คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1
บทที่ 1
นาฬิการูปคิตตี้สีชมพูหวานแหววสั่นรัวพร้อมกับเสียงปลุกแสบแก้วหู หญิงสาวผมยาวยุ่งโผล่หัวออกมาจากใต้ผ้าห่มดวงหน้าสวยโบราณยับยู่ยี่ทำเสียงไม่พอใจ ก่อนห้อยหัวลงไปหาเพื่อนสาวที่นอนอยู่ชั้นล่าง ผมยาวจึงสยายเป็นผีสาวห้อยหัวลงมาแลบลิ้น
“เพลงปิดนาฬิกาที” ร่างใต้ผ้าห่มยังไม่ขยับเขยื้อน หญิงสาวผมยาวตวัดศีรษะตนเองขึ้นไปนั่งกรอกตาพักนึงก่อนไต่ลงมาจากที่นอน คว้านาฬิกาคิตตี้มาทุบเสียงน่าเกลียดจึงเงียบหายไป ผู้ที่ชื่อเพลงค่อยๆบิดขี้เกียจ
“แมลงวันบินเข้าปากไปเป็นร้อยแล้ว หาวอยู่ได้ ยัยเพลงกระชับกระเฉงหน่อยซิ” หญิงสาวดึงแขนเพื่อนสาวให้ลุกขึ้น “วันนี้เป็นวันที่เธอรอคอยมานานไม่ใช่เหรอ เมื่อคืนก็มาย้ำนักย้ำหนาให้ฉันตื่นให้ได้”
เพลงยังนอนนิ่งแถมทำปากแจ๊บๆ แสดงว่าเมื่อคืนโมยแต่ตื่นเต้นเลยไม่ได้นอน เธอเลยตัดสินใจใช้ไม้ตาย สูดลมหายใจลึกๆ...ก่อนเปล่งเสียงออกมาเต็มเหนี่ยว
“นาธาน จุนมาแล้วววว...”
ได้ผลเพลงเด้งตัวจากที่นอน แล้วส่ายหัวฟูๆยุ่งเหยิงไม่แพ้กันมองหานาธาน จุนหนึ่งในวงเซย์ไฮจากไต้หวันที่มาเยือนเมืองไทยวันนี้
“โน่นที่สนามบินโน่น รีบไปอาบน้ำได้แล้ว”
รมิตรานั่งหน้าบูดหน้าบึ้งระหว่างทางตรงไปสุวรรณภูมิ ถ้าไม่กลัวว่าเพื่อนรักจะเป็นลมตายเมื่อได้เจอกับนาธาน จุนแล้วล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าเธอจะถ่ออออกมาให้เสียเวลานอน นานๆจะได้พักผ่อนสักวันนึง ทั้งเรียนทั้งทำงานเหนื่อยจะตายชัก เอาเถอะไหนๆก็มาแล้วนอนหลับสักงีบดีกว่า
ภาพอย่างนี้สำหรับเธอเคยเห็นแค่ในทีวีแล้วก็คำวิจารณ์จากพวกผู้ใหญ่ถึงพฤติกรรมวัยรุ่นไทย ผู้หญิงสาวทั้งวัยเรียนวัยใกล้จบแห่แหนกันไปชูป้ายกรี๊ดๆใส่ชายร่างสูงสองคนเสื้อผ้าบอกได้ชัดว่ามาจากเมืองหนาวสวมหมวกใส่แว่นดำ ผิวขาวอมชมพูยิ่งกว่าผู้หญิงหลายๆคนที่อยู่ตรงนี้ รมิตราไม่ได้สนใจพวกนี้เลยสักนิดแต่กลายเป็นว่าร่างของเธอถูกเบียด ดัน กระแทกจนกลายเป็นว่าไปอยู่แนวหน้า หญิงสาวสบถออกมาอย่างขัดใจไม่สนใจสองนักร้องดังเพราะถึงอย่างไรก็แปลไม่ออกอยู่แล้ว แต่เธอเห็นแวบนึงว่าอีตาหัวทองมีฟันจอบที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าน่ารักมากมองหน้าเธอ เอาล่ะ เธอไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้ว พยายามแทรกตัวเองออกจากที่ตรงนี้ เดี๋ยวกลายเป็นว่ามีใบหน้าเธอไปลงหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่เอา ไม่เอา...
ไอ้สิ่งที่เธอไม่ต้องการมันกำลังเกิดขึ้นในวินาทีใดนาทีหนึ่ง กล้องจากนักข่าวแหล่งต่างๆจับจ้องมาที่สองหนุ่มไม่ไปไหน สาวๆข้างหลังไม่ยอมให้เธอกลับออกไปเพราะต่างคนต่างดันเข้ามา แล้วฝ่ายที่ดันเข้าก็ชนะหลุดผัวะผลักร่างบางกระเด็น หมุนคว้างเนื่องจากพื้นลื่นผ่านการ์ดไปปะทะกับร่างสูง ท่ามกลางเสียงกรี๊ดสนั่น รมิตรากลัวว่าตนจะล้มตามสัญชาติญาณย่อมคว้าอะไรไว้ เธอเลือกคว้าสร้อยคอยาวของนาธาน จุน กระชากลงมาเสียขาดกระเด็น ไม่พอ ยังดึงเสื้อเขาลงมาจนนักร้องหนุ่มต้องค้อมตัวลงมาด้วย แต่ก็ในระดับหนึ่ง เธอสามารถทรงตัวได้เร็วเกินคาดกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง เสี้ยววินาที ใบหน้าเธอห่างจากใบหน้าหล่อน่ารักนี้ในลักษณะที่จมูกแทบชนกัน
ก่อนที่จะถูกการ์ดกันออกมา ทั้งที่หน้าเธอยังแดงแจ๋ กล้องสารพัดกล้องจับจ้องมาที่เธอ!!
“เป็นช็อตเด็ดที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่มีที่สิ้นสุด”
“หยุดพูดถึงมันเถอะเพลง แค่นี้ฉันก็หน้าแตกเสียจนไปเกิดใหม่ได้” รมิตราทำหน้าซังกะตายขณะดันตัวเองเข้ามาในห้อง ในอ้อมแขนถือดอกไม้ประดิษฐ์ไว้เต็ม“วันนี้ที่ทำงานก็เอาเรื่องนี้มาแซวฉันเหลือเกินแล้ว”
เพลงกระโดดเหยงออกมาจากเตียงสีหน้าฝันสุดๆ
“ถ้าเป็นฉันนะ จะถือโอกาสนี้เข้าไปกอด” แล้วก็ทำท่ากอดได้อย่างหื่นมาก “กอด...กอดให้แน่นสมกับที่เราต้องการมานาน”
“หื่นได้ใจจริงๆเลย” เธอไม่มีวันยอมบอกหรอกว่าตอนนั้นมันหวิวยิ่งกว่ากอดเสียอีก “เออนี่ ช่วยเอารูปนาธาน จุน มาให้ดูหน่อยซิ”
“ฮั่นแน่ ชอบเขาแล้วล่ะซี้...” เพลงชี้หน้าเธออย่างทะเล้นๆ
“ชอบอะไร ฉันแค่รู้สึกว่านายนี่หน้าคุ้นๆ”ที่ผ่านมาใช่ว่าจะไม่เคยเห็นแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญ คราวนี้ได้เจอตัวจริงรู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนแต่นึกไม่ออกเสียที รมิตราทำเสียงจึ๊กจั๊กขัดใจ
“จะไม่คุ้นได้ไง นาธานน่ะเขาเป็นนักร้องดังมาดทะเล้น ดูฟันคู่หน้าเขาซิ” เพลงเอามือกุมไว้ตรงหน้าอก ทำดวงตาฝันๆ จนรมิตราต้องแอบกรอกตา “ไหนจะลักยิ้มที่กระชากหัวใจ โอ้ว...ทำอย่างไรถึงจะได้คู่กับเขาน๊อ...”
“ปรากฏว่านาธานเป็นเกย์”
รมิตราวิ่งหลบระเบิดหมอนที่ปามาแทบไม่ทัน
รูปนาธาน จุนในอิริยาบถต่างๆกองอยู่เต็มเตียง นาธาน จุนเป็นที่รู้จักจนถึงกับโด่งดังมากขึ้นในเมืองไทยจากซีรี่ย์ไต้หวันเรื่องหนึ่งที่เธอเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไรรู้แต่ว่าเล่นเป็นพระเอกที่บ้าและต๊องมาก โดยเฉพาะฟันคู่หน้าที่เสริมความน่ารักได้เป็นภาพของนาธาน จุน ที่ต้องทะเล้น บ้าๆหน่อย รมิตราหยิบภาพเข้ามาใกล้เพิ่งเห็นว่าผู้ชายคนนี้จมูกโด่งปากสวยยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ยิ่งผมยุ่งๆไฮท์ไลท์สีทองนิดหน่อยเธอต้องบอกว่า
ผู้ชายบ้าอะไร น่ารักอิ๊อ๋ายเลย...
ว้ายตายแล้ว นี่เราเป็นอะไรไปนี่ เธอจะไม่มีทางบ้าพวกดารานักร้องนี่เด็ดขาด
ร่างสูงวิ่งข้ามถนนช้าๆไม่ทุกข์ร้อนอะไร ผมสีทองถูกปิดบังด้วยหมวกแก๊ปลายทหาร รวมทั้งดวงตาที่ค่อนข้างผิดแผกจากชาวไทยก็ถูกปิดด้วยแว่นตาสีชา เขาไม่ได้กลัวว่าคนที่นี่จะจำเขาได้ ต่างจังหวัดอย่างนี้ค่อนข้างยากที่จะมีใครรู้จักเขาหรือถ้ารู้จักก็คงไม่คิดว่า นาธาน จุนจะมาเดินกลางตลาดต่างจังหวัด
มือทั้งสองข้างหิ้วถุงกับข้าวที่มากมายเสียจนคนขายมองหน้าคงอยากถามว่าซื้อไปกินเองหรือไปเลี้ยงใครกันแน่ บ้านไม้สองชั้นขนาดเล็กแต่อบอุ่นเสมอดูมีชีวิตขึ้นเมื่อเขาผลักประตูเข้าไปแล้วเห็นเพื่อนร่วมวงรดน้ำต้นไม้ฆ่าเวลาอยู่หน้าบ้าน
“นึกว่านายจะเจอนักข่าวเสียแล้ว” เพื่อนเขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นกับข้าวในมือเขา
“ต่างจังหวัดน่ะ ต้องแจ็กพอตจริงๆถึงจะเจอ- -ซัน นายวางมือก่อนก็ได้ มากินข้าวกัน ฉันซื้อมาตั้งมากมายไม่รู้ว่าจะกินหมดหรือเปล่า”
นาธานหายเข้าไปในครัวขณะที่ซัน หยางหันไปเห็นหญิงสาวผมยาวเดินลากกระเป๋าผ่านหน้าบ้านไป คิ้วเข้มบนใบหน้าสวยเหมือนผู้หญิงขมวดเข้าหากัน ใบหน้าสวยแปลกอย่างนี้มีหรือเขาจะจำไม่ได้
หญิงสาวที่ทะเล่อทะเล่าเข้ามาล้มต่อหน้านาธาน
ดวงตาคู่สวยมีประกายขึ้นมาก่อนจะหันกลับเข้าไปในบ้านตามคำเรียกของเพื่อน
รมิตรายืดตัวจนกระดูกดังกรอบๆหลังเหวี่ยงกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ลงบนที่นอนเรียบร้อยแล้ว นานเหลือเกินที่เธอไม่ได้กลับมาที่บ้าน ตั้งแต่ที่บ้านถูกไล่ยิงเมื่อคราวนั้นเธอก็ไม่เคยคิดหวนกลับมาอีกเลย ดูเหมือนว่าเธอต้องทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง ไหนว่ามีคนมาทำความสะอาดให้บ้าง หญิงสาวถอนหายใจยาว...ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ร้างไปมากกว่านี้
มือเรียวผลักบานหน้าต่างชั้นสองเบาๆ แต่ไม่ออก รมิตราผลักแรงอีกนิด ก็ไม่ออกอีก หญิงสาวถอยออกมายืนเท้าสะเอว หรี่ตาอย่างไว้มาด ท่าบาทาลูบพักตร์ในมวยไทยแวบเข้ามาในหัว แล้วจะช้าอยู่ไยเล่า
ย้ากส์....ปึง...โครม!
รมิตราหลับตาปี๋ ก่อนชะโงกมองลงไปที่พื้น บานหน้าต่างตกลงไปนอนแอ้งแม้งน่าหวาดเสียวอยู่ข้างล่าง นี่ถ้ามีคนโชคร้ายมาเดินเข้าบ้านเธอมีหวังได้ไปเฝ้ายมบาลแน่
ต้นมะม่วงที่เธอเห็นตั้งแต่จำความได้ยังคงแผ่กิ่งก้านออกดอกเต็มต้นเหมือนเดิม ต้นมะม่วงต้นนี้โตคั่นระหว่างรั้วบ้าน จึงเป็นเรื่องที่ให้เธอได้โมโหทุกครั้งไปตอนอยู่ประถม ข้างบ้านเธอคือบ้านของนธนันท์ ไอ้ตี๋ไม่มีดั้งหน้าตาอภิมหาขี้เหร่แต่พ่อรวยพ่อใหญ่เสียจนไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย ทุกหน้ามะม่วงเธอต้องมาเถียงแย่งมะม่วงต้นนี้กับนธนันท์จนถึงขั้นลงไม้ลงมือพอให้วิ่งโร่ร้องไห้กลับไปหาแม่ เธอถูกดึงเปียจนหน้าหงาย ส่วนนธนันท์ก็เลือดกำเดาไหลจากหมัดของเธอ
พ่อของนธนันท์ถูกยิงตาย แม่ของนายนี่ที่เป็นหญิงไต้หวันก็เลยพานธนันท์กลับไต้หวัน และอีกสองอาทิตย์ต่อมาบ้านเธอก็ถูกมือปืนบุกเข้ามายิง ที่เธอรอดมาได้ก็เพราะตกจากต้นมะม่วงไปยังบ้านของนธนันท์ ตื่นมาอีกทีพ่อแม่เธอก็ตายหมดแล้ว
รมิตราเพิ่งสังเกตเห็นว่าบานหน้าต่างของบ้านนธนันท์เปิดอยู่ แลเห็นเงาใครบางคนเดินอยู่ในนั้น ถ้าไม่ใช่ผีก็ขโมยล่ะ หญิงสาวตัดสินใจลงไปดู ถึงไม่ชอบหน้ากันขนาดไหน ในฐานะที่เธอก็เป็นเพื่อนบ้านคนหนึ่งจะไม่เหลียวแลได้อย่างไร
แต่พอลงมาอยู่หน้าบ้านนธนันท์คำว่าขโมยก็หายไป สภาพที่เห็นแค่มองก็รู้ว่ามีคนมาอาศัย ต้นไม้หน้าบ้านมีร่องรอยถูกรด รองเท้าผ้าใบคู่ใหญ่ถอดวางเคียงกันสองคู่
มือเรียวกำลังกดกริ่งเรียก ร่างสูงที่คาดว่าน่าจะสูงสักร้อยแปดสิบก็เดินออกมา รมิตราตะลึงไปชั่วครู่ ใบหน้าสวยปานเทพบุตร อยู่ในชุดสบายๆเสื้อยืดแขนยาวคอวีสีเทา กางเกงยีนสีเข้ม ไหนจะทรงผมอีก อย่างกับพวกเกาหลีญี่ปุ่นแน่ะ...อะ...โอ
“คุณครับ” เขาเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนยื่นมือมาโบกผ่านหน้าหญิงสาว จึงค่อยรู้ตัว
“คะ” เธอตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน “มีอะไรหรือคะ”
ซัน หยางหัวเราะกับท่าทีของหญิงสาว กลิ่นหอมจางๆที่เขามักได้กลิ่นจากนาธานลอยมาแตะจมูกอยู่เนืองๆที่นาธานเคยบอกว่ามันคือน้ำอบไทย ไม่นึกเลยว่าเมื่อมาอยู่บนกายหญิงสาวแล้วจะมีเสน่ห์ถึงเพียงนี้
“คุณมาหาใครครับ” เขาเอามือไพล่หลังพลางเขย่งปลายเท้า หญิงสาวยิ่งต้องแหงนหน้าคุยกับเขา
“อ่ะ...อ๊อ...ฉันมาหาเจ้าของบ้านหลังนี้ เขากลับมาจากไต้หวันแล้วเหรอคะ”
ชายหนุ่มแกล้งคิด
“เจ้าของบ้าน...อืม ผมเช่าบ้านหลังนี้จากไต้หวันน่ะ ทำไมเหรอครับคุณรู้จักกับเจ้าของบ้านเหรอ”
ดวงตาโตสวยเบิกกว้าง หญิงสาวห่อปากน้อยๆขณะที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ก่อนเอ่ยออกมาเป็นภาษาจีนค่อนข้างช้า ได้พูดกับเจ้าของภาษาทำให้เธอประหม่ายิ่งกว่าพูดกับอาจารย์
“คุณเป็นคนไต้หวันเหรอคะ ตอนแรกนึกว่าเป็นชาวเกาหลีซะอีก”
คราวนี้มีแววประหลาดใจผุดขึ้นมาบนใบหน้าชายหนุ่ม ก่อนยิ้มกว้างชนิดที่ว่าแฟนคลับสาวๆเคยกรี๊ดสลบมาแล้ว
“คุณพูดภาษาจีนได้ ผมชื่อซันครับ แล้วคุณ...”
“รมิตราค่ะ” หญิงสาวพูดให้ช้าออกเสียงรอเรือชัดเจน แล้วก็นึกขำที่เห็นเขาพยายามออกเสียงเลียนแบบเธอ “บ้านฉันอยู่ข้างๆนี่เอง เมื่อก่อนเจ้าของบ้านหลังนี้เขาย้ายไปอยู่ที่ไต้หวัน เมื่อกี๊ฉันเห็นหน้าต่างเปิดก็เลยคิดว่าเขากลับมาแล้ว”
“แล้วเจ้าของบ้านหลังนี้เขาชื่ออะไรครับ”
“นธนันท์ค่ะ ใช่คนเดียวกันหรือเปล่าคะ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าคุณน้าคิ้ม เอ่อ ฉันหมายถึงแม่ของเจ้าของบ้านขายบ้านหลังนี้ให้คนอื่นไปแล้วหรือเปล่า ฉันไม่ได้เจอเขานานหลายปีแล้ว”
ซันเงียบไป เขามั่นใจว่าบ้านหลังนี้เป็นของนาธานตั้งแต่ต้นไม่ได้ไปซื้อมาจากใครและไม่ได้ขายให้ใครด้วย ท่าทางเธอจะเป็นเพื่อนบ้านสมัยเด็กของนาธาน
“ไม่ใช่หรอกครับ เพื่อนคุณคงขายบ้านหลังนี้ไปแล้ว”
รมิตราเสียวแปลบในใจชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มออกมา
“ช่างมันเถอะค่ะ งั้นฉันกลับบ้านก่อนดีกว่า ถ้าคุณมีอะไรก็มาเรียกฉันได้ตลอดเวลา เราคนไทยมีน้ำใจเสมอค่ะ”
ชายหนุ่มค้อมศีรษะให้หญิงสาว พลางยิ้มกว้างให้ คล้อยหลังหญิงสาวไปแล้ว นาธานก็เดินออกมามือยังเปื้อนฟองน้ำยาล้างจานเป็นที่น่าขัน ถ้าแฟนคลับมาเป็นคงกรี๊ดให้กล่องเสียงพังกันไปข้าง นาธานเป็นคนที่ขรึมแต่พอได้มาอยู่บ้านเกิดเขาแทบไม่เชื่อว่านี่คือนาธานเพื่อนเขา
“ใครมา”
“ชาวบ้านแถวนี้แหละ คงมาถามว่าใครมาอยู่บ้านนี้” ซันแบมือทำเป็นไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไร
“คงเป็นชาวบ้านที่สาวน่าดู ได้ยินแว่วๆคุยกันตั้งนานสองนาน” นาธานประชดยิ้มๆ
“นาธาน...นายมีชื่อภาษาไทยว่าไงนะ”
“นธนันท์ เรียกยากใช่ไหมล่ะ ทำไมเหรอมีคนมาถามหาฉันเหรอ”
ซันเดินกลับเข้าไปในบ้าน กลิ่นหอมของน้ำอบไทยจากนาธานเหมือนของรมิตราเป๊ะ
“ไม่มีหรอก แต่คิดว่าน่าจะจำไว้”
ความคิดเห็น