ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic FTIsland] Oop! Sorry ขอโทษ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายครัชชช.

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 43
      0
      11 ต.ค. 58


    Chapter 10





     

    Jaejin’Talk

                “แจจิน! มีของส่งมาถึงนายอีกแล้ว” เสียงของเพื่อนร่วมสาขาของผมดังขึ้นมาในห้องสี่เหลี่ยมที่แสนเงียบกริบ ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกเราเด็กคณะวิทย์ แต่จะพูดให้ถูกต้องบอกว่าเป็นที่กลบดานของพวกเด็กสาขาฟิสิกส์เอกดาราศาสตร์จะดีกว่า เพราะห้องนี้เป็นห้องท้องฟ้าจำลอง พวกเราชาวดาราศาสตร์จะชอบมานั่งเล่นในห้องนี้กันอยู่บ่อยๆเอาง่ายๆคือทุกวันทุกเวลาที่ไม่มีเรียนนั่นแหละ แล้วไอ้บ้าเพื่อนตัวดีของผม มันจะตะโกนแหกปากทำบ้าอะไรของมัน ห้องก็แค่เนี่ย จะตะโกนทำแมวอะไรครับ        

                =__=”ผมหันไปมองเจ้าของเสียงที่แหกปากเมื่อครู่นี้ด้วยสายตาหน่ายๆมันเล็กน้อย

                “วันนี้เป็นดอกกุหลาบสีแดงสามดอกดอกคาร์เนชั่นสีแดงอีกหนึ่งดอกพร้อมกับกล่องของขวัญเล็กๆอีกหนึ่งกล่อง แสดงว่าเมื่อวานแกได้กุหลาบขาวครบสิบห้าดอกแล้วอะดิ”เพื่อนคนเดิมที่ส่งเสียงแหกปากเมื่อครู่นี้ยังคงพูดขึ้นพร้อมทั้งค่อยๆยื่นของแต่ละอย่างที่เจ้าตัวพูดออกมามาให้ผม

                “อืม ก็คงงั้นอะ”ผมรับของทั้งหมดมาจากเจ้าเพื่อนตัวดีแล้วมองมันอย่างนึกคิด จะว่าไปนี่ก็เป็นปีแล้วมั้งที่ผมได้รับอะไรแบบนี้ซ้ำๆเดิมๆเป็นประจำ เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อประมาณปีก่อน อยู่ดีๆก็มีคนส่งดอกกุหลาบขาวมาให้ผม ไอ้ผมเข้าใจว่าอาจจะเป็นคนที่แอบชอบผมหรืออาจจะเป็นน้องๆในสาขาอะไรแบบนี้ส่งให้ ตอนที่ผมได้วันแรกน่ะไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก แต่พอมาวันที่สองสามจนถึงสิบกว่าวันเนี่ย ผมเริ่มสงสัยแล้วอะไรมันจะส่งให้ทุกวี่ทุกวันแถมพอถามว่าใครส่งมาให้ก็ไม่มีใครรู้ มีแต่บอกว่าส่งต่อๆกันมาไม่มีใครรู้แน่ชัดจริงๆว่าดอกไม้พวกนี้มันมาจากไหนกันแน่ เอาสิครับน่าสพรึงมั้ยล่ะ อืม ผมเองก็สพรึงและกลัวว่ามันอาจเป็นโรคจิตด้วย แต่ผมก็อยู่ปกติดีจนมาถึงตอนนี้ไม่เคยมีใครมาเดินตามทำพฤติกรรมแปลกๆใส่หรือโดนปองร้ายเลยสักรอบนะ น่าแปลกใจมั้ยล่ะครับ แถมจากที่ผมสักเกตเห็นทุกๆครั้งที่ผมได้รับดอกกุหลาบสีขาวครบสิบห้าดอกหรือก็คือสิบห้าวันในวันต่อมาผมจะได้รับดอกกุหลาบสีแดงสามดอก ดอกคาร์เนชั่นสีแดงอีกหนึ่งดอก แล้วก็กล่องของขวัญหรืออาจจะเป็นขนมอะไรแบบนี้ทุกครั้งเลย ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าคนส่งต้องการอะไรจากผมกันแน่ ใจจริงผมก็อยากจะติดต่อกับคนส่งของพวกนี้มาให้อยู่อยู่นะ แต่ก็อย่างที่บอก ผมเคยพยายามสืบแล้วแต่ก็ไร้วี่แววอยู่ดี จะว่าไปมาลุ้นกันดีกว่าว่าวันนี้ของขวัญในกล่องเล็กๆนี่มันคืออะไร ถ้าจำไม่ผิดครั้งก่อนเหมือนผมจะได้กล่องดนตรี

                “รอบนี้เป็นอะไรวะ?”เพื่อนตัวดีเอ่ยถามผมในขณะที่ผมกำลังจะแกะกล่องของขวัญเล็กๆนี่

                “แป๊บดิ แกะอยู่”ผมแกะกระดาษที่ห่อกล่องออกพร้อมทั้งกับค่อยๆแกะกล่องใบเล็กๆออกมา

                “อะไรวะๆๆ”

                “พวงกุญแจ...”ผมตกใจเล็กๆเมื่อเห็นของในกล่องไม่ใช่ว่าตกใจอะไรนะ แต่ผมตกใจที่ว่า พวงกุญแจแบบนี้ผมว่าผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะรู้สึกคุ้นกับมันแปลกๆ แต่ช่างมันเถอะพวงกุญแจแบบนี้ไม่ได้มีแค่พวงเดียวบนโลกนะเว้ยอีแจจิน   

                “สวยนี่หว่าๆ ขอได้ปะ -..-“

                “ไม่ได้”

                “ไอ้ขี้งก -*-“เพื่อนตัวดีว่าก่อนที่จะปลีกตัวไปจากผม เหอะ เห็นแบบนี้ผมก็หวงของนะ ถึงผมจะไม่เคยเอาของที่ผมได้มาใช้เลยสักครั้ง แต่ผมก็หวงอะ ผมคิดว่าสมมุตนะถ้าคนที่ให้ของผมมาเห็นของที่ตัวเองให้ผมไปอยู่กับคนอื่นเขาคงรู้สึกเสียใจ ดังนั้นผมก็เลยไม่ให้ใครเก็บไว้ให้ฝุ่นเกาะอยู่ที่บ้านนั่นแหละ ฮ่าๆๆ แล้วที่ผมไม่ยอมใช้ของพวกนี้ก็เพราะกลัวว่าคนที่ให้จะได้ใจ ผมก็เลยไม่ใช้ก็เท่านั้นเอง

     

                ณ โรงอาหารของตึกคณะวิทย์

    บอกผมทีว่านี่คือโรงอาหารของตึกคณะผม ทำไมเด็กวิศวะเต็มไปหมดเลยวะ ตึกคณะแกไม่มีข้าวให้กินหรือไงทำไมต้องมากินข้าวที่ตึกคณะฉันห้ะ ไอ้พวกเด็กวิศวะ!!

                “แจจินเอาไงดี”เพื่อนของผมเอาไหล่มาชนผมเบาๆพลางกระซิบกระซาบ เหอะจะไปกลัวมันทำไม ก็แค่เด็กวิศวะเอง นี่ตึกคณะเรานะเว้ย

                “เราไปกินกันที่อื่นก็ได้มั้ง”ไวกว่าความคิดผมก็รีบชิ่งออกมาจากโรงอาหารทันที แง่ง จริงๆมันคือโรงอาหารในตึกคณะวิทย์นะ ผมยืนยันว่ามันคือคณะผม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเด็กวิศวะชอบมากินข้าวที่โรงอาหารในตึกคณะผมก็ไม่รู้ แถมจะให้ไปมีเรื่องกับเด็กวิศวะก็กระไรอยู่ ไม่ใช่ว่าผมไม่กล้า ไม่ใช่ว่าผมสู้ไม่ได้ แต่การมีเรื่องมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่านั้นเอ้งT^T จริงๆแล้วโรงอาหารมันก็ไม่ได้มีอยู่ที่เดียวในมหาวิทยาลัยสักหน่อย เด็กวิทย์หรือก็คือผมไปกินที่โรงอาหารอื่นก็ได้วะ และโรงอาหารอื่นที่ผมว่ามันก็คือโรงอาหารในเขตของเด็กบริหารนั่นเอง เย้! จริงๆแล้วผมก็ไม่ค่อยอยากจะมารบกวนหรือเบียดเบียนโรงอาหารของคณะอื่นหรอกนะแต่แบบ...โรงอาหารคณะผมมันโดนเด็กวิศวะยึดไปครองนี่หว่าจะให้ทำไงได้อะ เพราะฉะนั้นไหนๆตึกคณะบริหารก็อยู่ใกล้ๆกับตึกคณะวิทย์แล้ว ขอฝากท้องหน่อยแล้วกันนะ อ่อแต่จะว่าไปทำไมเด็กวิศวะมันไม่มาเบียดเบียนโรงอาหารของเด็กบริหารบ้างวะ ทั้งๆที่ตึกของสามคณะนี่ก็อยู่ใกล้ๆกันนะ ทำไมต้องเป็นโรงอาหารคณะวิทย์ อีแจจินคนนี้ไม่เข้าใจเอามากๆเลยนะเว้ย

                “แจจินพอดีแฟนฉันโทรมาให้ไปรับวะ ฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน” อ้าวเฮ้ย  อะไรวะ อยู่ดีๆผมก็โดนเพื่อนตัวดีชิ่งหนีไปหาแฟนเฉยเลย ใช่สิ ไอ้พวกมีแฟน ใช่สิไอ้คนมีแฟน เอออออ คนโสดอย่างผมกินข้าวคนเดียวในเขตของคนอื่นเขาก็ได้วะ แง่งงง แกจำไว้นะไอ้เพื่อนเลวไอ้เพื่อนทรยศ!

             “เอ่อ เอาข้าวปั้นสองชิ้นครับ” ของกินสิ้นคิดของผมเลยแหละ จริงๆของมันมีของให้กินเยอะนะเยอะมากแต่คนมันก็เยอะไม่แพ้กันแหละ แล้วอีกอย่างมันไม่ใช่เขตของผมด้วย แถมผมมาคนเดียวอีก แบบนี้มันก็เกรงใจอยู่แปลกๆนะเฮ้ย

                ผมซื้อข้าวปั้นมากะจะเอากลับไปกินที่ฐานทับลับเอ่อห้องท้องฟ้าจำลองนั่นแหละแต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากโรงอาหารในเขตของเด็กบริหารอยู่ดีๆก็มีคนเดินมาชนผมเฉยเลย เฮ้ย!

                “ขอโทษครับ เป็นอะไรมั้ย?”

                “ไม่เป็นไรครับ”ผมว่าแล้วเตรียมตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่ดูเหมือนว่าข้อเท้าของผมจะทรยศน่ะสิ เฮ้ย นี่แค่ถูกชนหน่อยเดียวเองนะแจจิน อย่างอ่อนแอนักสิ

                “แน่นะครับ?”คนที่ชนผมยังคงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเขาเห็นผมลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าที่แสดงอาการเจ็บนิดหน่อย จริงๆไม่หน่อยอ่ะมันเจ็บมาก แต่ไม่แสดงออกเท่านั้นเอง

             “ครับ ผมไม่เป็นไรจริงๆ^^

                “อ่า ครับขอโทษด้วยนะ”คนที่ชนผมว่าแล้วก็เดินจากไป เขาคงรีบแหละผมว่านะแต่สภาพผมนี่ดิ จะก้าวขาทีนี่แบบ โอ้ย จะรอดกลับถึงฐานทับมั้ยอีแจจิน!

                “ให้ช่วยมั้ย?”แล้วอยู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งลอยเข้ามา

                “มะ ไม่.....”ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงหัวใจผมก็กระตุ้นวูบปากที่กำลังจะเอ่ยคำว่าไม่เป็นไรก็ชงักขึ้นมาเสียดื้อๆ คนคนนี้ คนที่ผมเกลียดมากที่สุด คนที่ผมสาบานกับตัวเองไว้ว่าชาตินี้ชาติหน้าชาติไหนผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก....โอ วอนบิน

                “ไม่เป็นไรครับ”ผมกั้นใจว่าแล้วตอบเขาไปอย่างเรียบๆก่อนที่จะพยายามเดินต่อไปข้างหน้าทั้งๆที่ข้อเท้ายังเจ็บอยู่อย่างนั้น ทำไมข้อเท้าต้องทรยศกันด้วยนะแค่โดนชนหน่อยเดียวเอง แกจะงอแงอะไรนักหนาเนี่ยข้อเท้าบ้า

                “โอ้ย!” แค่ขยับเบาๆก็เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ บ้าเอ้ย!

                         “ข้อเท้าบวมขนาดนี้แล้วยังจะทำเป็นเก่งอีก”เขาว่าแล้วเข้ามาประคองผมไว้ เฮ้ยๆ อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวผมนะ

                “คุณจะไปทำอะไรที่ไหนก็ไปเถอะครับ ผมโอเคดี ขอบคุณมากครับ”ผมว่าแล้วพยายามสบัดเขาออกจากตัวแต่มันก็ช่างยากเย็นนักเชียว ปล่อยฉันสิวะ

             “ฉันแค่อยากจะช่วย...”

                “ผมไม่ได้ขอครับ แต่ถ้าคุณอยากจะช่วยผมจริงๆ งั้นคุณก็ช่วยปล่อยมือจากตัวผมเถอะครับ”

                “แจจิน...”เขาเอ่ยชื่อผมขึ้นมาอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนมือออกไปจากตัวของผม เออ แบบนี้แหละดีแล้ว แบบนี้แหละที่ผมต้องการ แต่ทว่าอยู่ดีๆตัวผมก็ลอยขึ้นจากพื้นเฉยเลย เฮ้ย ผมลอยได้ ผมมีพลังวิเศษ... เว้ย! ไม่ใช่ ที่ตัวผมลอยจากพื้นเหตุมันเกิดจากเขา...เขาอุ้มผม=[]=;

                “ทำอะไรของคุณ!

                “อยู่เฉยๆเถอะ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เหอะ เอาเลย อยากอุ้มนักใช่มั้ย เอาสิ คนเหนื่อยมันไม่ใช่ผมแต่เป็นเขา

                เขาอุ้มผมมาจนกระทั้งถึงหน้าตึกคณะวิทย์คือจริงๆมันก็ไม่ได้ไกลจากตึกของคณะบริหารเท่าไหร่หรอก แล้วเขาก็ค่อยๆวางผมลงบนโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าตึกคณะวิทย์เบาๆ

                “ขอบคุณ”ผมเอ่ยขอบคุณเขาไปตามมารยาททั้งๆที่ผมไม่ได้ขอให้เขามาช่วยเลยด้วยซ้ำ จริงๆผมไม่จำเป็นต้องขอบคุณก็ได้ แต่พอดีว่าผมเป็นคนดีมีมารยาทพอก็แค่นั้น

                “อืม”เขาว่าสั้นๆก่อนที่จะค่อยๆนั่งย่องๆแล้วเอื้อมมือหนาๆของเขามาจับที่ข้อเท้าที่แสนจะบวมของผม

                “ทำอะไร!”ผมว่าพลางตั้งใจจะดึงขาหนีแต่ทว่าเขากับรั้งข้อเท้าของผมไว้เสียนี่ เจ็บนะเว้ย แค่ไม่แสดงออก

                “มันบวม”เขาเอ่ยออกมาสั้นๆในขณะที่สายตายังคงจับจองที่ข้อเท้าบวมๆของผม เออออ ไม่ได้โง่รู้ว่ามันบวม ตาก็ไม่ได้บอดมาบอกทำไม

                “ผมรู้ครับ ผมไม่ได้โง่”

                “อืม ฉันรู้ว่านายฉลาด” ประชดผมใช่มั้ยคำนี้ เดี๋ยวพ่อก็เตะเสยคาง=__=

             “ครับ”ผมตอบออกไปสั้นๆไม่รู้จะพูดอะไร มันไม่มีอะไรจะพูดเพราะผมกับเขาเราไม่เคยรู้จักกันนี่ จะให้ถามไถ่ว่าสบายดีมั้ย พ่อตายแม่เสียหรือยังอะไรแบบนี้ก็ดูจะไม่ใช่เรื่อง ก็คนมันไม่รู้จักกันนี่ครับ

                “นายเปลี่ยนไปเยอะนะแจจิน”เขาเอ่ยออกมาเบาๆในขณะที่มือของเขากำลังนวดข้อเท้าให้ผม เออ ดีๆ อยู่ดีๆก็มีคนมานวดเท้าให้ ดีจริงๆ

                “ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนะครับ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย”

                “นายเย็นชาขึ้นมาก นายเปลี่ยนไป”

                “งั้นเหรอครับ คุณคิดไปเองหรือเปล่า?”ผมอยากจะหัวเราะให้ฟันล่วง บ้าหรือเปล่ามาบอกว่าผมเปลี่ยนไป ผมเย็นชา ผมเย็นชาบ้าอะไร ผมปกติดี ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เขากับผมไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะจะมาบอกว่าผมเปลี่ยนไปได้ยังไง บ้าเรอะ!

                “ตอนเราคบกันนายไม่ได้เป็นแบบนี้”เขาหยุดนวดข้อเท้าของผมแล้วพูดขึ้นมานิ่งๆ ซึ่งมันก็ทำให้ผมนิ่งไปชั่วอึดใจหนึ่งเหมือนกัน คบกันเหรอ ผมกับเขาไม่รู้จักกันด้วยซ้ำจะคบกันได้ยังไง กล้าพูดออกมาได้ยังไงว่าเราคบกันน่ะ!

                “จำคนผิดหรือเปล่าครับ ผมกับคุณเราไม่เคยรู้จักกันจะคบกันได้ยังไง ฮ่ะฮ่ะ ^^”ผมว่าแล้วหัวเราะรัวโอ้ยตลกสิ้นดี

                “แจจินฉันขอร้องอย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ย”เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและแววตาที่ดูเศร้าๆ เศร้าเหรอ คนที่ควรเศร้าต้องเป็นฉันไม่ใช่นาย!

                “เห็นทีจะไม่ได้ครับ เพราะผมก็เป็นของผมแบบนี้นี่แหละ^^

                “แจจิน...”

                “โอ๊ะ ขอโทษนะครับ ผมขอตัวก็ก่อนนะพอดีมีเรียนต่อน่ะ ขอบคุณที่ช่วยผมนะครับทีหลังไม่ต้อง หวังว่าเราจะไม่พบกันอีก โชคดีครับ^^”ผมว่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างตัดบทพลางลุกขึ้นหนี อ่อ ขาของผมรู้สึกดีขึ้นเล็กๆ เล็กๆเท่านั้นจริงๆแต่ผมก็ยังคงทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวผืนตัวเองลากขาเดินหนีเขาเข้ามาในตัวตึก

    คณะโดยเร็ว แน่ล่ะถ้าผมอยู่ต่อมีหวังต้องเกิดเรื่องแย่ๆขึ้นมาแน่ๆ เรื่องแย่ๆที่ว่านั่นน่ะ...

                “ฮึก...”ว่าแล้วเชียว ว่าแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ใช่ผมร้องไห้ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องร้องไห้ด้วย ผมร้องไห้ทำไมวะ อาจจะเพราะขาผมเจ็บผมเลยร้อง...ไม่หรอกผมกำลังหลอกตัวเองอยู่ ที่ผมร้องไห้ก็เพราะเขานั้นแหละ เขาคนที่ผมเกลียดที่สุด เขาคนที่ผมจะไม่มีวันเข้าไปยุ่งด้วยไม่ว่าชาตินี้ชาติหน้าชาติไหน แต่เขา เขาเข้ามายุ่งกับผมอีกทำไม! ไหนสัญญากันไว้แล้วไงว่าจะไม่มายุ่งกันอีก จะทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกัน แล้วนาย นายมายุ่งกับฉันอีกทำไมวอนบิน

                เราเลิกกันเถอะแจจิน

                       ทำไม?

             นายคิดว่าคนอย่างฉันจะลดตัวลงไปคบกับเด็กอย่างนายจริงๆเหรอ?

             แล้วที่ผ่านมา??

             ฉันก็แค่ว่างไม่มีอะไรทำก็แค่นั้น

             อื้ม เข้าใจแล้ว

             เข้าใจก็ดี

             แต่ฉันขออะไรนายอย่างนึ่งได้มั้ย? ถือว่าเป็นคำขอร้องจากเด็กโง่ๆคนหนึ่งก็แล้วกัน

             ว่ามา

             ต่อไปนี้เราอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก นายกับฉันเราไม่เคยรู้จักกันเลย ไม่เคยเลย ฉันขอนายแค่นี้

             จริงๆแล้วฉันก็กะจะบอกได้อยู่แล้ว โอเคตกลง เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน และเราไม่เคยรู้จักกัน

            

             นายเป็นคนบอกเลิกฉันนะวอนบิน แล้วนายก็ยังเห็นด้วยกับคำขอของฉัน แล้วนายจะเข้ามายุ่งกับฉันอีกทำไม ว่างอีกแล้วเหรอ ไม่มีอะไรทำอีกแล้วเหรอ เห็นฉันเป็นอะไรวะ ของเล่นเหรอ ฉันก็มีความรู้สึกนะวอนบิน ตลอดว่าที่ผ่านมาฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ฉันพยายามลืมนาย ฉันพยายามลืมเรื่องราวทั้งหมดในอดีตแล้วนะ แต่พอมาเจอนาย นายก็ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวเก่าๆนั่นอีก คงซะใจนายมากใช่มั้ย หึ นายบอกว่าฉันเปลี่ยนไปงั้นเหรอ ใช่ฉันเปลี่ยนไปแล้วฉันก็เปลี่ยนได้มากกว่านี้อีกโอวอนบิน! ผมคิดอยู่ในใจพลางเช็ดน้ำตาคราบน้ำตาออกจากใบหน้า อี แจจินต้องเข้มแข็งเข้าไว้นะ สู้ๆ จะมาเสียน้ำตาให้คนที่เราไม่รู้จักทำไม บ้าหรือเปล่าเนี่ย!

     -----------------------------------------------------------------------------------------------


    หูยยยยย หายไปนานเลยเนอะ 5555555555555555
    เค้าเรียนหนักจริงๆนะ ไม่มีเวลาจริงๆนะ เข้าใจใช่มั้ย ฮืออออออ
    ยังไงก็ฝากติดตามนะ สัญญาว่าไม่ทิ้งแน่ๆแหละ รักนะจ้ะ
    เม้นเป็นกำลังใจด้วยนะยู้ววววววว ♥

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×