ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ending [ทำมือ] MONSTER' N DIRTY สัมพันธ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #2 : MONSTER' N DIRTY สัมพันธ์ครั้งที่ 01 [199%]

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 60


    Related image

    สัมพันธ์ครั้งที่ 01

    [ผู้ชายจิตป่วย]


                   เกร้ง...

            อ่า... ล็อกหรือไม่ล็อก?

            ผมขมวดคิ้วพลางเอียงคออย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นก็หลุบตามองกุญแจข้อมือขนาดเขื่องที่ตัวเองถือไว้สลับมองร่างบางของเอื้องขวัญบนเตียงซึ่งยังคงหมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราว

            ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมยัยนั่นถึงมาอยู่ที่นี่...

            “เพราะนอกจากเธอแล้ว...”

          กึก!

            ผมจำได้ว่าสิ้นคำสารภาพ ยัยเด็กอวดดีนั่นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และใช้คมฟันงับใบหูผมอย่างแรง มันแรงมากจนได้ยินเสียงของเนื้อ...

            ยัยหมาบ้าทำผมเลือดออก ต่างหูราคาสองพันที่ผมใส่ก็โดนคมฟันเกี่ยวหลุดจนกระเด็นตกลงไปในท่อระบายน้ำโสโครก

            อา ไม่ได้เสียดายหรอก แต่กลิ่นเลือดทำให้ผมเดือดอยู่ไม่น้อย 

            ในช่วงเวลานั้นผมจึงสั่งสอนเอื้องขวัญด้วยวิธีของตัวเอง 

                   "อื้อ!!!"

            จูบเหรอ... ก็คลับคล้ายคลับคลา

    แต่สำหรับผมการใช้ริมฝีปากกระแทกลงไปด้วยความรุนแรงระดับนั้น ใช้คำว่า บดขยี้น่าจะเหมาะกว่า ผมยังจำวินาทีที่ไรฟันของเรากระทบกันได้อย่างดิบดี ไหนจะกลิ่นเลือดของเราสองคนที่ซึมซ่านผ่านปลายลิ้นนี่ด้วย

    นั่นเป็นแค่บทลงโทษขั้นเบสิก...

            ของจริงยังไม่ทันได้เริ่ม ยัยนั่นก็ตัวสั่น หอบหายใจจะเป็นจะตายก่อนหมดสติไปพร้อมกับเนื้อตัวที่ร้อนรุ่มด้วยพิษไข้ เมื่อวานโง่เดินตากฝนเองไม่ใช่เหรอ สมควรไหมล่ะนั่น 

                   โอ๊ะ ลืมตัว

            ความแตกซะแล้ว แย่จัง...

    อันที่จริง... ผมกลับมามีบทบาทในวงจรชีวิตยัยนี่อีกครั้งราวๆ สองอาทิตย์เห็นจะได้แล้ว เพียงแค่หลบอยู่ในเงามืดไม่ให้เจ้าตัวรับรู้ก็เท่านั้น

    เพราะครั้งนี้ผมมีจุดประสงค์ที่เด่นชัด การทิ้งเอื้องขวัญไว้ตรงนั้นจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ผมต้องการ สุดท้ายจึงหิ้วยัยนั่นขึ้นรถมาด้วย แต่ก็นะ... เพราะกลัวยัยเด็กแสบตื่นขึ้นมาแผลงฤทธิ์ ผมจึงจับมัดข้อมือ หาผ้ามาพันรอบดวงตาก่อนจับยัดไว้ท้ายรถ

    เชื่อเถอะว่าตอนนั้นผมนึกสนุกแบบสุดๆ มีความคิดแผลงๆ นับร้อยพันสั่งให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ อย่างเช่น... ขับรถออกนอกเมืองซึ่งค่อนข้างจะเปลี่ยวและไร้ผู้คน ทว่าสุดท้ายผมก็วกกลับมา... พายัยนั่นมาคอนโดฯ ของตัวเอง

    ผมถอดเสื้อผ้ายัยนั่นออกทุกชิ้น ไม่เหลือติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วอย่าคิดว่าผมจะหาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนป่วยล่ะ 

    ก็แค่จับโยนลงอ่างพอให้ตัวเปียกแล้วพามาบนเตียงเหมือนเดิม และมันก็จบตรงที่ผมสับสนว่าควรล็อกข้อมือยัยนี่ไว้ดีไหม

    ล็อกดีไหมน้า... อิๆ

    ผมยังคงชั่งใจและยืนอยู่จุดเดิมขณะที่สายตาเปลี่ยนมาโฟกัสร่างบางบนเตียงนุ่ม เอื้องขวัญเวอร์ชันโตเต็มวัยนี่มัน น่ากินชะมัด... แต่ใช้คำว่า น่าเอาก็คงเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนกว่า

    อืม... น่าเอา

    เมื่อความคิดอกุศลโฉบเข้ามาในหัว สายตาของผมก็เคลื่อนต่ำลงมายังไหปลาร้าลึกที่เคยฝากร่องรอย รวมถึงหัวไหล่มนที่เคยสัมผัสเมื่อยัยนั่นยังเป็นเพียงเด็กมอ.ปลาย

    เชื่อเถอะว่าเนินอกอวบอิ่มซึ่งกำลังกระเพื่อมไหวตามการหายใจเข้าออกทำเอาผมสติหลุดไปพักหนึ่ง

    อา มึงจะมารู้สึกกับผู้หญิงที่ตัวเองเคยบอกว่าน่ารังเกียจไม่ได้นะไอ้เต

    ผมไม่เคยมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนเดิมมากกว่าสองครั้ง นั่นสิ ผมกลายเป็นผู้ชายสำส่อนไปแล้ว แต่ทำไงได้... กระดิกนิ้วสองที ผู้หญิงหุ่นเอ็กซ์ก็พร้อมใจกันกรูเข้ามาหาผมจนฝุ่นตลบ ปฏิเสธไปก็เสียมารยาทแย่

    จะมีก็แต่ยัยเด็กตรงหน้าที่ใช้วิธีไหนก็รั้นแต่จะหนี ดั้นด้นจะไปให้ได้...

    “...แกกลับมาทำไม!” ผมหลุดจากความคิดเมื่อเสียงหวานที่เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวตวาดขึ้นมา ยัยนั่นยังหลับอยู่ แต่การกลับมาของผมคงทำให้เจ้าตัวเก็บเอาไปฝันเลยมั้ง

    เอ๊ะ หรือฝันถึงผมทุกคืนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนะ? 

    “อิๆ” ผมหัวเราะคิกคักก่อนก้าวเท้าเข้าไปหาร่างบางที่เริ่มตัวสั่น กระสับกระส่ายเหงื่อแตกพลั่กประหนึ่งว่ากำลังโดนความฝันตามฆ่า

    ใช้เวลาไม่นานผมก็ขึ้นมานั่งย่องๆ ข้างๆ ยัยเด็กปากดี การยุบตัวของฟูกทำให้เอื้องขวัญขยุ้มมือกับหมอนแน่น ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    ผมเอียงคออีกครั้ง... ใช้ปลายนิ้วแข็งกระด้างปัดปอยผมที่ปรกใบหน้าออกไป ไม่แน่ใจว่าผิวหนังของยัยนั่นร้อนผ่าวหรือนิ้วของผมเย็นเฉียบมากเกินไป วินาทีที่สัมผัส ผมจึงรู้สึกถึงความต่าง และความต่างนั้นทำให้เอื้องขวัญสะดุ้งโหยง

    “อย่ามายุ่งกับฉัน...” ยัยนั่นพึมพำเสียงพร่าทั้งๆ ที่ยังหลับตา ยกมือสะเปะสะปะจนสัมผัสโดนริมฝีปาก ผมเลยใช้จังหวะนั่นงับปลายนิ้วร้อนผ่าวเอาไว้และขบเบาๆ

    “กำลังหิวอยู่นะ อยู่นิ่งๆ ดีกว่า” ผมกระซิบผ่านช่องว่างของริมฝีปาก... จากการงับเพียงเบาๆ มันได้กลายมาเป็นการ ดูดจนรสชาติหวานแปร่งๆ ซึมผ่านปลายลิ้น

    “อ๊ะ... อะไรน่ะ กะ แก!!” คิดไว้ไม่มีผิดว่าการกระทำของผมทำให้เอื้องขวัญสะดุ้งตื่น และสิ่งแรกที่ยัยนั่นทำคือดีดตัวออกห่าง ตวาดใส่หน้าผมอย่างเดือดดาล

    ผมยิ้มมุมปากขณะมองสภาพของเอื้องขวัญ ยัยนั่นมีท่าทีแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งกลัว ทั้งตกใจ ผมไม่ใช่ผีนะ โอเวอร์แอคติงไปได้ โถ่...

    “ถอยอีกนิดระวังตีลังกาตกเตียงนะครับ” ยัยนั่นกระเถิบถอยจนติดขอบเตียง อีกนิดจะตกแล้ว

    “แกพาฉันมาที่นี่ทำไม!” เอื้องขวัญไม่สนใจคำพูดผม แต่มีท่าทีหวาดผวาอย่างหนักเมื่อเห็นว่าสถานที่แห่งนี้คือคอนโดฯ ของผมเอง

    “จำได้ด้วยเหรอ...” ผมถามจนเอื้องขวัญเงียบไป แววตาแสดงออกว่ากำลังนึกถึงเรื่องในอดีต

    ที่นี่คือนรกสำหรับเอื้องขวัญ แต่เป็นสวรรค์ของผม

    “...ฉะ ฉันจะออกไปจากที่นี่” เงียบได้เพียงครู่สั้นๆ ยัยนั่นก็พยายามลุกขึ้น หาทางออกอย่างร้อนรน “เสื้อผ้าล่ะ เสื้อผ้า...” แต่เมื่อเห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีสิ่งใดปกปิด ยัยนั่นก็สะอื้น ยกมือปิดบังตัวเองอย่างน่าสงสาร

    “หนีไปสิ ถ้าหนีได้” ผมคว้ากุญแจข้อมือติดมาด้วยพร้อมก้าวลงจากเตียง เอื้องขวัญส่ายหน้าไปมาขณะที่แผ่นหลังเปล่าเปลือยแนบติดกับบานประตู

    “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน! ไอ้นรกส่งมาเกิด...” โอ๊ะ เจ็บจึกๆ

    “ไม่เอาสิเด็กดี ถ้าทำตัวน่ารักๆ ฉันจะปรานีเธอ” ผมเข้าไปประชิดตัวเอื้องขวัญได้สำเร็จ อีกครั้งที่ผมเห็นถึงความต่างของส่วนสูงระหว่างเรา ผมสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ ส่วนยัยนี่...น่าจะร้อยหกสิบต้นๆ

    เตี้ยม่อต้อดีจังเลย กะทัดรัดน่าพกพา... แต่คงไม่พออิ่มเท่าไหร่

    ครืด...

    ทว่าไม่ทันที่เอื้องขวัญจะทันได้ง้างปากตอบโต้ แรงสั่นเตือนของวัตถุสื่อสารบนหัวเตียงก็ทำให้ยัยนั่นหันขวับกลับไปเหมือนเจอประตูสวรรค์ และใช่ โทรศัพท์มือถือดังกล่าวเป็นของเอื้องขวัญเองนั่นล่ะ

    ก่อนหน้านี้ผมเสียมารยาทเอาออกมาดู เบอร์ที่ยัยนั่นเมมเอาไว้มีแค่สามเบอร์

    หนึ่ง...เบอร์ตำรวจ

    สอง...เบอร์โรงพยาบาล

    สาม...เบอร์ของไอ้เวรตัวหนึ่งที่ชื่อตะวัน

    อาทิตย์ก่อนผมให้ลูกน้องตามสืบจนรู้ว่าไอ้ห่าตะวันเป็นผู้จัดการร้านอาหารกึ่งผับที่เธอทำงานอยู่ เห็นว่ากำลังกุ๊กกิ๊กกันด้วย ท่าทางมีฐานะ เป็นคนใจดี อบอุ่น มีความเป็นผู้ใหญ่

    แล้วเชื่อเหอะว่าไอ้คนที่โทรเข้ามาต้องเป็นมัน เซ้นส์ผมแรง

    พลั่ก!

    เอื้องขวัญผลักอกผมอย่างแรงหมายจะวิ่งไปรับโทรศัพท์ แต่ผมใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งล็อกไหล่ยัยนั่นเอาไว้ ก่อนกระซิบข้างหูเป็นเชิงข่มขู่

    “ที่นี่เป็นเขตของฉัน... ถ้าเธอทำตามใจตัวเอง อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” มากกว่าคำว่าบ้า มากกว่าคำว่าเอาแต่ใจ และมากกว่าคำว่าสารเลว... ผมเป็นได้ทั้งหมด

    “คิดว่าฉันจะฟังคำขู่ของแกเหรอ!” เอื้องขวัญดิ้น ไม่สนใจว่าผมจะพูดยังไง แหม... เมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม

    แปะ...

    “เชื่อฟังกันหน่อยคนดี... ” ขณะพูด มือข้างหนึ่งของผมก็แปะลงที่ขาอ่อนของร่างบาง ลากไปด้านหน้าจนเกือบถึงจุดกึ่งกลางของร่างกาย “จำไม่ได้เหรอว่าเวลาที่ฉันโกรธ ฉันจะปล้ำ...”

    “...อ๊ะ”

    “ถ้าไม่อยากโดนกระแทกจนจุกลุกไม่ไหว ก็ฟังที่พูดสักนิดนะครับ”

    จบบทบรรยาย เตโช




    คำขู่ของเขามันเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ ฉันตัวสั่นและเกร็งสะท้านไปในเวลาเดียวกันที่เขาใช้ปลายนิ้วแข็งกระด้างลูบไล้ขาอ่อนด้านในซึ่งใกล้กับจุดกึ่งกลางของร่างกาย

    มันให้ความรู้สึกหมิ่นเหม่ น่ากลัว และทำให้ฉันหายใจไม่ออก

    สิ่งที่เตโชเคยทำในอดีต... การถูกเขาข่มขืนในครั้งนั้นทำให้ฉันกลายเป็นคนกลัวเซ็กซ์

    ฉันเคยดูซีรีย์ต่างชาติ แค่พระนางจูบกัน มีอะไรกันใต้ผ้าห่ม มองไม่เห็นเนื้อตัวเปล่าเปลือยฉันก็ยังหวาดผวาจนร้องไห้

    เตโชทำให้ฉันเป็นแบบนี้ มันทำให้ฉันเป็นแบบนี้

    มันคนเดียว...

    “ยะ หยุดนะ!” ฉันตวาดเสียงสั่นและพยายามเอามือของมันออกจากร่างกายของตัวเอง ทว่าเตโชกลับใช้ลมหายใจร้อนผ่าวและน้ำเสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู

    “เชื่อฟังคำสั่งฉันสิเด็กดี ไม่งั้นปล้ำนะ...” เชื่อเถอะว่าต่อให้เขาใช้น้ำเสียงชวนระทดระทวย แต่ฉันคนนี้รู้ดีที่สุดว่าสันดานของมันเป็นยังไง

    “ทำไมฉันต้องฟังคำสั่งแก ฉันไม่ใช่ทาส...อ๊ะ” ฉันทำจะตอบโต้เพราะไม่อยากให้ตัวเองดูน่าสมเพช รู้ว่ามันได้เปรียบกว่า แต่มันก็ได้เปรียบฉันมาตั้งนานแล้ว ฉันจะสู้เพื่อตัวเองบ้างไม่ได้เหรอ

    ทว่าก่อนฉันจะพูดจบประโยค เตโชก็ใช้ข้อนิ้วแข็งๆ ซึ่งสวมแหวนเงินทรงประหลาดลากมาแตะบริเวณจุดอ่อนไหวของร่างกาย ทำท่าจะดันมันเข้าไปข้างใน... ในขณะที่ฉันหนีบขาเอาไว้ไม่ให้มันทำตามอำเภอใจ

    “ปากดีเหมือนเดิม แล้วตรงอื่นยังดีไหม ตรวจสอบหน่อยสิ”

    “เตโช! ไม่เอา... ไอ้...” ฉันสะอึกสะอื้นเหมือนคนบ้าเมื่อบางสิ่งพยายามจะตรวจสอบร่างกายของฉันอย่างที่ปากว่า สัมผัสของมันยังดิบเถื่อนและหยาบคาย ซึ่งนั่นตอกย้ำภาพในวันวานจนฉันต้องกัดริมฝีปากตัวเองจนได้ยินเสียงของเนื้อ กลิ่นเลือดจางๆ ปะปนกับน้ำลายของฉัน ตัวฉันสั่นสะท้านจนควบคุมไม่ได้

    ไม่เอาแล้วนะ...

    “เอ๊ะ ชักจะไม่เหมือนเดิมแล้วสิ” เตโชหยุดเคลื่อนไหวนิ้วมือ เขาชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เพื่อสำรวจท่าทางของฉัน น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม รวมถึงท่าทางที่ดูอ่อนแอลงทำให้มันขมวดคิ้ว ทำท่าแปลกใจเสียเต็มประดา

    ฉันยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ฉันยังเป็นยัยเอื้องขวัญ แต่มัน... ทำให้ฉันเปลี่ยนไป!

    “...ยะ อย่ามายุ่งกับฉัน อึก” ฉันสำลัก ความรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ยิ่งทำให้ฉันหมดแรง

    สาบานว่าถ้าฉันหลุดออกไปได้ ฉันจะแจ้งความทั้งเรื่องในอดีตและสิ่งที่เจออยู่ตอนนี้...

    คดีข่มขืนร้ายแรงมาก และมันต้องตายสถานเดียว...

    “ร้องไห้เป็นเด็กเลยเอื้องขวัญ น่ารักแปลกๆ เนอะเราอ่ะ”  

    คำว่าน่ารักของเขา...โคตรน่าขยะแขยงสำหรับฉัน

    “ฉันจะ...อึก แจ้งตำรวจ...” ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากในครั้งที่ไรหนวดจากปลายคางสากระคายครูดบริเวณหัวไหล่ แถมยังหายใจรดกันซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้นเหมือนกำลังสังเกตการณ์

    “ตำรวจทำอะไรฉันไม่ได้ เธอก็รู้” เตโชกระซิบชิดผิวกาย มันทั้งร้อนและเย็นไปในคราวเดียวชวนขนลุก

    สิ่งที่เขาพูด ไม่ใช่เพราะตำรวจทำอะไรเขาไม่ได้ แต่คนรวยๆ อย่างเขาใช้เงินปิดปากใครก็ได้ ทำชั่วแค่ไหนก็ไม่มีใครมองเห็น

    สังคมเน่าเฟะมันก็แบบนี้... เงินสำคัญกว่าความยุติธรรมซะอีก!

    “ฉันจะเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด แก...” ฉันยังไม่ยอมแพ้ ทว่าก่อนจะทันได้เอ่ยจบ เตโชก็อุ้มฉันด้วยท่อนแขนเพียงข้างเดียวแล้วเดินตรงไปยังเตียงนอนที่ฉันเพิ่งตะเกียกตะกายหนีมาเมื่อสักครู่นี้ “ฮึก ไม่เอา!” เมื่อเห็นเตียง... ฉันก็สะอื้นหนักถึงขั้นยกมือขยุ้มกับหัวไหล่หนาเป็นการระบาย

    ถ้าต้องเจอแบบนั้นอีก ฉันขอตายดีกว่า

    “โอ๋ เด็กน้อย... สะอึกสะอื้นใหญ่เลย ใจละลายนะเนี่ย” น้ำเสียงขี้เล่นทว่าอาบยาพิษกระซิบข้างหูฉัน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่เขาวางฉันลงบนเตียง แต่ฉันดิ้นอย่างไม่คิดชีวิต! ดิ้นอยู่อย่างนั้นจนเตโชต้องโยนลงบนฟูกจนรู้สึกจุก

    ต้องหนีให้ได้...

    สิ่งแรกที่ฉันคิดได้เมื่อลงมานอนจุกอยู่บนเตียงคือการหนีไปจากที่นี่ ยอมเปลือยทั้งตัวดีกว่าอยู่ให้คนเลวทรามต่ำช้าอย่างเตโชกระทำชำเรา คนอย่างมันถ้าได้ลงมือ...ใครหน้าไหนก็หยุดมันไม่ได้

    อสูรที่ว่าร้าย อักขระที่ว่าเลว คนที่ฉันรู้จักมาทั้งหมด ไม่มีใครได้ครึ่งของเตโชเลย

    หมับ!

    เฮือก

    ฉันสะดุ้งเมื่อฝ่ามือหนาตะปบเข้าที่ข้อเท้า ก่อนออกแรงลากจนร่างถลากลับไปอย่างช่วยไม่ได้ ปลายนิ้วทั้งหมดพยายามคว้าอะไรสักอย่างไว้ แต่...ก็คว้าได้มาเพียงอากาศเท่านั้น

    “ปล่อยฉันนะ!!!” ฉันยกเท้าถีบท่อนแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักของมัน แต่กลับกลายเป็นว่า...

    “เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงเอง จะให้ปล่อยง่ายๆ ได้ไง หื้ม?” มันกลับพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาและขึ้นมาคร่อมร่างฉันไว้เป็นการพันธนาการ!

    ฉันเบิกตาโพลง ภาพในอดีตชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

    เสียงกรีดร้องของฉัน... เสียงหัวเราะของมัน

    ความเจ็บปวดของฉัน...ความสุขของมัน

    เรารู้สึกต่างกัน

    แต่มันกลับบรรจบลงที่เดียวกันโดยฉันเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ร่ำไป

    ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายโดนทำร้ายตลอดเลยใช่ไหม แล้วทำไมต้องเป็นฉัน ทั้งเพื่อน ทั้งคนรัก ฉันก็สูญเสียมันไปหมดแล้ว แล้วไอ้เวรนี่... มันยังต้องการอะไรอีก

     “ชาตินี้แกก็ทำเป็นอยู่อย่างเดียว...” ฉันมองสบตามันทั้งน้ำตา ในขณะที่คนเหนือร่างเอียงคอ ทำตาปริบๆ พร้อมรอยยิ้มกวนประสาท “ทำชั่วเป็นอยู่อย่างเดียวไงไอ้หน้าตัวเมีย!

    “เมียเหรอ...ก็จริงนะ” เตโชหลุบตามองริมฝีปากฉัน “ในเมื่อ ตรงหน้าฉันคือ เธอ

    “...”

    “ก็ เมียไม่ใช่เหรอ ตรงหน้าฉันเนี่ย” 

    “ฉันไม่อยากมีผัวระยำแบบแก!” ฉันกรีดร้องจนแสบคอ ทุกคำพูดของเตโชล้วนไร้จิตสำนึก และมันทำให้ฉันเคียดแค้นจนสั่นไปทั้งตัว

    คนเราจะชั่วแค่ไหน อย่างน้อยก็ต้องคิดได้บ้าง

    แต่นี่... แม้แต่เศษเสี้ยวฉันยังมองไม่เห็น

    ยังเป็นคนอยู่เหรอ...

    เดรัจฉานมันยังดีกว่า ดีกว่าเป็นไหนๆ

    “ปากแรงด่าเจ็บใช้ได้ แต่คงเจ็บกว่านี้ถ้าเธอไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งนะ” เตโชทำท่าจะยื่นมือข้างหนึ่งมาสัมผัสแก้มฉัน แต่ฉันใช้มือปัดออกอย่างไร้เยื่อใย

    อย่าคิดจะเสแสร้งทำเป็นเห็นใจ ทำให้ตายยังไงชาตินี้ทั้งชาติฉันก็ไม่มีวันมองเห็นความเป็นคนของมันหรอก

    “ยะ อย่าหน้าด้านเอานิ้วสกปรกๆ มาสัมผัสฉัน!

    บ้าชะมัด ฉันจะหนีได้ยังไง ดิ้นจนหมดแรงก็ไม่สะเทือนมันเลย ความกลัวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วด้วย...

    “ดูสิ ขนาดจะเกรี้ยวกราดก็ยังเสียงสั่น อิๆ”

     


    บทบรรยาย เตโช

    น่ารักและน่าตบไปพร้อมกัน

    แต่จะตบก็ต้องตบด้วยปาก กระชากด้วนลิ้น และกินซ้ำๆ ให้สมอยาก...

    ผู้ชายมักมีอารมณ์ตอนเห็นผู้หญิงเปลือยเปล่า... ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

    แต่น้ำตาและท่าทางหวาดกลัวของเอื้องขวัญในตอนนี้กลับมีอิทธิพลยิ่งกว่า

    เกิดอยากถนอม แต่ลืมไป... ผมถนอมใครไม่เป็น

    ปล้ำเป็นอย่างเดียว 

    ------------------199% อัพเลิฟซีนครบแล้วน้า อย่าลืมเม้นต์ๆ ส่งฟีดเเบคเด้อสาวๆ เงียบเหงามากเมเนลจิดอง -..- จุ้บๆ



    หากลุ่มกันเอาเองน้าาาา ยังไงก็เจอ แปะลิงค์ไม่ได้ค่ะ มันเสี่ยงต่อการถูกแบน งุงิ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×