คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : MONSTER' N DIRTY สัมพันธ์ครั้งที่ 00 [160%]
สัมพันธ์ครั้งที่ 00
จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์แสนโสมม...
หลายปีก่อน
“อึก...แฮ่ก...”
เอื้องขวัญปรือตาผ่านหยดน้ำตาขณะที่ร่างกายของเธอกำลังเคลื่อนไหวตามการควบคุมของชายหนุ่มรูปงามเจ้าของนัยน์ตาสีมรกต
และเขากำลังใช้มันจดจ้องเรือนร่างของเธอที่ไร้สิ่งใดปกปิด
มีเพียงร่องรอยบอบช้ำเป็นจ้ำๆ
ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านอะไรมาพอสมควร
ถามว่าเตโชยี่หระไหม?...
จริงๆ ตัวเขาเองก็ไม่รู้
อย่างเดียวที่เขาต้องการคือความจริงเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อบุรินทร์...
ซึ่งจนป่านนี้เอื้องขวัญก็ไม่ยอมง้างปากบอกเขาสักที
“อมพะนำต่อไปเธอจะยิ่งแย่นะ...”
เตโชใช้น้ำเสียงขี้เล่นแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นกระซิบขณะมองหน้าอกเปล่าเปลือยที่กระเพื่อมขึ้นลงตามการเคลื่อนไหว...
เด็กคนนี้สวยดี สวยจนเขาอยากจะเก็บไว้เลี้ยงดู
แต่ว่านะ...
“ฉันไม่บอก!!”
ผู้หญิงที่สะสวยและมีเสน่ห์อย่างเอื้องขวัญกลับดื้อแพ่งและกวนอารมณ์เขาซะเหลือเกิน
จากความแอบหลงปลื้มเพียงเล็กน้อยจึงหายไป และถูกความคุกรุ่นเข้ามาแทนที่
ถ้าเธอเป็นแมว
เป็นหมา ก็คงเป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุข เปลืองเงินเปลืองทอง
เปลืองเวลา
“ดื้อจังเลยน้า
ฉันเหนื่อยแล้วนะเนี่ย อิๆ” เตโชกลั้วหัวเราะพร้อมเสียงหอบหายใจ เหงื่อโทรมกายเขา
กะจะใช้เซ็กซ์บีบบังคับให้เอื้องขวัญยอมง้างปากพูด... แต่ทำไปทำมา เขากลับมีอารมณ์ร่วมจนหยุดไม่ได้ซะอย่างนั้น
เสียชื่อไอ้เตโชหมดเลย...
คนหล่อรับไม่ได้
“...”
เอื้องขวัญใช้ดวงตาที่เคลือบเร้นไปด้วยความเกลียดชังจ้องมองผู้ร้ายในคราบเทพบุตร
น้ำตายังบดบังทัศนียภาพ แต่คนที่ทำให้เธอเจ็บ...ต่อให้ดวงตาคู่นี้มืดบอด เธอก็มีวิธีมองเห็นและจดจำมัน
กึก...
เอื้องขวัญกัดริมฝีปากแน่นจนได้กลิ่นคาวเลือด
เธอทนรับสิ่งน่าขยะแขยงนี้มานานแล้ว และมันนานมากจนเธอไม่รู้แม้กระทั่งวันเวลา
ม่านที่ปิดทึบยิ่งทำให้เธอสับสน
กลางคืนหรือกลางวัน...
“ยัยเด็กเหลือขอ
เธออยากตายหรือไงเนี่ย ถ้าไม่พูดฉันจะไม่ปรานีแล้วนะ” เตโชเลิกคิ้วขึ้น สภาพสะบักสะบอมของเด็กผู้หญิงใต้ร่างทำให้เขามีความคิดก้ำๆ
กึ่งๆ อย่างบอกไม่ถูก ใจหนึ่งก็เวทนาจนอยากพอ แต่อีกใจหนึ่งก็ยัวะจนอยากสั่งสอนให้สลบเหมือดไปซะ
เด็กคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด
เขาต่างหากที่ผิด
แต่คนเลวไม่มัวมาเสียเวลาคิดหรอกว่าใครผิดใครถูก
เป็นคนดีไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมา ชั่วดีกว่า...สะใจกว่าเยอะ
เตโชยิ้มเย็นและเผลอยกมือสัมผัสท้ายทอย...บาดแผลเก่าที่ได้รับมาตั้งแต่เด็กตอกย้ำความทรงจำสีเทา
มันบ่มเพาะสภาพจิตใจของเขาจนเน่าเฟะไม่เหลือชิ้นดี
“ไปตายซะ!” เอื้องขวัญตวาดใส่หน้าเตโช
และนั่นทำให้ชายหนุ่มรูปงามเอียงคอสี่สิบห้าองศา... ก่อนทำให้ผู้หญิงปากดีได้รู้ซึ้งถึงความเอาใจที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมมันได้
สติของเอื้องขวัญหายไป...
เธอคิดว่ามันจะจบ แต่ก็เปล่า
หัวใจ
ร่างกาย และเลือดของเธอมันไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป
ความสัมพันธ์ในครั้งนั้นทำให้เอื้องขวัญได้รู้ว่าผู้ชายที่ชื่อเตโชเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตเธอโดยเฉพาะ
เฮือก!
“บ้าเอ๊ย...” ฉันสบถทั้งน้ำตาทันทีที่สะดุ้งตื่นจากความฝัน...
น่าขยะแขยงสิ้นดี
ภาพพวกนั้นเป็นเหมือนตราบาป ฉันเจ็บเจียนตายทุกครั้งเมื่อนึกถึงมัน ทั้งเคียดแค้น ทั้งโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดริมฝีปากข่มกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เตโช...
ฉันไม่เคยลืมชื่อของมัน
ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ตัวเองต้องนอนสั่นระริกอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ขณะที่สะอึกสะอื้นจะเป็นจะตาย
สภาพใกล้เคียงศพเข้าไปทุกที...
ไม่เคยลืมเสียงคำรามดุดันในครั้งที่ร่างกายของฉันกำลังถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย
ไม่เคยลืมสีหน้า
แววตา รอยยิ้มกวนประสาทที่ดูไร้มนุษยธรรมของเขา... ไม่เคยลืมว่าตัวเองต้องแบกรับอะไรไว้หลังจากโดนรังแกจนสาแก่ใจ
ไม่เคยลืมเลยสักอย่าง...
ไม่เคยลืมแม้กระทั่งช่วงเวลาที่ตัวเองต้องสูญเสียทุกอย่าง
ทั้งเพื่อน คนรัก...
หลายปีก่อนฉันเคยมีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคน
เขาเป็นคนเกเร หัวขบถ นิสัยไม่ค่อยดี ออกแนวนักเลงหัวไม้หน่อยๆ แต่ก็พึ่งพาได้...
ชื่อของเขาคือ ‘อักขระ’
ทว่าความคิดที่เขาคือเพื่อนผู้แสนดีก็พังทลายเพียงเพราะผู้หญิงที่ชื่อ ‘บุรินทร์’... เธอทำให้อักขระหักหลังฉัน
เหมือนอย่างที่ ‘อสูร’ อดีตคนรักของฉันทำ
ความจริงอสูรไม่เคยเห็นหัวฉันหรอก เขาไม่เคยพิศวาสหรือใยดีฉันสักนิด เขาใช้ฉันเป็นเครื่องมือ
วิธีการอาจแตกต่างไปจากอักขระ แต่จุดประสงค์ก็ยังเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน
เตโชเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้...
“อ้าวขวัญ
ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มที่ดังมาจากทิศทางหนึ่งเรียกให้ฉันหันกลับไปมอง “สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ
กลับไปพักผ่อนไหม” ผู้ชายคนนั้นชื่อตะวัน...เป็นผู้จัดการร้านอาหารที่ฉันทำงานอยู่
“ขวัญว่าจะขอกลับอยู่พอดี”
ฉันลุกขึ้นจากโซฟาก่อนเดินไปคว้ากระเป๋าเป้ใบเล็กมาสะพาย
วันนี้รู้สึกเวียนหัวและครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก ผลพวงคงมาจากการตากฝนเมื่อวานแน่ๆ
“โอเค
งั้นกลับดีๆ มีอะไรโทรมาละกัน” ตะวันเดินมาลูบศีรษะฉันเบาๆ
พร้อมรอยยิ้มที่ใครเห็นต้องใจจะลาย...
แต่ฉันทำได้แค่ยกมือไหว้อย่างมีมารยาทเท่านั้น
ก่อนเดินออกมาจากร้านอาหารกึ่งบาร์ซึ่งยังคงมีลูกค้าใช้บริการอยู่พอสมควร
ปกติฉันไม่หลับในเวลาทำงานหรอก แต่วันนี้ไม่ไหวจริงๆ
หากทว่าเมื่อออกมาด้านนอกแล้ว
ฉันกลับสัมผัสได้ว่ามีใครสักคนกำลังจ้องมองมาทางนี้ ลองหันซ้าย แลขวา หรือหมุนไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใคร หรือฉันแค่เบลอจนคิดไปเองกันนะ...
ตึก
ตึก ตึก
ฉันส่ายศีรษะไปมาและกำลังจะก้าวท้าวเดินต่อ
ทว่าฝีเท้าหนักหน่วงที่กระทบกับพื้นคอนกรีตทำให้ฉันชะงักอีกครั้ง...
เสียงของมันก้องสะท้อนไปทั่วจนหาทิศทางที่ถูกต้องไม่เจอ
“ให้ตายสิ...”
ฉันขยุ้มมือกับชายเสื้อด้วยความกลัว ช่วงนี้มีข่าวถูกปลิ้นชิงทรัพย์เยอะมาก หนักหน่อยก็ฆ่าปิดปากเพื่ออำพรางคดี
เตือนสติตัวเองอีกรอบฉันก็ตัดสินใจจะวิ่งให้เร็วที่สุด
แต่...
หมับ!!!
กลับมีท่อนแขนของใครบางคนโอบกอดจากทางด้านหลังพร้อมรั้งเข้าหาจนเท้าฉันลอยเหนือพื้น...
ยิ่งไปกว่านั้นริมฝีปากยังถูกฝ่ามือหยาบหนาปิดเอาไว้อย่างแนบแน่น! แน่นจนไม่สามารถเปล่งเสียงร้องได้
“อื้อ!” ฉันพยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอดจากการกระทำอุกอาจของบุคคลนิรนาม
แต่ลมหายใจร้อนผ่าวอันเจือด้วยกลิ่นบุหรี่กับน้ำเสียงแหบพร่าชวนขนลุกที่กระซิบชิดใบหูทำให้ฉันตัวแข็งเกร็งคล้ายว่าถูกสาป...
“ไม่เอา
ไม่ดิ้นนะเด็กดี... นี่เตโชไงจำไม่ได้เหรอ? อิๆ”
หัวใจของฉันแทบหยุดเต้น... ความกลัวและความเกลียดชังถูกแสดงออกผ่านร่างกายอันสั่นระริก
สั่นมาก... สั่นจนไม่คิดว่านี่คือร่างกายของตัวเอง
ไอ้ปีศาจนั่น...
“นะ...นาย...”
เสียงที่เปล่งออกไปค่อนข้างกระท่อนกระแท่น แม้แต่น้ำลายที่เพิ่งกลืนลงคอเมื่อครู่ก็แสบร้อนเสมือนว่าเป็นน้ำกรด
“ตัวสั่นเหมือนลูกหมาเลย
กลัวหรือไง หื้ม?” ขนอ่อนทั่วร่างลุกชันอย่างพร้อมเพรียงทันทีที่เสียงแหบพร่าของบุคคลด้านหลังกระซิบอย่างใกล้ชิด
และมันใกล้มากชนิดที่ริมฝีปากร้อนระอุสัมผัสโดนใบหูฉัน
ไม่รู้ทำไม...
ฉันถึงรู้สึกว่าบางอย่างที่เปียกชื้นกำลังแตะเบาๆ ณ จุดนั้น มันกำลังเลีย...
ใช้ปลายลิ้นลามเลียจนปอยผมส่วนนั้นพลอยเปียกชื้นไปด้วย
“ปะ
ปล่อย! ไอ้ชั่ว!” ฉันรวบรวมสติและออกแรงดิ้นอีกครั้ง ทว่าการที่ฉันต่อต้านเขาก็เหมือนยั่วยุให้คนจิตใจต่ำทรามโอบรัดแนบแน่นมากยิ่งขึ้น
แน่นจนสัมผัสได้ถึงเรือนกายแข็งแกร่ง รวมถึงกลิ่นบุรุษเพศที่ผสมกับกลิ่นบุหรี่เจือจาง
“ไม่เจอหน้ากันหลายปี
พูดจาไม่น่ารักเลยนะ...” เสียงกระซิบของปีศาจทำให้ฉันผวาเฮือกจนต้องจิกนิ้วกับท่อนแขนของเขา
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเจ็บจนสะดุ้ง แต่กับเตโช... เขากลับครางออกมาอย่างน่าหวาดเสียวด้วยน้ำเสียงพร่ากระเส่า
“เมื่อไหร่จะตายๆ
ไปซะที!”
ฉันเค้นเสียงถามอย่างเกรี้ยวกราด ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะต้องกลับมาเจอเขาอีก...
“แหม...
เสียดายหน้าตาสวยๆ ไม่น่าปากหมาเลยเนอะ” เตโชหัวเราะคิกคักและทำเสียงซี๊ดซาดในครั้งที่ฉันเพิ่มแรงจิกจนได้กลิ่นเลือดตามมา
“ไอ้สารเลว! ฉันขยะแขยง!” ฉันตะเบ็งเสียง
แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าหมอนี่อีกครั้งก็เจ็บจนอยากบ้าแล้ว
นับประสาอะไรกับการโดนโอบกอดด้วยท่อนแขนที่เคยใช้ทำร้ายกัน
ทำไมล่ะ ทำไมต้องกลับมาด้วย!
ฉันกัดริมฝีปากเพื่อระงับความรู้สึกมากมายที่ทะลักเข้ามาในอก
ก่อนออกแรงดิ้นสุดชีวิต คิดไว้ว่าถ้าหลุดจากพันธนาการมันได้
ฉันจะเอาคัตเตอร์ในกระเป๋าแทงหมอนั่นให้ตายไปซะ...
แต่...
พลั่ก
เตโชไม่เปิดช่องโหว่ใดๆ
ทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังพลิกให้ฉันหันกลับไปเผชิญหน้า ก่อนผลักติดเสาไฟฟ้าเย็นเฉียบ
สัมผัสได้ถึงความรุนแรงที่ซึมผ่านกระดูกสันหลัง... และนั่นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นถลึงตามองไอ้สารเลวด้วยความเกลียดชัง
เตโชจัดว่าเป็นคนหล่อมากคนหนึ่ง เขาไม่เคยเปลี่ยนไป... ทั้งหน้าตาและสันดาน
“...”
เกิดความเงียบ ฉันไม่รู้ว่าเตโชกำลังคิดอะไร
แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความสกปรกและน่าขนลุกกำลังสำรวจฉันตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
ก่อนมาบรรจบยังริมฝีปากที่กำลังเม้มแน่นของฉัน
วินาทีนั้นเขาใช้ปลายลิ้นตวัดไล้ริมฝีปากตัวเองและส่งยิ้มเย็นๆ
มาให้...
“อย่ามาทำสายตาอุบาทว์แบบนั้นกับฉัน
ไสหัวไปซะ! เห็นแล้วฉันจะอ้วก”
ทนไม่ไหวฉันจึงทำลายความเงียบนี้ซะเอง “ไอ้สวะ...อื้อ”
ฉันไม่เคยพูดจาดีๆ
กับมัน ไม่เคยมีใครทำให้ฉันหยาบคายขนาดนี้มาก่อน และนั่นเองทำให้เตโชยัวะจนต้องใช้ฝ่ามือบีบปลายคางของฉันไว้และบังคับให้มองสบตาในระยะประชิด
“พูดจาเพราะๆ กับผัวเก่าหน่อยสิคะ...” ถ้อยคำอาบยาพิษนั่น...
“ฉันไม่เคยมี...!” ฉันกำลังจะแย้ง แต่เตโชกลับเพิ่มแรงบีบตรงปลายคางและเบ้หน้าเบ้ตาเหมือนเด็กน้อยถูกหักค่าขนม...
“ว้า
เสียใจแย่เลย ลีลาฉันเด็ดดวงออกขนาดนั้นทำไมถึงลืมล่ะ สงสัยแบบนี้ต้องทวนความจำซะแล้ว...L”
บทบรรยาย เตโช
ไม่เจอกันตั้งนาน...ยัยเด็กคนนี้ไม่เปลี่ยนไปเลย
ผมหมายถึงสายตาคู่นั้นที่ใช้มองผม มันยังเต็มไปด้วยความเกลียด เกลียดแบบสุดๆ
“ทวนความจำบ้าอะไรของนาย!” เอื้องขวัญตวาดกลับมาอย่างกราดเกรี้ยวและเดือดดาล
น้ำเสียงที่สั่นพร่าแต่แข็งกระด้างสะท้อนไปทั่วบริเวณจนหมาจรจัดที่กำลังคุ้ยขยะอยู่ไม่ไกลสะดุ้ง ก่อนวิ่งหนีไปอย่างหวาดกลัว...
และสงสัยว่าคงใช้พลังงานมากเกินไปมั้ง
เพราะหลังจากนั้นเอื้องขวัญก็หอบหายใจเหมือนเหน็ดเหนื่อย แววตาแดงก่ำ แก้มแดง... ริมฝีปากที่เผยอจากการหายใจอย่างรุนแรงทำให้ผมยกยิ้มอีกครั้ง
ดูก็รู้ว่ายัยนี่ไม่สบาย
น่าสงสารจังเลย... อิๆ
“ถามแบบนี้แสดงว่าอยากให้สาธิต...”
ผมหลุบตามองริมฝีปากยัยเด็กนิสัยเสียอีกครั้ง เรื่องมันก็นานมาแล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่ทำให้ปลายลิ้นของผมจดจำรสชาติได้ถึงขั้นฝังใจ
ไม่เคยรู้สึกว่ามันหวาน
ความขมปร่าเหมือนยาพิษนี่แหละคือสิ่งที่ผมต้องการ...
เพียะ!!
เอ่ยจบเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
เอื้องขวัญก็ตวัดฝ่ามือเล็กเต็มแก้มข้างซ้ายผมซะแล้ว เพราะมัวแต่จ้องริมฝีปากที่ตัวเองเคยลิ้มลองเมื่อครั้งนั้นจึงไม่ทันได้ตั้งรับ
ผลสุดท้ายใบหน้าของผมจึงหันไปตามแรงตบอย่างช่วยไม่ได้
ตายแล้ว... ตัวเท่าลูกหมาแต่ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา เจ็บถึงทรวงเลยนะเนี่ย
“หยุดพูดจาหมาๆ
แล้วถอยไป...ถ้าแกไม่อยากเข้าคุกก็ช่วยไสหัวไปให้พ้น!”
สรรพนามถูกเปลี่ยนให้ดูก้าวร้าวจนผมรู้สึกตื่นเต้น ไม่รู้สิ ผมชอบที่ยัยนั่นพยศใส่
ถึงจะน่าหงุดหงิดแต่ก็โคตรเร้าใจ
ว่าแล้วผมก็ตวัดปลายลิ้นเพื่อเช็ดหยาดเลือดที่ซึมออกมาจากบาดแผลบริเวณมุมปาก
รสชาติขมคาวไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกยี๋แต่อย่างใด
กลับกัน...ทุกครั้งที่ร่างกายของผมมีแผล มันมักจะมีอะไรสักอย่างตามมาเสมอ
ถ้าไอ้เวรที่ทำร้ายผมคือผู้ชาย...ผมจะเลาะฟันมัน
ทำให้เดี้ยงอยู่ใต้ตีนและลุกไปไหนไม่ได้สักเดือนสองเดือน
แล้วถ้าเป็นผู้หญิงล่ะ?...
อิๆ
ลองเดาดูดีไหมว่าเอื้องขวัญจะเจออะไรต่อจากนี้
“เลือดฉันนี่รสชาติไม่เลวเลยแฮะ”
ผมหัวเราะพลางยกมือถูริมฝีปากตัวเองเบาๆ ขณะนั้นก็ไม่ลืมจ้องหน้ายัยเด็กเอื้องขวัญที่โมโหตัวสั่นอย่างน่าเวทนา
ทำท่าจะร้องไห้...แต่ก็เกร็งนัยน์ตาเอาไว้ แสร้งว่าเข้มแข็ง
ไม่เนียนเลยสักนิด
อ่อนหัด...
“ไอ้โรคจิต
แกสมควรตายไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ...” เอื้องขวัญขบกรามแน่นขณะพูด คงแค้นมากๆ
ที่ผมลงมือ ‘ข่มขืน’ ยัยนั่นเมื่อหลายปีก่อนหลายครั้งติดจนมีสภาพไร้วิญญาณไปหลายวัน พอหนำใจผมก็โยนยัยนั่นทิ้งไว้หน้าบ้าน
ให้คนมาเห็นและช่วยเหลือเอง
เลวจัง
เลวสุดจะบรรยาย เลวแบบนี้คิดว่าจะสำนึกไหม...
คิดนะ... แต่คิดเฉยๆ
“อ่าฮะ”
ผมพยักหน้า... สายตาของเด็กนั่นที่ใช้มองผมเหมือนกำลังมองเศษขยะอยู่มากกว่า
“แกทำลายชีวิตฉัน
แกทำให้ฉันต้องมีสภาพอย่างนี้!”
หือ...
ผมเอียงคอ ขมวดคิ้ว ทำตาปริบๆ
สภาพอย่างนี้คืออย่างไหน
ก็เห็นสวยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหน้าอกใหญ่ขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
กลิ่นก็หอมขึ้นด้วย...
“ขนาดนั้นเชียวเหรอ
เซ็กซ์ของฉันมีพลังการทำลายล้างขนาดนั้นเลยเหรอไม่ยักรู้”
เพียะ!!!!
เสี้ยววินาทีที่ผมเอ่ยจบ แก้มอีกข้างก็ถูกฟาดด้วยฝ่ามือเล็กๆ
แต่ทรงอานุภาพ ซึ่งคราวนี้ความรุนแรงทำเอาผมโคลงไปทั้งตัว
แสบร้อนตรงส่วนที่ถูกกระทำจนต้องแค่นหัวเราะออกมา
หมดกันหน้าหล่อๆ
ที่ดูแลมาอย่างดี
เพียะ!!!
เพียะ!
หมับ!
ผมคว้าข้อมือบางเอาไว้เมื่อยัยนั่นทำท่าจะตบผมอีกครั้ง
พร้อมทั้งออกแรงบีบจนฝ่ามือน้อยๆ สั่นระริกเพราะเจ็บปวด
“ตบเยอะจัง
เจ็บจะแย่อยู่แล้ว...” เสียงของผมเยียบเย็น และรอยยิ้มยังประดับอยู่บนริมฝีปากเปรอะเลือด
“อยากเจ็บคืนไหม”
พลั่กๆ
เอื้องขวัญดิ้น
พยายามหนี หรืออยากจะทำร้ายผมอีกครั้งให้สาแก่ใจก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่แน่ๆ
ผมไม่ปล่อยให้ยัยนั่นทำในสิ่งที่ต้องการ
“อึก...”
ผมเพิ่มแรงบีบจนฝ่ามือเล็กเปลี่ยนมากำแน่นเป็นกำปั้น
ท่าทางที่แสดงออกถึงความดื้อด้านและหวาดกลัวไปพร้อมๆ กันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นจนสั่นไปถึงช่วงล่าง “แค่นี้ฉันก็เจ็บจนเหมือนตายทั้งเป็นแล้ว...แกยังจะเอาอะไรอีก!”
“อ๋อ...”
ผมคราง “ฉันไม่เอาอะไรหรอก...นอกจากเธอ”
“...”
“เพราะนอกจากเธอแล้ว...”
ผมเลื่อนไปกระซิบข้างหูเอื้องขวัญในประโยคที่เหลือ...
และนั่นเป็น
‘หนึ่งในสิบเหตุผล’
ที่ผมกลับมา
------------------
เงื่อนงำมาตั้งแต่แชปเตอร์ศูนย์ 555+ บอกเลยนะว่าเหตุผลของนางไม่เหมือนพระเอกคนอื่นๆ ของเมย์ เพราะนางเป็นคนประหลาดดด เป็นคนจิตที่แม้แต่คนเขียนเองก็ไม่สามารถหยั่งถึง (เอ๊ะ...) เอาเป็นว่ามารอติดตามกัน ต้องมาดูว่านางจะเฉลยเหตุผลทีละข้อยังไง บอกเลยว่ายังมีเซอร์ไพรส์อีกเยอะ ขอฟีดเเบคด้วยน้าาาา ขอเยอะๆ เลย ชอบอ่านน
ความคิดเห็น