ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    School Of Love by TaecJay KhunDong ChanHo DongSu

    ลำดับตอนที่ #4 : EP.4 อกหักไม่ว่า ถ้าไม่ได้รักคงบ้า!! >0

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 55


     



                    ร้านที่จุนโฮเลือกอาจจะดูไม่ใหญ่มากนัก  แต่เขาก็รับประกันกับชานซองว่าอร่อยแน่นอน  เพราะทุกๆวันหยุด  เขามักจะมาช้อปปิ้งแถวนี้อยู่เสมอ และทุกๆครั้งที่รู้สึกหิว  ร้านนี้ก็เป็นร้านที่เขาจะนึกถึงเป็นอันดับแรก


                 
                    เขาและชานซองนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านเป็นที่เรียบร้อย  และแน่นอนสั่งอาหารกันแล้วด้วย(โดยชานซอง)


             "ทำไมนายไม่สั่งของหวานมาทานด้วยล่ะ?"  ชานซองเอ่ยถามจุนโฮ


            "ไม่ล่ะ  ฉันไม่ค่อยชอบ"    แต่ความจริงแล้วจุนโฮชอบทานของหวานเป็นที่สุด  แต่วันนี้เขารู้สึกไม่มีอารมณ์จะกินซักเท่าไหร่และที่เขาตอบไปแบบนั้นก็เพราะขี้เกียจจะอธิบายให้คนเข้าใจอะไรยากอย่างชานซอง  ที่คงไม่พ้นถามเขาอีกยาวว่า  'ทำไมล่ะ  ไม่ชอบของหวานหรอ มันอร่อยดีน่ะ..บลาๆๆ '  อีกมากมาย...


             "ทำไมล่ะ? ปกติตอนพักเที่ยง นายชอบซื้อไอศกรีมมากินนิ!!....อุ้บ!!"   ซวยแล้ว!!  เขาเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย  ชานซองห้ามปากตัวเองไม่ทันจริงๆ


            "นายรู้ได้ไงว่าฉันซื้อไอศกรีมมากินตอนพักเที่ยง??"


             "เอ่อ....คือ....คือว่า.."  โอ๊ย!! แก้ตัวยังไงดีว่ะเนี่ย  ถ้าจุนโฮรู้ว่าเราคอยมองจุนโฮตลอดเวลาล่ะก็  เราตายแน่!!!


           "ตกลงนายรู้ได้ไง  ห๊ะ!!~ชานซอง"  จุนโฮเริ่มหมดความอดทนกับอาการมีพิรุธของชานซอง  อย่าบอกน่ะว่าไอ้หมีนั่นมันคอยมองเขาอยู่ทุกวัน???


          "ฉัน...คือฉัน"  ดวงตาคู่เล็กกำลังมองมาที่เขาอย่างจับผิด  นี่เขาจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย  ทำยังไงดี ทำยังไงดี??



          "ขอโทษครับ  อาหารที่สั่งได้แล้วครับ"  เสียงของพนักงานเสริฟ  ที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่ก็ช่วยเขาจากอีจุนโฮได้พอดี


         "อ้อ!!!  ขอบคุณครับ"  จุนโฮเลิกสนใจคนตรงหน้าแล้วไปจัดแจงกับอาหารแทน   เฮ้อ.....โชคดีของเขาไป  ชานซองคิด


        แต่เวลาแห่งความโชคดีมักจะมีน้อยเสมอ  เพราะหลังจากที่จุนโฮจัดการรับอาหารมาจากพนักงานเสร็จ  ก็หันมาจัดการชานซองต่อทันที


         "นายจะตอบฉันได้หรือยัง  ว่านายรู้ได้ไง  ตอบมาเร็วๆสิ!!!  อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ"

      
        >>Baby  give it to me<<


         "แป๊ปน่ะ!! รับโทรศัพท์ก่อน"


        โชคดีของชานซอง(อีกแล้ว)  เมื่อเสียงโทรศัพท์ของจุนโฮดังขึ้นขัดจังหวะการไต่สวนทันที


         "ห๊ะ!!~ ว่าไงน่ะ  พ่อกับแม่กลับมาเดือนนี้ไม่ได้  ไหนบอกว่าจะพยายามมาหาผมทุกเดือนไง  แต่นี่พ่อกับแม่ไม่ว่างมาหาผม  3-4 เดือนแล้วน่ะ!!!"


         ชานซองได้แต่มองคนตรงหน้าโวยวายกับโทรศัพท์เสียงดัง


         "อะไรน่ะ!! เรื่องงาน.....พ่อกับแม่ก็เรื่องงานทุกทีแหละ  แล้วเรื่องผมล่ะมันไม่สำคัญเลยใช่มั้ย!!.....โอเคๆ พ่อกับแม่ไปทำงานเถอะ  ผมไม่อยากรบกวนเดี๋ยวจะเสียเวลาในการทำงาน  แค่นี้น่ะฮ่ะ!!~"   เขาเบื่อที่จะถาม  เบื่อที่จะเถียงกับพ่อแม่ของเขา  จึงต้องตัดบทการสนทนานี้สะที....เป็นเหมือนเช่นทุกครั้งที่พ่อแม่โทรมาอ้างว่าติดงานตลอด  มาหาเขาไม่ได้


        "เอ่อ....นายไม่เป็นไรนะ?"  ชานซองนึกห่วง แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ต้องการซักเท่าไหร่


        "ขอร้องล่ะ  ตอนนี้นายอย่าพึ่งถามอะไรฉันเลย  ฉันขอตัวล่ะ"  พูดจบจุนโฮก็ลุกขึ้นจะเดินออกจากโต๊ะไป  แต่คนมือไวคว้าแขนเขาไว้สะก่อน


       "นายจะไปไหน?"

       
        "ถามได้ ก็กลับบ้านน่ะสิ!!!" จุนโฮหมดความอดทนเต็มที  หมอนี่ต้องการอะไรกันแน่?


        "รู้ว่านายอารมณ์ไม่ดี  แต่นายก็ต้องกินน่ะ  มันสำคัญ รู้มั้ย??"  คนตัวใหญ่ยังคงไม่ยอมปล่อย


        "โอ๊ย!! ปล่อยฉันได้แล้ว"

       
        "ไม่ปล่อย  จนกว่้าานายจะกินข้าวก่อน"


        "ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!~"


        "ไม่!!!"


        "ปล่อย!!"


        "ก็บอกว่ากินข้าวก่อนแล้วนายจะไปไหนก็เรื่องของนาย"


        "เอ้อ!!  โอเคๆ พอใจยัง??"  จุนโฮเหนื่อยใจกับคนตรงหน้าที่ดื้อดึงเสียเหลือเกิน  เขาต้องขอยอมแพ้แล้วกลับมานั่งที่  คว้าอาหารเข้าปากอย่างไม่เต็มใจโดยไม่คิดจะมองชานซองที่ตอนนี้ยิ้มปากจะฉีกถึงหู


        "ก็แค่นั้น  ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย"  ชานซองเอ่ยอย่างผู้มีชัย


       "หุบปากแล้วก็กินของตัวเองไป  ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน"  ไม่น่าชวนมันมากินด้วยเลย อีจุนโฮ~


       "รู้แล้วๆ ฉันไม่ยุ่งก็ได้  กินเยอะๆน่ะ"  ชานซองพูดก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารของตัวเองบ้าง







        ผ่านไปได้ซักพักพวกเขาก็็จัดการกับอาหารและจ่ายเงินเรียบร้อย  แล้วจึงเดินออกมาจากร้าน  จุนโฮคงจะอารมณ์เสียมาก  พอเดินออกจากร้านปุ๊บก็เดินดุ่มๆ ไม่พูดไม่จานำหน้าชานซองออกไปทันที  แถมของที่ชานซองเคยถือให้  ก็ไม่ยอมให้ถือเหมือนตอนแรก


        "นี่!!จุนโฮ รอฉันด้วยสิ"  ชานซองพูดพร้อมกับรีบวิ่งมาอยู่ข้างๆจุนโฮ


        "นายจะตามฉันมาทำไม  ฉันจะกลับแล้ว"  แม้ปากจะพูดกับเขาแต่ขาของจุนโฮก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่คิดจะหยุดพูดกับเขาก่อน  แต่จุนโฮก็ต้องหยุดเดินทันทีเมื่อคนตัวใหญ่คว้าหมับเข้าที่ไหล่เขา ก่อนจะบังคับให้เขาหันหน้ามาคุยกับตัวเองต่อทันที


       "ฉันขอยืมมือถือนายแป๊บนึงสิ"


       "นายจะเอามือถือฉันไปทำไม  ของตัวเองไม่มีหรือไง!!"


       "แค่แป๊บเดียวเองน่ะ"


       
       "ไม่!! ฉันไม่ให้"  จุนโฮตอบยียวน  แต่คนมือไวถือวิสาสะคว้าโทรศัพท์มือถือจากมือเขาทันที  
     

        "เฮ้ย!! ทำไรน่ะ  เอาคืนมาน่ะ!!"  แต่เพราะจุนโฮถือของพะรุงพะรัง  แถมยังเตี้ยกว่าชานซองพอสมควร  จึงทำได้ยากที่จะแย่งเอามือถือคืน


       เมื่อชานซองได้มือถือของจุนโฮมา  เขาก็กดอะไรยิกๆ ซักพัก  ก่อนจะยื่นมันคืนให้จุนโฮ   "อ่ะ  เสร็จแล้ว"


       "นายเอามือถือฉันไปทำไรน่ะ!!" จุนโฮเอ่ยถามหลังจากคว้ามือถือที่ชานซองยื่นให้คืน


       "ก็แค่เมมเบอร์ฉันไว้ในมือถือนายไง"


        "ว่าไงน่ะ!!! เบอร์นาย...ให้ฉัน??  ไม่ได้ขอโว๊ย!!!~"


       "ก็ถ้าวันไหนนายไม่มีเพื่อนแล้วรู้สึกเหงา  พ่อกับแม่นายติดงาน  นายจะได้โทรหาฉันได้ไง^^"  ชานซองตอบพร้อมกับฉีกยิ้มให้จุนโฮ


       "ไม่จำเป็น!!"  จุนโฮตอบก่อนจะรีบเก็บมือถือเข้ากระเป๋า หอบของพะรุงพะรังแล้วหันหลังเดินกลับบ้านไป  ทิ้งให้ชานซองได่แต่มองตามและอดที่จะยิ้มไม่ได้.......ก็จะไม่ให้เขายิ้มได้ยังไงกันล่ะ  ทั้งๆที่ บอกว่าเบอร์ของเขาไม่จำเป็นแต่ก็ไม่กดลบเบอร์เขาทิ้งทันที  แถมรีบเก็บเข้ากระเป๋าอีกต่างหาก  แปลกคนจริงๆเล้ย!!!    อีจุนโฮ......^0^








                                                 ................................................................. 






         

        " กลับมาแล้วครับ^0^"


         เสียงพูดสดใสร่าเริงแบบนี้  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของหนุ่มหล่อ หน้าหวาน  ที่พึ่งกลับจากการไปส่ง "แฟน" (พูดได้เต็มปากแล้วนิ^^) ถึงบ้าน


        "ดงอุน!!  วันนี้อูยองเขารับรักฉันแล้วน่ะโว๊ย!!"  นิชคุณตะโกนบอกน้องชาย  ที่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน  แต่คนมันดีใจก็อยากจะเล่าให้ใครซักคนฟังมั่งนี่หว่า??  ทำไงได้^0^
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
     เงียบ..........


          หายไปไหนของมันว่ะ  อย่าบอกน่ะว่ามันยังอยู่บนห้องไม่ลงมากินข้าวกินปลาอยู่เหมือนเเดิม  แต่เราก็โทรตามจุนซู ให้มาหามันแล้วไม่ใช่หรอ?  แล้วทำไมมันยังเงียบเป็นหมาหงอยอยู่อีกล่ะ?????~

          นิชคุณครุ่นคิดพลางเดินขึ้นบันได  เพื่อไปเอาคำตอบจากคนในห้องนั้น


      แอ๊ดดดด!!!


       "เฮ้ย!!  นี่แกยังไม่ลุกไปไหนเลยเหรอ  ข้าวไม่กินหรือไงตั้งแต่เช้าแล้วน่ะเว้ย  แกเป็นไรของแกเนี่ย  วันนี้ฉันก็ให้จุนซูมาดูแลแกแล้วไม่ใช่หรอ???"  นิชคุณใส่น้องชายเป็นชุด  เมื่อเห็นว่าน้องชายของตนยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง  หน้าก็ซีด ปากก็ซีด  สงสัยจะไม่สบายจริงก็คราวนี้  นิชคุณคิด


        "ยินดีด้วยน่ะีพี่  ในที่สุดอูยองมันก็ํรับรักพี่สะที^^"  ดงอุนหันไปแสดงความยินดีกับพี่ชาย  หลังจากได้ยินเสียงของนิชคุณที่ตะโกนลั่นบ้าน



       "ไม่ต้องมาฝืนยิ้มใส่ฉันเลย ไอ้ดงอุน  แกเป็นไรเนี่ย??"


        "เปล่าพี่  ผมก็แค่ยินดีกับพี่เฉยๆ  คนแบบพี่ทำอะไรมันก็ดูดีไปหมด  หน้าตาก็ดี  การเรียนก็ดี  ความรักก็ลงตัว  มีแต่คนชื่นชม  พี่คุณ...พีแม่งโคตรเทพเลยว่ะ"  เด็กหนุ่มเอ่ยประชดตัวเอง  เขารู้ตัวดีว่าเขาเทียบอะไรกับพี่ชายไม่ได้เลย  ไม่ว่าเขาจะทำอะไรหรือเขาจะรักใคร  ทำไมมันต้องล้มเหลวทุกครั้งด้วย  ต่างกับพี่ชายที่อะไรๆ ก็ดูจะลงตัวไปหมด



       "แกไม่ต้องมาประชดฉันเลย  สถาพยังงี้จุนซูคงจะปฎิเสธแกล่ะสิ"  นิชคุณถามอย่างรู้ทัน


       "................"  ไม่มีคำพูดใดๆ  หลุดออกจากริมฝีปากแห้งผากของดงอุน   มีแต่เีพียงหยดน้ำตาของลูกผู้ชาย หลั่งไหลออกมาไม่หยุด  หลังจากกักเก็บไวเเสียนาน  ดงอุนไม่เคยร้องไห้เลยซักครั้งตั้งแต่จำความได้  ไม่ว่าเขาจะโดน ด่า โดนว่า ซ้ำเติม ดูถูกเขาสารพัด  หรือโดนเปรียบเทีบกับพี่คุณ  รวมถึงโดนผู้หญิงหักอกมาหลายต่อหลายครั้ง  จนตอนนี้หันมาจีบผู้ชายก็ยังโดนปฎิเสธเหมือนเดิม  เขาก็พยายามเก็บความรู้สึกแย่ๆ ไว้มาตลอด  แต่วันนี้  เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ  มันเยอะเกิน  จนไม่มีที่ว่างจะเก็บมันอีกแล้ว


       ดงอุนร้องไห้หนักแต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น  ไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมาสักนิดเดียว  โดดเดี่ยวเหลือเกิน....  ไม่รู้จะทำยังไงดี  ไม่รู้จะหวังพึ่งใครอีกแล้ว  เพราะคนที่เขาคิดว่ารู้สึกดีเหมือนกันกับเขา  มันกลับไม่ใช่เลย


        เฮ้อ.....ไอ้น้องเวร  แค่นี้ทำตัวเป็นแต๋วไปได้  ผู้ชายใครเขาร้องไห้กันล่ะ~ ถึงแม้ว่านิชคุณจะนึกด่าน้องชายในใจ แต่เขาก็อดสงสารมันไม่ได้เหมือนกันว่ามันอดทนเก็บเรื่องทุกเรื่อง โดยไม่คิดจะปรึกษาใครได้ยังไง?


         หมับ!!! นิชคุณสวมกอดน้องชายเป็นครั้งแรกในชีวิต  เพราะเขาพูดปลอบใจใครไม่เป็น  ยิ่งกับน้องชายตัวเองยิ่งแล้วใหญ่  เขาไม่ค่อยกล้าแสดงออกว่าเขารักและเป็นห่วงมันมากแค่ไหน  เขาจึงทำได้แค่ดึงมันมากอดไว้  หวังว่ามันจะเข้าใจสะทีว่ามันยังมีพี่ชายคนนี้อยู่ข้างๆมันมาตลอด


       ดงอุนปล่อยโฮทันทีที่พี่ชายดึงเขาไปกอด  ตอนนี้กำแพงที่กั้นระหว่างพี่กับน้องไว้  พังทลายจนหมดสิ้น  เขาต้องการที่พึ่ง  และตอนนี้พี่คุณก็ทำให้เขารู้สึกว่า  เขามีที่พึ่งแล้ว  ทั้งๆที่เมื่อก่อน เขากับพี่คุณดูไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่นัก  คงเป็นเพราะเขารู้สึกเหมือนพี่คุณดูจะไม่สนใจอะไรในตัวเขาเลยสักอย่าง  และเขาเองก็รู้สึกอิจฉาพี่ชายตัวเองเหมือนกันที่มีคนรักและชื่นชมมากมาย   แต่พอตอนนี้เขากลับรู้สึกผูกพันกับพี่ชายอย่างบอกไม่ถูก


       "พะ พะ พี่ครับ  ฮือๆๆๆ  T0T"


       "ไม่ต้องร้องๆ  ขี้แงไปได้  เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นงี้นี่หว่า"  นิชคุณเอ่ยเบาๆ พลางตบหลังน้องชายเขาหวังว่าจะทำให้ดงอุนรู้สึกดีขึ้น........
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    ย้อนกลับไปเมื่อ  10 ปีที่แล้ว....



      "อยากได้ปืนกระบอกนั้นจัง!"        "อยากได้ปืนกระบอกนั่นจัง!"


         เด็กชายสองพี่น้องเอ่ยขึ้นพร้อมกัน  เมื่อเห็นปืนของเล่นวางอยู่บนบูธแนะนำสินค้าใหม่  ในห้องสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง  ต่างกันตรงที่เด็กผู้ชายตากลมโต น่ารัก เอ่ยเสียงดังฟังชัด  ส่วนเด็กผู้ชายคนน้อง ท่าทางขี้อาย แต่หน้าตาก็น่าเอ็นดูไม่ต่างจากพี่ชายเท่าไหร่  พูดเสียงเบาด้วยความไม่กล้าร้องขอแม่ตน  และก็เป็นไปตามคาด ผู้เป็นแม่ได้ยินเพียงเสียงของลูกชายคนโตเท่านั้น  จึงหันมามองลูกชายด่อนจะเอ่ยอย่างเอ็นดู


       "น้องคุณอยากได้หรอลูก  งั้นแม่ซื้อให้เป็นรางวัลสำหรับคนเก่งที่สอบได้อันดับหนึ่งของห้องดีมั้ยเอ่ย...^^"


        "ดีฮับ!!~"  นิชคุณขานรับผู้เป็นแม่  ก่อนจะยิ้มหน้าบานไปหยิบปืนของเล่นที่หมายปองทันที  แต่เมื่อหันกลับมาก็สังเกตเห็นว่าน้องชายของเขาก็คงอยากจะได้เหมือนกัน  เพราะมองของเล่นในมือเขาตาละห้อย  ก่อนจะเดินตามพ่อที่ออกไปรอข้างนอกก่อนหน้านี้แล้ว


        หรือว่าดงอุนจะอยากได้น่ะ?? เด็กน้อยได้แต่สงสัย   แล้วรีบเดินตามแม่ที่ชำระเงินเรียบร้อยแล้วตรงกลับบ้านกันทันที








         ก๊อกๆๆๆ  เสียงเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาติ  ก่อนที่นิชคุณจะเดินเข้ามาในห้องนอนของดงอุน  ทั้งๆืีที่ตอนนี้ เป็นเวลาดึกมากแล้วที่เด็กๆ ควรจะรีบเข่สนอน


       เขาเดินเข้ามาสะกิดน้องชายตัวน้อยที่ตอนนี้หลับสนิท  เพราะความเหนื่อยอ่อนหลังจากวันนี้ตามติดพ่อกับแม่ออกไปข้างนอก  ตั้งแต่เช้าถึงเย็น  ก่อนจะสะดุ้งด้วยแรงเขย่าของพี่ชายตัวเอง


        "หืม??~"  ดงอุนเอ่ยถามเสียงงัวเงีย


        "อ่ะ!~ ฉันให้  ฉันไม่อยากเล่นแล้ว"  พี่ชายตัวดีที่มาปลุกเขากลางดึกโยนปืนของเล่นที่วันนี้พึ่งจะได้มาเล่นเป็นวันแรก  แต่กลับโยนให้เขาสะแล้ว  เบื่อง่ายจัง~ เด็็กน้อยดงอุนครุ่นคิด  จนพาลคิดไปว่า  พี่ชายของตนคงจะเบื่อแล้วจริงๆ  เลยโยนของเล่นที่ตัวเองทิ้งแล้วให้เขาเล่นต่อ  คงเห็นเขาเป็นแค่เด็กร่วมบ้านคนนึงล่ะมั้ง  ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นน้องชายเลยซักครั้ง  แถมพ่อกับแม่ก็ยังดูรักพี่คุณมากกว่าเขาสะอีก  เด็กน้อยคิดต่อไปไกล.........


        ไม่ได้รู้เลยว่า  ฝั่งพี่ชายนั้นก่อนจะเดินออกจากห้อง  เขาเผลอมองเจ้าปืนนั้นด้วยสายตาอาลัยอาวร  ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องนอนตัวเองไป  เพราะตัวเขายังไม่ได้เล่นปืนนั้นเลยสักนิดเดียว  แต่พอเห็นแววตาน้องชายของตัวเองมองปืนกระบอกนั้นไม่วางตา  เขาก็อดไม่ได้ที่จะเสียสละให้น้องชายไป  เป็นพี่ก็ต้องเสียสละสิ  จริงมั้ย^^








                                           ..........................................................................








      ตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว.....นาฬิกาบนโต๊ะข้างๆโซฟาในห้องของ ปาร์ค แจบอม  ส่งเสียงเตือนเหมือนจะบอกเขาเป็นนัยๆว่าควรจะนอนไ้ด้สะที  เขารู้ดีว่ามันดึกมาก เลยเวลาที่เขามักจะเข้านอนตามปกติแล้ว  แต่เขาก็สั่งตัวเองให้ลืมทุกอย่างแล้วหลับตานอนไม่ได้เลย......



       เขาอาศัยอยู่ในคอนโดราคาแพงเพียงคนเดียว  เพราะพ่อแม่ของเขาทำงานอยู่ที่ ซีแอตเทิ้ล  คอยส่งเงินมาให้ทุกเดือน  นานๆครั้งถึงจะโทรหา แต่เขาก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร  เพราะเขาเองก็คิดว่าตัวเองโตพอที่จะใช้ชีวิตคนเดียวได้แล้ว   เขาอยู่ที่นี่มานานพอสมควร  หลับสบายง่ายๆ ได้ทุกคืน  แต่.....มันช่างยากสำหรับคืนนี้

       
         คืนหลังจากที่เจอคนมาสารภาพรัก  ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเขาอยู่แล้วที่จะมีคนมาสารภาพรัก  หรือมาขอคบด้วย เพราะเขาเองก็ถือว่าฮอตในหมู่สาวๆ มากทีเดียว  แต่การโดนสารภาพรักครั้งนี้มันต้องไม่ใช่ผู้ชายสิ  โดยเฉพาะผู้ชายที่ชื่อ  อ๊ก แทคยอน เพื่อนในแก๊งของเขาเอง


        'แจบอม....ฉันรักนาย'

       'ฉันไม่ได้ละเมอ....เพราะเรื่องเมื่อคืนฉันพูดจริง'


       โอ๊ย!!! ทำไมเราต้องมานั่งคิดเรื่องพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาด้วยเนี่ีย!!  โทรหาไอ้คุณดีกว่า  จะได้ไม่หมกมุ่น  ในที่สุดแจบอมก็ตัดสินใจใช้วิธีหาเพื่อนคุยคลายเครียด แต่........


        'หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้......'      ไม่เป็นไร  ช่างมัน!! ยังไงก็มีชานซองน้องรักอยู่อีกคน

       
        'หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้....'   โธ่โว๊ย!!!  ทำไมมันพร้อมใจกันปิดเครื่องแบบนี้ว่ะ



          แจบอมหมดอารมณ์และหมดแรงที่จะโทรหาใครเขาได้แต่นอนหงายบนโซฟามองเพดานและครุ่นคิด  ถ้าเป็นแทคยอนล่ะก็  โทรไปมันต้องรับแน่นอน  ใช่มั้ย??

        บ้า!!! บ้าน่ะ  หยุดคิดอะไรเพี้ยนๆได้แล้ว แจบอม  ก็เมื่อวานนายพึ่งบอกแทคยอนไปไม่ใช่หรอ ว่า  ' ไม่...ฉันไม่ได้เป็นเกย์ '   แล้วทีนี้จะโทรหามัน  เขาบ้าหรือเปล่าเนี่ย!!


        แจบอมนั่งเถียงกับตัวเองได้ไม่นาน  โทรศัพท์ของเขาก็มีคนโทรเข้ามาพอดี  เขาตกใจแต่ก็ดีใจที่จะได้มีเพื่อนคุยสะที  รีบรับโทรศัพท์ดีกว่า....



        "ฮัลโหล  นั่นใครครับ!!"


         "นี่นายรีบรับโทรศัพท์  จนไม่ได้ดูก่อนเลยหรอไงว่าใครโทรมา!!!"


        ถึงคนจากปลายสายจะไม่ได้ตอบคำถามเขาก็ตาม  แต่เสียงคุ้นหูแบบนี้จะเป็นของใครไม่ได้นอกจาก...


        "นายโทรมาทำไม....แทคยอน


        "ทำไมถามงั้นล่ะ  ฉันโทรหานายไม่ได้เลยหรอ??"


        "ก็ถ้านายจะโทรมาพูดไร้สาระแบบนี้ล่ะก็  ฉันจะวางสายล่ะน่ะ"  แจบอมพูดจบและกำลังจะกดตัดสายทันที ถ้าไอ้คนปลายสายมันไม่พูดขัีดขึ้นมาเสียก่อน


       "เดี๋ยว!! ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายก่อน"  ถึงอ๊ก แทคยอนจะพูดอย่างนี้  แต่ถ้าเขาจะทำเป็นไม่สนใจแล้วกดวางก็ได้  ถ้าไม่ใช่ว่าแจบอมกลับอยากรู้ขึ้นมาสะงั้นว่าเรื่องอะไร...?


         "มีอะไรก็ว่ามาสิ"  เขาต้องทำเหมือนว่าไม่สนใจ แม้ใจจะอยากรู้แทบตายว่า แทคยอนจะพูดอะไรกับเขา


        "ฉันจะพูดกับนายว่า......ว่า...." แต่ไอ้แมวดำกลับยียวนกวนเขาไม่เลิก


        "จะพูดอะไรก็พูดเร็วๆสิ!!"


        "ฉันรักนายจริงๆนะ  และฉันก็ไม่มีวันตัดใจด้วย!!!"


       "ห๊ะ!! นายว่าไงน่ะ  บ้าหรือเปล่า  ก็ฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรอว่าฉันไม่ได้เป็นเกย์สะหน่อย  ฉันไม่ได้ชอบนายแบบนั้น"  แจบอมโวยวายใส่โทรศัพท์เหมือนคนบ้า


       "แล้วไงล่ะ  มันผิดด้วยหรอ??"


       "ผิดสิ!!~ เพราะนายรักคนที่เขาไม่ได้รักนาย"


       "ไม่ผิดสะหน่อย เพราะคนๆนั้นก็รักฉันเหมือนกัน"


         "นายบ้าหรือเปล่า  ก็ฉันพึ่งบอกนายไปว่าฉันไม่ได้ระ...."


        "นายรักฉัน!!!!!  ปาร์ค แจบอม  นายรักฉัน ฉันรู้ดี"  อะไรของมันว่ะเนี่ย  อยู่ๆ ก็พูดแทรกเข้ามา  น่าโมโหจริงๆ  แต่ไอ้เหมียวยักษ์กลับ ไม่หยุดพูด


       "นายรักฉัน  แค่ตอนนี้นายยังไม่รู้ใจตัวเองก็เท่านั้นเอง"  แจบอมพูดอะไรไม่ออก  ได้แต่ฟังอีกคนพล่ามต่อ


       "ฉันจะช่วยนายเอง!! ฉันจะทำให้นายยอมรับใจตัวเองซักที  ก็แค่นั้นแหละเรื่องที่ฉันอยากจะบอกนาย แค่นี้น่ะ...อ่ะ!!! เกือบลืม  ปาร์ค แจบอม  ฉันคิดถึงนายน่ะ  คืนนี้อย่านอนดึกล่ะ  ฝันดีครับ^^"


          อะไรกันว่ะเนี่ย!!! ทำไมเขาพูดอะไรไม่ออกเลยน่ะ  ได้แต่ฟังหมอนั่นพล่ามจนจบโดยไม่คัดค้านอะไรเลยซักนิด......หาวววววว=0=  ทำไมถึงง่วงอย่างนี้น่ะ  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้กลับนอนไม่หลับเลย  แต่ตอนนี้กลับง่วงจนตาจะปิด  แปลกจริงๆ  ไม่ใช่ว่าสมองเขาเชื่อฟังที่หมอนั่นพูดหรอกน่ะว่า ' คืนนี้อย่านอนดึกล่ะ  ฝันดีครับ^^ '  เลยสั่งการให้ร่างกายเขารู้สึกง่วงแบบนี้  คิดแล้วก็ปวดหัว  รีบนอนดีกว่า  เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปเรียนไม่ทัน แล้วจะซวย  ฝันดีครับทุกคน!!!







                                        .......................................................................................
       








        "ป้อนหน่อยดิ"


       "พี่ก็กินเองสิ"


        "ก็อยากให้นายป้อนอ่ะ^0^"


       "ก็ได้ๆๆ >///< เลิกยิ้มแบบนั้นสะทีเหอะ  เอ้า..."


       "อ้ามมมมม....อร่อยจังเลย"


        "ยังจะพูดมากอีก พี่เคี้ยวแล้วกลืนก่อนสิ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก"


        "ติดคอไม่เท่าไหร่  แต่อูยองมาทำให้พี่ติดใจเนี่ยสิ  ทำยังไงก็เอาไม่ออก ^0^"


        "=///="


        "โอ๊ย!!!! เมื่อไหร่สองคนนี้จะเลิกพูดอ้วกๆกันสักทีเนี่ย  กินข้าวไม่ลงโว๊ย!!"  อี จุนโฮ หนุ่มตี๋ขี้วีน (เจ้าเก่า)  เอ่ยอย่างรำคาญเต็มที  ที่ต้องทนฟังคู่รักข้าวใหม่ปลามัน นั่งอี๋อ๋อๆกัน ในช่วงพักทานข้าวกลางวันที่ห้องเรียนของเขา  


           
            เพราะวันนี้อูยองทำข้าวกล่องมาให้พี่คุณทานด้วย  จุนโฮจึงซื้อข้าวกลางวันมานั่งกินกับอูยองบนห้อง  แต่สงสัยเขาคงจะคิดผิดที่มานั่งกินข้าวกับสองคนนี้  เพราะตั้งแต่พี่คุณเข้ามานั่งกินข้าวกับอูยองที่ห้องจนถึงตอนนี้  ไอ้สองคนนี้ก็หวานไม่เลิก  คนนึงก็หยอดแล้วหยอดอีก  ส่วนอีกคนก็เขินได้เขินดี  ไม่รู้มันไปเป็นแฟนกันตอนไหน  รู้อีกทีก็มานั่งจีบกันให้เห็นแล้ว??~


          "โธ่...จุนโฮ อย่าอิจฉาพี่สิ ที่พี่มีแฟนมาคอยดูแลอ่ะ...อ้าว!! ดงอุน มาพอดีเลย มานั่งกินข้าวกับพวกฉันสิ?"  นิชคุณเอ่ยทักทันทีที่เห็นน้องชายซื้อข้าวขึ้นมาทานบนห้องเหมือนกัน


        "ครับพี่^^"  ดูเหมือนว่าตอนนี้ดงอุน เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้ต่างกับครั้งอื่นๆ  ที่เขาดูเปลี่ยนไป ทั้งการวางตัวดูเป็นมิตร  เป็นกันเองมากขึ้น  แล้วก็ไอ้รอยยิ้มที่ดูมั่นใจชวนกระชากใจนั่นด้วย  ที่ทำให้ดงอุนดูเปลี่ยน...ดูดีขึ้นทีเดียว


         "โทษน่ะจุนโฮ ฉันนั่งกินด้วยคนน่ะ^^" ดงอุนเอ่ยถามจุนโฮเป็นการขออนุญาติ  ก่อนจะนั่งกินข้าวข้างๆจุนโฮนั่นเอง  เพราะไม่อยากจะไปนั่งฝั่งพี่คุณสักเท่าไหร่  (ไม่อยากเป็นก้าง)


        "แน่นอนอยู่แล้ว...ฉันกำลังเซ็งสองคนนี้อยู่พอดี  นายมานั่งกินด้วยจะได้มีเพื่อนคุยหน่อย"  จุนโฮพูดพร้อมฉีกยิ้ม ตาหยี  ดูเป็นธรรมชาติมากที่หาดูไม่ได้บ่อยๆนัก ของจุนโฮ  ถ้าไม่ใช่ดงอุนเขาคงไม่ทำอะไรแบบนี้ แน่นอน......


       "อูยอง...ทำไมวันนี้นายดูน่ารักกว่าเมื่อวานอีกอ่ะ"


        "ผมก็น่ารักอย่างนี้ทุกวันแหละ (บ้ายอ)"


       "อ้าวหรอ!! พี่ก็คิดว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้สะอีก?"


         "อะไรหรอ??"


        "ก็พี่รักนายมากว่าเมื่อวานอีกไง  นายก็เลยดูน่ารักมากขึ้นกว่าเดิม ^0^ "


        " >///< (อีกแล้ว)"


      ดงอุน....(-_-)        จุนโฮ....(=0=)


         เมื่อดงอุนพยายามเลิกที่จะสนใจคู่รักชวนอ้วกคู่นั้น  เขาจึงสังเกตเห็นว่า  วันนี้พี่จุนซูไม่ได้มานั่งกินข้าวกับจุนโฮและอูยองเหมือนปกติ  ถึงเขาจะพยายามตัดใจอยู่ แต่ก็อดห่วงไม่ได้จริงๆ


       "เอ่อ.....จุนโฮ... แล้วพี่จุนซูล่ะ วันนี้ไม่มานั่งกินข้าวกับพวกนายหรอ??"


        "อ๋อ!!  เห็นบอกว่าไอ้หมีชาน มันไปลงสมัครเข้าชมรมดนตรีด้วยน่ะ  เลยต้องไปสอนมันเป็นพิเศษ ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน  ถึงต้องให้พี่จุนซูไปสอนตัวต่อตัวด้วย"


       ฉึก!! เขารู้สึกเหมือนถูกแทงข้างหลังยังไงไม่รู้สิ  สอนตัวต่อตัวงั้นหรอ? พี่จุนซูกับชานซอง.... อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกอิจฉาชานซองขึ้นมา  เมื่อตอนที่เขามาสมัครเข้าขมรมใหม่ๆ จนถึงวันที่เขาลาออก  เขาไม่เคยได้เรียนดนตรี ตัวต่อตัวกับพี่จุนซูเลยสักครั้ง


        ทำไมต้องชานซอง  ทำไมไม่ใช่ผม?? หรือชานซองจะเป็นเหตุผลที่พี่ปฎิเสธผม...~  ดงอุนครุ่นคิดในใจ  ตอนนี้เขาสับสนไปหมด


      "นายเป็นไรรึเปล่าดงอุน? เห็นเงียบๆไป"  จุนโฮถามอย่างเป็นห่วง


      "ปะ ปะ เปล่าน่ะ  กินข้าวต่อเถอะ  อ่ะ!! อันนี้อร่อยมากน่ะ  นายกินสิ^^"  ดงอุนไม่ว่าเปล่าเขาตักอาหารที่รับประกันว่าอร่อย ให้จุนโฮลองกินทันที  นั่นยิ่งทำให้จุนโฮยิ้มแก้มปริ  ตาแทบมองไม่เห็น


         
        ว๊าว!!  นี่เรากำลังนั่งทานข้าวกับ ซน ดงอุน  จริงหรอเนี่ย  ยังกับฝันอยู่แหน่ะ  ถ้าฝันอยู่ขอฝันแบบนี้ซักพักได้มั้ยน่ะ? ไม่อยากตื่นเลย  ดงอุนกำลังตักอาหารให้เรา  ดงอุนกำลังชวนเราคุย  ดงอุนกำลังส่งยิ้มให้เรา  มีความสุขชะมัด^^ ~ จุนโฮคิดปลื้มในใจ  เขามีความสุขมากที่วันนี้ได้มานั่งทานข้าวกับดงอุน  และมันคงจะมีความสุขมากกว่านี้ยิ่งๆ  ถ้าไม่ต้องทนฟังไอ้คู่รักหวานเลี่ยนนี่มันคุยกัน  =0=



           "อ้าว!! พี่คุณทำไมไม่กินข้าวให้หมดล่ะ  เหลือไว้ทำไมเนี่ย!"


           "ไม่เอาอ่ะ  อูด้งของพี่กินเถอะ"


           "เลิกเรียกผมแบบนี้ได้มั่ยเนี่ย!!! กินไปไม่กี่คำเอง  ไหนบอกว่าอร่อยไง?"


          "อร่อยมันก็อร่อยอยู่หรอก  แต่พี่อิ่มแล้วนิ"


          "จะอิ่มได้ไงกินไปนิดเดียวเอง???"


        "เปล่า!!!  แค่เห็นหน้านายพี่ก็อิ่มแล้วล่ะ ^0^"


          " >///<  (อีกแล้วรอบที่สาม)"


        โอ๊ย!!! เบื่อไอ้คู่นี้เฟ้ย!!   อิจฉาวุ้ย!!!  >0< (ความคิดจุนโฮ)







       จบตอน




    เมื่อวานไม่ว่างมาอัพต่อ เลยแก้ตัวมาอัพให้วันนี้แทน^^  


    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นน่ะค่ะ  น่ารักมากๆ เลย  

    สัญญาว่าจะอัพให้เรื่อยๆน่ะจ๊ะ



    TS. Kato
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×