ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ending [ทำมือ] MONSTER' N DIRTY สัมพันธ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #1 : MONSTER' N DIRTY สัมพันธ์ครั้งที่ 00 [160%]

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 60


    Image result for dark gif

    สัมพันธ์ครั้งที่ 00




                  จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์แสนโสมม...

    หลายปีก่อน

            “อึก...แฮ่ก...”

            เอื้องขวัญปรือตาผ่านหยดน้ำตาขณะที่ร่างกายของเธอกำลังเคลื่อนไหวตามการควบคุมของชายหนุ่มรูปงามเจ้าของนัยน์ตาสีมรกต และเขากำลังใช้มันจดจ้องเรือนร่างของเธอที่ไร้สิ่งใดปกปิด มีเพียงร่องรอยบอบช้ำเป็นจ้ำๆ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านอะไรมาพอสมควร

            ถามว่าเตโชยี่หระไหม?... จริงๆ ตัวเขาเองก็ไม่รู้

            อย่างเดียวที่เขาต้องการคือความจริงเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อบุรินทร์... ซึ่งจนป่านนี้เอื้องขวัญก็ไม่ยอมง้างปากบอกเขาสักที

            “อมพะนำต่อไปเธอจะยิ่งแย่นะ...” เตโชใช้น้ำเสียงขี้เล่นแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นกระซิบขณะมองหน้าอกเปล่าเปลือยที่กระเพื่อมขึ้นลงตามการเคลื่อนไหว...

    เด็กคนนี้สวยดี สวยจนเขาอยากจะเก็บไว้เลี้ยงดู แต่ว่านะ...

            “ฉันไม่บอก!!” ผู้หญิงที่สะสวยและมีเสน่ห์อย่างเอื้องขวัญกลับดื้อแพ่งและกวนอารมณ์เขาซะเหลือเกิน จากความแอบหลงปลื้มเพียงเล็กน้อยจึงหายไป และถูกความคุกรุ่นเข้ามาแทนที่

            ถ้าเธอเป็นแมว เป็นหมา ก็คงเป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุข เปลืองเงินเปลืองทอง เปลืองเวลา

            “ดื้อจังเลยน้า ฉันเหนื่อยแล้วนะเนี่ย อิๆ” เตโชกลั้วหัวเราะพร้อมเสียงหอบหายใจ เหงื่อโทรมกายเขา กะจะใช้เซ็กซ์บีบบังคับให้เอื้องขวัญยอมง้างปากพูด... แต่ทำไปทำมา เขากลับมีอารมณ์ร่วมจนหยุดไม่ได้ซะอย่างนั้น

            เสียชื่อไอ้เตโชหมดเลย... คนหล่อรับไม่ได้

            “...” เอื้องขวัญใช้ดวงตาที่เคลือบเร้นไปด้วยความเกลียดชังจ้องมองผู้ร้ายในคราบเทพบุตร น้ำตายังบดบังทัศนียภาพ แต่คนที่ทำให้เธอเจ็บ...ต่อให้ดวงตาคู่นี้มืดบอด เธอก็มีวิธีมองเห็นและจดจำมัน

            กึก...

            เอื้องขวัญกัดริมฝีปากแน่นจนได้กลิ่นคาวเลือด เธอทนรับสิ่งน่าขยะแขยงนี้มานานแล้ว และมันนานมากจนเธอไม่รู้แม้กระทั่งวันเวลา ม่านที่ปิดทึบยิ่งทำให้เธอสับสน

            กลางคืนหรือกลางวัน...

            “ยัยเด็กเหลือขอ เธออยากตายหรือไงเนี่ย ถ้าไม่พูดฉันจะไม่ปรานีแล้วนะ” เตโชเลิกคิ้วขึ้น สภาพสะบักสะบอมของเด็กผู้หญิงใต้ร่างทำให้เขามีความคิดก้ำๆ กึ่งๆ อย่างบอกไม่ถูก ใจหนึ่งก็เวทนาจนอยากพอ แต่อีกใจหนึ่งก็ยัวะจนอยากสั่งสอนให้สลบเหมือดไปซะ

            เด็กคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาต่างหากที่ผิด

            แต่คนเลวไม่มัวมาเสียเวลาคิดหรอกว่าใครผิดใครถูก เป็นคนดีไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมา ชั่วดีกว่า...สะใจกว่าเยอะ

            เตโชยิ้มเย็นและเผลอยกมือสัมผัสท้ายทอย...บาดแผลเก่าที่ได้รับมาตั้งแต่เด็กตอกย้ำความทรงจำสีเทา มันบ่มเพาะสภาพจิตใจของเขาจนเน่าเฟะไม่เหลือชิ้นดี

            “ไปตายซะ!” เอื้องขวัญตวาดใส่หน้าเตโช และนั่นทำให้ชายหนุ่มรูปงามเอียงคอสี่สิบห้าองศา... ก่อนทำให้ผู้หญิงปากดีได้รู้ซึ้งถึงความเอาใจที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมมันได้

            สติของเอื้องขวัญหายไป... เธอคิดว่ามันจะจบ แต่ก็เปล่า

            หัวใจ ร่างกาย และเลือดของเธอมันไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป

            ความสัมพันธ์ในครั้งนั้นทำให้เอื้องขวัญได้รู้ว่าผู้ชายที่ชื่อเตโชเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตเธอโดยเฉพาะ

           


         

            เฮือก!

            “บ้าเอ๊ย...” ฉันสบถทั้งน้ำตาทันทีที่สะดุ้งตื่นจากความฝัน...

                   น่าขยะแขยงสิ้นดี 

                   ภาพพวกนั้นเป็นเหมือนตราบาป ฉันเจ็บเจียนตายทุกครั้งเมื่อนึกถึงมัน ทั้งเคียดแค้น ทั้งโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดริมฝีปากข่มกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา 

            เตโช... ฉันไม่เคยลืมชื่อของมัน

            ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ตัวเองต้องนอนสั่นระริกอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ขณะที่สะอึกสะอื้นจะเป็นจะตาย สภาพใกล้เคียงศพเข้าไปทุกที...

            ไม่เคยลืมเสียงคำรามดุดันในครั้งที่ร่างกายของฉันกำลังถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย

            ไม่เคยลืมสีหน้า แววตา รอยยิ้มกวนประสาทที่ดูไร้มนุษยธรรมของเขา... ไม่เคยลืมว่าตัวเองต้องแบกรับอะไรไว้หลังจากโดนรังแกจนสาแก่ใจ

            ไม่เคยลืมเลยสักอย่าง...

            ไม่เคยลืมแม้กระทั่งช่วงเวลาที่ตัวเองต้องสูญเสียทุกอย่าง ทั้งเพื่อน คนรัก...

            หลายปีก่อนฉันเคยมีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคน เขาเป็นคนเกเร หัวขบถ นิสัยไม่ค่อยดี ออกแนวนักเลงหัวไม้หน่อยๆ แต่ก็พึ่งพาได้... ชื่อของเขาคือ อักขระ

            ทว่าความคิดที่เขาคือเพื่อนผู้แสนดีก็พังทลายเพียงเพราะผู้หญิงที่ชื่อ บุรินทร์... เธอทำให้อักขระหักหลังฉัน เหมือนอย่างที่ อสูร อดีตคนรักของฉันทำ

            ความจริงอสูรไม่เคยเห็นหัวฉันหรอก เขาไม่เคยพิศวาสหรือใยดีฉันสักนิด เขาใช้ฉันเป็นเครื่องมือ วิธีการอาจแตกต่างไปจากอักขระ แต่จุดประสงค์ก็ยังเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน

            เตโชเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้...

            “อ้าวขวัญ ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มที่ดังมาจากทิศทางหนึ่งเรียกให้ฉันหันกลับไปมอง “สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ กลับไปพักผ่อนไหม” ผู้ชายคนนั้นชื่อตะวัน...เป็นผู้จัดการร้านอาหารที่ฉันทำงานอยู่

            “ขวัญว่าจะขอกลับอยู่พอดี” ฉันลุกขึ้นจากโซฟาก่อนเดินไปคว้ากระเป๋าเป้ใบเล็กมาสะพาย วันนี้รู้สึกเวียนหัวและครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก ผลพวงคงมาจากการตากฝนเมื่อวานแน่ๆ

            “โอเค งั้นกลับดีๆ มีอะไรโทรมาละกัน” ตะวันเดินมาลูบศีรษะฉันเบาๆ พร้อมรอยยิ้มที่ใครเห็นต้องใจจะลาย... แต่ฉันทำได้แค่ยกมือไหว้อย่างมีมารยาทเท่านั้น ก่อนเดินออกมาจากร้านอาหารกึ่งบาร์ซึ่งยังคงมีลูกค้าใช้บริการอยู่พอสมควร

            ปกติฉันไม่หลับในเวลาทำงานหรอก แต่วันนี้ไม่ไหวจริงๆ

            หากทว่าเมื่อออกมาด้านนอกแล้ว ฉันกลับสัมผัสได้ว่ามีใครสักคนกำลังจ้องมองมาทางนี้ ลองหันซ้าย แลขวา หรือหมุนไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใคร หรือฉันแค่เบลอจนคิดไปเองกันนะ...

            ตึก ตึก ตึก

            ฉันส่ายศีรษะไปมาและกำลังจะก้าวท้าวเดินต่อ ทว่าฝีเท้าหนักหน่วงที่กระทบกับพื้นคอนกรีตทำให้ฉันชะงักอีกครั้ง... เสียงของมันก้องสะท้อนไปทั่วจนหาทิศทางที่ถูกต้องไม่เจอ

            “ให้ตายสิ...” ฉันขยุ้มมือกับชายเสื้อด้วยความกลัว ช่วงนี้มีข่าวถูกปลิ้นชิงทรัพย์เยอะมาก หนักหน่อยก็ฆ่าปิดปากเพื่ออำพรางคดี

            เตือนสติตัวเองอีกรอบฉันก็ตัดสินใจจะวิ่งให้เร็วที่สุด แต่...

            หมับ!!!

            กลับมีท่อนแขนของใครบางคนโอบกอดจากทางด้านหลังพร้อมรั้งเข้าหาจนเท้าฉันลอยเหนือพื้น... ยิ่งไปกว่านั้นริมฝีปากยังถูกฝ่ามือหยาบหนาปิดเอาไว้อย่างแนบแน่น! แน่นจนไม่สามารถเปล่งเสียงร้องได้

            “อื้อ!” ฉันพยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอดจากการกระทำอุกอาจของบุคคลนิรนาม แต่ลมหายใจร้อนผ่าวอันเจือด้วยกลิ่นบุหรี่กับน้ำเสียงแหบพร่าชวนขนลุกที่กระซิบชิดใบหูทำให้ฉันตัวแข็งเกร็งคล้ายว่าถูกสาป...

            “ไม่เอา ไม่ดิ้นนะเด็กดี... นี่เตโชไงจำไม่ได้เหรอ? อิๆ”

                   หัวใจของฉันแทบหยุดเต้น... ความกลัวและความเกลียดชังถูกแสดงออกผ่านร่างกายอันสั่นระริก สั่นมาก... สั่นจนไม่คิดว่านี่คือร่างกายของตัวเอง

            ไอ้ปีศาจนั่น...

            “นะ...นาย...” เสียงที่เปล่งออกไปค่อนข้างกระท่อนกระแท่น แม้แต่น้ำลายที่เพิ่งกลืนลงคอเมื่อครู่ก็แสบร้อนเสมือนว่าเป็นน้ำกรด

            “ตัวสั่นเหมือนลูกหมาเลย กลัวหรือไง หื้ม?” ขนอ่อนทั่วร่างลุกชันอย่างพร้อมเพรียงทันทีที่เสียงแหบพร่าของบุคคลด้านหลังกระซิบอย่างใกล้ชิด และมันใกล้มากชนิดที่ริมฝีปากร้อนระอุสัมผัสโดนใบหูฉัน

            ไม่รู้ทำไม... ฉันถึงรู้สึกว่าบางอย่างที่เปียกชื้นกำลังแตะเบาๆ ณ จุดนั้น มันกำลังเลีย...

            ใช้ปลายลิ้นลามเลียจนปอยผมส่วนนั้นพลอยเปียกชื้นไปด้วย

            “ปะ ปล่อย! ไอ้ชั่ว!” ฉันรวบรวมสติและออกแรงดิ้นอีกครั้ง ทว่าการที่ฉันต่อต้านเขาก็เหมือนยั่วยุให้คนจิตใจต่ำทรามโอบรัดแนบแน่นมากยิ่งขึ้น แน่นจนสัมผัสได้ถึงเรือนกายแข็งแกร่ง รวมถึงกลิ่นบุรุษเพศที่ผสมกับกลิ่นบุหรี่เจือจาง

            “ไม่เจอหน้ากันหลายปี พูดจาไม่น่ารักเลยนะ...” เสียงกระซิบของปีศาจทำให้ฉันผวาเฮือกจนต้องจิกนิ้วกับท่อนแขนของเขา ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเจ็บจนสะดุ้ง แต่กับเตโช... เขากลับครางออกมาอย่างน่าหวาดเสียวด้วยน้ำเสียงพร่ากระเส่า

            “เมื่อไหร่จะตายๆ ไปซะที!” ฉันเค้นเสียงถามอย่างเกรี้ยวกราด ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะต้องกลับมาเจอเขาอีก...

            “แหม... เสียดายหน้าตาสวยๆ ไม่น่าปากหมาเลยเนอะ” เตโชหัวเราะคิกคักและทำเสียงซี๊ดซาดในครั้งที่ฉันเพิ่มแรงจิกจนได้กลิ่นเลือดตามมา

            “ไอ้สารเลว! ฉันขยะแขยง!” ฉันตะเบ็งเสียง

                   แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าหมอนี่อีกครั้งก็เจ็บจนอยากบ้าแล้ว นับประสาอะไรกับการโดนโอบกอดด้วยท่อนแขนที่เคยใช้ทำร้ายกัน

            ทำไมล่ะ ทำไมต้องกลับมาด้วย!

            ฉันกัดริมฝีปากเพื่อระงับความรู้สึกมากมายที่ทะลักเข้ามาในอก ก่อนออกแรงดิ้นสุดชีวิต คิดไว้ว่าถ้าหลุดจากพันธนาการมันได้ ฉันจะเอาคัตเตอร์ในกระเป๋าแทงหมอนั่นให้ตายไปซะ...

            แต่...

            พลั่ก

            เตโชไม่เปิดช่องโหว่ใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังพลิกให้ฉันหันกลับไปเผชิญหน้า ก่อนผลักติดเสาไฟฟ้าเย็นเฉียบ

            สัมผัสได้ถึงความรุนแรงที่ซึมผ่านกระดูกสันหลัง... และนั่นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นถลึงตามองไอ้สารเลวด้วยความเกลียดชัง

            เตโชจัดว่าเป็นคนหล่อมากคนหนึ่ง เขาไม่เคยเปลี่ยนไป... ทั้งหน้าตาและสันดาน

            “...” เกิดความเงียบ ฉันไม่รู้ว่าเตโชกำลังคิดอะไร แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความสกปรกและน่าขนลุกกำลังสำรวจฉันตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก่อนมาบรรจบยังริมฝีปากที่กำลังเม้มแน่นของฉัน

            วินาทีนั้นเขาใช้ปลายลิ้นตวัดไล้ริมฝีปากตัวเองและส่งยิ้มเย็นๆ มาให้...

            “อย่ามาทำสายตาอุบาทว์แบบนั้นกับฉัน ไสหัวไปซะ! เห็นแล้วฉันจะอ้วก” ทนไม่ไหวฉันจึงทำลายความเงียบนี้ซะเอง “ไอ้สวะ...อื้อ”

            ฉันไม่เคยพูดจาดีๆ กับมัน ไม่เคยมีใครทำให้ฉันหยาบคายขนาดนี้มาก่อน และนั่นเองทำให้เตโชยัวะจนต้องใช้ฝ่ามือบีบปลายคางของฉันไว้และบังคับให้มองสบตาในระยะประชิด

            “พูดจาเพราะๆ กับผัวเก่าหน่อยสิคะ...” ถ้อยคำอาบยาพิษนั่น...

            “ฉันไม่เคยมี...!” ฉันกำลังจะแย้ง แต่เตโชกลับเพิ่มแรงบีบตรงปลายคางและเบ้หน้าเบ้ตาเหมือนเด็กน้อยถูกหักค่าขนม...

            “ว้า เสียใจแย่เลย ลีลาฉันเด็ดดวงออกขนาดนั้นทำไมถึงลืมล่ะ สงสัยแบบนี้ต้องทวนความจำซะแล้ว...L” 




                   บทบรรยาย เตโช

            ไม่เจอกันตั้งนาน...ยัยเด็กคนนี้ไม่เปลี่ยนไปเลย ผมหมายถึงสายตาคู่นั้นที่ใช้มองผม มันยังเต็มไปด้วยความเกลียด เกลียดแบบสุดๆ

            “ทวนความจำบ้าอะไรของนาย!” เอื้องขวัญตวาดกลับมาอย่างกราดเกรี้ยวและเดือดดาล น้ำเสียงที่สั่นพร่าแต่แข็งกระด้างสะท้อนไปทั่วบริเวณจนหมาจรจัดที่กำลังคุ้ยขยะอยู่ไม่ไกลสะดุ้ง ก่อนวิ่งหนีไปอย่างหวาดกลัว...

            และสงสัยว่าคงใช้พลังงานมากเกินไปมั้ง เพราะหลังจากนั้นเอื้องขวัญก็หอบหายใจเหมือนเหน็ดเหนื่อย แววตาแดงก่ำ แก้มแดง... ริมฝีปากที่เผยอจากการหายใจอย่างรุนแรงทำให้ผมยกยิ้มอีกครั้ง

            ดูก็รู้ว่ายัยนี่ไม่สบาย น่าสงสารจังเลย... อิๆ

            “ถามแบบนี้แสดงว่าอยากให้สาธิต...” ผมหลุบตามองริมฝีปากยัยเด็กนิสัยเสียอีกครั้ง เรื่องมันก็นานมาแล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่ทำให้ปลายลิ้นของผมจดจำรสชาติได้ถึงขั้นฝังใจ

            ไม่เคยรู้สึกว่ามันหวาน ความขมปร่าเหมือนยาพิษนี่แหละคือสิ่งที่ผมต้องการ...

            เพียะ!!

            เอ่ยจบเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เอื้องขวัญก็ตวัดฝ่ามือเล็กเต็มแก้มข้างซ้ายผมซะแล้ว เพราะมัวแต่จ้องริมฝีปากที่ตัวเองเคยลิ้มลองเมื่อครั้งนั้นจึงไม่ทันได้ตั้งรับ ผลสุดท้ายใบหน้าของผมจึงหันไปตามแรงตบอย่างช่วยไม่ได้

            ตายแล้ว... ตัวเท่าลูกหมาแต่ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา เจ็บถึงทรวงเลยนะเนี่ย 

            “หยุดพูดจาหมาๆ แล้วถอยไป...ถ้าแกไม่อยากเข้าคุกก็ช่วยไสหัวไปให้พ้น!” สรรพนามถูกเปลี่ยนให้ดูก้าวร้าวจนผมรู้สึกตื่นเต้น ไม่รู้สิ ผมชอบที่ยัยนั่นพยศใส่ ถึงจะน่าหงุดหงิดแต่ก็โคตรเร้าใจ

            ว่าแล้วผมก็ตวัดปลายลิ้นเพื่อเช็ดหยาดเลือดที่ซึมออกมาจากบาดแผลบริเวณมุมปาก รสชาติขมคาวไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกยี๋แต่อย่างใด กลับกัน...ทุกครั้งที่ร่างกายของผมมีแผล มันมักจะมีอะไรสักอย่างตามมาเสมอ

            ถ้าไอ้เวรที่ทำร้ายผมคือผู้ชาย...ผมจะเลาะฟันมัน ทำให้เดี้ยงอยู่ใต้ตีนและลุกไปไหนไม่ได้สักเดือนสองเดือน

            แล้วถ้าเป็นผู้หญิงล่ะ?...

            อิๆ ลองเดาดูดีไหมว่าเอื้องขวัญจะเจออะไรต่อจากนี้

            “เลือดฉันนี่รสชาติไม่เลวเลยแฮะ” ผมหัวเราะพลางยกมือถูริมฝีปากตัวเองเบาๆ ขณะนั้นก็ไม่ลืมจ้องหน้ายัยเด็กเอื้องขวัญที่โมโหตัวสั่นอย่างน่าเวทนา ทำท่าจะร้องไห้...แต่ก็เกร็งนัยน์ตาเอาไว้ แสร้งว่าเข้มแข็ง

            ไม่เนียนเลยสักนิด อ่อนหัด...

            “ไอ้โรคจิต แกสมควรตายไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ...” เอื้องขวัญขบกรามแน่นขณะพูด คงแค้นมากๆ ที่ผมลงมือ ข่มขืน ยัยนั่นเมื่อหลายปีก่อนหลายครั้งติดจนมีสภาพไร้วิญญาณไปหลายวัน พอหนำใจผมก็โยนยัยนั่นทิ้งไว้หน้าบ้าน ให้คนมาเห็นและช่วยเหลือเอง

            เลวจัง เลวสุดจะบรรยาย เลวแบบนี้คิดว่าจะสำนึกไหม...

            คิดนะ... แต่คิดเฉยๆ

            “อ่าฮะ” ผมพยักหน้า... สายตาของเด็กนั่นที่ใช้มองผมเหมือนกำลังมองเศษขยะอยู่มากกว่า

            “แกทำลายชีวิตฉัน แกทำให้ฉันต้องมีสภาพอย่างนี้!

            หือ... ผมเอียงคอ ขมวดคิ้ว ทำตาปริบๆ

            สภาพอย่างนี้คืออย่างไหน ก็เห็นสวยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหน้าอกใหญ่ขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น กลิ่นก็หอมขึ้นด้วย...

            “ขนาดนั้นเชียวเหรอ เซ็กซ์ของฉันมีพลังการทำลายล้างขนาดนั้นเลยเหรอไม่ยักรู้”

            เพียะ!!!!

            เสี้ยววินาทีที่ผมเอ่ยจบ แก้มอีกข้างก็ถูกฟาดด้วยฝ่ามือเล็กๆ แต่ทรงอานุภาพ ซึ่งคราวนี้ความรุนแรงทำเอาผมโคลงไปทั้งตัว แสบร้อนตรงส่วนที่ถูกกระทำจนต้องแค่นหัวเราะออกมา

            หมดกันหน้าหล่อๆ ที่ดูแลมาอย่างดี

            เพียะ!!!

            เพียะ!

            หมับ!

            ผมคว้าข้อมือบางเอาไว้เมื่อยัยนั่นทำท่าจะตบผมอีกครั้ง พร้อมทั้งออกแรงบีบจนฝ่ามือน้อยๆ สั่นระริกเพราะเจ็บปวด

            “ตบเยอะจัง เจ็บจะแย่อยู่แล้ว...” เสียงของผมเยียบเย็น และรอยยิ้มยังประดับอยู่บนริมฝีปากเปรอะเลือด “อยากเจ็บคืนไหม”

            พลั่กๆ

            เอื้องขวัญดิ้น พยายามหนี หรืออยากจะทำร้ายผมอีกครั้งให้สาแก่ใจก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่แน่ๆ ผมไม่ปล่อยให้ยัยนั่นทำในสิ่งที่ต้องการ

            “อึก...” ผมเพิ่มแรงบีบจนฝ่ามือเล็กเปลี่ยนมากำแน่นเป็นกำปั้น ท่าทางที่แสดงออกถึงความดื้อด้านและหวาดกลัวไปพร้อมๆ กันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นจนสั่นไปถึงช่วงล่าง “แค่นี้ฉันก็เจ็บจนเหมือนตายทั้งเป็นแล้ว...แกยังจะเอาอะไรอีก!

            “อ๋อ...” ผมคราง “ฉันไม่เอาอะไรหรอก...นอกจากเธอ”

            “...”

            “เพราะนอกจากเธอแล้ว...” ผมเลื่อนไปกระซิบข้างหูเอื้องขวัญในประโยคที่เหลือ...

            และนั่นเป็น หนึ่งในสิบเหตุผลที่ผมกลับมา 

    ------------------

    เงื่อนงำมาตั้งแต่แชปเตอร์ศูนย์ 555+ บอกเลยนะว่าเหตุผลของนางไม่เหมือนพระเอกคนอื่นๆ ของเมย์ เพราะนางเป็นคนประหลาดดด เป็นคนจิตที่แม้แต่คนเขียนเองก็ไม่สามารถหยั่งถึง (เอ๊ะ...) เอาเป็นว่ามารอติดตามกัน ต้องมาดูว่านางจะเฉลยเหตุผลทีละข้อยังไง บอกเลยว่ายังมีเซอร์ไพรส์อีกเยอะ ขอฟีดเเบคด้วยน้าาาา ขอเยอะๆ เลย ชอบอ่านน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×