ตอนที่ 2 : [One-Shot] Manen (WenGi)
“วันนี้ก็กลับดึกหรอ ให้ฉันรอมั้ย...อืม รีบๆกลับล่ะ แค่นี้นะ”
ปลายสายตัดไปได้สักพักแล้วแต่ตัวเธอกลับยังคงถือสายค้างเอาไว้อยู่อย่างนั้น รอจนเวลาไหลผ่านไปสักพักถึงจะค่อยเลื่อนมันออกจากใบหู
นี่ก็ผ่านมาจะสองสัปดาห์แล้วที่ ‘คังซึลกิ’ แฟนสาวของเธอต้องทำโปรเจคไฟนอลบ้าบอคอแตกอะไรสักอย่างกับเพื่อนๆในสาขา จนไม่มีเวลาให้เธอเหมือนอย่างเคย
แต่จะทำไงได้ล่ะ จะให้วีนแตกทำตัวงี่เง่าแบบแฟนคนอื่นก็ไม่ใช่นิสัยของ ‘ซนซึงวาน’ คนนี้เสียด้วยสิ พจนานุกรมของเธอมีแต่คำว่า ‘โอเค’ แม้ว่าในใจจะรู้สึก ‘ไม่โอเค’ เลยก็ตาม
“ฮัลโหล… พี่จูฮยอนว่างคุยมั้ยคะ… ค่ะ ใช่ค่ะ”
ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมบอกว่ารู้สึกยังไงของเธอมันล้นทะลักจนจุกอก ทางออกที่ดีที่สุดคือการระบายให้ใครสักคนนึงฟัง และคนคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่จูฮยอน พี่สาวแท้ๆของเธอเนี่ยแหละ
‘พี่รู้ว่าเราน้อยใจแฟนตัวเองนะ แต่เราเล่นไม่พูดไม่ว่าอะไรเลย เขาจะรู้มั้ยว่าใจจริงเราไม่โอเค’
จูฮยอนได้แต่พูดประโยคเดิมๆเตือนสติน้องสาวตลอดเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ถามว่าได้ผลมั้ย ก็ไม่…
“พี่รู้ใช่มั้ยว่าฉันติดการนอนกอดซึลกิแค่ไหน แล้วดูสิมันเล่นกลับดึกขนาดนี้ บางวันไม่กลับก็มี มันลืมไปแล้วรึไงว่าฉันติดมันมากแค่ไหนอ่ะ”
และประโยคประมาณนี้จูฮยอนก็ได้ยินเป็นรอบที่ล้านได้แล้วตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
‘พี่รู้ แต่แกไม่ยอมพูดกับซึลกิเอง พี่จะช่วยอะไรแกได้’
“พี่จูฮยอนอ่า…”
‘เฮ้อ! เอางี้ละกันนะซึงวาน พรุ่งนี้เราว่างมั้ย’
“ก็… ว่างค่ะ พี่จูฮยอนมีอะไรหรอคะ”
‘ก็ไม่มีอะไร พรุ่งนี้พี่ว่าจะไปเดินเล่นที่ห้าง ไปเดินเป็นเพื่อนหน่อยดิ’
พาไปเปิดหูเปิดตาบ้างคงช่วยให้ยัยน้องสาวจอมฟุ้งซ่านหายบ้าไปได้วันนึงกระมัง จูฮยอนได้แต่คิดในใจแบบนั้น
วันต่อมา
จูฮยอนนัดซึงวานออกมาเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากคอนโดของซึงวานและซึลกิมากนัก คนเป็นพี่ลากน้องไปกินโน่น เดินชมนี่เรื่อยเปื่อยตามประสาพี่น้อง ถึงแม้ว่าพวกเธอสองคนจะมาเดินห้างนี้บ่อยก็เถอะ แต่เพราะมัวแต่กังวลเรื่องของซึลกิมาตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยมั้งที่ทำให้ซึงวานดูจะตื่นตาตื่นใจเมื่อได้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ
“ไม่ได้มาเดินแปปเดียวเอง มีร้านเปิดใหม่เพียบเลยหรอคะ”
“ช่ายยยย มัวแต่คิดมากเรื่องซึลกิล่ะสิ เป็นไงล่ะ ไม่ทันโลกเลยนะยะ”
ตอกย้ำน้องสาวด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าซึงวานทำหน้างอง้ำใส่
“อะไรกัน แค่พูดแทงใจดำนิดหน่อยทำมาเป็นงอนพี่นะยะ”
จูฮยอนหัวเราะออกมาอีกครั้งเมื่อซึงวานทำท่ากอดอกหันมองไปทางอื่น แต่ก็ต้องชะงักเมื่อซึงวานหยุดเดินก่อนจะเรียกให้เธอเดินตามไปยังร้านนึง
มันเป็นร้านขายตุ๊กตาร้านใหญ่ที่มีป้ายภาษาญี่ปุ่นแปะโชว์ดูน่ารัก ภายในร้านเต็มไปด้วยเด็กหญิงตัวน้อยๆ เด็กบางคนกอดตุ๊กตาภายในร้านนี้ไว้แน่นเหมือนได้เจอกับเพื่อนใหม่ เด็กบางคนก็ชี้ชวนผู้ปกครองให้เลือกชมตุ๊กตาไปด้วยกัน
“เอ… มีร้านแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ”
จูฮยอนพึมพำอย่างฉงน เธอจำได้ว่าสัปดาห์ก่อนที่มายังไม่เห็นร้านนี้ตั้งอยู่เลยนะ
“หว่ายยย ว่าแต่ฉันไม่ทันโลก พี่จูฮยอนก็ไม่ทันโลกเหมือนกันแหละค่ะ”
ซึงวานพูดพลางทำหน้าล้อเลียนจนโดนจูฮยอนเขกมะเงกไปทีนึงโทษฐานกวนโอ๊ย
จูฮยอนมองน้องสาวตัวแสบเดินดูตุ๊กตาภายในร้านอย่างสนอกสนใจ ท่าทางที่ดูตื่นเต้นเหมือนตอนเด็กๆก็อดทำให้เธอรู้สึกเอ็นดูน้องสาวตัวเองเสียไม่ได้ เห็นเจ้าตัวแสบหยิบตุ๊กตาตัวนึงมากอดไว้ก็นึกไอเดียอะไรดีๆได้
“ซึงวานไม่ลองซื้อตุ๊กตาสักตัวไปนอนกอดแทนซึลกิดูล่ะ เผื่อจะหลับง่ายขึ้น”
ซึงวานชะงักมือที่กำลังจะวางตุ๊กตาตัวนั้นกลับชั้นวางของ หันมาสบตากับพี่สาวแท้ๆก่อนจะทำตาโตเป็นประกายวิบวับเหมือนเด็กน้อยที่ผู้ปกครองอนุญาตให้กินขนมได้
“ความคิดดีมากเลยพี่จูฮยอน งั้นฉันเอาตัวนี้ดีกว่า”
ว่าจบก็คว้าตุ๊กตาชิพมังก์ตัวใหญ่มากอดไว้แนบแก้มก่อนจะหันมาหาจูฮยอนเพื่อขอความเห็น พอจูฮยอนพยักหน้ารับเป็นเชิงบอกว่าโอเค เจ้าตัวแสบก็รีบวิ่งแจ้นไปจ่ายเงินทันที
“ไม่ยอมโตเลยจริงๆ”
ได้แต่บ่นน้องสาวตัวเองขำๆคนเดียว
พอกลับมาถึงห้อง ซึงวานก็พาตุ๊กตาชิพมังก์ตัวนั้นวางลงบนเตียงนอนของเธอกับซึลกิและเดินไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนจะกลับมานอนลงยังเตียงนอนข้างๆกับเจ้าตุ๊กตา
“ฮัลโหล วันนี้จะกลับมานอนที่ห้องมั้ยเนี่ย อืม… ถ้าไม่กลับก็ไลน์ทิ้งไว้บ้าง ตื่นมาไม่เจอแกฉันเป็นห่วงนะ”
เผลอหยิบมือถือกดโทรหาคนรักด้วยความเคยชิน เมื่อคืนซึลกิไม่ได้กลับมานอนที่ห้องอย่างที่ได้บอกกับเธอเอาไว้ จนเมื่อเธอตื่นนอนมาไม่พบอีกคนนั่นล่ะ ถึงได้รู้ อยากจะโกรธอยากจะงอนใจแทบขาด แต่พอคิดว่าซึลกิต้องทำโปรเจคส่งก็ต้องกดทิฐิลงเหลือเพียงความน้อยใจ
“มันลืมไปแล้วมั้งว่าฉันติดการนอนกอดมันมากแค่ไหน”
ซึงวานหันมาบ่นกับเจ้าตุ๊กตาชิพมังค์ด้วยน้ำเสียงเง้างอด ยกมือลูบหัวตุ๊กตาก่อนจะคว้าเข้ามากอดไว้กับอกแน่นๆ
“แต่ไม่เป็นไรหรอกวันนี้ฉันมีแกมานอนเป็นเพื่อนแล้ว คงไม่เหงาแล้วล่ะ…”
ได้แต่พูดเสียงดังๆเหมือนบอกกับตัวเองมากกว่าบอกกับเจ้าตุ๊กตาในอ้อมกอด ซึงวานเลื่อนมือลูบตุ๊กตาไปเรื่อยๆก่อนมือจะไปเลื่อนเจอกับอะไรสักอย่างบนตัวเจ้าตุ๊กตา
ซึงวานลุกขึ้นไปเปิดไฟที่หัวเตียง พลิกตัวตุ๊กตาหาสิ่งแปลกปลอมที่ว่าก่อนจะเจอกับป้ายราคาที่เจ้าตัวลืมดึงออก
“อะไรเนี่ย...อ่านไม่ออก”
ซึงวานบ่นพึมพำกับตัวเองขณะใช้สายตาเพ่งมองป้ายนั้นจากแสงไฟสลัวๆ มันเป็นป้ายราคาที่มีตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นเขียนเอาไว้ ด้านล่างสุดเป็นบาร์โค้ดที่มีตัวเลข ‘Y10,000’ กำกับเอาไว้
“เจ้าตัวนี้ราคาหมื่นเยนเลยหรอ อืม… หมื่นเยน…”
พึมพำในลำคอวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นก่อนจะนึกอะไรดีๆได้
“หมื่นเยนงั้นหรอ... งั้นแกชื่อ ‘มาเน็น’ ไปแล้วกันเนอะ”
พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็กดปิดไฟก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกอดเจ้ามาเน็นแน่นแล้วผล็อยหลับไป
“วานอา ฉันกลับมาแล้ว”
คล้อยหลังจากที่ซึงวานนอนหลับไปได้สักพักใหญ่ ซึลกิก็เข้าห้องมา คนหน้าหมีบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นดังเป๊าะก่อนจะเดินไปเปิดไฟภายในห้องพลางเรียกชื่อคนรัก
“...”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่คุณเรียก ซึลกิเดาว่าซึงวานคงหลับไปแล้วเลยเดินย่องมายังห้องนอนเห็นคนตัวเล็กของเขานอนกอดเจ้าตุ๊กตาชิพมังก์สบายใจจนเขาต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
‘นี่ถึงกับหาตุ๊กตามานอนกอดแทนฉันเลยหรอ’
ได้แต่คิดขำๆก่อนจะส่ายหัวให้กับคนตัวเล็ก ซึลกิค่อยๆย่องออกมาจากห้องนอนด้วยไม่อยากกวนเวลานอนของคนรัก เขาจัดการชำระร่างกายให้เรียบร้อย ปิดไฟภายในห้องและกลับมาทิ้งตัวลงนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ข้างๆเจ้าตุ๊กตาที่ซึงวานนอนกอดอยู่
“ฝันดีนะคะ”
เอื้อมมือไปลูบหัวคนรักเบาๆก่อนจะผล็อยหลับไปอีกคน
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนรุ่งสาง เช้าวันใหม่วนกลับมาอีกครั้ง...
ซึงวานขยับเปลือกตาขึ้นช้าๆ โดยนิสัยเธอเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว ไม่แปลกถ้าเธอจะรู้สึกตัวตื่นเมื่อแสงแดดจากดวงอาทิตย์ส่องลอดผ่านเข้ามาภายในห้องนอนและตกกระทบยังเปลือกตาของเธอ
เธอกลอกตาไปมาก่อนสายตาจะมาหยุดลงยังเจ้ามาเน็นในอ้อมกอดของเธอ นึกขอบคุณพี่จูฮยอนที่แนะนำให้เธอซื้อเจ้าตุ๊กตาตัวนี้มา มันทำให้เธอนอนหลับสนิทได้ตลอดคืน
แต่พอเธอตั้งท่าจะลุกออกจากเตียงกลับรู้สึกหนักๆที่ช่วงเอว เอะใจจนต้องพลิกตัวหันไปมองคนหน้าหมีที่นอนกรนกอดเธอเอาไว้แน่นจนเธอนึกขำ
“กลับห้องมาตอนไหนเนี่ย... ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ เช้าแล้ว… ซึลกิยา”
เรียกชื่อคนที่นอนหลับอุตุน่าเอ็นดูเหมือนเด็กๆ ปากก็เรียกให้คนขี้เซาตื่น มือก็เลื่อนไปจับไปลูบตามใบหน้าหมีๆนั่นจนอีกคนรู้สึกตัว
ซึลกิค่อยๆปรือตามองคนในอ้อมแขนตัวเองก่อนจะมองผ่านไหล่ซึงวานไปเห็นเจ้าตุ๊กตาชิพมังก์นอนแอ้งแม้งอยู่ด้านหลัง ไม่รู้ตัวจริงๆว่าตัวเองนอนกอดคนตัวเล็กตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่มีอะไรมาคั่นกลางระหว่างเขากับซึงวานแล้วก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรอีก
“ยังจะมานอนต่ออีกหรอ ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ซึงวานเริ่มขึ้นเสียงอีกครั้งเมื่อคนรักของเธอซุกหน้าลงกับอกของเธอก่อนจะกอดเธอไว้เสียแน่นแล้วทำท่าจะหลับลงไปใหม่อีกครั้ง เอามือดันทั้งดันทั้งผลักให้คนหน้าหมีเลิกงอแงกอดเธอเสียที
“อะไรเล่า นานๆทีฉันจะได้กลับมานอนกอดซึงวานนะ จะผลักไสฉันออกไปไหนอีกล่ะ”
ปากก็บ่นว่าเช่นนั้น มือไม้ก็ยิ่งกอดร่างบางแน่นขึ้นเข้าไปอีกจนสุดท้ายเป็นซึงวานเสียเองที่ยอมแพ้และเลือกกอดตอบคนหน้าหมีแทน
“ว่าแต่ กลับห้องได้เนี่ยงานเสร็จแล้วหรอ”
ซึงวานถามขึ้นหลังจากที่ทั้งสองตื่นนอนอีกครั้ง ซึลกิที่กำลังตักข้าวเช้าพ่วงข้าวเที่ยงเข้าปากมองสบตาคนรักก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“ช่ายยยย เสร็จไวกว่าที่คาดไว้ตั้งวันนึง ฉันก็รีบขอตัวกลับมานอนกอดแกเลยนะ เป็นไงล่ะ น่ารักใช่ม้าาา”
ซึลกิพูดโอ้อวดความดีงามของตัวเองสลับกับตักข้าวเข้าปากจนโดนซึงวานเอ็ดเรื่องที่เคี้ยวข้าวไปพูดไป
“จ้ะ น่ารักจ้ะ”
“ตอบหวานๆให้ฉันชื่นใจหน่อยไม่ได้หรอวานอา”
“ไม่ได้”
พออยู่ด้วยกันสองคนเธอก็เป็นแบบนี้เสมอ ไม่มีครั้งไหนที่คุยกับซึลกิแล้วจะพูดอะไรที่ตรงกับใจตัวเอง ต้องขอบคุณซึลกิที่เข้าใจว่าเธอเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ แต่จะดีกว่านี้ถ้าเขาอ่านใจเธอได้ว่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้สึกน้อยใจเขาแค่ไหน
คิดถึงตรงนี้ก็อดน้อยใจขึ้นมาอีกครั้งเสียไม่ได้ ทั้งๆที่ซึลกิก็รู้ใจเธอมาตลอดแท้ๆ ทำไมกับเรื่องนี้ถึงไม่รู้ตัวกันนะ
ซึลกิพอเห็นซึงวานเงียบไปก็ทำได้เพียงนั่งมองอย่างฉงน เมื่อกี้ยังดูอารมณ์ดีอยู่นี่นา ทำไมจู่ๆถึงได้ดูนิ่งไปแบบนั้น
“นี่ๆ นึกไงถึงซื้อตุ๊กตาตัวนั้นมาล่ะ”
ซึลกิเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นท่าไม่ดี
“ก็...เอามานอนกอด... ก็ฉันนอนไม่หลับอ่ะ”
“อ๋อ จริงสิ แกติดนอนกอดฉันนี่หว่า”
“...”
“เฮ้ ทำไมถึงเงียบล่ะ อย่าบอกนะว่าน้อยใจที่ฉันไม่อยู่ให้นอนกอดน่ะ”
พอเห็นซึงวานนิ่งไป เขาถึงนึกขึ้นได้ว่าคนรักของตนติดการนอนกอดเขาแค่ไหน
“โธ่! แล้วก็ไม่บอก ถ้าฉันรู้ว่าการที่ฉันไม่ค่อยกลับห้องมันทำให้แกนอนไม่หลับนะ ฉันจะไม่ทำงานจนลืมเวลาแบบนี้หรอก”
ไม่พูดเปล่า คนหน้าหมีลุกขึ้นเดินไปในห้องนอน ซึงวานหน้าเสียเล็กน้อยที่ซึลกิไม่ได้เดินมากอดปลอบเธออย่างที่ควรจะเป็น แต่คิดอย่างนั้นได้ไม่นานก็ต้องประหลาดใจที่ซึลกิอุ้มเจ้ามาเน็นออกมา
“เจ้าตุ๊กตาตัวนี้ชื่ออะไรอ่ะ แกได้ตั้งชื่อให้มันไว้ป่ะ”
“มาเน็น”
“ห้ะ…”
“ชื่อมาเน็น… ทำไม จะว่าฉันตั้งชื่อไม่ดีหรอ?”
ถามพลางทำตาขวางมองคนหน้าหมีที่รีบโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“บ้าหรอ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ… แกชื่อมาเน็นเองหรอ ชื่อน่ารักสมกับที่แม่แกตั้งให้เลยนะ”
“อะไร ใครแม่!”
“อ้าว ก็แกซื้อมาเน็นมานอนกอดเพราะทนคิดถึงฉันไม่ไหวไม่ใช่ไง งั้นเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ก็ต้องเป็นตัวแทนความรักระหว่างฉันกับแกไง เนอะมาเน็นเนอะ”
ซึลกิโมเมเองเสร็จสรรพก่อนจะดึงฟันเจ้ามาเน็นเล่น
“ย๊า! อย่าดึงฟังลูกแบบนั้นนะคังซึลกิ!!”
“ยอมรับแล้วหรอว่าเป็นลูกเรา มาเน็นนี่เก่งจังเลยเนอะทำหม่าม๊าปากตรงกับใจได้สักที”
“...”
“ยังจะมองอยู่อีก ไม่มาเอาลูกเธอไปกอดหน่อยไง”
ซึลกิว่าพลางยื่นมาเน็นมาทางเธอ แต่พอซึงวานเดินมารับเจ้ามาเน็นไปกอดไว้แต่โดยดี ซึลกิก็เดินมากอดเธอจากด้านหลังแล้วดึงฟันเจ้ามาเน็นเล่นต่อ
“นี่! เลิกดึงฟันมาเน็นเล่นสักทีจะได้มั้ย!”
“มาเน็นดูสิ หม่าม๊าดุปะป๊าใหญ่เลย สงสัยปะป๊าต้องหอมแก้มหม่าม๊าไถ่โทษซะหน่อยแล้ว โอ๊ย! ทุบกันงี้เลยหรอ!”
ซึลกิร้องอวดครวญเมื่อถูกคนตัวเล็กทุบไหล่เสียดังอั้ก ซึงวานหัวเราะร่า รู้สึกว่าได้ความสุขแบบที่เธอต้องการกลับมาอีกครั้ง จะต่างจากเดิมก็ตรงที่ครั้งนี้พวกเธอทั้งสองมีพยานรัก(?)เป็นโซ่ทองคล้องใจอย่างมาเน็นเพิ่มมาอีกตัวด้วยเนี่ยสิ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
