ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องของ ชากับชา

    ลำดับตอนที่ #2 : เกียวกับชาเเละการเเพร่กระจาย 2

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 49


    ไม่มีใครรู้ว่าชาวจีนดื่มชากันตอนไหนเเต่ตามเอกสารโบราณ กวีจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นไม่ดีการเอ๋ยถึงชา  ระบุว่าบริเวณมณฑลเสฉวนคือพื้นทีสำคัญในการปลูกชา
    ส่วนในจีนชาเริ่มเเพร่หลายใน

    ราชวงศ์ฉิน ค.ศ. 221-206 ก่อนคริสต์ศักราชเเละปลูกชาดื่มบริเวณลุ่มเเม่น้ำเหลือง

    ราชวงศ์ซีอั่นหรือฮั่นตะวันตก ชากลายเป็นเครื่องดื่มสำหรับนำมารับเเขกเเทนสุรา

    ราชวงศ์จิ้น ค.ศ. 265-420 ชากลายเป็นเครื่องดื่มทีเเพร่หลาย

    ราชวงศ์ถาง ค.ศ. 618-907 กวีชาวจีนชื่อ ลู่อวี่ ได้มีการเขียนคัมภีร์ชาเล่มเเรกของโลกด้วนการศึกษาเเละระสบการณ์การดื่มชาของตน

    ราชวงศ์ซ่ง ค.ศ. 960-1279 การดื่มชาเเพร่หลายในหมู่ทุกชนชั้น โดยมีการประลองชากัน

    ราชวงศ์หมิง ค.ศ. 1369-1644 ผู้คนทุกประเภทต่างดื่มชาเเละเป็นเครื่องดื่มเทียบเท่าสุรา

    การดื่มชาดูความพิถีพิถันไม่ปลอมปนเน้นความเรียบง่ายไม่ปรุ่งเเต่ง คุณสมบัติของชาเกรดดีกำหนดว่าจะต้องเป็นชาใบอ่อนคือส่วนทีเป็นยอดอ่อน 2-3 ใบโตเเละเต็มใบ ใบชาจะไม่มีก้านใบเเข็งๆๆปนมาการเก็บเกียวชาอย่างดีจะต้องใช้มือเด็ด  ใบชาราคาเเพงจะต้องเน้นขนาดว่าจะต้องเป็นชาใบ 2 หรือ ใบ 3 เด็ดในยามเช้าก่อนใบจะต้องโดนเเดดกล้า

    ว่ากันว่าชาชั้นเลิศต้องเป็น ชาวสันต์ คือเก็บใบยามรุ่งค่ำฦดูใบไม้ผลิ   ชาชนิดนี้ราคาเเพงจัด เพราะสามารถเก็บเกียวยอดอ่อนได้เพรียงเล็กน้อยเหตุทีต้องพิถีพิถันเพราะ ความอ่อนของใบชามีผลต่อกลิ่นสีเเละรสชาติของน้ำชา   ส่วนเวลาเก็บต้องเป็นตอนย่ำรุ่งเพราะ สะอาด ไม่มีฝุ่นผง เพราะผ่านการตากน้ำค้างมาทั้งคืน ส่วนฦดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงทีใบชาเเต่ยอดอ่อน เเมลงยังไม่มากัดกินนอกจาเรื่องใบชาเเล้วยังต้องพิถีพิถันเรื่องน้ำทีนำมาชงชาด้วย น้ำทีสะอาด ไม่มีกลิ่นหรือสีเเละรสเเปลกปลอมควรต้มให้เดือดเเล้วราไฟ ให้มีความร้อนอยู่ที 90 องศาเซลเซียสไม่ใช่เดือดพล่าน  ส่วนการใช้กาต้มน้ำหรือกระติกน้ำก็เพื่อรักษาความร้อนของน้ำ
    ถ้าน้ำทีต้มไม่เดือดจะไม่สามารถขับ กลิ่น สี รสชาติของชาได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×