ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic FTIsland] Oop! Sorry ขอโทษ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายครัชชช.

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 33
      0
      6 เม.ย. 58





    Chapter 4







     

    Jonghun’Talk

    คุณคิดว่าผมควรทำยังไง เมื่ออยู่ดีๆในขณะที่ผมกับฮงกีกำลังจะลงไปหาอะไรกินที่ชั้นล่างของโรงพยาบาลกัน อยู่ดีๆลิฟท์ที่ผมใช้ก็เกิดเสียขึ้นมาดื้อๆ บรรลัยโลกแล้วครับ! มันจะมาเสียอะไรตอนนี้ ไม่สิ ทำไมถึงเสียล่ะ ระบบลิฟท์ของโรงพยาบาลพ่อผมไม่น่าจะเกิดการขัดข้องได้นะ

    “เฮ้ยยยย!!” ผมได้ยินเสียงของฮงกีอุทานขึ้นด้วยความตกใจ แหงแหละอยู่ดีๆมาเสียเป็นใครก็ต้องตกใจ ผมไม่ร้องกริ๊ดออกมาก็บุญแล้ว (หยอกครับ=_=)

    “อะไรล่ะเนี่ย”ผมบ่นออกมาเบาๆก่อนที่จะเอื้อมไปกดปุ่มขอความช่วยเหลือที่มันยังคงมีไฟส่องสว่างอยู่ คือผมลืมบอก ตอนนี้ไฟในลิฟท์มันก็ดับด้วยน่ะ แล้วพอผมกดได้ไปสองสามครั้ง นอกจากที่ไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองผมแล้ว ไฟที่ปุ่มที่ตอนแรกมันยังสว่างอยู่ก็ดับลง ชิบหายแล้วไง!

    “บ้าจริง นี่พ่อบริหารยังไงวะเนี่ย”ผมเริ่มจะโมโหขึ้นมาแล้วนะ ขนาดปุ่มขอความช่วยเหลือยังใช้การไม่ได้แบบนี้ คอยดูนะผมจะสั่งเปลี่ยนระบบควบคุมใหม่ให้หมดเลย! ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตังเองแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะใช้มันโทรไปยังห้องควบคุมระบบลิฟท์แต่ทว่า เวร!! อีกแล้วสัญญาณไม่มี

                “โธ่เว้ย! ไม่มีสัญญาณได้ยังไงวะ!” ผมมีชักหงุดหงิดและโมโหขึ้นมาจริงๆแล้วนะครับ อะไรมันจะพอเหมาะพอเจาะพอดีที่ซวยได้ขนาดนี้กัน แถมตอนนี้ผมก็เริ่มเป็นห่วงฮงกีขึ้นมาแปลกๆด้วยสิ ใจผมไม่ค่อยดีเลย ก็ฮงกีตอนนี้น่ะเงียบผิดปกติมาก คนที่ชอบโววายเสียงดังอย่างฮงกีอยู่ดีๆก็เงียบไม่ไหวติ่งแบบนี้มันไม่ปกติเลย

                “....ฮงกี”

                “...หืม?”

                “โทรศัพท์นายมีสัญญาณหรือเปล่าเอามาดูสิ” ผมถามลองเชิงคือผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าถึงขอโทรศัพท์ฮงกีมาได้มันก็ไม่มีสัญญาณอยู่ดี

              “...”

                “เงียบทำไมเอาโทรศัพท์นายมาสิ” ฮงกีเงียบผิดปกติไปจริงๆนะผมใจไม่ดีจริงๆนะเนี่ย

                “...”

                “...ฮงกี หรือว่า..?!

                “...ฮึก”นั่นไงล่ะผมกะไว้อยู่แล้วเชียว ชัดเลยครับ มันเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิดมีเพี้ยนเลย ไอ้บ้าจงฮุนเอ้ย! นี่แกเป็นต้นเหตุทำให้ฮงกีต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แท้ๆเลย ถ้าแกไม่นึกสนุกชวนฮงกีมาอยู่เวรด้วยฮงกีคงไม่ต้องรู้สึกแบบนี้หรอก

    “ฮงกี”

                “ฮึก...”  

    “นี่...”ผมว่าแล้วเอื้อมมือข้างหนึ่งไปเช็ดน้ำตาให้ฮงกีอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้...ฉันไม่รู้ว่านายยังกลัวมันอยู่ฉันขอโทษ ครับจริงๆแล้วฮงกีน่ะเป็นโรคกลัวที่แคบกับความมืดมากเพราะตั้งแต่ตอนเด็กๆฮงกีเคยถูกลักพาตัวไปแล้วถูกขังอยู่ในที่แคบและมืดเป็นเวลานาน ฮงกีก็เลยจำฝั่งใจ แล้วทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอก็เพราะคุณแม่ของฮงกีเคยเล่าให้ผมฟังน่ะ แต่ผมไม่รู้ว่าฮงกีจะยังคงกลัวมันอยู่เพราะเรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้วและฮงกีก็โตขึ้นมากแล้ว ผมไม่รู้เลยจริงๆ

    “...”

                “...ไม่ต้องกลัวนะ”ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากจะคอยอยู่ข้างๆฮงกีแบบนี้ ทำให้ฮงกีรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ที่เกิดขึ้น กับสถานการณ์ตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน ฮงกีไม่ได้ถูกขัง และฮงกีไม่ได้อยู่คนเดียวนะ นายยังมีฉันอยู่ตรงนี้นะฮงกี ฉันยังอยู่กับนาย ผมกดหัวฮงกีลงกับแผ่นอกของผมเบาๆ

                “ไม่เป็นไร ฉันอยู่ตรงนี้กับนายทั้งคน ฉันไม่ยอมปล่อยให้นายเป็นอะไรหรอกน่า ไม่ต้องกลัวนะ^^” ผมว่าแล้วลูบหัวฮงกีเบาๆเป็นเชิงปลอม จริงๆแล้วผมใจหายมากนะที่เห็นฮงกีร้องไห้แบบนี้ คนดื้อๆอย่างฮงกีมาร้องไห้แบบนี้มันไม่ใช่เลย ฮงกีของผมต้องดื้อๆ ยิ้มร้ายๆแก่นๆสิถึงจะถูกมาร้องไห้อ่อนแอแบบนี้ไม่ใช่แนวของนายเลยนะรู้มั๊ย

                “อื้ม”

                “ไม่ร้องนะครับคนเก่ง”

    “...”

    “มีผมอยู่นี่ทั้งคนนะ อย่ากลัวเลยนะครับคนดีของผม” ผมยังคงลูบหัวฮงกีไม่เลิกอีกทั้งยังรั้งร่างของฮงกีเข้ามากอดอีกต่างหาก อย่านะ อย่าคิดว่าผมเป็นพวกฉวยโอกาสเชียว ผมก็แค่...อยากปลอมฮงกีเฉยๆ ผมไม่ชอบที่จะเห็นฮงกีร้องไห้ ผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงฮงกีจริงๆ ฉันไม่มีวันปล่อยให้นายเป็นอะไรหรอกนะฮงกีอย่ากลัวไปเลยที่รัก ฉันจะอยู่ข้างๆนายเอง ขอโทษนะที่ฉันเป็นต้นเหตุทำให้นายต้องกลัวมากแบบนี้ ฉันขอโทษ

    “อื้มมม” ฮงกีตอบรับผมเบาๆแล้วตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้สึกว่าฮงกีเองก็กอดผมอยู่เช่น ฮงกีกอดผม! นี่นายคงกลัวมากใช่มั๊ย ฉันขอโทษ ผมไม่รู้ว่าผมเอ่ยขอโทษอยู่ในใจคนเดียวเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว แต่ผมรู้สึกแย่และรู้สึกอยากขอโทษฮงกีมากจริงๆ มันเป็นเพราะผมเองที่ทำให้ฮงกีต้องมากลัวแบบนี้มันเป็นเพราะผม!

    ไฟในลิฟท์ค่อยๆสว่างขึ้นและลิฟท์ก็เริ่มทำงานอีกครั้งแต่ผมและฮงกียังคงอยู่ในสภาพเดิมคือผมกอดฮงกีและฮงกีก็กอดผม เราทั้งคู่กอดกันและกัน จนลิฟท์เลื่อนลงมาที่ชั้นที่2 และเปิดออก

    “คะ คุณชาย=[]=!” เสียงจากผู้ชายวัยกลางคน คนหนึ่งที่พอประตูลิฟท์เปิดออกก็อุทานออกมาเสียงดังด้วยสีหน้าตกใจอย่างถึงที่สุดทันที หึ!

    “ครับ” ผมตอบหน้ามึนโดยที่มือของผมยังคงโอบเอวของฮงกีอยู่แต่ก็แค่หลวมๆน่ะส่วนฮงกีปล่อยมือจากการกอดผมไปแล้ว ชิ!

    “คุณชายติดอยู่ในลิฟท์เหรอครับ”

    “ไม่ใช่มั้งล่ะครับ=_=

    “เอ่อ....”

    “ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นครับ” ผมปล่อยมือจากฮงกีเพราะดูเหมือนเจ้าตัวจะโอเคแล้วล่ะก่อนที่ผมจะและฮงกีจะก้าวขาออกจากลิฟท์แล้วผมจึงหันไปพูดเสียงเรียบใส่ผู้ชายวัยกลางคนคนเดิม เอ่อ ลุงแกเป็นพนักงานควบคุมลิฟท์นั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่วิ่งหน้าตั้งมาดูสถานการณ์ขนาดนี้หรอก

    “...”

    “ผมถามว่าทำไมถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นครับ!” ถามไม่ตอบผมก็ขอขึ้นเสียงหน่อยเหอะ ถึงจะแก่กว่าผมรุ่นลุงแต่ผมก็เป็นถึงลูกชายผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้ ที่เป็นนายจ้างเขาอยู่นะ ถ้าทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพแบบนี้มันก็ต้องมีการกล่าวว่าบ้างนั่นแหละ

    “เอ่อ คือว่า...”

    “โอเค ถ้ามันพูดยากขนาดนั้นก็ไม่เป็นไรครับ แต่เรื่องนี้ผมจะแจ้งกับท่านผู้อำนวยการชเว!”จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นคนที่ชอบขี้ฟ้องนะ แล้วก็ไม่ได้เป็นพวกชอบใช้อำนาจด้วย แต่ครั้งนี้ผมขอหน่อยแล้วกัน ทุกคนก็คิดดูสิครับ ถ้าเกิดว่าคนที่ติดอยู่ในลิฟท์เป็นคนอื่นเป็นคนไข้อะไรแบบนี้ขึ้นมาจะทำยังไงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่กันไปเลยเหรอ เหอะ เอาตรงๆก็ได้ ถ้าหากฮงกีติดอยู่ในลิฟท์คนเดียวจะทำยังไง ฮงกีต้องกลัวมากและเสียขวัญมากแน่ๆ ผมยังคิดสภาพไม่ออกเลยถ้าหากผมไม่ได้อยู่ด้วยกันกับฮงกีเมื่อกี้ฮงกีจะเป็นยังไงนะ

    “อย่านะครับคุณชาย! ผมขอร้องอย่าเรียกท่านผู้อำนวยการเลย ผมขอโทษครับที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น(. .)”คุณลุงเจ้าหน้าที่ควบคุมลิฟท์เอ่ยขึ้นแทบจะทันที่ที่ผมเอ่ยถึงผู้เป็นนายของเขาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงสำนึกผิดเต็มที่

    “ขอโทษนะครับที่ผมคงทำตามคำขอร้องนั้นไม่ได้ เพราะถ้าหากเมื่อกี้คนที่ติดอยู่ในลิฟท์ที่เกิดจากการผิดพลาดของคุณลุงไม่ใช่ผมกับเพื่อนของผมแต่เป็นคนไข้ล่ะครับ จะว่ายังไง!

    “ขะ ขอโทษ ขอโทษจริงๆครับต่อไปผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกTOT”จริงๆแล้วผมก็สงสารคุณลุงเขาอยู่เหมือนกันนะแต่ว่า อย่างที่ผมบอกไปนั้นแหละที่นี่คือโรงพยาบาลชื่อดังเชียวนะ ถ้าเกิดมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้วคนที่ติดอยู่เป็นคนไข้ขึ้นมาจริงๆล่ะ โรงพยาบาลของพ่อผมจะไม่เสียชื่อไปเลยหรือยังไง

    “ผมต้องเรียกท่าน”คำพูดของผมหยุดชะงักไปทันทีเมื่อแรงดึงเบาๆที่แขนจากคนที่ยืนเงียบสงบอยู่ข้างตัวผม

    “คุณลุงกลับไปทำงานเหอะครับ ผมจะถือว่านี่คือความผิดครั้งแรกต่อไปอย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกนะครับ”

    ….

    ….” เสียงของฮงกีเอ่ยขึ้นหลังของผมจากที่เจ้าตัวผมดึงแขนผมไว้จึงทำให้ผมและคุณลุงเงียบกันไปทั้งคู่ แต่ฮงกียังคงพูดต่ออย่างหน้าตาเฉย

    “อ้าว! จะยืนอยู่อีกทำไมล่ะครับ กลับไปทำงานสิ ผมรับรองว่าเรื่องนี้จะไม่ถึงหูของผู้อำนวยการแน่สบายใจได้”

    “เอ่อ

    “แต่อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกนะครับ ไปสิ^^

    “ขะ ขอบคุณมากครับคุณหนู ขอบคุณครับ”คุณลุงกล่าวขอบคุณกับฮงกีและโค้งให้เราทั้งคู่90องศาเห็นจะได้ก่อนที่จะรีบเดิน(วิ่ง)ออกไปจากที่ตรงนี้ไปยังที่ทำงานของตัวเอง(คาดว่า) อย่างเร็วปานสายลม ฟิ้ววว =[]=;    

    “อย่าทำตัวขี้ฟ้องเลยจงฮุน”

    ” จุดมากมายเหล่านี้คืออะไรไม่รู้ แต่ที่รู้ๆตั้งแต่ตอนที่คุณลุงแกจากไปฮงกีก็พูดขึ้นมาหนึ่งประโยคเบาๆก่อนที่เราทั้งคู่ ผมกับฮงกี บุคคลที่สาม(ผี)ไม่มีผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ถ้ามีผมจะกริ๊ดให้ดูเป็นบุญตาเลยเอาสิ-.-  เราทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้แต่ยืนจ้องหน้ากันอยู่นิ่งๆอย่างนั้นสักพัก

    “หิวแล้ว”แล้วก็เป็นฮงกีที่เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเราทั้งสองคน แล้วเพียงแค่คำพูดที่หยุดออกมาจากปากของฮงกีเบาๆเท่านั้นมันก็ทำให้ผมอดระบายรอยยิ้มออกมาไม่ได้ บ่นสมกับเป็นนายจริงๆเลยนะ ฮ่ะฮ่าฮ่า

    “งั้นก็ไปหาอะไรกินกันสิ ปะ^^

    “นายก็ออกเดินสิ จะยืนแข็งทื้ออยู่ทำไมล่ะ!

    “รู้ได้ไงว่าฉันกำลังแข็งทื้ออ่ะ-..-“ แล้วผมก็อดที่จะแกล้งแหย่ฮงกีเล่นเสียไม่ได้ ขอสักนิดเถอะครับ

    “เอ๊ะ! ไอ้หมอบ้า ไอ้หมอประสาท นายคิดอะไรของนายวะเนี่ย!”ฮงกีไม่ได้ตอบคำถามผมแต่ด่าแล้วโวยวายใส่ผมแทน ฮ่ะฮ่าๆ มันต้องแบบนี้สิครับ แบบนี้สิถึงจะสมกับที่เป็น อี ฮงกี สีหน้าและอาการของฮงกีดีขึ้นมากแล้วมากจนเกือบจะเป็นปกติอยู่แล้วล่ะ คงไม่มีอะไรให้ผมต้องเป็นห่วงแล้วล่ะมั้ง ก็เจ้าตัวเล่นปล่อยกำปั้นหนักใส่ผมแถมยังด่าผมได้แบบนี้แล้วนี่ คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ ^^

    “ฮะฮ่ะ ปะ เดี๋ยวคุณหมอจะพาเดินลงบันไดเผาผลาญไขมันที่มีอยู่เป็นจำนวนอนันต์ในตัวใครบางคนลงไปซื้ออะไรกินนะครับ^^”ผมพูดจิกกัดใส่ฮงกีเล็กๆก่อนที่จะฉวยมือของฮงกีมาจับไว้แล้วพาออกเดินไปยังบันไดที่อยู่ห่างจากลิฟท์ไปแค่ไม่กี่ก้าว แต่ก่อนที่ผมจะก้าวลงบันไดขึ้นที่หนึ่งเสียงของฮงกีที่เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อกี้ผมแอบแซะเจ้าตัวไปก็โวยวายขึ้น ความรู้สึกช้าไปหรือเปล่าเนี่ย หืม?

    “เมื่อกี้นายว่าใคร นายกำลังด่าว่าฉันอ้วนใช่มั๊ยห๊ะ! ไอ้บ้าเอ้ย ไม่ได้อ้วนนะเว้ยไม่ได้อ้วน!

    “ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อนายเลยนะ อย่าร้อนตัวนักสิ ฮ่าๆๆ”

    “ฉันไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้นะว่านายว่าฉันน่ะ ฮึ่ย! ไอ้หมอชั่ว-3-“ฮงกีว่าด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะงอนน้อยๆ ฮ่ะฮ่า น่ารัก <3

    “ครับ ชั่วครับ”ผมขี้เกียจเถียงอะไรกับฮงกีต่อเลยเอ่ยรับไปสั้นๆ แล้วก็ดูเหมือนฮงกีเองก็เหนื่อยที่จะเถียงกับผมเช่นกัน เราทั้งคู่เลยเดินลงบันไดมาเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร มือของผมยังคือจับมือของฮงกีอยู่เบาๆ จะว่าไปแล้วมือของฮงกีนี่ก็นิ่มมากเลยนะ ก็อย่างว่าแหละ ฮงกีน่ะไขมันเป็นอนันต์ทุกสัดส่วนอยู่แล้วไม่แปลกหรอกที่มือจะนิ่ม นิ่มเพราะเนื้อหนังและไขมันที่มีมาก ฮะฮ่ะฮ่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่ารักสำหรับผมเสมอนะ <3

    Hongki’Talk

    ฮัดช่า! ในที่สุด ในที่สุด ในที่สุดผมก็มาถึงร้านสะดวกซื้อสักที โฮกกกกกTOT ผมแทบจะหัวใจวายตายที่ลิฟท์เกิดมาเสีย แง่งงง! โปรดอย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นกันได้ไหม ผมน่ะพระ(นาง)เอกของเรื่องเลยนะครับ จริงๆแล้วผมแมนมากนะเว้ย แต่ก็แค่เรื่องนี้ เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมขออ่อนแอบ้างอะไรบ้างไม่ได้เรอะ! ก็คนมันกลัวนี่หว่าเป็นคุณถ้าเจอสิ่งที่กลัวถึงจะแมนแค่ไหนมันก็ต้องมีบ้างล่ะวะหรือว่าไม่จริง เหอะ! ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อแล้ว บันเทิ๊งบันเทิง ของกินเต็มไปหมดเลย ผมค่อยๆจัดการเลือกของที่ผมต้องการจะเขมือบเอ่อ ใช่ว่ากินน่าจะดีกว่า แหะๆ หยิบใส่ตะกร้าไปที่ละ(ไม่)น้อย ไม่ว่าจะเป็น ขนม นม เนย ผมจัดหนัก จัดเต็ม สำหรับคืนนี้ ก็เมื่อตอนเย็นผมถูกจงฮุน ไอ้หมอบ้า มันลากมาที่โรงพยาบาลโดยที่ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่น่า เพราะฉะนั้นผมจะซื้อมาตุนเยอะก็ไม่แปลกใช่ม้ะ แล้วอย่าพูดถึงน้ำหนักผมกันนะครับ กรุณาอย่าพูดเลย ผมไม่ได้อ้วน อย่างที่จงฮุนกล่าวหาสักหน่อยพูดแล้วเจ็บใจไอ้หมอบ้านั่นมันว่าผมมีไขมันอนันต์ทุกสัดส่วนอ่ะ คือมันไม่จริงเว้ย ผมน่ะหุ่นดี หุ่นนายแบบมาก สาวๆนี่กริ๊ดผมเพียบนะครับ พูดเลย

    “กะ จะเหมาหมดร้านเลยหรือยังไง”แล้วเสียงรือเสียงเล่าอ้างอันใดพี่เอย ผิด! เสียงของไอ้คุณหมอจงฮุนก็ดังเข้ามาในโสตประสาทพร้อมค่อยๆปรากฏกายออกมาตรงหน้าผม ปิ๊ง!  ไงผมบรรยายได้แฟนตาซีดีไหม ฮ่า

    “ฉันทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”

    “จะบ้าเรอะ! แค่นี้เงินในกระเป๋าฉันก็หายไปเกือบจะหมดแล้ว พอเลย”จงฮุนโวยเมื่อเห็นผมทำท่าจะหยิบ อืม ใช้คำว่ากวาดของบริเวณนั้นลงใส่ตะกร้าที่ตอนนี้แทบไม่เหลือพื้นที่ให้หายใจแล้วดีกว่า โฮ๊ะๆๆ ใช่สิ ผมจะซื้อเยอะขนาดไหนก็ได้นี่น่าเพราะว่าไม่ว่าผมจะซื้อเยอะขนาดไหนเงินในกระเป๋าสตางค์ของผมก็ยังคงอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ เพราะคนที่จะจ่ายค่าขนมมื้อนี้ให้ผมเป็นคุณหมอจงฮุนยังไงล่ะ!! มันเลยทำให้ผมบันเทิงขนาดนี้ ^O^

    “นี่ฉันยังซื้อไม่ครบเลยนะ” ผมพยายามจะหยิบนั้นหยิบนี่ใส่ตะกร้าต่ออย่างบันเทิงเริงใจ (คนที่อยู่ในลิฟท์นั่นมันใครไม่รู้จัก คนล่ะฟีลกันเลย)

    “พอ! พอเลย พอได้แล้ว ไม่ครบบ้าอะไร นายกะจะซื้อไปกินถึงปีหน้าเลยหรือยังไง แค่นี้ยังอ้วนไม่พออีกเหรอ หืม”จงฮุนไม่ว่าเปล่าเอื้อมมือมาแย่งตะกร้าไปจากผมจากนั้นก็จัดการหยิบของในตะกร้าของผมออกที่ละชิ้นๆ กริ๊ดดด!(?) อย่านะ อย่าเอาขนมผมออก

    “พอแล้ว!! อย่าเอาออกไปมากกว่านี้เลย ตอนเย็นฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยนะTOT”ผมร้องท้วงจงฮุนขึ้นเมื่อเห็นว่าของในตะกร้าของผมถูกจงฮุนจัดการหยิบออกไปเกือบครึ่ง ไอ้หมอบ้า ไอ้คนเลว ไอ้คนใจร้าย ไม่รักแล้ว(?) ฮืออออ T^T

    “รู้แล้วแหละน่า นี่ไง แค่นี้ก็พอแล้ว”จงฮุนว่าแล้วชูตะกร้าที่ตอนแรกมันเป็นของผมให้ผมดูจำนวนขนมที่ยังคงเหลือ(ไม่ค่อย)น้อยนิดในตะกร้า ก็ประมาณครึ่งตะกร้าได้ ที่แรกที่ผมหยิบใส่มันล้นตะกร้าเลยนะนี่หายไปเยอะเลยอ่ะครับ จำไว้เลยนะ ชเว จงฮุน!

    “นี่ยังไม่พอครึ่งท้องฉันเลย!!”ผมพูดแล้วพยายามจะหยิบขนมเข้าไปใส่เพิ่มในตะกร้าอีก แต่จงฮุนกับหยุดมือของผมไว้เสียก่อนแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆตามสไตล์

    “แค่นี้ก็พออิ่มนายแล้วน่า ฉันรู้” ก็ใครเขาบอกว่าฉันจะกินคนเดียวล่ะวะ!! อื้ม ที่ผมพยายามจะตุนของกินเยอะๆแบบนี้ก็เพื่อจงฮุนนั้นแหละ ตัวจงฮุนเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อตอนเย็น นี่คนเขาเป็นห่วงนะเว้ย!

    “เออ! รู้ว่าฉันกินคนเดียวอิ่ม แต่นายล่ะ?”

    “ห๊ะ?? ฉัน?”จงฮุนทำหน้างงแล้วเอานิ้วชี้ที่ตัวเองอย่างสงสัย เออ แกนั่นแหละไอ้หมอ

    “นายนั่นแหละครับคุณหมอ”

    “นี่ที่จะตุนไปเยอะนี่ กะจะเผื่อฉันด้วย?” เพิ่งรู้เรอะ!!

    “เออ!!

    “ก็ทำตัวน่ารักเป็นเหมือนกันนี่เรา ฮ่ะฮ่า งั้นหยิบขนมข้างหลังนายมาให้ฉันสามชิ้นก็พอแล้ว” ไอ้คำที่ว่า ทำตัวน่ารักก็เป็นนี่คืออะไร ปกตินิสัยฉันก็น่ารัก นิสัยดี เป็นผู้ชายที่มีแต่คนหลงใหลอยู่แล้วโว้ย แกมองไม่เห็นเองต่างหากไอ้หมอบ้า ฮึ่ย! อารมณ์เสีย

    “ถ้าคิดว่าพอก็แล้วแต่แล้วอย่ามาแย่งส่วนของฉันกินก็แล้วกันนะ!”ผมว่าแล้วเอื้อมมือไปหยิบขนมปังคละแบบมาสามชิ้นแล้วส่งให้จงฮุน

    “ฉันไม่แย่งนายกินหรอกน่าเพราะถ้าฉันไม่อิ่มฉันจะกินนายแทนขนม คึ^^” ประโยคแรกผมได้ยินชัดเจน แต่ไอ้ประโยคหลังจงฮุนมันบ่นอะไรของมันกันวะ ผมไม่ได้ยินโว้ย รู้แต่ว่าพอบ่นประโยคหลังเสร็จเจ้าตัวก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกก่อนที่จะเดินตัดบทไปจ่ายเงินค่าขนมที่เคาท์เตอร์ ฮึ่ย! เก่งจังนะไอ้เรื่องชอบบ่นกับตัวเองน่ะ คนเขาก็อยากรู้นะว่าบ่นว่าอะไร เห็นสีหน้าแล้วดูสนุกเชียว ไอ้คนขี้งกบ่นให้ได้ยินด้วยก็ไม่ได้ ชิแต่ก็ขอบคุณนะจงฮุน ขอบคุณทั้งเรื่องในลิฟท์ แล้วก็ขนมนั้นด้วย



    -------------------------------------------------------------------


    กริ๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!! อย่า อย่าเอาอะไรมาขว้างใส่เค้านะ อย่าT^T
    เค้าขอโทษ เค้าผิดไปแล้ว เค้ารู้ว่าเค้ามาอัพช้า ขอโทษจริงๆ ให้อภัยเค้าเถอะนะๆๆ ไม่งอนกันนะ รีดเดอร์ที่แสนน่ารักของเค้า
    แง่งงงงงง พอดีช่วงนี้มันไม่คอยมีอารมณ์แต่งเลย ก็เลยเกิดอาการดอง แหะๆ วันนี้คิดว่าดองไว้พอสมควรแล้วเลยมาอัพให้ คิดถึงเค้าป่าวววว ^O^
    #ถ้ามีคำผิดจะกลับมาแก้ให้อีกทีนะ ปิ๊งๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×