ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รักคือความเข้าใจ
รักคือความเข้าใจ
"แม่จ๋า ภาคิดถึงแม่จังเลย ภาอยากกลับบ้าน" รุจาภากรอกเสียงไปยังโทรศัพท์ที่มีผู้เป็นมารดาฟังอยู่"อ้าว ยังไงล่ะลูกคนนี้ ตอนอยากจะไปงี้ ห้ามไงก็ไม่ฟัง พอบทจะกลับก็กลับมาเสียดื้อๆ อย่างนั้นแหละ มีอะไรหรือเปล่าลูก" แม้ตอนต้นจะดูเหมือนตำหนิ แต่คำถามและน้ำเสียงปลายประโยคเจือด้วยแววอาทรอย่างปิดไม่มิด รุจาภาได้ฟังแล้วก็น้ำตารื้นขึ้นมา จริงสินะเธอเองที่ดิ้นรนอยากเข้ามาอยู่ในกรุงเทพเมืองฟ้าเมืองอมรนี้เอง ด้วยความคิดที่ว่ากรุงเทพเป็นเมืองศิวิไลซ์ ผู้นำแห่งเทคโนโลยี เป็นศูนย์กลางการช็อปปิง เป็นเมืองแห่งโอกาส ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่มันไม่เหมาะกับเธอ
"ภาเหนื่อยแม่ ภาไม่ชอบรถติด ไม่ชอบสภาพที่ต้องปากกัดตีนถีบและแข่งขันสูงอย่างนี้" น้ำเสียงเธอดูอ่อนล้าไม่แพ้ประโยคที่พูดออกไป เธอนึกย้อนไปเมื่อสองปีก่อนเธอมีงานที่ดี ไกล้บ้านเลิกงานได้กลับมาพร้อมหน้า พ่อแม่และพี่น้องของเธอ แต่เธอก็ตัดสินใจลาออกและมาหางานทำในกรุงเทพ ต้องมาพบเจอกับอีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิต ซึ่งยากต่อการปรับตัวเหลือเกินสำหรับเด็กที่เติบโตมาจากต่างจังหวัด เธอต้องตื่นเช้ามากกว่าเดิมเพื่อจะต้องไปแย่งกันขึ้นรถกับผู้คนมากมาย ซึ่งเธออาจจะมีโอกาสแย่งขึ้นได้ทัน หรือไม่ทัน และหากไม่ทันเธอต้องรอรถคันถัดไป ซึ่งพอได้ขึ้นรถแล้วเธอต้องไปยืนอยู่บนรถที่แทบจะไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเพราะสภาพการจราจรที่เป็นอัมภาตบนท้องถนน พอไปถึงที่ทำงานด้วยสภาพเหนื่อยล้าทั้งกายและใจแล้ว ต้องไปเจอกับเจ้านายเจ้าอารมณ์ เนื้องานทางธุรกิจที่ดุเดือดเข้มข้น และการใส่หน้ากากเข้าหากันของเพื่อนร่วมงาน ตอนเย็นกว่าจะถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม เธอเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะออกไปสังสรรค์ที่ไหนแล้ว เธอต้องอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมที่มีเพียงทีวีเป็นเพื่อน
นี้เหรอกรุงเทพ..ไม่มีอะไรเหมือนที่ฝันไว้เลยแม้แต่นิด ชีวิตทุกวันดิ้นรนอยู่กับการทำงาน ไม่มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวเหมือนกับตอนที่เธออยู่ต่างจังหวัดเลย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังอยู่ที่นี่มาแล้วถึงสองปี "แล้วแกจะเอายังไง กลับบ้านมั้ยล่ะ แม่บอกแกกี่ครั้งแล้วว่าไม่มีที่ไหนสบายเหมือนบ้านเรา แกก็ยังดื้อ แต่ถ้าแกกลับมาแล้วแฟนแกที่กรุงเทพเขาจะว่ายังไง จะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ การงานแฟนแกเขาก็มั่นคงอยู่ที่นั่น แต่งงานกันแล้วเป็นผัวเมียกันก็ต้องอยู่ด้วยกันซี" คนเป็นแม่แนะทางออกตามด้วยคำบ่นว่าตามประสา คุณพดแฟนของเธอทำงานรับราชการมีความมั่นคงอยู่ที่กรุงเทพและจะแต่งงานกับเธอในอีกสองเดือนข้างหน้่า หากเธอแต่งงานกับเขาเธอก็ต้องอยู่ที่กรุงเทพตลอดไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝืนใจเธอเหลือเกิน แต่เธอก็รักเขาและอยากใช้ชีวิตกับเขา
ครั้นจะให้เธอออกจากงานหลังแต่งงานเพื่อมาเป็นแม่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเจอสภาพรถติดและการทำงานหนักในแต่ละวัน ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เธอแน่นอน เธอต้องการทำงานเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองและจุนเจือครอบครัว
"ภาจะคุยกับคุณพดนะแม่" เธอบอกกับผู้เป็นมารดาน้ำเสียงจริงจังหลังจากที่นิ่งหาทางออก "ฮ้า แกอย่าบอกนะ ว่าแกจะยกเลิกงานแต่งงาน นี่ก็เตรียมงานไปเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ" คนเป็นแม่พูดด้วยความตกใจในความคิดของลูกสาว ก็ลูกสาวเธอคนนี้เหมือนใครซะที่ไหนเล่า มักทำอะไรให้คนอื่นคาดไม่ถึงเสมอ จนเธอเกือบจะชินแต่ก็ไม่เคยชินซะที เพราะแต่ละเรื่องที่นำพาความประหลาดใจมาให้นั้นไม่เคยซ้ำกันเลยสักเรื่อง "โอ้ยแม่..ไปกันใหญ่แล้ว ใครจะไปยกเลิกงานแต่งงาน ภาจะคุยกับเขาว่าหลังแต่งงานแล้วภาจะกลับไปหางานทำที่ชลบุรี ภาอยากอยู่ที่บ้านเรา" เธออธิบายให้มารดาฟัง "มันจะดีหรือ เพราะยังไงคุณพดก็ยังต้องทำงานที่กรุงเทพ" มารดาค้าน "แต่ภาเชื่อค่ะว่าคุณพดจะเข้าใจ หากภาอยู่ที่นี่แล้วไม่มีความสุข คุณพดก็คงไม่มีความสุข อีกอย่างกรุงเทพกับชลบุรีขับรถแป๊บเดียวก็ถึงแล้วนะแม่้ สุดสัปดาห์เราค่อยเจอกันก็ได้ สมัยนี้คนแต่งงานกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดหรอกนะแม่" เธอชี้แจงให้มารดาเข้าใจแล้วจบสิ้นการสนทนาเพียงเท่านั้น
"คุณพดคะ ภามีเรื่องปรึกษาค่ะ คุณพดจะว่าอะไรมั้ยคะคือถ้าหลังแต่งงานแล้วภาอยากกลับไปหางานทำที่ชลบุรีค่ะ ภาอยากอยู่บ้านค่ะ" เธอพูดกับว่าที่สามีรวดเดียวจบ "แต่ภา..เราแต่่งงานแล้วก็น่าจะใช้ชีวิตร่วมกันนะครับ" เขาแย้งทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยช์เพราะรุจาภาหากตั้งใจจะทำอะไรแล้วเธอจะทำตามความคิดของเธออย่างมั่นคง "แต่คุณก็รู้ว่ภาไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตในกรุงเทพ" เธอโต้อย่างนิ่มนวลเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องยอมตามใจเธอ "ผมรู้ว่าคงไม่มีประโยชน์หากขอให้คุณอยู่ที่นี่ เพราะสุดท้ายคุณก็จะทำตามความต้องการของตัวคุณเอง ในสิ่งที่คุณเชื่อมั่น นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรักคุณ งั้นก็แล้วแต่คุณครับ สำหรับผมระยะทางไม่เป็นปัญหา เพราะผมก็เชื่อในความรักที่ผมมีต่อคุณว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลง" รุจาภายิ้มให้กับคนรักเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับคิดว่าเธอช่างโชคดีเรื่องความรักเหลือเกินที่มีแม่ที่พร้อมจะเข้าใจเธอทุกเรื่อง และอีกคนคือผู้ชายที่เข้าใจเธอและพร้อมจะเคียงข้างเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เส้นทางนับจากนี้กาลเวลาคงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีถึงความรักของหัวใจสองดวงว่าจะมั่นคงแค่ไหน หรือต้องพ่ายแพ้ให้แก่ระยะทางและอ่อนแอให้กับสิ่งเร้ารอบตัว....
"แม่จ๋า ภาคิดถึงแม่จังเลย ภาอยากกลับบ้าน" รุจาภากรอกเสียงไปยังโทรศัพท์ที่มีผู้เป็นมารดาฟังอยู่"อ้าว ยังไงล่ะลูกคนนี้ ตอนอยากจะไปงี้ ห้ามไงก็ไม่ฟัง พอบทจะกลับก็กลับมาเสียดื้อๆ อย่างนั้นแหละ มีอะไรหรือเปล่าลูก" แม้ตอนต้นจะดูเหมือนตำหนิ แต่คำถามและน้ำเสียงปลายประโยคเจือด้วยแววอาทรอย่างปิดไม่มิด รุจาภาได้ฟังแล้วก็น้ำตารื้นขึ้นมา จริงสินะเธอเองที่ดิ้นรนอยากเข้ามาอยู่ในกรุงเทพเมืองฟ้าเมืองอมรนี้เอง ด้วยความคิดที่ว่ากรุงเทพเป็นเมืองศิวิไลซ์ ผู้นำแห่งเทคโนโลยี เป็นศูนย์กลางการช็อปปิง เป็นเมืองแห่งโอกาส ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่มันไม่เหมาะกับเธอ
"ภาเหนื่อยแม่ ภาไม่ชอบรถติด ไม่ชอบสภาพที่ต้องปากกัดตีนถีบและแข่งขันสูงอย่างนี้" น้ำเสียงเธอดูอ่อนล้าไม่แพ้ประโยคที่พูดออกไป เธอนึกย้อนไปเมื่อสองปีก่อนเธอมีงานที่ดี ไกล้บ้านเลิกงานได้กลับมาพร้อมหน้า พ่อแม่และพี่น้องของเธอ แต่เธอก็ตัดสินใจลาออกและมาหางานทำในกรุงเทพ ต้องมาพบเจอกับอีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิต ซึ่งยากต่อการปรับตัวเหลือเกินสำหรับเด็กที่เติบโตมาจากต่างจังหวัด เธอต้องตื่นเช้ามากกว่าเดิมเพื่อจะต้องไปแย่งกันขึ้นรถกับผู้คนมากมาย ซึ่งเธออาจจะมีโอกาสแย่งขึ้นได้ทัน หรือไม่ทัน และหากไม่ทันเธอต้องรอรถคันถัดไป ซึ่งพอได้ขึ้นรถแล้วเธอต้องไปยืนอยู่บนรถที่แทบจะไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเพราะสภาพการจราจรที่เป็นอัมภาตบนท้องถนน พอไปถึงที่ทำงานด้วยสภาพเหนื่อยล้าทั้งกายและใจแล้ว ต้องไปเจอกับเจ้านายเจ้าอารมณ์ เนื้องานทางธุรกิจที่ดุเดือดเข้มข้น และการใส่หน้ากากเข้าหากันของเพื่อนร่วมงาน ตอนเย็นกว่าจะถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม เธอเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะออกไปสังสรรค์ที่ไหนแล้ว เธอต้องอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมที่มีเพียงทีวีเป็นเพื่อน
นี้เหรอกรุงเทพ..ไม่มีอะไรเหมือนที่ฝันไว้เลยแม้แต่นิด ชีวิตทุกวันดิ้นรนอยู่กับการทำงาน ไม่มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวเหมือนกับตอนที่เธออยู่ต่างจังหวัดเลย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังอยู่ที่นี่มาแล้วถึงสองปี "แล้วแกจะเอายังไง กลับบ้านมั้ยล่ะ แม่บอกแกกี่ครั้งแล้วว่าไม่มีที่ไหนสบายเหมือนบ้านเรา แกก็ยังดื้อ แต่ถ้าแกกลับมาแล้วแฟนแกที่กรุงเทพเขาจะว่ายังไง จะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ การงานแฟนแกเขาก็มั่นคงอยู่ที่นั่น แต่งงานกันแล้วเป็นผัวเมียกันก็ต้องอยู่ด้วยกันซี" คนเป็นแม่แนะทางออกตามด้วยคำบ่นว่าตามประสา คุณพดแฟนของเธอทำงานรับราชการมีความมั่นคงอยู่ที่กรุงเทพและจะแต่งงานกับเธอในอีกสองเดือนข้างหน้่า หากเธอแต่งงานกับเขาเธอก็ต้องอยู่ที่กรุงเทพตลอดไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝืนใจเธอเหลือเกิน แต่เธอก็รักเขาและอยากใช้ชีวิตกับเขา
ครั้นจะให้เธอออกจากงานหลังแต่งงานเพื่อมาเป็นแม่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเจอสภาพรถติดและการทำงานหนักในแต่ละวัน ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เธอแน่นอน เธอต้องการทำงานเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองและจุนเจือครอบครัว
"ภาจะคุยกับคุณพดนะแม่" เธอบอกกับผู้เป็นมารดาน้ำเสียงจริงจังหลังจากที่นิ่งหาทางออก "ฮ้า แกอย่าบอกนะ ว่าแกจะยกเลิกงานแต่งงาน นี่ก็เตรียมงานไปเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ" คนเป็นแม่พูดด้วยความตกใจในความคิดของลูกสาว ก็ลูกสาวเธอคนนี้เหมือนใครซะที่ไหนเล่า มักทำอะไรให้คนอื่นคาดไม่ถึงเสมอ จนเธอเกือบจะชินแต่ก็ไม่เคยชินซะที เพราะแต่ละเรื่องที่นำพาความประหลาดใจมาให้นั้นไม่เคยซ้ำกันเลยสักเรื่อง "โอ้ยแม่..ไปกันใหญ่แล้ว ใครจะไปยกเลิกงานแต่งงาน ภาจะคุยกับเขาว่าหลังแต่งงานแล้วภาจะกลับไปหางานทำที่ชลบุรี ภาอยากอยู่ที่บ้านเรา" เธออธิบายให้มารดาฟัง "มันจะดีหรือ เพราะยังไงคุณพดก็ยังต้องทำงานที่กรุงเทพ" มารดาค้าน "แต่ภาเชื่อค่ะว่าคุณพดจะเข้าใจ หากภาอยู่ที่นี่แล้วไม่มีความสุข คุณพดก็คงไม่มีความสุข อีกอย่างกรุงเทพกับชลบุรีขับรถแป๊บเดียวก็ถึงแล้วนะแม่้ สุดสัปดาห์เราค่อยเจอกันก็ได้ สมัยนี้คนแต่งงานกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดหรอกนะแม่" เธอชี้แจงให้มารดาเข้าใจแล้วจบสิ้นการสนทนาเพียงเท่านั้น
"คุณพดคะ ภามีเรื่องปรึกษาค่ะ คุณพดจะว่าอะไรมั้ยคะคือถ้าหลังแต่งงานแล้วภาอยากกลับไปหางานทำที่ชลบุรีค่ะ ภาอยากอยู่บ้านค่ะ" เธอพูดกับว่าที่สามีรวดเดียวจบ "แต่ภา..เราแต่่งงานแล้วก็น่าจะใช้ชีวิตร่วมกันนะครับ" เขาแย้งทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยช์เพราะรุจาภาหากตั้งใจจะทำอะไรแล้วเธอจะทำตามความคิดของเธออย่างมั่นคง "แต่คุณก็รู้ว่ภาไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตในกรุงเทพ" เธอโต้อย่างนิ่มนวลเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องยอมตามใจเธอ "ผมรู้ว่าคงไม่มีประโยชน์หากขอให้คุณอยู่ที่นี่ เพราะสุดท้ายคุณก็จะทำตามความต้องการของตัวคุณเอง ในสิ่งที่คุณเชื่อมั่น นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรักคุณ งั้นก็แล้วแต่คุณครับ สำหรับผมระยะทางไม่เป็นปัญหา เพราะผมก็เชื่อในความรักที่ผมมีต่อคุณว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลง" รุจาภายิ้มให้กับคนรักเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับคิดว่าเธอช่างโชคดีเรื่องความรักเหลือเกินที่มีแม่ที่พร้อมจะเข้าใจเธอทุกเรื่อง และอีกคนคือผู้ชายที่เข้าใจเธอและพร้อมจะเคียงข้างเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เส้นทางนับจากนี้กาลเวลาคงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีถึงความรักของหัวใจสองดวงว่าจะมั่นคงแค่ไหน หรือต้องพ่ายแพ้ให้แก่ระยะทางและอ่อนแอให้กับสิ่งเร้ารอบตัว....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น