้ ทำให้มินโฮ นักเรียนโรงเรียนเดียวกันกับแทมิน ที่อายุมากกว่า1ปี รู้สึกมีความสุขเวลาได้เห็นเสมอ
ทุกเย็นที่เดินกลับบ้านด้วยกัน มินโฮจะได้เห็นสีหน้าและท่าทางมีความสุขของแทมินอย่างนี้เสมอ
แทมินชอบที่นี่มาก มันสงบและรู้สึกเบาสบาย เพราะมีสายลมพัดผ่านมาตลอด
เขาสองคนจะอยู่ที่นี่นั่งดูดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ทุกวัน…ทุกวัน
อยู่ด้วยกัน…เสมอ
“สายลมนี่มันอบอุ่นจังเลยนะฮะ แทมินรักสายลมจัง”
“แล้วรักมากกว่าพี่รึเปล่า”
“แทมินรักสายลมที่สุดฮะ” คำตอบของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ ชเวมินโฮที่รอฟังคำตอบถึงกับทำหน้าบูดบึ้งขึ้นทันที
‘อะไรกัน น้องรักอย่างอื่นมากกว่าเรา’
แทมินที่เห็นอาการค้อนของคนเป็นพี่ต้องยิ้มออกมา คนอะไรตัวก็โตแต่งอนเป็นเด็กๆไปได้ แต่ก็…น่ารักดีแฮะ
“แทมินรักสายลมที่สุด เพราะสายลมของแทมิน ก็คือ พี่มินโฮไงฮะ…ทั้งอบอุ่น นุ่มนวล และอ่อนโยน
ก็เลยทั้งรัก…ทั้งรักมาก ทั้งคิดถึง…ทั้งคิดถึงมาก”
แทมินมองเข้าไปในสายตาของอีกฝ่ายเพื่อจะสื่อความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจ
ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ นั่นทำให้ชเวมินโฮยิ้มกว้างออกมา แล้วพูดว่า
“เพราะว่า ทั้งอบอุ่น นุ่มนวล และอ่อนโยน ก็เลย จะอยู่ข้างๆตลอดไป เพื่อให้แทมินอบอุ่น รักและคิดถึงมันตลอดไป”
ดวงตาสองคู่สบตากันเสมือนเป็นการสัญญา ที่ไม่ต้องเอ่ยวาจาใดใด…
ก่อนที่มินโฮจะค่อยๆบรรจงสัมผัสกับกลีบปากอมชมพูของอีกฝ่าย
สัมผัสที่นุ่มนวล อ่อนโยน และเนิ่นนาน สัมผัสแห่งสัญญา สัญญาจากหัวใจ ของคนสองคน
ที่ผูกมัดหนาแน่นตราตรึงอย่างไม่มีวันจะสลาย ไม่ว่าเงื่อนไขใดใด
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มินโฮและแทมินมาเดินเล่นที่ริมแม่น้ำยามเย็นแบบนี้ สายลมยังคงพัดพาความอบอุ่นมาให้แทมินเสมอ
จึงไม่แปลกที่แทมินจะรักสายลมมากขึ้น….ทุกวัน ทุกวัน เพราะเหนื่อยกับการเรียนและกิจกรรมของวันนี้ ทำให้แทมินผล็อยหลับไปบนไหล่ของมินโฮ
‘เวลาหลับยิ่งน่าทะนุถนอม เห็นแล้วอยากจะดูแล ไม่อยากให้ห่างกายแม้สักวินาทีเดียว’
“แทมิน…” เสียงนุ่มๆเบาๆกระซิบพอให้อีกคนที่หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพื่อฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
“วันนี้เล็บยาวแล้วนะ มาให้พี่ตัดเล็บหน่อยซิ” มินโฮหยิบที่ตัดเล็บจากในกระเป๋านักเรียนออกมา เขาพกมันติดตัวไว้ตลอด
เพราะคนเป็นน้องไม่ค่อยจะชอบตัดเล็บ บอกว่าไม่มีเวลา เขาก็เลยต้องตัดให้แทมินทุกครั้งที่เห็นว่ามันยาวแล้ว
ความจริงเขาชอบที่จะตัดเล็บให้แทมินแบบนี้ เพราะเขาได้ดูแลคนที่เขารักที่สุด
‘ได้ตัดเล็บให้แทมินทุกครั้งแบบนี้ ชเวมินโฮคนนี้ก็สุขใจแล้วครับ อยากจะดูแลแบบนี้ตลอดไป'
“แทมินต้องหัดตัดเล็บบ้างนะครับ มันสกปรกรู้มั๊ย “ มินโฮพูดพร้อมๆกับตัดเล็บให้แทมินอย่างตั้งอกตั้งใจ
เพราะกลัวว่าจะไปตัดโดนเนื้อน้องเข้า เขาไม่อยากให้คนๆนี้ต้องเจ็บแม้แต่น้อย เพราะเมื่อไรที่แทมินเจ็บ เขาเองก็เจ็บไม่แพ้กัน
“ไม่เอาอะ แทมินขี้เกียจ แล้วแทมินก็อยากให้พี่มินโฮตัดให้ด้วยฮะ” แทมินพูดแล้วก็แอบมองหน้าของมินโฮที่มีสีหน้าเคร่งเครียด
เป็นอย่างมาก เวลาทำหน้าเข้มๆแบบนี้ยิ่งดูหล่อเหลาเข้าไปอีกในสายตาของแทมิน
แทมินเองก็ชอบแอบมองมินโฮเวลาตัดเล็บให้เค้า เพราะมันเห็นถึงความห่วงใยและความรัก ที่มันทำให้เค้ารู้สึกเป็นคนที่พิเศษ ที่สุด
“พี่เองก็อยากตัดเล็บให้แทมิน แต่ถ้าพี่ไม่อยู่ใครจะตัดให้แทมินล่ะครับ พี่ไม่ยอมให้คนอื่นตัดให้แน่ๆ เพราะพี่หวง”
คำพูดพวกนี้ทำให้แทมินอดยิ้มออกมาไม่ได้
‘พี่มินโฮพูดอะไรเนี้ย….เขินนะฮะ >//////< ’
“ไม่มีวันนั้นหรอกฮะ เพราะผมมีพี่มินโฮอยู่ข้างๆนี่ฮะ พี่มินโอเป็นสายลม อยู่ข้างๆผมเสมอ” พูดแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง
แค่มีสายลม ก็รู้ว่ามีเธอ เธอจะอยู่ข้างๆฉันไม่ไปไหนใช่ไหม ใช่สิ เพราะเธอให้สัญญาแล้วนินา ?“เอ๊ะ พี่มินโฮฮะ พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้วฮะ” เสียงสดใสของแทมินทำให้มินโฮต้องเงยหน้าขึ้นมามองดวงตะวันที่กำลังจะเคลื่อนคล้อย
ไปกับแม่น้ำสายนี้ แสงสีส้มที่กระทบกับผืนน้ำระยิบระยับ บวกกับสายลมเอื่อยๆ ท้องฟ้าสีหม่นๆแต่ดูงดงาม
อีกทั้งคนข้างๆที่ยังนั่งพิงไหล่เค้าอยู่ คนที่เค้ารักสุดหัวใจ ช่างน่าจดจำไว้ในหัวใจ
‘มันสวยจริงๆ’เขาและแทมินได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ด้วยกันมา ตั้งแต่เริ่มคบกัน จนวันนี้
ความสวยงามของดวงตะวัน สายลม และท้องฟ้า ไม่เคยจืดจาง เช่นด้วยกับความรักของเขาและแทมิน
ที่จะไม่จืดจางแม้กาลเวลาจะผ่านพ้น
“แทมิน จำไว้นะ สายลมจะผัดผ่านทุกที่ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าแทมินจะอยู่ไหน สายลมจะอยู่รอบแทมิน เมื่อไรที่มีสายลมขอให้รู้ไว้ว่าพี่อยู่ข้างๆคอยดูแลและปกป้องแทมิน ให้แทมินอบอุ่นและปลอดภัย ให้ดวงใจของสายลม ดวงใจของพี่ ดวงนี้สวยงามเสมอ” มินโฮพูดพร้อมกับสบสายตาของแทมิน ดวงตาคู่สวยขอบงแทมินฉายแววความรู้สึกอบอุ่น ที่ได้รับจากผู้ชายคนนี้ ก่อนที่แทมิน จะเอ่ยว่า
“และสายลมก็จะพัดผ่านเข้าไปในหัวใจ ของแทมิน เพื่อหล่อเลี้ยงให้ดวงใจของสายลม มีและดำรงอยู่ต่อไป เมื่อไม่มีสายลมดวงใจดวงนี้ก็อยู่ไม่ได้ เพราะสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจของแทมินก็คือสายลมนะฮะ”
สายลมจะพัดผ่านเพื่อหล่อเลี้ยงดวงใจ ไม่ว่าเมื่อไร นานแค่ไหน
และดวงใจก็จะดำรงอยู่ด้วยรักของสายลมตราบนานเท่านานวันนี้เป็นวันจันทร์ แทมินไม่เจอมินโฮมาสองวันแล้ว เพราะเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาคุณแม่ของแทมินพาแทมินไปทัวร์เยี่ยมญาติๆ
ที่ต่างจังหวัด ทำให้แทมินไม่ได้เจอมินโฮเลย
ห่างแค่เพียงชั่ววินาที ก็คิดถึงแทบใจสลาย
แทมินยืนรอมินโฮหน้าห้องมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะ ปกติมินโฮจะมารับแทมินที่ห้องเรียนเพื่อเดินกลับบ้านด้วยกัน
รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีแม้แต่เงาของชเวมินโฮ โทรศัพท์ก็มีแต่ฝากข้อความ ที่แทมินฟังจนเบื่อ แทมินจึงตัดสินใจเดินหาทั่วโรงเรียน
ไม่ว่าจะสนามบอลที่มินโฮชอบไปเล่น หรือสระว่ายน้ำ โรงอาหาร หรือที่ไหนๆ ไม่ว่าจะถามใครก็ไม่มีใครเห็น
เมื่อไม่เห็นอีกฝ่าย แทมินเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีคิดกังวลไปต่างๆนาๆ แทมินที่ร้อนใจยิ่งกว่าภูเขาไฟจะระเบิด จึงตัดสินใจไปหามินโฮที่บ้าน
‘พี่มินโฮ ไม่สบายรึเปล่านะ โทรติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวานก่อน จะเป็นยังไงบ้างนะ’
ประตูรั้วบ้านที่ใส่กลอนแน่น กับความเงียบเชียบ ดูยังไงก็รู้ว่าไม่มีใครอยู่ นั่นยิ่งทำให้เค้าใจไม่ดีเข้าไปอีก
เดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้านหลังนั้น คิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี พอดีกับที่คุณป้าข้างบ้านกำลังออกมาทิ้งขยะ เห็นเข้า
“นี่หนู มาหาคนบ้านนี้เหรอ เค้าไม่อยู่หรอกนะ” เสียงนั้นทำให้แทมินรู้สึกดีใจขึ้นมาบ้างอย่างน้อยก็น่าจะรู้ว่าพี่มินโออยู่ไหน
“แล้วเค้าไปไหนกันฮะ”
“เฮ้ออ มันคงเป็นโชคร้ายของครอบครัวนี้น่ะหนู” คุณป้าพูดพร้อมกับทำสีหน้าเศร้าหมอง ทำให้แทมินหัวใจหล่นวูบ
“เมื่อคืนวันศุกร์ สองคนพ่อลูก ออกไปข้างนอก แต่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุ คนพ่อบาดเจ็บเล็กน้อย แต่คนลูกนี่สิอาการโคม่า
เห็นเค้าบอกว่าไม่น่ารอด ป่านนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง นี่เมื่อเช้าป้าเห็นแม่เค้าร้องห่มร้องไห้มาเก็บข้าวของไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเอายังไง
จะถามอะไรก็ไม่ทันได้ถาม ป้าล่ะเป็นห่วงจริงๆ ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ”
เหมือนเรี่ยวแรงที่เคยมีอยู่ หายไปซะอย่างนั้น แทมินล้มพับไปพื้น ก่อนที่สติจะหลุดหายไป เหลือแค่เพียงความมืด…
จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม… อย่าพรากเธอไปจากฉันได้ไหม
ทุกวิถีทางที่จะทำให้หนุ่มน้อยคนนี้ได้พบกับคนที่เค้ารัก ไม่ว่าจะได้พบกันอีกครั้งในสภาพเช่นไร คนที่เค้ารักจะเป็นหรือตาย
แทมินคนนี้ยอมทำมาหมดแล้ว แต่ไม่มีวี่แววของผู้ชายที่ชื่อ ชเว มินโฮ แค่คำบอกเล่าของคุณป้าข้างบ้านมินโฮ
ไม่เพียงพอสำหรับการหาคนๆนึงให้เจอ แม้จะย้อนกลับไปที่บ้านมินโฮหลายหน ประตูบ้านก็ยังถูกลงกลอนหนาแน่นเช่นเดิม
พาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ หรือในทีวีก็ไม่มีแม้แต่น้อย หรือไม่ว่าจะที่โรงพยาบาลใด ก็ไร้ซึ่งเงาของ ชเว มินโฮ
...อยู่ๆหายไป หายไปเงียบๆ ไร้เหตุผลที่จะอธิบาย นี่ใช่มั๊ย สายลม พัดมาแล้วก็พัดไป รวมเร็วแค่ชั่วลมพัดพาไม่ต้องถามว่าตอนนี้แทมินรู้สึกแย่เพียงใด กับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ สิ่งที่ไม่เคยคาดคิด สิ่งดูเหมือนโชคชะตาจะแกล้งกันซะมากกว่า
มันโหดร้ายเกินไปสำหรับหัวใจบอบบางของเด็กชายคนหนึ่ง
โชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาเจ็บปวดแสนสาหัส เมื่อรู้ว่าคนที่เค้ารักกำลังเจ็บปวด เป็นตายเท่ากัน แล้วโชคชะตาก็กลั่นแกล้งให้เค้าเจ็บยิ่งกว่า
เมื่อไม่มีทางจะรู้ได้เลยว่าคนที่เค้ารักอยู่ที่ไหน ยังคงมีลมหายใจเหมือนกับเขาหรือไม่ และนั่นคือสิ่งที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด
ในใจของแทมินได้แต่เพียงภาวนาให้เขาคนนั้นปลอดภัย
แค่รู้ว่าเธอเจ็บ ฉันก็เจ็บมากแล้ว แต่การที่ฉันไม่สามารถยืนอยู่ข้างเธอ ไม่สามารถรับรู้ความเป็นไปของเธอ มันเจ็บยิ่งกว่า มันเป็นทุกข์แสนสาหัสที่ฉันเกินจะทน…โชคชะตาได้โปรดสงสารหัวใจของฉันบ้าง…บางทีสิ่งที่เกิดขึ้น บางทีมันก็มากเกินไปสำหรับหัวใจของผู้ชายคนนึง
สายลมที่หล่อเลี้ยงให้ดวงใจได้ก้าวเดินต่อ อยู่ที่ไหน? ตอนนี้หัวใจบอบช้ำมากมายเหลือเกิน
สายลมได้โปรดพัดพามาถึงหัวใจดวงนี้ หมุนเวียนให้มันเต้นต่อไปเพื่อการดำรงอยู่ของดวงใจด้วยเถอะนะจากคนที่เคยสดใสและร่าเริง ยิ้มให้กับทุกๆสิ่งที่ผ่านเข้ามา ตอนนี้ไม่มีแม้แรงจะยิ้มให้กับสิ่งใดใด
โลกสีเทาได้เข้ามาเยือนในชีวิตของแทมินเสียจริงๆแล้วกระมัง ไม่ว่าใครจะเป็นห่วงและดูแลมากแค่ไหน
ไม่อาจทำให้แทมินคนนี้กลับมามองโลกใบเดิมให้สดใสได้อย่างเดิม
…
จะกลับสู่วิถีชีวิตเดิมๆได้อย่างไร ทั้งที่ในใจยังเจ็บปวดมากมายขนาดนี้ เธอได้ทิ้งบาดแผลไว้ลึกเกินจะเยียวยาต้องอยู่ยังไง ต้องทนต้องทำอะไรยังไง
ชีวิตที่มีแต่ลมหายใจ มืดมน อ้างว้างและว่างเปล่า
เธออยู่ที่ไหน ไม่สงสารใจฉันหรือ
ไขว่คว้าไม่เจอกับมือ เฝ้ารออย่างท้อใจ
จากวันเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปี ที่เฝ้าตามหา ใครคนนั้น ตอนแรกหวังว่าจะใดเจอกัน
จนเหลือแค่ได้รู้ข่าวบ้างก็ยังดีว่าเป็นตายร้ายดียังใด แต่บัดนี้ มันไม่ใช่ความหวัง ไม่ใช่ว่ามันไม่มี แต่มันคือความว่างเปล่า ไร้ซึ่งความหมายใดๆ
ทำได้เพียงแค่นั้น เรียกเธอซ้ำซ้ำ
หมื่นแสนล้านคำทุกวัน
เผื่อเธอซึ้งถึงความร้าวราน เธอจะเดินกลับมา
สายลมยังคงพัดพา หมุนเวียน ให้สรรพสิ่งเดินไปตามหนทางของมัน สายลมยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี
สายลมยังคงพัดไปทุกที่ และยังคงพัดมาถึงหัวใจของแทมิน ในหัวใจของแทมินยังคงมีสายลมเฉกเช่นเดิมที่เคยเป็นมา
…ตราบใดที่มีสายลม ตราบนั้นดวงใจจะคงอยู่เพื่อสายลม
ทั้งดวงใจและสายลมยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปเหมือนเดิม แต่มีสิ่งหนึ่งเข้ามาเพิ่มคือ…ความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดทำให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งเริ่มที่จะเรียนรู้และอยู่กับมัน จิตใจที่เคยบอบบางก็เริ่มที่จะแข็งแกร่ง
สิ่งที่เข้ามาเป็นเสมือนเครื่องทดสอบจิตใจของแทมิน แทมินค่อยๆเติบโตไปพร้อมกับมัน แม้จะเจ็บปวดแค่ไหน
บาดแผลจะลึกเท่าไร…
ดวงใจต้องดำรงอยู่ เพราะนั่นคือสัญญา“แทมิน วันนี้นายจะไปไหนรึเปล่า” คำถามของส่งออกมาจากปากของชายหนุ่มหน้าตาน่ารัก นามว่า คิม คิบอม หรือ คีย์
ที่กำลังยืนเลือกเค้กในร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเขา
“ไม่นะฮะ วันนี้คงกลับบ้านเลย” แทมินพูดพร้อมๆกับชงกาแฟรสเข้มข้นถ้วยหนึ่งให้ลูกค้า ตอนนี้แทมินกลายเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง
ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่จะต้องทำเป็นประจำทุกเย็นคือการมาเป็นพนักงานของร้านเบเกอรี่แห่งนี้
แทมินอยากใช้ทุกช่วงเวลาที่ว่างไปกับการทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน เมื่อรุ่นพี่ร่วมคณะของเค้า อย่างคีย์ แนะนำให้เค้ามาทำงาน
ที่นี่ แทมินจึงไม่รีรอ ตัดสินใจมาทำงานประจำที่นี่ ซึ่งที่ร้านแห่งนี้ยังมีพนักงานสาวสวยอีกคนคือ คูฮารา เพื่อนสนิทของแทมินนั่นเอง
และแทบทุกเย็นคีย์ก็จะแวะเวียนมาอุดหนุนที่ร้านเสมอ คีย์เป็นรุ่นพี่ที่แทมินรักและเคารพเป็นอย่างมาก คีย์รักแทมินเหมือนน้องชายแท้ๆ
คอยดูแลและให้กำลังใจแทมินในทุกๆเรื่อง
“แล้วจงฮยอนไม่มาเหรอวันนี้” คีย์ที่เลือกและคีบขนมใส่ถาดเสร็จกำลังเดินมาจ่ายเงิน พูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเป็นเชิงถามแกมแซว
ถึงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่เป็นนักศึกษาชั้นปีเดียวกันกับเขาแต่คนละคณะ ที่มาเทียวรับเทียวส่งแทมินทุกวัน
คิมจงฮยอนชอบแทมินมาตั้งแต่แทมินเข้ามาเรียนที่มหาวิทลัยใหม่ๆแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ว่าใครๆก็ทราบดี
“ไม่รู้สิฮะ” คำตอบถูกตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจนักของคนตอบ ที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมกาแฟให้ลูกค้า
คีย์เองก็รู้ว่าแม้จงฮยอนจะรักแทมินมากแค่ไหน แต่นั่นไม่อาจทำให้หัวใจแทมินหวั่นไหวแม้แต่น้อย แทมินไม่เคยเปิดใจให้จงฮยอน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จงฮยอนจะทำดีกับแทมินมากเพียงใด สิ่งที่ได้รับไปมีเพียงมิตรภาพสำหรับน้องชายและพี่ชายเท่านั้น
จิตใจของนายมันเป็นยังไงบ้างนะแทมิน มันยังดีอยู่ไหม?
หลังจากคีย์เลือกขนมเสร็จเขาก็ชวนแทมินมานั่งทาน ขนมด้วยกัน ตอนนี้คนในร้านเริ่มน้อยแล้ว
ก็พอทำให้พนักงานหนุ่มตัวเล็กปลีกตัวมานั่งทานอะไรกับพี่ชายสุดที่รักของเขาบ้าง สองพี่น้องนั่งสนทนาไปพลางทานกาแฟและขนมไปพลาง
“เมื่อไรผมจะได้เห็นหน้าแฟนพี่คีย์สักทีล่ะฮะ ผมเนี่ยอยากเห็นจะแย่แล้ว ”
คำถามของแทมินทำให้คีย์ถึงกับอมยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงหน้าคนรักที่อยู่ต่างประเทศ แม้จะห่างกันแค่ไหน
แต่เค้าคนนั้นก็ยังโทรมาถามและชวนคุยกับคีย์ไม่เคยขาด เรียกว่าเป็นความรักที่แทมินรู้สึกยินดีกับพี่คีย์ของเขาจริง ๆ
แต่แทมินก็ไม่เคยเห็นหน้าคนๆนั้นของพี่คีย์สักครั้งเดียว
“แทมินอยากเห็นจริงๆเหรอ”
“จริงสิฮะ แทมินอยากเห็น คงจะหล่อเหมาะสมกับพี่คีย์มากเลยสิฮะ”
“หล่อเหรอ อืม ก็หล่อนะ หล่อมากๆซะด้วยสิ” คีย์พูดไปก็ยิ้มไป ในดวงตาก็เปล่งประกายความสุขออกมาก มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่มีใครสักคนพูดถึงคนรักของเขา นั่นยิ่งทำให้แทมินอยากเห็นคนที่ทำให้คีย์ยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึงแบบนี้ จริงๆสักที
“อีกไม่นานแทมินก็จะได้เจอแล้วล่ะ” คีย์พูดแล้วก็มองออกไปมองบรรยากาศนอกร้าน นึกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้ สิ่งที่เค้าคิดว่ามันถึงเวลาของมัน เวลาที่ควรจะดำเนินต่อไปสักที
แต่ไม่ทันจะได้สนทนากันต่อไป ก็มีเสียงประตูดังขึ้น มันถูกเปิดโดยเจ้าของหน้าตาหล่อเหลา บุคคลเจ้าประจำของที่นี่ คิมจงฮยอนนั่นเอง
คีย์มองคนที่เข้ามาใหม่ ด้วยแววตาครุ่นคิด ‘ คงจะรักแทมินมากสินะ แทมินเฉยชาขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นนายคนนี้ท้อใจ เฮ้ออ นี่ล่ะน้าความรัก’
“แทมินครับพี่มารับกลับบ้านครับ” จงฮยอนพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะสดใส ที่เขามีให้มาเสมอกับแทมิน ทุกครั้งที่พบกันไม่ว่าเมื่อไร ก็จะมีรอยยิ้มจากหัวใจแบบนี้มาให้เสมอ แต่มันไม่เคยเลยที่จะเข้าไปถึงหัวใจของอีกฝ่าย…ไม่เคยเลย
“งั้นพี่ขอตัวกลับเลยนะแทมิน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ แล้วพี่จะมาหา” คีย์พูดแล้วลุกขึ้นเก็บกระเป๋าที่ว่างอยู่บนเก้าอี้อีกตัว เตรียมจะออกไป
“ฮะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะฮะพี่คีย์ ขอบคุณมากๆนะฮะ” แทมินพูดพร้อมกับโค้งตัวให้กับพี่ชายของเขา ก่อนจะเดินออกไปส่งคีย์ที่หน้าร้าน เมื่อรถยนต์คันงามแล่นออกจากหน้าร้านไป แทมินก็ต้องเดินกลับเข้ามาในร้าน เพื่อเจอกับใครอีกคนที่รออยู่แล้ว
“งั้นรอผมเก็บของอีกแปบนึงนะฮะ วันนี้ฮาราไม่อยู่ ผมต้องทำคนเดียว อาจจะนานหน่อยนะฮะ พี่จงฮยอนนั่งตรงนี้ก่อนนะฮะ” แทมินพูดพร้อมกับหยิบถ้วยกาแฟและจานขนมบนโต๊ะตัวที่เขานั่งทานกับคียืเมื่อกี้เพื่อไ
ปทำความสะอาดหลังร้าน ส่วนอีกคนได้แต่ยิ้มและนั่งรออย่างว่าง่าย
รถยนต์คันหรูแล่นมาถึงหน้าบ้าน รั้วสีขาว ภายในบ้านยังคงมีไฟเปิดอยู่เพียงแค่ชั้นหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าคนเป็นพ่อกับแม่คงกำลังนั่งรอการกลับมาของลูกชายเหมือนทุกๆวัน
“เจอกันพรุ่งนี้นะครับ ตื่นแต่เช้าล่ะแล้วพี่จะมารับนะครับ ฝันดีครับแทมิน พี่รักแทมินนะ” คิมจงฮยอนหันไปพูดกับคนที่นั่งเบาะข้างๆด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ฮะ แล้วเจอกัน ขอบคุณมากฮะ” แทมินพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ก่อนจะเปิดประตูรถออกไป
จงฮยอนจะมารับและมาส่งแทมินอย่างนี้แทบทุกวัน และทุกครั้งก็จะไม่ลืมที่บอกรัก คนที่เค้ารักที่สุด แต่ไม่เคยจะมีแม้การบอกรักตอบจากอีกคน แต่จงฮยอนก็ไม่เคยเรียกร้องหรือบีบบังคับให้แทมินต้องมารักเค้า
‘แทมินไม่ต้องรักพี่ก็ได้ครับ ให้พี่ได้รักแทมินและดูแลแทมินอย่างนี้ก็พอแล้ว’
แค่ได้เป็นคนที่รักเธอ…นั่นคือสิ่งที่มีค่าที่สุด
วันนี้ลูกค้าในร้านยังคงมากเช่นเดิม สองคนเพื่อนสนิทยังคงช่วยกันทำและเสิร์ฟกาแฟพร้อมทั้งขนมหวาน
ให้แก่ลูกค้าทั้งเจ้าประจำและขาจร อย่างไม่ได้หยุดพัก โดยเฉพาะช่วงหลังเลิกเรียน จะมีทั้งคู่รัก กลุ่มเพื่อนมานั่งที่นี่เป็นประจำ
อาจเป็นเพราะบรรยากาศของร้านที่โรแมนติคและรสชาติของกาแฟและขนมหวานที่เป็นที่ติดปาก
ของหลายๆคน ทำให้ร้านเบเกอรี่แห่งเป็นที่กล่าวถึงกันปากต่อปาก
หลังจากช่วงที่ขายดีที่สุดของร้านผ่านไป แทมินและฮาราก็เริ่มจะมีเวลาได้พักบ้าง ซึ่งกว่าจะได้พักก็เล่นเอาเหนื่อย โชคดีที่ที่นี่ไม่ใช่ร้านใหญ่ จึงช่วยกันทำงานสองคนก็พอจะรับมือไหว
คูฮาราเก็บจานขนมและแก้วกาแฟ ไปให้แทมินล้างที่หลังร้าน ก่อนจะเดินมาเช็ดทำความสะอาดโต๊ะ ตอนนี้ลุกค้าในร้านกลับไปหมดแล้ว บรรยากาศในร้านจึงค่อยข้างเงียบ แต่สักพักก็มีเสียงเปิดประตูของใครสักคน เข้ามา
ไม่ต้องเงยหน้ามองฮาราก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร ไม่เป็นคิมคิบอมก็คงเป็นคิมจงฮยอนนั่นแหละ
“สวัสดีค่าพี่คีย์” สาวน้อยผละจากการทำงานหันมาทักทายกับแขกคนสำคัญของร้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แต่ออกจะแปลกใจเล็กน้อยเมื่อมีใครอีกคนที่ไม่คุ้นหน้าตามมาข้างหลังด้วย แววตาหวานของหญิงสาวค่อยๆพิจารณาใครคนนั้น ทั้งใบหน้าที่หล่อคม ส่วนสูงที่น่าจะสูงถึง 180 ซม ได้ กับท่าทางนิ่งๆ ขรึม ๆ และสายตาที่กำลังมองกวาดพิจารณาบรรยากาศที่ตนไม่คุ้นเคย
'ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงมากับพี่คีย์ได้'
แต่ไม่ทันที่ฮาราจะได้ทักทายคนแปลกหน้าคนนั้น
คีย์ก็พูดขึ้นมาว่า
“สวัสดีจ้า เป็นไงบ้างเราทำงานเหนื่อยล่ะสิ” คีย์พูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้กำลังใจไปให้กับรุ่นน้องคนสวย
“พอสมควรเลยค่ะ ลูกค้าเพิ่งจะหมดไปสักครู่เองค่ะ ฮารากับแทมินนี่วิ่งวุ่นเลยค่ะ”
“ของเค้าอร่อยนี่นา เอ้อ นี่วันนี้พี่พาใครมาด้วยล่ะ ไปตามแทมินหน่อยสิ พี่จะได้แนะนำให้รู้จักพร้อมๆกัน” คีย์พูดพร้อมกับ
สอดสายไปหาใครอีกคน ที่คงกำลังทำงานอยู่หลังร้าน
ฮาราแอบชำเลืองมองใครอีกคนที่อยู่ข้างหลังคีย์ ที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ก่อนจะตอบรับไปว่า
“ค่ะ แทมินล้างจานอยู่ รอแปบนึงนะคะ” แล้วจึงเดินไปข้างหลังร้าน
สาวสวยหายไปสักพัก ก็มีใครอีกคนที่เดินออกมาพร้อมๆกับใช้ผ้าแห้งเช็ดมือที่เปียกชุ่มจากการล้างถ้วยกาแฟ
หลายใบเมื่อสักครู่ โดยยังไม่ได้เงยหน้ามามองผู้มาใหม่
“ว่าไงฮะพี่คีย์ วันนี้มาช้านะฮะ นึกว่ะไม่มาซะแล้ว” แทมินยังคงง่วนอยู่กับการเช็ดมือที่เปียกและเปื่อยเพราะโดนน้ำมาเป็นเวลานาน
“จะไม่มาได้ยังไง ก็พี่บอกแล้วว่าพี่จะมา นี่พี่พาคนที่แทมินอยากเจอมาด้วยนะ” คำพูดของคีย์ทำให้แทมินต้องหยุดการกระทำ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองใครบางคน ที่คีย์พูดถึง
.
….
……………
.
.
ไม่ใช่ มันไม่ใช่ ฟ้าอย่าล้อเล่นกันอย่างนี้สิ มันไม่ตลกเลยนะ
แอบฟังเสียงในใจ เสียงหัวใจ มันดูแน่นิ่ง จนตัวฉันเองยังไม่แน่ใจว่ามันยังเต้นอยู่หรือเปล่า
ฉันแอบถามหัวใจ ถามว่ามันเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ มันยิ้มอยู่รึเปล่านะ หรือมันกำลังร้องไห้ ทำไมล่ะ? ทำไมหัวใจไม่ให้คำตอบฉัน หรือหัวใจได้ดับไปสายลมแล้วความเงียบเข้าปกคุลมบรรยากาศตรงนั้น ก้อนเนื้อในหน้าอกข้างซ้ายของแทมินเต้นไม่เป็นจังหวะ
ทุกสิ่งอย่างข้างกายเหมือนแน่นิ่งไม่ไหวติง ในหน้าของใครบางคนที่ปรากฏอยุ่ตรงหน้าของเขา ทำให้ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
แทมินรู้สึกร้อนวูบก่อนจะชาที่ใบหน้า สายตาของแทมินจดจ้องไปที่ใครอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับคีย์ แทมินมองใครคนนั้นด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะบรรยาย ค่อยๆพิจารณา ทั้งดวงตา ริมฝีปาก และทุกๆส่วน ที่ปรากฏแก่สายของเขา ใครคนนั้นที่เขาเฝ้าโหยหามานานหลายปี
คนที่แทบจะผลิกแผ่นดินหาแต่ไม่พบ คนที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ คนที่ทำให้เค้าเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ คนที่เค้าคิดถึงยิ่งกว่าสิ่งใด คนๆนั้นที่สร้างบาดแผลให้แกเขาอย่างแสนสาหัส
ใครคนนั้น ยืนอยู่ตรงนี้…
“แทมิน นี่มินโฮ แฟนพี่เอง” !! น้ำเสียงของคีย์ที่กล่าวออกไป แม้แทมินจะไม่ได้หันไปมองคนพูด ก็รู้ว่าคนพูดรู้สึกมีความสุขมากแค่ไหน แต่นั่นมันกลับเสียดแทงข้าไปในหัวใจของเขา กรีดเข้าไปในบาดแผลที่ยังคงเจ็บปวดให้เจ็บปวดมากยิ่งขึ้น แทมินยังคงไม่สามารถจะเอ่ยวาจาใดๆออกไปได้ในตอนนี้ ไอความร้อนแผ่ซ่ายไปทั่วร่างกายเหมือนจะแผดเผาให้แทมินสลายหายไปตรงนี้
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผม ชเว มินโฮ” ชัดเจน! ทั้งใบหน้าที่เหมือนกัน แม้วันเวลาผ่านไปแต่ยังคงเค้าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งชื่อที่เหมือนกัน ทุกอย่างที่ปรากฏตรงนี้มันชัดเจน
สายลมของเขาอยู่ตรงนี้… พี่มินโฮของแทมินยืนอยู่ตรงนี้ มีเลือด มีเนื้อ มีทุกอย่างครบถ้วน และยังคงมีลมหายใจ
แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยวาจาใดๆออกไป เสียงบางเสียงก็ดังขึ้นพร้อมกับการมาใหม่ของใครอีกคน
“แทมินครับ พี่มารับแล้วครับ”
ในร้านเบเกอรี่เล็กๆ แต่เป็นที่รู้จักของผู้คนในย่านนี้ บรรยากาศเรียบหรู ในสไตล์ยุโรป ที่ดูโรแมนติก น้อยนักที่จะมีช่วงเวลาที่
โต๊ะว่างแบบนี้ แก้วกาแฟสามถ้วยที่ได้ถูกทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ของมันเพราะถึงเวลาปิดทำการของร้
านแล้ว
แต่ก็ได้ถูกยกมาเสิร์ฟอีกครั้ง เพียงเพราะแขกผู้มาเยือนใหม่สามคน
บทสนทนาถูกให้เริ่มต้นขึ้นด้วยรอยยิ้มของ คิม จงฮยอน ก่อนที่ดำเนินต่อไปด้วยน้ำเสียงสดใสของคิม คิบอม แม้จะมีเสียงหัวเราะอยู่เป็นระยะๆในการสนทนา แต่ผู้ชายคนหนึ่งกลับไม่ได้รู้สึกมีความรื่นเริงไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลย
แทมินได้เพียงแค่ยิ้มเล็กๆ ยามที่พี่ชายแสนดีของเขาถามความคิดเห็นเท่านั้น แทมินไม่มองหน้าหรือสบสายตาใครก็ตาม
ที่นั่งอยู่กับเขาตรงนี้
หนึ่ง…คนที่รักและจริงใจกับเขามาก
อีกหนึ่ง …พี่ชายที่เขารักและไว้ใจมากที่สุด
และอีกหนึ่ง …คนที่เขารักและคิดถึงสุดหัวใจ
รอยยิ้มสดใสของคิม คิบอมที่แทมินเคยเห็นบ่อยๆ แต่วันนี้ต่างออกไป เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่สดใสกว่าครั้งไหน รอยยิ้มที่เด่นชัดตลอด ยามเมื่อเค้าเล่าเรื่องของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาตอนนี้…
“แล้วนายสองคนรู้จักกันได้ยังไง” คำถามถูกส่งออกจากปากของคิม จงฮยอน แม้เค้าพอจะรู้อยู่บ้าง ว่าคีย์มีคนรักที่รักกันมาก
อยู่ต่างประเทศ แต่ก็ไม่เคยทราบถึงที่มาที่ไป
“เมื่อหลายปีที่แล้ว มินโฮเค้าประสบอุบัติเหตุ ความจำเสื่อม พ่อกับแม่มินโฮเค้าพาไปรักษาที่อเมริกา
แล้วแพทย์ที่รักษามินโฮเค้า ก็…พ่อของฉันเองน่ะ เพราะงั้น เราก็เลยได้รู้จักกัน”
คีย์พูดเสร็จก็หันไปยิ้มที่ให้ชเวมินโฮ ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อ๋อ…แล้วตอนนี้นายจำได้รึยัง” จงฮยอนพูดแล้วก็หันไปมองหน้า ชเว มินโฮ ที่นั่งเงียบๆฟังคนรักของตนเล่าเรื่องอดีต ชเว มินโฮฟังคำถามของจงฮยอน แล้ว ไม่ได้ตอบหรือพูดอะไร เพียงแค่ยิ้มบางๆก่อนจะมองหน้าคีย์ เป็นสัญญาณให้คนรักของตัวเองตอบคำถามนี้แทน
“ยังหรอก ยังไม่ทั้งหมดน่ะ แต่อย่างอื่นก็หายเป็นปกติแล้วนะ“
… เธอคงไม่มีฉัน อยู่ในเศษเสี้ยวของความทรงจำแล้วสินะหลังจากวันนั้น คิมคิบอมก็ยังคงแวะเวียนมาอุดหนุนแทมินที่ร้านเสมอ และทุกครั้งก็จะมีผู้ชายอีกคนตามติดมาด้วย
ภาพของคนสองคนที่แทมินต้องพบเจออยู่ทุกเย็น แม้มันจะไม่ได้หวานซึ้ง ตรึงใจ เหมือนคู่อื่นๆ แต่มันก็ดูเป็นภาพที่น่าอิจฉา
คนสองคนที่ดูจะรู้ใจกันไปเสียทุกเรื่อง เข้าใจกันทุกอย่าง…นั่น มันทำให้ใจของแทมินเจ็บปวดยิ่งนัก
‘เราสองคนคบกันเหมือนเพื่อนน่ะแทมิน เราไม่หวาน…แต่เราเข้าใจ’
คนสองคนที่ทำให้เค้า…กลายเป็นคนอื่นอยู่เสมอ
คนสองคนที่ทำให้เค้า…ต้อง ซ่อนความรู้สึกให้ลึกสุดใจ
วันเวลาผ่านไปเป็นอาทิตย์ ภาพความรักของคนสองคน แม้มันจะทำให้หัวใจของแทมินต้องเจ็บปวด
แต่บางครั้งแทมินก็รู้สึกว่ามันก็ทำให้แทมิน เข้มแข็งมากขึ้น
อย่างน้อย…เค้าก็รู้ว่าคนที่เค้าเป็นห่วงที่สุด…ปลอดภัยดี
อย่างน้อย…เค้าก็รู้ว่าคนที่เค้าคิดถึงที่สุด…อยู่ตรงนี้ อยู่ให้เค้าเห็นหน้าแบบนี้ ทุกวัน ทุกวัน
อย่างน้อย…เค้าก็รู้ว่าคนที่เค้ารักมากที่สุด…กำลังมีความรักที่ดี ความรักที่งดงาม ความรักที่มั่นคง และ
คงจะทำให้ใครคนนั้นของแทมิน มีความสุขได้ตลอดไป…
ข้อสงสัย ที่ค้างคามาเนิ่นนานในหัวใจ…ตอนนี้ ทุกอย่างกระจ่างแล้วอย่างไม่ต้องกังวล
บางทีอาจเป็นเพราะ บาดแผลที่มากเกินจะเยียวยา คงจะเป็นสิ่งที่หลอมรวมให้แทมิน…รับรู้และเข้าใจ กับสิ่งที่เค้าเองก็คงกำหนดไม่ได้
การกลับมาของใครบางคน… แม้มันจะไม่เป็นอย่างที่ใจคิด แต่มันก็ทำให้รู้แล้วว่า…สายลมยังอยู่ข้างๆเค้าเสมอ
‘พี่มินโฮ ไม่ได้ตั้งใจจะลืมแทมินหรอกใช่มั๊ยฮะ ไม่เป็นไรฮะ อย่างน้อยแทมินก็รู้แล้ว ว่าสายลมไม่ได้อยากทอดทิ้งแทมิน
ทุกอย่างฟ้าคงกำหนดมาแล้ว ถ้าพี่มินโฮจำได้ พี่มินโฮก็คงเลือกอยู่ตรงนี้ ข้างๆแทมินใช่มั๊ยฮะ …ไม่เป็นไร แทมินเข้าใจ ’
คิม จงฮยอน ยังคงมาดูแลหัวใจของเขา อย่างไม่ได้ขาดตกบกพร่อง และมันก็อยู่ในสายตาของทุกคน
การพบกันของผู้ชายสามคนที่เป็นแขกคนสำคัญของร้าน ก็ยังคงเป็นอยู่เสมอ ทุกเย็น ที่เดิม…เวลาเดิมๆ
อาจเป็นเพราะการทำได้ความรู้จัก ได้พูดคุยกันมากกว่าเดิม และความเป็นกันเองของทั้งสองฝ่าย ทำให้คิมจงฮยอน
สนิทกับคิมคิบอมและชเวมินโฮ ไปอย่างไม่รู้ตัว ความจริงใจของเขาที่เมื่อก่อน คีย์อาจจะมั่นใจกับมันมาก
แต่ก็ไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากนี้คีย์มั่นใจแล้วว่า ผู้ชายคนนี้ จะดูแล… แทมิน น้องชายของเค้าได้อย่างดีที่สุด
หลายอาทิตย์มานี้ ฮาราสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเพื่อนรักของเธอ แทมิน…จากเมื่อก่อนที่แม้จะยิ้ม แต่สายตาไม่เคยยิ้มไปด้วยเลย จากที่เคยเงียบขรึม ตอนนี้หากจะยิ้ม ฮาราก็รู้สึก แทมินยิ้มมาจากหัวใจ ความสดใสเริ่มกลับมาสู่แทมิน อย่างที่แทมินควรจะเป็น
…การได้เห็นเพื่อนรัก มีความสุขไปโลก ไปกับสิ่งที่ดำเนินอยู่ เธอเองก็มีความสุขไม่แพ้กัน …หรืออาจจะเป็นเพราะ
แทมินเปิดใจรับจงฮยอนแล้วก็เป็นได้ อันนี้ฮาราเองก็ยังไม่อยากฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะด้วยเหตผลอะไร เธอก็พอใจแล้วที่เพื่อนของเธอ ได้มีความสุขสักที
บรรยากาศในร้านเดี๋ยวนี้ สดใสขึ้นกว่าเก่า อาจเป็นพนักงานหนุ่มน้อยแสนน่ารักมีรอยยิ้มที่แสนจะจริงใจให้กับลูกค้าที่มาเยือนอยู
่เสมอ ก็ไม่รู้ถึงสาเหตุ แต่ยิ่งใกล้จะปิดร้านทีไร ฮาราก็เห็นแทมินดูจะรื่นเริงมากเท่านั้น
คงเพราะ…จะได้เจอหน้าใครบางคนล่ะมั้ง
‘แทมิน ทำไมเดี๋ยวนี้นายดูมีความสุขจัง’
‘ก็ฉันมีความสุขนี่นา’
นั่นสินะ…จะดูมีความสุขได้ก็ต้อง เพราะมีความสุข แต่นายมีความสุขเพราะอะไรเหรอ แทมิน? พี่จงฮยอนอย่างนั้นเหรอ?
‘แทมิน อีกสองวันพี่กับมินโฮจะกลับอเมริกาแล้วนะ พี่คงไปเรียนต่อที่นั่นเลย และคงไม่ได้กลับมาแล้ว
แทมินต้องดูแลตัวเองดีๆนะ พี่ฝากจงฮยอนกับฮาราให้ดูแลแทมินแทนพี่แล้ว แทมินต้องมีความสุขมากๆนะ’
คำพูดของคิมคิบอมเหมือนการเอามีดมากรีดลงการใสของแทมินอีกครั้ง เค้าไม่เคยคิดว่าจะต้องพรากจากพี่ชายแสนดีของเขา
นี่เค้าจะต้องจากลากับพี่ชายสุดที่รักของเขาจริงๆอย่างนั้นเหรอ
และเค้าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่มินโฮของเขาอีกแล้วสินะ แต่เอาเถอะ...เค้าสัมผัสกับคำว่าลาจากมาจนชินเสียแล้ว
แต่จะให้ทำอย่างไร ฟ้าคงกำหนดให้มันเป็นแบบนี้…อย่างน้อยแค่รู้ว่าพี่มินโฮมีความสุขเขาก็พอใจ…แม้จะต้อ
งคิดถึงมากแค่ไหนก็ตาม
วันนี้ก็ยังคงเป็นอีกวันที่ร้านยังคงมีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงเย็น ที่ลูกค้าจะมากเป็นพิเศษ แต่หลังจากช่วงเวลาสองทุ่ม บรรยากาศในร้านก็กลับเข้าสู่สภาพปกติ
หลังจากลูกค้าในร้านหมด สองเพื่อนสนิทก็ช่วยกันเก็บทำความสะอาด ก่อนที่คูฮาราจะขอตัวกลับไปก่อน เพราะวันนี้มีนัดสำคัญ
กับแฟนหนุ่มรุ่นพี่ แทมินก็เลยต้องอยู่เช็คความเรียบร้อยต่อคนเดียว
แทมินที่เช็คความเรียบร้อยจนเสร็จ ก็เตรียมเก็บของจะกลับบ้าน วันนี้เค้าคงต้องนั่งรถเมล์ เพราะพี่จงฮยอนโทรมาบอกว่า
มีธุระกับครอบครัว มารับไม่ได้ จริงๆแล้วเค้าเองก็แอบดีใจ ที่จะได้นั่งรถเมล์กลับบ้านสักที เพราะนานมากแล้วที่เค้าไม่ได้กลับบ้านด้วยตัวเองแบบวันนี้ แทมินก็เลยแอบตื่นเต้นเล็กๆ
“สงสัยวันนี้พี่คีย์คงจะไม่มาหรอกมั้ง” แทมินพูดกับตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าที่วางไว้หลังร้าน
คนตัวเล็กหยิบกระเป๋าใบเก่งขึ้นมาสะพาย ก่อนจะปิดไฟหลังร้าน แล้วเดินออกมาเพื่อจะปิดไฟอีกดวง
แต่ก่อนที่นิ้วเรียวจะได้กดปิดสวิตส์ดวงสุดท้าย ก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น แทมินหันไปมองตามเสียงนั้น
ใครคนนึงกำลังก้าวเข้ามา
…พี่มินโฮ ... มันไม่แปลก ที่มินโฮจะมาที่นี่ แต่มันแปลกที่ เขามาคนเดียว …ไม่มี คิบอม
“สวัสดีครับแทมิน “คนตัวสูงพูดก่อนจะยิ้มให้คนตัวเล็กหน้าเขา ที่ยืนทำหน้างงๆอยู่ แทมินไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าเบาๆ
คนตัวเล็กพยายามมองออกไปหน้าร้าน ก็ไม่พบใครอีกคนที่ควรจะมากับผู้ชายคนนี้ จนมินโฮที่ยืนมองอยู่ต้องพูดขึ้นว่า
“วันนี้คีย์ไม่มาหรอก ไปทำธุระเรื่องพาสปอตน่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น คนที่กำลังสงสัยก็เลยหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนตรงหน้าตรงๆ
…แม้จะเจอกันหลายครั้ง… แต่ก็คงจะเป็นครั้งนี้ ที่ได้เผชิญหน้ากันตรงๆ จริงๆจังๆสักที …หัวใจของคนตัวเล็กก็หวั่นไหว
อยู่ไม่ใช่น้อย รู้สึกเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตานี้ที่แสนจะคุ้นเคย อดไม่ได้ที่จะมองดวงตานั้นอย่างมีความหมาย
คนตัวสูงเองที่เห็นคนตรงหน้าสบตาเขา ก็ไม่อาจจะละสายตาจากดวงหน้าหวาน ที่แทบจะทำเค้าละลายไปได้เช่นกัน
คนทั้งสองเหมือนตกอยู่ในภวังค์ อย่างที่ยากจะเรียกสติกลับมา …คิดถึงเหลือเกิน
มินโฮที่เรียกสติกลับมาได้ก่อน ละลายตาจากดวงหน้าหวาน ก่อนจะเสมองออกไปนอกร้านอย่างขัดเขิน แล้วพูดขึ้นว่า
“กำลังจะกลับบ้านใช่มั๊ย เดี๋ยวกลับกับพี่นะ พรุ่งนี้พี่ก็จะกลับอเมริกาแล้ว ให้พี่ไปส่งแทมินสักครั้งเถอะ” มินโฮพูดก่อนจะ ยิ้มหวาน
ให้คนตรงหน้า แทมินที่ยืนฟังอยู่กลับพูดอะไรไม่ออก คิ้วทั้งสองข้างของคนตัวเล็กขมวดเข้าเป็นปม
ทำให้มินโฮรู้สึกเอ็นดูกับภาพตรงหน้ายิ่งนัก ...แทมินไม่คิดว่ามินโฮจะอยากไปส่งเขากลับบ้าน
“นี่เก็บร้านเสร็จแล้วใช่มั๊ย งั้นไปกันเลย” มินโฮพูดเสร็จก็เดินนำจะออกไป แทมินที่ยังยืนงงอยู่เห็นดังนั้น ก็เลยรีบเดินกลับปิดไฟก่อนจะเดินตามคนตัวสูงที่ก้าวออกไปนอกร้านแล้วอย่างรวดเร็ว
ใครคนนั้น กำลังเดินนำหน้าแทมิน ระยะห่างกันไม่กี่ก้าว แต่แทมินก็ไม่กล้าจะรีบสาวเท้าให้ทันคนข้างหน้าแต่อย่างใด
ดวงตาคู่สวยแอบลอบมองแผ่นหลังกว้าง ของใครคนนั้น มันช่างดูอบอุ่น นี่เค้าไม่ได้เห็นภาพนี้มานานเท่าไรแล้วนะ
…คิดถึงจัง
มินโฮที่เดินนำหน้าอยู่ หันหลังกลับมา มองหน้าคนตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นว่า
“มาเดินข้างๆพี่สิแทมิน อย่างนี้ถ้าพี่หันกลับไปอีกที ไม่เจอแทมินจะทำยังไงครับ” ว่าแล้วก็ยืนนิ่งรอให้ใครอีกคนเดินมาทันเค้า
เมื่อคนตัวเล็กเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเค้า เค้ายิ้มให้คนตัวเล็กก่อนจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง แทมินเองก็ได้แต่เดินช้าๆแต่ให้ทัน
จังหวะของคนข้างๆ โดยไม่กล้าหันไปมองหรือพูดอะไรกับคนข้างๆในตอนนี้
ประโยคของคนตัวสูงเมื่อกี๊ยังคงดังก้องอยู่ในหัวเขา แทมิน ยังคงคิดวนเวียนกับประโยคนั้น แม้จะดูเป็นประโยคธรรมดา
แต่สำหรับคนๆนี้ คนที่พูดคือพี่มินโฮ… มันมีความหมาย
ไม่ว่ายังไง ประโยคนั้นมันก็แสดงถึงความเป็นห่วงอยู่บ้างล่ะน่า…
‘ให้ตายสิแทมิน นายคิดอย่างนี้กับแฟนของพี่ชายได้ยังไง เรื่องของเขามันจบไปแล้ว สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้
คือพี่คีย์กับพี่มินโฮเป็นแฟนกัน จำเอาไว้สิ’ แทมินคิดกับตัวเองเมื่อรู้สึกถึงความหวั่นไหวที่กำลังเกิดขึ้นในใจ
เขาสะบัดหัวไล่ความรู้สึกนั้น ให้หมดออกไป ก่อนจะเรียกสติกลับมาอยู่กับเส้นทางที่กำลังเดินไปข้างหน้า
เส้นทางการเดิน ที่ข้างหนึ่งเป็นถนนที่มีรถราไม่มากจนเกินไป อีกข้างเป็นร้านอาหารและร้านขายของต่างๆที่ยังคงเปิดไฟดูสวยงาม
แต่เพราะคนข้างๆที่เดินอยู่กับเขาตอนนี้ มันยากนักที่จะควบคุมให้หัวใจของเขาอยู่นิ่งได้
แทมินไม่กล้าที่จะพูดอะไรกับคนข้างๆเพราะจิตใจของเขาตอนนี้เต้นรัวไม่เป็นจังหวะตลอด
การเดินทาง
มินโฮเองก็ไม่ได้พูดอะไรกับคนตัวเล็ก เขาเอาแต่เดินมุ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
เป็นเพราะมัวควบคุมจิตใจของตัวเองที่กำลังอยู่ไม่เป็นสุข ก็เลยไม่ได้สังเกตถนนหนทางที่ตนเองเดินผ่านมาแม้แต่น้อย กว่าจะรู้ตัว
แทมินก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า สวนสนุกแห่งหนึ่ง แทมินหันไปมองคนข้างๆด้วยสายตาที่สงสัย มินโฮไม่ได้พูดอะไร
เพียงแค่ยิ้มบางๆแล้วจับมือคนตัวเล็ก เค้ากุมมือเล็กนั้นแน่น ก่อนจะรีบสาวเท้าวิ่งเข้าไปในสวนสนุกนั้น คนที่ถูกกุมมือไว้
ตอนนี้แทบจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่ร่างกายก็จำเป็นต้องรีบวิ่งให้ทันกับความเร็วของคนตัวสูง
…สัมผัสแบบนี้ สัมผัสที่โหยหา สัมผัสที่แสนจะมีความหมาย
ความอบอุ่นที่เฝ้ารอ ความอบอุ่นที่เป็นของเขา ความอบอุ่นนั้นกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของแทมิน
ความอบอุ่นนั้น กำลังปลุกให้หัวใจของแทมินที่หลับใหลมานาน ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะความเร็วของจังหวะการเคลื่อนตัวของคนทั้งสอง ทำให้คนทั้งคู่รู้สึกถึงสัมผัสของสายลมที่พัดผ่านอยู่รอบๆตัวเขา
แม้อุณหภูมิที่เป็นอยู่ตอนนี้จะหนาวเย็นแค่ไหน แต่สายลมที่พัดพาหมุนเวียนอยู่รอบกายของคนทั้งสองนั้นอบอุ่นและนุ่มนวลยิ่งนัก
…หากแม้ความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันเป็นเพียงภาพความฝันหรือจินตนาการ
แทมินคนนี้ก็พร้อมที่จะแลกทุกอย่างเพื่อที่จะหยุดมันไว้อย่างนี้ตลอดไป
“ แดนแห่งความฝันและจินตนาการ” ตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าแทมินตอนนี้ คือชื่อของสถานที่แห่งหนึ่งของสวนสนุก ที่แทมินเองไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ไม่เคยได้ลอง
ไปใช้บริการของมัน เพราะมันเองก็เพิ่งจะถูกให้เปิดใช้บริการเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เมื่อจัดการเรื่องตั๋วกับพนักงานที่ตรงทางเข้าเสร็จสรรพ
มินโฮก็จูงมือของแทมินให้เดินตามเค้าเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้
…ดินแดนแห่งความฝันและจินตนาการ
อาจเป็นเพราะผู้คนต่างพากันเลือกที่จะไปดูการแสดงพาเหรดของสวนสนุกที่วันนี้จัดขึ้นเ
ป็นพิเศษ ทำให้แทมินสังเกตได้ชัดว่า
ไม่ค่อยมีคนอยู่ในสถานที่ที่เค้ายืนอยู่นี่เลย
บรรยากาศภายใน เป็นบรรยากาศจำลองของเมืองสักแห่งในโลกที่แทมินเองก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน หรือมันอาจจะรวม
สถานที่สวยๆไว้ด้วยกันก็ได้ เพราะว่า ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามา ก็สัมผัสได้ถึงความสงบแต่สวยงามของมัน
แทมินกระชับ เสื้อกันหนาวของตัวเองแน่น สองแขนโอมตัวเองไว้จากความหนาวรอบกาย หิมะต่างค่อยๆโปรยปรายลงมาอย่างช้า
แทมินสังเกตเห็นกลุ่มหมอกที่จับตัวเป็นก้อนรูปหัวใจ สีสันสวยงาม บางก้อนก็เป็นสีฟ้า ชมพู หรือเขียว ต่างค่อยๆหล่นร่วงลงมา
จากเบื้องบนพร้อมๆกับหิมะอย่างช้า ๆ
ดวงตาคู่สวยมองก้อนประหลาดนั้นด้วยความตื่นเต้น แทมินมองมันค่อยๆร่วงหล่นก่อนจะตกถึงพื้นที่มีหิมะอยู่เต็มไปหมด
เมื่อก้อนประหลาดนั้นร่วงหล่นถึงพื้นมันก็จะสลายหายไปเป็นเนื้อเดียวกับหิมะ
คนตัวสูงแอบลอบมองภาพของผู้ชายตัวเล็กข้างเขา สายตาที่เหมือนเด็กๆเห็นของเล่นชิ้นใหม่แบบนั้น รอยยิ้มที่เสมือนถูกแต่งแต้ม
ให้งดงามที่สุด ดวงหน้าหวานที่มองทั้งใดก็แทบจะละลาย มันทำให้เค้าไม่อยากละสายตาไปจากความสวยงามเบื้องหน้าเลย
แม้จะอยากให้คนตัวเล็กได้ยืนมองความแปลกตา ของสิ่งแปลกใหม่ที่ทำให้เค้ามีความสุขกับมัน แต่มินโฮก็ต้องกุมมือคนคนตัวเล็กแล้วออกเดินอีกครั้ง ตลอดเส้นทางยังคงมีก้อนประหลาดนั่นร่วงหล่น ให้แทมินใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกมือหนาของคนตัวสูงกอบกุม
รอรับให้ก้อนประหลาดนั่น ร่วงหล่นใส่มือเรียวของเขา รอยยิ้มปรากฏเด่นชัดขึ้นเมื่อก้อนประหลาดร่วงมาถึงมือของเขา
และสลายหายไปราวกับมันไม่เคยมีมาก่อน
…ตอนนี้คนตัวเล็กของเขากำลังมีความสุข ความสุขของแทมิน ที่ควรจะมีมานานแล้ว
มินโฮพาแทมินเดินไปเรื่อยๆ สองข้างทางที่แทมินเห็นมีแต่สิ่งแปลกตาที่แทมินไม่เคยเห็นจากที่ใด แทมินคิดในใจว่า
คนที่คิดของแปลกๆแบบนี้ได้คงจะเก่งมากทีเดียว เพราะคงต้องใช้ทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์บวกกับจินตการ
สร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ ให้ออกมาน่าประทับใจผู้มาเยือนเช่นเค้า
สุดท้ายมินโฮก็พาแทมินมาหยุดอยุ่ที่จุดสูงสุดของดินแดนแห่งนี้ มันเป็นเมือนปราสาทในเทพนิยายที่แทมินเองก็เคยเห็นแต่
ในภาพยนต์เท่านั้น ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีใครมาใช้บริการเลย เพราะมีเสียงของดนตรีคลาสสิคเท่านั้นที่ดังอยู่ตั้งแต่แทมินเดินเข้ามาแล้ว
เสียงไพเราะหวานซึ้งของเครื่องดนตรีและภาพความสวยงามของพื้นที่เบื้องล่างที่แทมินมอ
งออกไปจากตรงนี้ ภาพของต้นไม้
ที่ถูกจัดอย่างสวยงาม มีโคมไฟอยู่ตลอดทำให้มองเห็นทางเดินต่อเนื่องกันเป็นเส้นสีสวย และภาพของก้อนประหลาดหลากสี
ที่ร่วงหล่นไปพร้อมกับหิมะ
แม้อากาศจะค่อนข้างหนาวแต่ก็ไม่อาจเป็นปัญหาสำหรับ อี แทมิน เพราะตอนนี้สิ่งที่เขากำลังมีอยู่ก็คือความสุข
ความสุขกับภาพของความสวยงามละแปลกตาที่ชวนให้มองและหลงใหล
ความสุขที่ได้อยู่กับคนที่รักเต็มหัวใจ คนที่รักมาเนิ่นนานและคงจะรักตลอดไป
แม้วันนี้ใครคนนั้นอาจจะจำความรักที่เค้ามอบให้ไม่ได้ก็ตาม
“แทมินมีความสุขจังเลยฮะ” ถึงแม้ว่าคนตัวเล็กจะไม่เอ่ยบอก เขาเองก็รู้ เพราะแววตาหวานนั้นมันฟ้องว่าคนตัวเล็กมีความสุขอย่างที่สุด
“แทมินไม่เคยรู้เลยนะฮะ ว่ามีที่แบบนี้ด้วย ขอบคุณพี่มินโฮนะฮะที่พาแทมินมา” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ละสายตาจากบรรยากาศนอกหน้าต่าง
หันกลับมายิ้มให้คนตัวสูง ที่ยืนยิ้มหวานอยู่ก่อนแล้ว
เขาปล่อยให้แทมินได้มีความสุขกับสิ่งรอบตัว ส่วนตัวเขาเองก็ได้แต่มองภาพของคนตัวเล็กที่ยืนยิ้มกับบรรยากาศรอบข้าง
ช่างเป็นภาพที่น่าจดจำยิ่งนัก
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน คนตัวเล็กก็ผละตัวเองออกจากบรรยากาศสวยงามนั้นแล้วค่อยๆนั่งลงกับพื้น ก่อนจะค่อยเอนตัวผิงกับผนัง
มินโฮเห็นเช่นนั้นเขาก็เลยเดินช้าๆ ก่อนหย่อนตัวลงข้างๆคนตัวเล็ก
“แทมินไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว” เสียงหวานที่ดังขึ้นทำให้มินโฮหันไปมอง ก่อนจะหันกลับมาเหมือนเดิมแล้วพูดขึ้นว่า
“เพราะอะไรล่ะแทมิน” คนตัวสูงกล่าวออกไปโดยที่สายตายังคงมองไปข้างหน้า
“เพราะแทมิน เคยคิดว่าสายลมหยุดพัก สายลมที่เคยอบอุ่นกลับกลายเป็นสายลมที่หนาวเย็น แต่ตอนนี้แทมินรู้แล้วว่า
สายลมไม่เคยหยุดพัก และสายลมยังคงอบอุ่นเสมอ แทมินเข้าใจผิดไปเองฮะ แต่วันนี้แทมินเข้าใจทุกอย่างแล้ว”
เสียงหวานค่อยๆเปล่งออกมา บวกกับสายตาที่เป็นประกายเล็กๆ บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกเช่นไร
และคนข้างๆเขาไม่ได้พุดอะไรออกมา
“แทมินพูดอะไรเนี่ย พี่มินโฮไม่ต้องใส่ใจหรอกฮะ อืม…พรุ่งนี้พี่มินโฮต้องไปแล้วสินะ”คนตัวเล็กพูดเสร็จก็ค่อยๆก้มหน้า
ก่อนจะค่อยหลับตาช้าๆ เพื่อคิดทบทวนกับตัวเอง แล้วน้ำเสียงนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า
“งั้นแทมิน สัญญากับพี่ได้ไหม ว่าแทมินจะมีความสุขแบบนี้ตลอดไป” คำพูดนั้นทำให้คนตัวเล็กค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ มองหน้าคนข้างๆ สายตาที่แทมินมองอยู่นั้นช่างดูมีความหมาย เขาเองก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่มินโฮพูด แต่ก็เลือกที่จะพยักหน้ารับเบาๆ
“แทมินต้องมีความสุขสิฮะ เพราะแทมินมีสายลมอยู่กับแทมินตลอดมา และคงตลอดไป” แทมินสบตาคนข้างๆ
ใบหน้าคมเข้มนั้นค่อยยิ้มออกมาอย่างช้าๆ
เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ มือเรียวขยี้มันเบาๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น อย่างเต็มที่ มองสำรวจบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นตาของปราสาทเทพนิยายแห่งนี้ ก่อนที่แทมินยกศีรษะขึ้นจากการซบไหล่ของคนข้างๆ แล้วหันไปมองมินโฮที่ยังคงหลับสบายอยู่อย่างนั้น
แทมินมองภาพของใบหน้าคมเข้มนั้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะคิดบางอย่างในใจ
‘ขอโทษนะฮะพี่คีย์ ผมขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว และจะเป็นครั้งสุดท้าย ผมสัญญา’
ดวงหน้าหวานค่อยๆโน้มเข้าไปใกล้ใบหน้าคมเข้มก่อนจะค่อยๆสัมผัสกับแก้มเนียนนุ่มของคน
ที่กำลังหลับพริ้มอย่างนุ่มนวล ก่อนจะค่อยๆผละออกมา
…คิดถึงที่สุด และจะเก็บมันไว้คิดถึงตลอดไป
ภาพของดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่ขึ้นจากเส้นขอบฟ้า กับสายลมที่พัดโชยพร้อมๆกับเกลียวคลื่นที่แม่น้ำที่อยู่เบื้องหลังของคนทั้งคู่
เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่แทมินไม่เคยสัมผัส เพราะเขาเองก็เคยเห็นแต่เพียงภาพของดวงอาทิตย์ที่หายไปกับสายน้ำ
ภาพของดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่จากเส้นขอบฟ้าขึ้นมาแบบนี้ก็สวยงามไม่แพ้กัน
“ดวงใจจะอยู่เพื่อสายลมตลอดไปฮะ” แทมินเปล่งเสียงสุดเสียงกับบรรยากาศตรงหน้าเขา ให้กับผู้ชายที่อยู่ข้างๆเขา
…แม้ผู้ชายคนนี้ อาจจะไม่เข้าใจมันก็ตาม
คนสองคนๆค่อยหย่อนตัวลงนั่งกับพื้นหญ้านุ่มช้าๆ มองภาพเบื้องหน้าที่แสนจะคุ้นเคยอีกครั้ง
“นี่แทมิน เล็บยาวนะ ให้พี่ตัดให้นะ พี่มีที่ตัดเล็บ”ว่าแล้วมินโฮกับหยิบที่ตัดเล็บในกระเป๋ากางเกงออกมา
แทมินมองภาพนั้นด้วยความตกใจ บรรยากาศเก่าๆที่กำลังกลับมา
จะมีผู้ชายสักกี่คนที่พกที่ตัดเล็บไว้กับตัว ถ้าไม่ใช่สายลมของเขา…ชเวมินโฮ
มินโฮค่อยๆเอื้อมมือไปประคองมือเรียวของคนตัวเล็กช้าๆ ก่อนจะค่อยๆตัดเล็บที่ค่อนข้างยาวแล้วของแทมินอย่างเบามือ
ภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ดูจริงจังกับการตัดเล็บ เพียงเพราะเป็นเล็บของคนรักของตน กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าแทมินอีกครั้ง
แทมินมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หยาดน้ำใสๆกำลังจะไหลออกมา แต่เขาต้องพยายามยับยั้งมันไว้ไม่ให้ไหลออกมา
เขาจะไม่ให้ผู้ชายคนนี้ต้องเห็นน้ำตาของเขาเป็นอันขาด…ขอแค่เพียงจดจำภาพนี้ ความอบอุ่นแบบนี้ไว้ตลอดไป
…ขอบคุณสายลม ที่มอบความอบอุ่นให้แทมินมาเสมอ
สุดท้ายคนทั้งสองก็มาหยุดอยู่ที่รั้วสีขาวของบ้านหลังหนึ่ง นานมากแล้วที่แทมินไม่ได้เดินกลับบ้านกับพี่มินโฮของเขาอย่างนี้
นานมากแล้วจริงๆ และนี่ก็คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ใช้เวลาก่อนกลับบ้านกับคนที่เขารักสุดหัวใจ
“พี่ดีใจที่ได้รู้กับแทมินนะครับ” คนตัวเล็กมองงใบหน้าคมเข้มอีกครั้ง แทมินค่อยๆยิ้มก่อนจะตอบว่า
“แทมินก็ดีใจฮะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เดินทางปลอดภัยนะฮะ” ถึงเวลาที่เขาต้องคืนมินโฮให้กับพี่คีย์แล้ว
ต่อจากนี้คงไม่ได้เห็นแววตาแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ ใบหน้าแบบนี้อีกต่อไป…
ตอนนี้หยาดน้ำใสๆมันก็จะไหลออกมาซะให้ได้ แต่เขาก็ต้องข่มกลั้นมันไว้แต่เพียงในใจ ตอนนี้หัวใจของเขาได้ถูกเติมเต็มอีกครั้งแล้ว การได้หายใจพร้อมๆกับคนที่คิดถึงอย่างสุดหัวใจอีกครั้ง ก็คือ…ความสุขที่สุดแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ร้องไห้อีกแล้ว…แทมินสัญญา
“แทมินจะต้องมีความสุขตลอดไปนะครับ” แทมินค่อยๆพยักหน้ารับกับมินโฮอีกครั้ง มองใบหน้าเข้มที่แสนรักเนิ่นนานเป็นครั้งสุดท้าย
เพื่อจะขอจดจำมันไว้ในความทรงจำและหัวใจตลอดไป ก่อนที่จะค่อยๆหันหลังเดินกลับบ้านเข้าบ้านไป
มินโฮมองแผ่นหลังของแทมินที่ค่อยๆห่างออกไปทุกทีๆ จนคนตัวเล็กหายเข้าไปในบ้านหลังนั้น เขายืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง
ก่อนจะค่อยๆ หันหลังเดินกลับไปยังเส้นทางของเขา
…จะไม่พูดว่าลาก่อน เพราะเราไม่เคยจากกันไปไหน เรายังคงอยู่ด้วยกันเสมอมาและ จะอยู่ด้วยกันตลอดไป เมื่อใดที่ฉันสัมผัสได้ถึงสายลมที่อ่อนโยน เมื่อนั้นฉันรู้ว่าฉันยังคงมีเธออยู่…อยู่กับฉัน
…เรายังคงอยู่ด้วยกันอย่างที่ไม่มีสิ่งใดมาพรากเราให้ต้องจากกัน ไม่มี…
หลายเดือนก่อน
‘นี่มินโฮ เอาจริงเหรอ ที่จะให้คีย์แฟนฉันแกล้งเป็นแฟนนายแล้วไปบอกน้องแทมินว่านายความจำเสื่อมเนี่ยนะ’
อีจินกิ เพื่อนสนิทของมินโฮที่รู้จักกันเพราะพ่อของคิมคิบอมแฟนเค้าเป็นแพทย์เจ้าของไข้ และรักษามินโฮมาตลอด
มินโฮได้รับการรักษาจนหายดี ไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆจนน่าแปลกใจ ถึงแม้ว่ามินโฮได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่ศีรษะ
แต่เขากลับไม่เป็นอะไรเลย
หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็ตัดสินใจให้มินโฮเรียนต่อที่อเมริกา ทั้งสามก็เลยเป็นเพื่อนสนิทกันเรื่อยมา เรียนโรงเรียนเดียวกันก่อนที่คีย์จะกลับมาเรียนในชั้นมหาวิทยาลัยที่โซล
แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาล มินโฮกลับมาทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา ทำได้แค่ให้ยาบรรเทาอาการเท่านั้น
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พ่อกับแม่ไม่อนุญาตให้เขากลับโซลเลย
…แม้เค้าจะอยากกลับไปหาดวงใจของเขา กลับไปหาคนที่เค้าคิดถึงมากที่สุดก็ตาม
แต่โชคชะตาก็เป็นใจ เมื่อวันหนึ่ง คิบอมได้ส่งรูปถ่ายของตนกับหนุ่มรุ่นน้องคนสนิทมาให้จินกิดู
มินโฮจึงตัดสินใจที่กลับไปหาคนรักของเขาเป็นครั้งสุดท้าย กลับไปเจอหน้าและแววตาที่แสนคิดถึง ก่อนที่เขาจากโลกนี้ไป
‘อืม เพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้แทมิน เลิกเจ็บปวดสักที ให้แทมินรู้ว่าฉันสบายและมีความสุขดี’
‘แล้วทำไมแกไม่บอกความจริงกับน้อง แล้วใช้เวลาที่เหลืออยู่คบกับน้องแทมินอีกครั้งล่ะวะ ฉันว่าน้องต้องเข้าใจ’
‘ถ้าฉันทำอย่างนั้น แทมินก็จะมีความสุขแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆของฉันที่เหลืออยู่
เมื่อฉันจากไปแทมินก็จะโดดเดี่ยวและเจ็บปวดอีกครั้ง…
คนที่จากไปอย่างฉันน่ะ ไม่เจ็บปวดเท่าแทมินที่ต้องทนอยู่ต่อไปโดยไม่มีฉันหรอก’การกลับไปหาดวงใจของเขาครั้งสุดท้าย คือการกลับไปเติมเต็มหัวใจและทำให้แทมินของเขามีความสุขอีกครั้ง และเขาก็ได้เห็นแล้วว่า
มีจงฮยอนที่พร้อมจะดูแลแทมินด้วยความรักและจริงใจ มีเพื่อนที่แสนดีอย่างคูอาราคอยให้กำลังใจ
และแทมินของเขา เข้มแข็งมากแค่ไหน แทมินของเขาจะต้องอยู่ได้โดยไม่มีเขา แทมินของเขาจะต้องมีความสุขที่สุด
ดวงใจของเขาจะต้องดำรงอยู่ต่อไปเพื่อเป็นตัวแทนของเขา เป็นตัวแทนความรักของเขาตลอดไป…ณ ที่แห่งเดิม สายลมยังคงพัดพาเอาความอบอุ่น มาให้กับสิ่งต่างๆในบริเวณนั้น ภาพของเหล่าเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
ต่างมีความสุขกับสายลมที่แสนอบอุ่น บรรยากาศของทุ่งหญ้าที่ปลิวไสวเพราะแรงลมอ่อนๆนั้น ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
ถูกกลืนกินไปกับแม่น้ำเบื้องหน้าที่เปล่งประกายระยิบระยับ แสงสุดท้ายของวันที่ประกายทอแสงสีส้มออกมาเพื่อรอเวลา
ที่มันจะกลับมาอีกครั้งในวันใหม่…
สายลมไม่เคยหยุดพัก ยังคงหมุนเวียนเพื่อนำพาความอบอุ่น นุ่มนวล และอ่อนโยน มันพัดไปทุกที่ ไม่มีที่ใดที่มันไปไม่ถึง
โดยเฉพาะดวงใจของมันเอง …
สายลมจะหมุนเวียนเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจให้คงอยู่ตลอดไป และดวงใจจะอยู่เพื่อสัญญาแห่งสายลมไปอีกนานเท่านาน….
End
Talk
พล็อตนี้เศร้าที่สุดแล้ว แต่จุดประสงค์ของเรื่องนี้ แค่อยากจะให้รู้ว่า
“ชเวมินโฮรักแทมินแค่ไหน ผู้ชายคนนี้แหละที่รักแทมินมากกว่าใคร และสายลมสายนี้หยุดที่อี แทมิน เพียงคนเดียว”
และ
“อี แทมิน ก็รักชเวมินโฮมากเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องครอบครอง แค่มินโฮมีความสุข แทมินก็สามารถมีความสุขได้ตลอดไป”
นี่แหละค่ะ รักที่เป็นรักโดยสมบูรณ์
ยังไงฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของมิตรรักแฟนฟิคด้วยนะคะ ฮ่าฮ่า ตั้งใจมากๆๆๆ เรื่องนี้
เพราะฉะนั้นขอคอมเม้นท์ติชมด้วยน้า เม้นมากเม้นน้อยไม่ว่าเลยค่ะ แค่เม้นก็ดีใจแล้ววว อิอิ เค้าจะมีกำลังใจมากๆเลย ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะ^^
ขอบคุณนะคะ^^
ความคิดเห็น