คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : EP.2 ไม่เข้าใจ....ฉันไม่เข้าใจเลย???
แม้ตอนนี้เวลาจะล่วงเลยจนพระอาทิตย์คล้อยต่ำแล้วก็ตาม ทุกคนในชมรมร้องเพลงบอกลาแจบอมรุ่นพี่เจ้าของชมรมร้องเพลงแสนขยันซ้อม ที่ยังไม่คิดจะกลับบ้านตามใครๆ
"บายนะพี่เจย์ อย่าซ้อมจนดึกเกินไปล่ะ" เด็กในชมรมเอ่ยลารุ่นพี่ก่อนจะเดินออกไปทีละคน
ตอนนี้คงเหลือเขาคนเดียวแล้วสิน่ะ.....
แอ๊ด!!
"แจบอม!!"
"อะไรกันเนี่ย! อ๊ก แทคยอน บ้านช่องนายไม่กลับหรือไงห๊ะ"
ชายหนุ่มร่างยักษ์ กำยำ แข็งแรง กำลังมองเขาแบบเด็กน้อยน่ารัก ซึ่งขัดกับหน้าตาคมเข้มโดยสิ้นเชิง
"นิชคุณล่ะ?"
"คำถามเดิมอีกแระ!!"
"ชานซองล่ะ?" แจบอมยังคงถามต่อโดยไม่สนอารมณ์คนตรงหน้า
"งั้น...ก็คำตอบเดิม"
กวนส้น(...) แจบอมคิด ตอนนี้เขากำลังเครียดกับการซ้อมร้องเพลงและฝึกเด็กใหม่ที่เข้ามาชมรมในปีนี้แต่ ไอ้เหยินยักษ์ตรงหน้ากลับยังตอบคำถามกวนบาทาขัดใจเขาอยู่เสมอ
"แล้วนายล่ะ เมื่อไหร่จะเลิกซ้อมสักที?"
"คิดว่าเก็บของเสร็จก็กลับอ่ะ"
"งั้น....คืนนี้ล่ะ!!" ถ้าตอนนี้แจบอมซ้อมเสร็จแล้ว อาจจะมีเวลาว่างพอจะออกไปเที่ยวกับเขาในคืนนี้ก็ได้ แทคยอนคิดและยิ้มรับรอฟังคำตอบ
"คืนนี้หรอ....อืม....งั้นคืนนี้...
แอ๊ดดด!! เสียงเปิดประตูเรียกความสนใจจากคนทั้งสอง
"ปาร์ค แจบอม!!!"
เวรกรรม...มารเข้าแทรก ทั้งๆที่แทคยอนกำลังรอฟังคำตอบอยู่แท้ๆ แต่นิชคุณกลับเข้ามาขัดจังหวะ แถมยังมาพร้อมกับไอ้รอยยิ้มโลกสดใสนั้นด้วย เซ็งโว๊ย!!! >0<
"อ้าว นิชคุณทำไมมานี่ได้อ่ะ"
"พอดีผ่านมา เลยคิดว่าจะมาชวนพวกนายออกไปดื่มกันสักหน่อย ตอนนี้ชานซองมันก็ไปรอพวกนายอยู่ก่อนแร้วด้วย"
"ปาร์ค แจบอม!! คืนนี้ล่ะ" ก่อนที่จะเสียเวลามากกว่านี้ เขาต้องตัดบทเสียก่อน
"หืม? คืนนี้หรอ ก็ไปสิ ไอ้คุณก็ชวนอยุ่แระ"
ถึงแม้ว่าตำตอบของแจบอมจะเป็นไปตามที่เขาต้องการก็ตาม แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า นิชคุณ ค่อเหตุผลที่ ปาร์ค แจบอมตกลงจะไปด้วยหรือเปล่า...?
..................................................................................
ณ ย่านคังนัม...
ถึงแม้ว่าผู้คนจะหนาแน่นหรือเสียงเพลงจะดังกระหึ่มก็ตาม แต่ตอนนี้เสียงหัวใจของแทคยอนกลับดังกลบเสียงเพลงจนหมดสิ้น ดวงตาของเขามองฝ่าผ่านผู้คนก่อนจะหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มสองคน ที่กำลังเปิดฟลอแดนซ์ส่วนตัวกันอยู่.....ใช่!! จะเป็นใครกันล่ะนอกจาก ปาร์ค แจบอม ซึ่งตอนนี้ชอบทำให้เขาเผลอทำตัวแปลกๆอยู่ทุกที และ......นิช-ชะ-คุณ!! กับรอยยิ้มโลกสดใส =0= ซึ่งบางครั้งแทคยอนก็เคยคิดจะหางานอดิเรกทำ คือการเย็บปากนิชคุณนั่นเอง!!!!!
"อ๊ก แทคยอน!!! เฮ้ แทคยอน! แทคยอนนนนนน"
ขอโืทษนะชานซอง ขนาดเสียงเพลงที่ว่าดังแล้วยังไม่เฉียดเข้าหูของฉันเลยซักนิด เสียงเรียกของนายคงดึงความสนในของฉันจากคู่แดนซ์ที่ฟลอนั้นไม่ได้หรอก!!
"แทคยอน!! แทคยอนอ่ะ!! ฉันหมดความอดทนแร้วน่ะ!!"
"ไอ้เหยิน!!>0<"
ควับ! ในที่สุดแทคยอนก็ได้ยินเสียงเรียกของชานซองทันที แล้วหันควับไปมองไอ้เด็กเวรทันที
"เอ่อ...ฉันขอโทด แต่นอยไม่ได้ยินที่ฉันเรียกนี่นา"
แต่การจัดการกับชานซองนั้นเสียเวลาเขาเป็นที่สุด เขาควรจะใช้สมองที่มีอยู่น้อยนิดของเขา และใช้เวลาให้คุ้มค่าไปกับการหาวิธีจัดการนิชคุณจะดีกว่า แทคยอนคิดได้ดังนั้นจึงหันกลับไปสนใจคู่แดนซ์นั้นต่ออีกครั้ง
"ฉันแค่อยากถามไรนายหน่อยก็เท่านั้นเอง" ชานซองไม่วายพูดต่อ
"อืม..มีไรก็ว่ามาสิ" แต่ตาของแทคยอนก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม
"วันนี้ ฉันเจอคนอะไรก็ไม่รู้พูดจาโผงผาง ไม่เข้าหูเอาสะเลย"
"อืมแร้วไง"
"เฮ้ออออ นายว่าฉันมันเป็นประเภททำก่อนคิดป่าวว่ะ"
"อืม...ทำก่อนคิด!!"
"เฮ้ย!! ทำไมพูดงี้ล่ะ!"
"ถ้านายคิดก่อนพูด นายคงไม่เผลอเรียกฉันว่าไอ้เหยินหรอก" แทคยอนเริ่มเซ็งเพราะแแค่นี้ ปัญหาของเขาก็ทำให้เขาหนักกบาลเต็มที
"แจบอม!!"
ตอนนี้พวกเขาสองคนกำลังเต้นกันอยู่ท่ามกลางผู้คนอย่างสนุกสนาน บางครั้งก็มีท่าประหลาดๆ ออกมาบ้าง เพราะผลจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์
"หืม มีไรล่ะนิชคุณ!!" ปาร์คแจบอมตอบรับจาการถูกเรียกชื่อ
"ก็อูยองน่ะสิ ไม่รับรักฉันสักที"
นิชคุณตามตื้ออูยองมานาพอสมควรแล้ว แต่ปฏิกิริยาตอบรับของอูยองมีเพียงการเพิกเฉยและไม่สนใจเขา ซึ่งนั้นทำให้นิชคุณต้องคิดมากทุกที
"ความรักมันต้องใช้เวลาน่ะนิชคุณ นายอาจจะคิดว่ามันนานพอแล้วแต่สำหรับอูยองเค้าอาจจะคิดว่ามันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นก็ได้"
นิชคุณพยักหน้ารับแจบอมเบาๆ แต่ในใจของเขานั้นเต้นแรงรัวไม่เป็นส่ำ ก็คิดดูสิเขาตามตื้ออูยองมานานพอสมควรแล้ว แต่อูยองยังคิดว่ามันยังไม่นานพออีกหรอ หรือว่าความรักของเขาที่มีให้อูยองไม่เคยต้องการกันแน่!!
"แจบอม หรือว่าฉันยังพยายามไม่พอว่ะ"
"ไม่รู้สิ ฉันอ่านใจใครไม่ได้เลยไม่รู้ว่าอูยองของนายเค้าคิดอะไรอยู่"
"ฉันจะพยายาม!! คราวนี้ฉันจะจริงจังให้มากกว่าเดิม อูยองจะได้เข้าใจฉันสักที!!"
เอาล่ะ!! คราวนี้ฉันจะต้องชนะใจอูยองให้ได้ เขาจะตั้งหน้าตั้งตาตามตื้ออูยองต่อไป จะได้ไม่ต้องมานั่งเครียดและคิดมากกับเรื่องแบบนี้สักที!!!
........................................................................
"อูยองอ่ะ!!! อูยองๆๆๆ =0="
โอ๊ย!!!ใครว่ะเนี่ย มาเรียกกลางดึกแบบนี้ หนุ่มน้อยแก้มอูมขยี้ตาอย่างหงุดหงิด ที่ได้ยินคนมาปลุกเขาในเวลานอนแบบนี้ ตาที่บวมอยู่แร้วตอนนี้กลับบวมจนแทบจะมองไม่เห็นแล้ว
"ใครว่ะ!! " เขาตะโกนออกไป หลังจากเดินออกมาเปิดประตูหน้าบ้าน
"อูยองอ่ะ มาแล้วหรอ ฉันคิดถึงนายจังเรยยยยยยยยย" เจ้าของคำพูดประโยคนี้ไม่ใช่ใครอื่นถ้าไม่ใช่ นิชคุณที่ท่าทางจะเมามาเสียด้วย
"นี่นายตามฉันมาถึงบ้านเรยหรอเนี่ย แถมยังมาเรียกฉันกลางดึกแบบนี้ แล้วมาพูดจาไร้สาระอย่างนี้เนี่ยน่ะ!!!" อูยองพูดเสียงดังด้วยความโมโหกับพฤติกรรมชวนบ้าของนิชคุณ
"ฉันรักนายน่ะอูยอง ฉันชอบนายยยย..ฉะ ฉันอยากให้นายยอมรับฉานนนบ้างงง" ไม่ว่าเปล่า นิชคุณสวมกอดคนร่างเล็กกว่าทัึนที ถึงเขาจะเมามาแต่แรงนิชคุณ ก็ยังมีมากกว่าอูยองอยู่ดี เขากอดอูยองแน่น และไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
"เฮ้ย!!! ไอ้บ้าทำไรอ่ะ๐0๐" ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่อูยองกลับรู้สึกว่ามันช่างอบอุ่นจริงๆ เขาครุ่นคิด
"นายจะคบกับฉันได้มั้ย? ฉันอยากเป็นแฟนกับนายจริงๆ ได้มั้ยอูยอง วันนี้นายก็่ไม่รอฉันไปส่ง รู้มั้ยว่าฉันเสียใจแค่ไหน ห๊ะ!! โอ๊ยทำไมมึนงี้ว่ะ" นิชคุณคลายอ้อมกอดอูยองทันทีก่อนจะเอามือกุมขมับเพราะตอนนี้มึนไปหมด
"นายมันบ้า นะ นะ นายเมาอยู่ เรยเพ้ออะไรเพี้ยนๆ ออกมา นายกลับบ้านไปได้แร้วไป ฉะ ฉะฉันจะไปนอนแล้ว"
"ม่ายอาวววววววว"
สงสัยจะอาการหนักสะแล้วหมอนี่ อุยองคิดสมเพชในใจ แต่ก็ยังมีความรู้สึกอีกอย่างที่ทำให้เขาสับสนในใจตัวเอง
"ฉันจะนอนกับนาย อุยองอ่ะ ให้ฉันนอนนี่น่ะ" พูดจบนิชคุณก็เดินโซเซเข้าบ้านอูยองไป ก่อนจะฟุบหลับบนโซฟาในห้องรับแขกที่อูยองมักจะนอนที่นี่เสมอ เขาไม่ค่อยชอบนอนบนเตียงนุ่มๆ แต่ชอบที่จะนอนบนโซฟาหรือบนพื้นในห้องรับแขกมากกว่า
"เฮ้!! นั้นที่นอนฉันน่ะเฟ้ย โอ๊ย!! ทำไมนายต้องมาวุ่นวายกับฉันด้วยเนี่ย" ถึงปากจะด่าแต่ในใจ อูยองกลับรู้สึกดีที่นิชคุณทำเหมือนเขาเป็นคนสำคัญอยู่เสมอ นี่รึว่าเขาจะหวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้กะนน่ะ!!
อูยองจัดท่าทางให้นิชคุณนอนดีดี บนโซฟาก่อนจะเอาผ้าห่มมาคลุมขึ้นไปถึงคอ เพราะยิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาวมากขึ้น
"เฮ้อ... ดึกป่านนี้นายยังจะออกไปดื่มอีก ไม่ดูแลตัวเองเอาสะเลย เฮ้ย!! นี่เราเป็นไรว่ะเนี่ย เป็นห่วงหมอนี่งั้นหรอ บ้าน่าาาา เราคงคิดเลอะเทอะไปเอง เราไม่ชอบคนแบบนี้สักหน่อย..." แต่อูยองคงบ้าไปแร้วจริงๆ เขานั่งพูดคนเดียวแบบนี้จนเช้าได้มั้ง....
.
.
.
.
.
.
.
.
เช้าวันค่อมา
"โอ๊ย" นั่นคือความรู้สึกแรกเมื่อเจ้าของดวงตากลมโต ค่อยๆลืมตาขึ้น มึนหัวชะมัด นิชคุณคิด
"เฮ้ย!! บ้าน่า เราคิดกับเขาแค่พี่ร่วมโรงเรียนเท่านั้นแหละน่า อูยองนายคิดมากไปเอง นายไม่ได้ชอบเค้าหรอก นายแค่เป็นห่วงเพื่อนร่วมโลกเท่านั้นเอง อ้าว!! แล้วทำไมฉันต้องเป็นห่วงนายด้วยเนี่ย โอ๊ย!! นี่เราบ้าป่าวว่ะเนี่ยนั่งพูดคนเดียวอยู่ได้...." อูยองยังคงพูดกับตัวเองไม่เลิก สงสัยจะบ้าจริง=_=
"เอ่อ...อูยอง นายเปนไรรึเปล่า เมื่อคืนฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจรึเปล่า ทำไมนายทำตัวแปลกๆจัง" นิชคุณเอ่ยก่อนจะจับแก้มอูมๆ ทั้งสองข้างหันมาสบตากับเขา ด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง
"อูยอง!! นายหน้าแดงนิ เปนไรรึเปล่า ไข้ขึ้นหรอ ไม่สบายตรงไหนบอกฉันมาสิ!!" นิชคุณเอ่ยอย่างร้อนรน แถมยังจับหน้าอูยองให้มาชิดกับกับหน้าของตัวเองมากกว่าเดิม จนแทบจะไม่มีช่องว่างห่างกันเลย
"ปะ ปล่อย!!!" อูยองรีบสะบัดหน้าหนีทันที จะไม่ให้หันหน้าหนีได้ยังไงไหว ก็ถ้าเขายังจ้องหน้ากับนิขชคุณอยู่แบบนี้ มีหวังเขาคงได้ไข้ขึ้นของจริงก็คราวนี้แหละ
"ฉะ ฉะ ฉัน มะ ไม่เป็นไร นะ นายกลับบ้านนายไปได้แร้วไป" อุยองพูดตะกุุกตะกักกลัวว่านิชคุณจะสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขามันขึ้นสีเข้มขนาดไหน
"แหม!! ตื่นมาก็ไล่กันเลยน่ะ แต่ถึงไง เรื่องเมื่อคืนฉันยังยืนยันคำพูดเดิมน่ะ.....เอ๊ะ!! อูยองทำไมขอบตานายมันดำงี้ล่ะ รึว่าฉันกวนนายทั้งคืนจนนายไม่ได้นอนเลยหรอ" นิชคุณมองอูยองก่อนจะทำตาที่โตอยู่แล้วจนตอนนี้จะหลุดออกมาได้แล้วมั้ง
"ปะ ปะ เปล่า นายกลับบ้านนายไปได้แล้วไป ฉันจะรีบไปเรียน"
"งั้นเราไปพร้อมกันมั้ยล่ะ" นิชคุณพูดขึ้นทันทีก่อนจะส่งยิ้มแฉ่งให้ ดูสดใสจริงๆ และนั่นยิ่งทำให้อูยองหวั่นๆในใจทุกครั้ง ก่อนจะรีบตั้งสติ
"ไม่ได้!! นายก็ไปคนเดียวสิ ทำไมต้องไปพร้อมฉันด้วยห๊ะ"
"ก็เราเป็นแฟนกันนิ" นิชคุณตอบหน้าตาย
"คะ ใครเป็นแฟนกับนายกัน ประสาทรึไง"
"เอ้า!! ก็นายไม่ตอบคำถามพี่สะที งั้นพี่จะถือว่าเราเป็นแฟนกันโอเคป่ะ งั้นวันนี้พี่ไปเรียนก่อนแร้วกัน บายที่รัก^^"
"อะ อะ ไอ้บะ..." ยังไม่ทันที่อูยองจะพูดจบประโยค นิชคุณก็หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ก่อนจะรีบวิ่งออกไป ปล่อยให้หนุ่มน้อยยืนเขินหน้าแดง ไม่รู้จะทำไงดี รู้แต่ว่าเขาอาจจะชอบหมอนี่เข้าให้แล้วก็ได้
.................................................................
ณ ห้องเรียนของรุ่นน้องคนสนิทของจุนซู ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งรอไอ้หนุ่มตาบวมที่ป่านนี้มันก็ยังไม่มาโรงเรียนสะที อย่าแปลกใจว่าทำไมจุนซูถึงเรียนห้องเดียวกับอูยองและจุนโฮ แต่เป็นเพราะเขามักจะมานั่งเล่นคุยเล่นกับน้องๆ ที่ห้องไอ้พวกนี่่ก่อน แล้วเมื่อถึุงเวลาเรียน นั่นแหละเขาถึงจะปลีกวิเวกไปเรียนในชั้นของตนเอง
"จะ จุนโฮปากนายเป็นไรอ่ะ" จุนซูเอ่ยทักน้องชายหลังจากนั่งจ้องมาเสียนาน
ทั้งๆืี่คิดว่าเมื่อวานบวมแล้วแท้ๆ แต่วันนี้ปากของจุนโฮกลับบวมเป่งมากกว่าเดิมสะิีิีอีก
"ไม่เป็นไรหรอก...แค่หมามันกัดปากอ่ะ" เขาเอ่ยตอบจุนซู พี่ชายที่ดูจะตกใจกับปากบวมๆของเขาเหลือเกิน จริงๆ
"นายจะบ้าหรอจุนโฮ!! หมาบ้านไหนกันมันกระโดดกัดปากคนได้"
"ถ้าไม่ใช่หมา...มันก็หมีควายล่ะมั้ง"
"บ้าไปแล้ว นี่มันวันอะไรกันว่ะเนี่ย" จุนซูสบถออกมา เพราะคำคำตอบที่เหมือนพูดเพ้อกับตัวเองของจุนโฮ
"หวาดดดดดดี....."
เสียงทักทายที่แสนเบาและดูอ่อนแอนี้คงจะเป็นของใครไม่ได้นอกจาก จาง อูยอง หนุ่มน้อยแก้มอูมอังๆ ที่เพิ่งจะเข้าห้องเรียนมา ซึ่งปกติเขามักจะมาเช้ากว่าคนอื่นๆนี่นา จุนซูคิด แต่ก็ต้องหยุดคิดทันทีเมื่อสังเกตใบหน้าของหนุ่มรุ่นน้อง
"เฮ้ย!! อูยองตานาย" OMG!! ตาของอูยองนั้นซึ่งปกติก็บวมแทบมองไม่เห็นอยู่แร้ว แต่วันนี้มันกลับบวมจนตาแทบปิดเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งขอบตาก็คล้ำอย่างเห็นได้ชัด
"นายไปทำไรมาน่ะ" พี่ใหญ่อย่างจุนซูต้องเอ่ยปากถามอีกรอบแทนจุนโฮชายหนุ่มอีกคน เพราะปากของจุนโฮนั้นแค่จะขยับก็ถือว่าทำได้ยากแล้ว เขาจึงทำได้แค่เบิ่งตาตี่ๆ ของเขาให้โตขึ้อีกนิดนึง
"ไม่มีอะไรหรอก..ฉันแค่นอนไม่พอ...หมอนั่นทำเอาฉันนอนไม่หลับเลยทั้งคืนน่ะสิ" อูยองเอ่ยอย่างลืมตัว
"หมอนั่น หมายถึงนิชคุณน่ะเหรอ!!! แอร๊ย!! ทำอะไรกันน่ะ"
"จะ จะ จะบ้่าหรอพี่จุนซู!! ไม่ใช่น่ะ แค่เมื่อคืนเขาเมามาแล้วก็มาขอค้างที่บ้านผมก็เท่านั้นเอง"
"นี่ อูยอง ถ้านายแค่ไม่ได้นอน แต่ทำไมต้องหน้าแดง พูดติดอ่างด้วยล่ะ" จุนซูพูดอย่างรู้ทันน้องรัก
"มะ มะ ไม่ใช่น่ะ คือว่า..."
>> I'm feeling so Alive Alive Alive...<<
"โทดน่ะอูยองมีคนโทรมา" เสียงโทรศัพท์ของจุนซูขัดจังหวะการพูด (แก้่ตัว) ของอูยองพอดี
"ฮัลโหล..มีอะไรล่ะ ห๊ะ!! อะไรน่ะ โอเคๆ เดี๊ยวพี่ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ"
"นั้นพี่จะไปไหนอ่ะ??" อูยองสงสัยที่อยู่ๆ จุนซูก็โวยวายกัีบโทรศัพท?แล้วรีบร้อนจะไป
"ขอโทดน่ะ อูยอง บังเอิญที่ชมรมมีปัญหา พี่ไปก่อนน่ะ!!" แล้วจุนซูก็วิ่งออกจากห้องด้วยความร้อนใจ
สงสัยคงจะเป็นเรื่องใหญ่มาก จุนโฮคิด ใช่...เขายังคงไม่พูด
"อูยองจ๋าาาาาาา" หนุ่มหน้าใสกล้ามใหญ่กำยำ ซึ่งคงไม่ใช่ใครนอกจากนิชคุณชายหนุ่มผู้มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส
"นะ นะ นายอีกแล้วหรอ!!" อูยองโวยวายตกใจ ชี้ไม้ชี้มือเพราะพฤติกรรมตามตื้อไม่เลิกของนิชคุณ อย่างสุดจะทน
"ทำไมนายต้องตกใจด้วยล่ะ ทั้งๆที่เมื่อเช้าเราก็พึ่งจะเจอกันอยู่เลย"
"นะ นะ นายหยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยน่ะ" ใช่...เขาต้องทำเป็นโวยวายไว้ก่อน ทุกคนจะได้ไม่มาสังเกต แก้มอูมๆของเขาที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ
"ฉันพึ่งนึกได้ว่า ฉันยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย และคิดว่านายก็คงยังไม่ได้ทานเหมือนกัน ก็เลยจะมาตามให้นายไปทานข้าวด้วยกันไง!!"
"แล้วทำไมฉันต้องไปทานข้าวกับนายด้วยล่ะ!! >///<"
"เพราะฉันกลัวว่านายจะลืมทานข้าวน่ะสิ"
"ก็ไม่ใช่เรื่องของนายสะหน่อย"
"ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ ก็เราเป็นแฟนกันนี่นา แล้วทำไมพี่จะเป็นห่วงนายไม่ได้ห๊ะ"
"นะ นะ นายจะบ้าหรอ!! มาพูดบ้าอะไรในนี่ห๊ะ!!" ตอนนี้แก้มของอูยองทั้งแดงและร้อนไปหมด เพราะทันทีที่นิชคุณณพูดคำว่า "แฟน" ออกมา ก็ทำให้สายตาของเพื่อนๆ ในห้องทุกคู่หันมาจับจ้องเขาทั้งสองคน แม้กระทั่งจุนโฮที่ถึงจะตาเล็กแค่ไหนก็ยังเบิ่งตาแล้วเบิ่งตาอีก
"ถ้านายไม่ไปกินกับพี่ งั้นพี่กินตรงนี้กับนายก็ได้"
" วะ ว่าไงน่ะ!! นายจะบ้าหรอ!!"
ใช่....จะบ้าหรอไง นั่งกินกันสองคนในห้องเรียนเราเนี่ยน่ะ แค่คุยกันคนทั้งห้องยังมองกันขนาดนี้เลย แล้วถ้ามานั่งกินข้าวกันสองคนจะขนาดไหนเนี่ย...อูยองคิด
"นายมัน!!....ฉันไปล่ะ"
เนื่องจากอูยองไม่รู้จะทำไงดี ถึงแม้เขาจะดื้อดึงแค่ไหนแต่เขาก็คิดว่าจุดจบของเขาคงไม่พ้น ไปทานข้าวเช้ากับนิชคุณอยู่ดี..เขาจึงตัดบทโดยการเดินตรงออกจากห้องเรียน....และ...ไปให้ไกลจากห้องเรียนจะดีกว่าตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น
"เฮ้!! อูยอง นายรอพี่ด้วยสิ"
หลังจากอูยองออกจากห้องไป นิชคุณ ก็ตามเขาออกจากห้องไปติดๆ ตอนนี้....คงเหลือเขาคนเดียวแล้วสิน่ะ!! จุนโฮคิด เขารู้สึกไม่ชอบเลยกับการถูกทิ้งเพียงลำพังแบบนี้ พี่จุนซูก็คงเคลียกับปัญหาอยู่ที่ชมรมดนตรี ส่วนอูยองก็คงวุ่นวายกับพี่คุณ สงสัยกลางวันนี้พี่จุนสูก็คงวุ่นอีกตามเคย อูยองก็คงไม่พ้นโดนพี่คุณลากไปกินข้าวด้วยกัน นึกแล้วก็อิจฉาอูยองมัน ทำไมไม่เห็นมีใครมาถามเขาว่ากินข้าวหรือยังมั่งน่ะ เขาก็หิวเป็นเหมือนกันน่ะเฟ้ย!!! นึกไปก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองที่นั่งว่างเปล่าข้างหน้าเขาที่ไม่รู้ป่านนี้ไปอยู่ไหน ช่างเถอะ!! ถึงไงกลางวันนี่คงไม่พ้นไปนั่งกินข้าวคนเดียวอีกตามเคย.....
แต่ถ้าจุนโฮจะหันไปมองข้างหลังสักนิดสักนิดเขาคงได้เห็นแววตาอ่อนโยนที่ส่งตรงมาให้เขาจากที่นั่งหลังสุดมุมห้อง แววตาของ ฮวาง ชานซองนั่นเอง.....
ออด!!! หลังจากช่วงเช้าของการเรียนผ่านไป ออดพักกลางวัีนก็ดังขึ้นแล้ว แต่จุนโฮยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่มีทีท่าว่าจะลุกเดินตามคนอื่นๆ ไป เขานั่งบ้าง นอนบ้าง หรือไม่ก็ฟังเพลงสักเพลง แต่เมื่อเห็นว่ายังคงไม่มีทีท่าว่าพี่จุนซูจะมาชวนเขาไปทานข้าวด้วย ไม่ต้องเอ่ยถึงอูยองเพราะตอนนี้โดนนิชคุณลากออกไปตั้งแต่ยังไม่หมดชั่วโมงเรียน จุนโฮจึงได้แต่ถอดใจและเดินออกจากห้องตามคนอื่นๆ ไปอย่างช่วยไม่ได้....สงสัยต้องกินข้าวคนเดียวอีกแล้วมั้งเรา
ตอนนี้ บรรยากาศตอนพักเที่ยงในสวนหลังโรงเรียนข้างโรงยิมนั่น ดูจะเป็นใจให้จุนโฮเหลือเกินเพราะมันทั้งสงบและร่มรื่น ทำให้ที่นี่เป็นที่ประจำที่จุนโฮโปรดปราน ตอนนี้จุนโฮเห็นแล้วว่าทีใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างประตูโรงยิมนั้นดูจะต้อนรับเขาเหลือเกิน ดังนั้นเขาจึงเดินไปสู่จุดที่เขาเล็งไว้ทันที โดยในมือทั้งสองข้างก็ไม่ลืมอาหารเที่ยงของเขาด้วย มันคือ โจ๊กร้อนๆ กับนมจืดหนึ่งกล่อง ซึ่งโจ๊กกับนมนั้นคงจะเหมาะสมกับสภาพปากตอนนี้ของเขามากที่สุดแล้ว
ใต้ต้นไม้่ใหญ่นั้นมีลมพัดเย็นผ่านตลอด ซึ่งทำทำให้อากาศไม่อบอ้าวเกินไป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตักโจ๊กเข้าปาก!!
"แคว่ก!!!!"
เสียงฉีกถุงขนมและตามมาด้วยเสียงเคี้ยวดังกรอบแกรบ หยุดการทานอาหารเที่ยงของจุนโฮทันที ซึ่งต้นตอของเสี่ยงนี่มาจากอีกฟากของต้นไม้ที่จุนโฮใช้พักพิงนั่นเอง
เขาค่อยๆ เอนตัวไปดูอีกฟากของต้นไม้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เจ้าของเสียงได้รู้ตัวก่อน และตอนนี้จุนโฮก็ต้องเบิ่งตาเล็กตี่ของเขาให้กว้างขึ้นอีกครั้ง!! เพราะว่า...ฉิบหาย!!! ฮวาง ชานซอง!!! ใช่!! เจ้าของเสียงที่ว่านั้นคือ ฮวาง ชานซอง โรงเรียนของเขาช่างแคบจริงๆ แต่สิ่งที่จุนโฮคิดเป็นอันดับแรกคือ ถ้าฮวางชานซองเห็นปากบวมๆของเขาล่ะก็....คำว่าเสียหน้าก็ลอยขึ้นมาแทบจะทันที ดีน่ะที่ในห้องเรียนชานซองนั่งอยู่หลังสุด นั่นทำให้จุนโฮโล่งใจสุดๆแล้ว แต่ถ้าตอนนี้เห็นหน้าเขาเข้าจังๆล่ะก็ ซวยแน่!!
จุนโฮจึงตัดสินใจว่าเขาควรจะไปจากที่นี่แม้ว่าจะเสียดายที่ตรงนี้ก็ตามแต่คนอย่างจุนโฮไม่คิดจะเสียหน้าให้ใครเป็นอันขาด!! เขาจึงหอบข้าวเที่ยงของเขาและพยายามเดินย่องออกมาให้เงียบที่สุด แต่!! ไม่ทันเสียแล้ว...
"อ้าว...อีจุนโฮ"
เซ็งไอ้หมีควายตาดี
"กำลังจะไปไหนอ่ะ?"
ซวยแล้วสิจะหันหน้าก็ไม่ได้ไม่งั้นมีหวังปากบวมๆของเขาคงทำให้มันขำก๊าก
"เอ่อ.. คือ..ระ เรื่องของฉัน!! นายไม่เกี่ยว" ปากของเขาคงมีปัญหาทั้งภายในภายนอกจริงๆ
"เอ๊ะ!! นั่นนายยังทานไม่หมดนี่ ทำไมนายไม่มานั่งทานให้หมดล่ะ" เสร็จกัน เขาน่าจะทิ้งโจ๊กสะไม่น่าถือติดมือมาด้วยเลย แถมไอ้หมี(ควาย) นั้น คงจะทานกิ่งราสเบอร์รี่เป็นอาหารเสริมสิน่ะถึงได้ตาดีเหลือเกิน!!!
"ฉันอิ่ม"
"โจ๊กนั่นดูเหมือนนายไม่ได้แตะมันด้วยซ้ำจะอิ่มได้ยังไงกัน" ไม่ว่าเปล่า!! แต่มันกลับลุกขึ้นเดินตรงมาทางเขา!! แย่แล้ว อี จุนโฮ!!
"หยุดน่ะ!! ถอยออกไป!!"
"นายเป็นไรเนี่ย=0= ฉันก็แค่อยากให้นายทานข้าวให้หมดก่อนเท่านั้นเอง!!" ใช่...ชานซองรู้สึกผิดที่เขาเป็นต้นเหตุให้จุนโฮต้องเจ็บตัว เขาเลยอยากไถ่โทษด้วยการดูแลจุนโฮเท่านั้นเอง
"ฉันบอกให้หยุดไง!!" เขาจะบ้าตายไอ้หมีควายนั้นไม่ฟังเขาซักนิดยังเดินดุ่มๆตรงเข้ามาไม่ยอมหยุด ถ้ามันเห็นปากของเขาก็จบกัน เมื่อจุนโฮคิดๆได้ดัี้งนั้นก็คิดว่าการวิ่งหนีไปเสียมันคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ใครจะอยู่ให้โง่ล่ะ(ไอ้หมีคาย)
"เฮ้่!! นายจะวิ่งไปไหนกัน หยุดก่อนสิ"
หยุดก็็อายสิว่ะไอ้งั่ง!! แต่เหตุการณ์ก็พลิกผันเมื่อก้อนหินกลับโผล่ขั้นตรงหน้าจุนโฮ ซึ่งวิ่งไม่คิดที่จะมองทางข้างหน้าซักนิด
โครม!!!! จุนโฮล้มหน้าคะมำทันที
"เฮ้ย!! จุนโฮนายเป็นไรมั้ย" ชานซองวิ่งตึกๆ เข้ามาหิ้วปีกคนปากดีให้ลุกจากพื้นด้วยความรีบร้อน
"จะ จุนโฮ ตกลงนายเป็นไรรึเปล่า ตอบฉันสิ!!"
"ฉะ ฉะ ฉัน จะ...."
"นายจะอะไร ตอบมาสิ" ชานซองจับไหล่ของจุนโฮเขย่าอย่างร้อนรน โดยที่คนข้างๆยังคงก้มหน้าก้มตาไม่มองเขา
"ฉะ ฉะ ฉันจะบ้าตายน่ะสิ!!!"
จุนโฮเดือดสุดๆ เขาสะบัดมือชานซองที่เกาะกุมไหล่ของเขาอย่างไม่แยแสแล้ววิ่งออกไปด้วยความเร็วแสง หวังว่าหมอนั่นคงยังไม่เห็นสภาพปากของเขาน่ะ ทำไมเวลาอยู่กับหมอนี่ทีไรเป็นอันต้องเจ็บตัวทุกที ด้วยอคติที่จุนโฮมีต่อชานซองอยู๋แล้วทำให้เขาตัดสินใจว่าปัญหาและความผิดทั้งหมดเป็นเพราะชานซอง!!
......โดยไม่รุ้เลยว่าเรื่องทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นจากความเอาแต่ใจและความหยิ่งยโสของตัวเอง.....
............................................................
ย้อนไปเมื่อช่วงเช้า.....
จริงๆเลย มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน จะมีวันไหนที่ชมรมมันปกติดีมั้งว่ะเนี่ย จุนซูครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนว่าเหนื่อยหน่ายเต็มที
ในที่สุดเขาก็มาถึงชมรมดนตรีที่เขารับตำแหน่งเป็นประธานชมรมที่จะต้องรับผิดชอบแทบทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชมรม ซึ่งเรื่องปวดกบาลที่ทำให้เขาต้องรีบวิ่งมาไม่ใช่ใครอื่น ยังคงเป็นเจ้าเก่าเจ้าเดิมอีกตามเคย ซน ดงอุน!!
"ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ" ดงอุนเอ่ยอย่างกลัวๆ กับรุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าเขา ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะไม่อยากฟังคำขอโทษจากเขาเท่าไหร่นัก
"ขอโทดหรอ มึงพูดได้คำเดียวหรือไงว่ะ ไอ้เด็กเวรเอ้ย!! มึงรู้ไหมว่าไวโอลินตัวนี้มันแพงขนาดไหน มึงจะรับผิดชอบยังไงว่ะห๊ะ!!"
"ขอโทดครัย ขอโทดจริงๆครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ขอโทดครับ" เด็กหนุ่มก้มหัวแล้วก้มหัวเล่า ปากก็พูดขอโทดไม่หยุด หน้าซีดแทบไม่มีสีเลือดผุดอยู่บนใบหน้าใสๆ
"โธ่เว๊ย!! ไอ้..." ไม่พูดเปล่า รุ่นพี่หน้าโหด ง้างหมัดพร้อมชกเต็มที่เข้าที่หน้าของดงอุน แต่ก็ต้องหยุดกลางอากาศอย่างรวดเร็วด้วยมือของใครบางคนมากันไว้ให้เด็กหนุ่มหน้าซีดคนนั้น
"พอเถอะ!! เดี๋ยวฉันจัดการเอง ส่วนพวกนายออกไปก่อนฉันมีเรื่องจะคุยกับดงอุน"
"แต่รุ่นพี่ครับ..." ยังไม่ทันทีคนเจ้าอารมณ์จะเอ่ยจบประโยคเขาก็ต้องหุบปากทันทีเมื่อสบสายตาน่ากลัวที่ดูเหมือนพร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ ทำให้ตอนนี้ทุกคนในห้องแยกย้ายออกจากห้องไปทีละคน จนตอนนี้เหลือเพียงดงอุนกับจุนซู ผู้ที่จ้องตาเขาไม่กระพริบ
กลัว!!
ดงอุนคิดตอนนี้เหงื่อเขาเปียกไปทั่วตัว ไม่ใช่เพราะว่าร้อนอะไรหรอก แต่เป็นเพราะแววตาที่พี่จุนซูมองเขา นั่นแหละที่ทำให้เขากลัว ดงอุนและคนในชมรมต่างรู้ดีว่า พี่จุนซูเป็นคนใจดี อ่อนโยน แต่ถ้าเขาโกรธเมื่อไหร่ล่ะก็ จะเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนทันที ดงอุนคิดก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เอาไงดีว่ะ!!
"เอ่อ พี่จะไล่ผมออกก็ได้น่ะครับ ผมรู้ตัวดีว่าผมผิด ผมขอโทดครับที่ก่อความวุ่นวายให้ชมรมมาโดยตลอด ผมยินดีจะลาออกจากชมรมครับ" ในที่สุดผมก็กล้าพูดทุกสิ่งที่อยู่ในใจผมได้สะที แต่แววตานั้นกลับมองจิกผมมากกว่าเดิม
"ผะ ผะ ผมพูดอะไรผิดเหรอครับ?" ดงอุนพูดติดขัด เหงื่อก็ไหลไม่หยุด แต่ในที่สุด คนน่ากลัีวตรงหน้าหลังจากเงียบไปสะนานก็ยอมเอ่ยปาก
"นายคิดว่าแค่นายขอโทษแร้วก็รับผิดชอบโดยการลาออกแค่นี้น่ะเหรอ นายไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยเหรอ"
"ขอโทดครับ ผมขอโทดครับ" ดงอุนพูดได้แค่นั้นพร้อมกับก้มหัวขึ้นลงหลายครั้งโดยไม่กลัวว่าหัวมันจะหลุดออกจากบ่า
"ฉันเคยบอกนายแล้วใช่มั้ย ว่าให้ดูแลรักษาเครื่องดนตรีทุกตัวให้ดี เพราะถ้านายรักที่จะเล่นดนตรีนายก็ต้องดูแลมันให้ดี แต่สงสัยคำพูดฉันมันจะไม่ได้เข้าหัวนายเลยสักนิดใช่มั้ย!!"
"......." เงียบ ดงอุนทำได้แค่นั้น
"ทำไมไม่ตอบฉัน!! รู้งี้ฉันไม่น่ารับนายเข้ามาตั้งแต่แรกเลย นายรู้มั้ยเครื่องดนตรีเราเสียหายไปเพราะนายกี่ครั้งแล้ว แต่ฉันก็ให้อภัยนายได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้นายรู้มั้ยว่าไวโอลินตัวนี้ มันเป็นของรุ่นพี่ประธานชมรมแต่ละรุ่นเขาให้ต่อกันมา แค่นี้นายก็ไม่สามารถดูแลให้ดีได้งั้นเหรอ นายมัน.....ไม่ได้เรื่องอย่างที่ใครๆพูดจริงๆ..." จุนซูพูดเสียงเย็นไม่ได้สนใจว่า คนตรงหน้าจะรู้สึกอย่างไร
"หึ! ถูกของพี่ ผมมันไม่ได้เรื่อง ก็อย่างที่ทุกคนพูดแหละครับ ผมมันห่วยสู้พี่คุณก็ไม่ได้ ผมมัน....ไม่น่าเกิดมาเป็นน้องเขาเลยด้วยซ้ำ ขอโทดน่ะครับที่ทำให้เดือดร้อนมาสะนาน ผมขอรับผิดชอบในความผิดผมเอง ไวโอลินตัวนั้นเรื่องค่าใช้จ่ายผมจะชดใช้ให้เอง และก็ผม...ผมจะ...ผมจะขอลาออกครับ"
พูดจบดงอุนก้าวขากึ่งวิ่งออกจากห้องทันที ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่เขาโดนด่าว่าไม่ได้เรื่องมาก็หลายครั้ง เพราะทุกๆคนมักจะพูดกับเขาอยู่เสมอเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา แต่ทำไมน่ะ พอคำๆนั้นมันออกมาจากปากของ คิม จุนซู มันกลับทำให้เขาเจ็บปวดได้มากขนาดนี้ คนที่เขาคิดว่าเข้าใจเขามากที่สุด แต่มันกลับบไม่เป็นอย่างที่เขาคิดเลย...ไม่เลย......
'ถูกของพี่ ผมมันไม่ได้เรื่ิอง ผมจะขอลาออกครับ' จุนซูยังคงยืนนึกถึงคำพูดของดงอุนรุ่นน้องเขาที่เดิน(กึ่งวิ่ง) ออกจากห้องไป
"นี่เราพูดแรงไปป่าวว่ะ" จุนซูเอ่ยเบาๆกับตัวเอง ดงอุนเป็นรุ่นน้องในชมรมเพียงคนเดียวที่เขานึกเอ็นดู และไม่อยากให้ใครมาทำร้ายหรือพูดจากระทบกระเทือนใส่ดงอุน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นเขาสะเองที่กำลังทำร้ายดงอุนอยู่
"เหอะ!! นี่เราเป็นไรว่ะเนี่ย เฮ้่อ..." จุนซูถอนหายใจก่อนจะทรุดลงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างคนสับสนในตัวเอง ว่าเขาคิดอะไรกับดงอุนกันแน่ เป็นแค่รุ่นน้อง หรือเป็นอะไรมากกว่านั้นที่ทำให้เขาวุ่นวายใจได้มากขนาดนี้...
จบตอน
เรื่องก็ดำเนินมาถึงตอนที่ 2 แล้วหวังว่าคุณผู้อ่านจะชื่นชอบกันน่ะค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามยังไงเดี๋ยวจะมาอัพตอนต่อไปแน่นอนค่ะ^^
ถ้าชื่นชอบก็ช่วยมาเม้นให้เยอะๆน่ะค่ะ ขอบคุนค่ะ>0<
ความคิดเห็น