Chapter 1 ฮัลโหลมายฮัสแบน
กว่าฉันจะเก็บข้าวของที่จำเป็นจากอพาร์ตเมนต์สับปะรังเคนั่นเสร็จ และกว่าจะเดินทางมาถึงคอนโดก็ล่อเข้าไปสี่โมงครึ่ง อ้อ ฉันคุยกับป๊าม้าแล้วค่ะ บอกท่านว่าฉันมีการมีงานทำเหมือนกับคนอื่นเค้าสักที
แน่นอนว่าชื่ออาชีพฉันมันออกสื่อไม่ได้ เลยโกหกไปว่าฉันทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ส่วนอายุ 24 ขวบนั้นไม่ได้บอกไป ไม่งั้นฉันเละเป็นหมูบะช่อแน่ๆ -_-; เอาล่ะ ตอนนี้ฉันก็มาถึงแล้ว ซึ่งคอนโดตรงหน้าฉันโอโม่มาก สูงทีเดียว แถมมีกระจกเยอะ จะอธิบายยังไงดีล่ะ แต่เอาเป็นดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าฐานะคนข้างในคงไม่ธรรมดา ทีนี้ปัญหางอกแล้วค่ะ นั่นคือคนเช่าอพาร์ตเมนต์กระจอกๆ อย่างฉัน จะไปทำเปิ่นใส่คุณหนูลูกคุณนายที่ไหนหรือเปล่า ช่างเถอะ! รีบขึ้นไปดูหน้าคุณสามีดีกว่า เขาอยู่ห้อง
2116 มือฉันหย่อนคีย์การ์ดลงกระโปรง ส่วนสองขานั้นก็ก้าวเข้าไป ก่อนที่ฉันจะใช้เวลาหาลิฟท์นานพอสมควร ทั้งที่ไม่ได้หายากอะไรเลย ว่าง่ายๆ คือฉันหลงทางค่ะ -_-; แฮ่ อาจเป็นเพราะฉันกำลังพะวงกับหน้าตาและรูปร่างคุณสามีอยู่ก็ได้ จึงทำให้ธาตุโง่เง่าเต่าตุ่นในตัวฉันแผลงฤทธิ์ แต่การสำรวจคอนโดก็ไม่ได้สูญเปล่าซะทีเดียวนะคะ อย่างน้อยๆ ฉันก็ได้รู้ว่าที่นี่เป็นธีมซินเดอเรลล่า ดังนั้นสีจึงเน้นหนักไปทางสีขาว ขนาดลิฟท์ยังไม่หลุดคอนเซ็ปต์เลย ติ๊ง! อ๊ะ! ถึงชั้น 21 แล้วเหรอ ไม่พร้อมอย่างแรง! ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ จับผมทัดหูนิดหน่อย ตามด้วยกระชับกระเป๋าหลุยส์ (ก็อบปี้ T^T) แล้วรีบเดินต่อ ก่อนที่ประตูลิฟท์จะหนีบ พอพ้นรัศมีมัน ฉันก็ค่อยๆ เดินเฉื่อยลง มองตัวเลขห้องตาละห้อย ข้อมูลต่อมาคือเขาอยู่ห้อง 2116 เขาชื่อกรวีร์ รัตตินนท์ และสุดท้ายคือเขาโสดติดต่อกันถึง 8 ปีเต็ม! ค่ะ ฟังกันไม่ผิดหรอก ซึ่งนานขนาดนั้น มันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้นะว่าคุณสามีจะเป็นญาติห่างๆ กับลิงอุรังอุตัง! หน้าผากลึก จมูกบาน ปากกว้าง ขนเยอะ T-T ฮือ สงสัยเขามัวเสียเวลากับการนับเห็บบนหัวแน่ๆ จึงไม่มีเวลาลัลล้ากับสาวๆ ตามสไตล์หนุ่มมหาลัย ระ
หรือว่าเขาจะยึดติดกับรักครั้งเก่า? เจ็บ แค้น ฝังลึก ลืมไม่ลง ถึงขนาดปฏิวัติตัวเองเป็นเก้งกวาง! กรี๊ดดด! นี่ฉันกำลังจะเผชิญกับตัวอะไรกันเนี่ย? ฮือๆๆๆ ขอยาดมด่วนค่ะ เพราะคุณสามีไม่ทราบหน้าตา เขาอยู่หลังประตูบานนี้แล้ว แค่ฉันเคาะมัน
จะเคาะแล้วนะ! กรี๊ด! ยัยเอ๋อเอ๊ย กริ่งก็มีทำไมไม่กด U_U ว่าแล้วฉันก็ยกแขนขึ้น ก่อนจะพบว่ามือตัวเองสั่นอย่างน่ากลัว ฉันชะงักมือกลางอากาศ ตั้งจิตให้มั่นพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสะกดจิตว่าจะต้องไม่ตื่นเต้น! เธอต้องทำได้ ไฟท์ติ้งยัยหมวยลี่ ก่อนค่อยๆ เอานิ้วกดกริ่ง
โอ๊ย ฉันกดแล้ว! ส่วนเขาคงกำลังเดินมา เดินมา ไม่สิ เขาอาจเพิ่งตื่น กำลังลุกขึ้นจากเตียง (ตอนสี่โมงเย็น T^T) ฉันยืนลุ้นแทบไม่ติดพื้น หัวใจกำลังเต้นตุบตับๆ ขณะที่ในหัวกำลังอิมเมจิ้นสารพัดว่าเขาจะเป็นยังไง จะอ้วน จะเตี้ย จะสูง จะล่ำ จะดำ จะขาว และทันทีที่ประตูเปิด
“คุณมาพบใครฮะ?” นายหนวดหัวฟู ใส่แว่นกันแดดอันใหญ่ขนาดปิดรูจมูกได้นี่น่ะเรอะคือสามีฉัน!!? เขาเกาหัวแกร็กๆ พร้อมกับเอียงคอใส่ ท่าทางเหล่านั้นทำฉันเกือบหงายท้องตึง! เฮือก ทั้งที่เตรียมใจมาดีว่ามันอาจเป็นแบบนี้ แต่ความจริงมักโหดร้ายกว่าที่คิดเสมอ ฉะ
ฉันรับไม่ได้ค่ะ ฮือ TOT เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงชมพูจ๊ะจ๋าของเขานี่มันอะไรกัน? ฉันกำลังอยู่ในคณะละครสัตว์? ฉันกลืนน้ำลายลงคอ “คุณคือกร
” “โย่ว~” เอ๊ะ? -_-; เสียงแหลมๆ นี่ผู้หญิงแน่นอน ฉันพอเดาได้ แต่ปัญหาคือเสียงที่ว่าดันดังมาจากในห้อง ส่วนคุณสามีเลิกเกาหัว ก่อนจะบอกฉันว่ารอสักครู่แล้วหันหลังกลับไปในห้องสีขาวนั่น ใช่ค่ะ ฉันเห็นแค่ว่ามันเป็นสีขาว ก่อนที่เขาจะทำฉันเกือบหงายท้องอีกครั้ง ด้วยการกลับมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคน! แถมโอบไหล่อีกต่างหาก
นี่มันหมายความว่าไงยังไง? เขาไม่เห็นจะเมินสาวอย่างที่ท่านผู้บริหารบอกสักนิด และฉันเกลียดผู้ชายเจ้าชู้สุดๆ เลย รู้ไว้ด้วย!! ผู้หญิงผมส้มคนนั้นใส่แว่นกันแดดใหญ่พอกัน และเธอกำลังยกมือขึ้น เพื่อทำท่าจวกตับเป็ดกิน “โย่ว +O+” “ค่ะ” ฉันไม่รู้จะเอ่ยอะไรกับเธอนอกจากคำคำนี้แล้วจริงๆ
บางทีคุณสามีอาจไหวตัวทัน จ้างยัยฮิพฮอพนี่มาต่อกรกับฉันก็เป็นได้ เอาล่ะ
ก่อนอื่นฉันต้องถาม จะได้แน่ใจว่าผู้ชายติสต์แตกตรงหน้า คือคนที่ฉันจะต้องอยู่ร่วมชายคาด้วยถึงสามเดือน ซึ่งถ้าใช่ สงสัยฉันคงอดทนไม่ไหว จบด้วยการลงไปซื้อยาระงับประสาทกินแน่ๆ “คุณผู้ชายคะ คุณคือคุณกร
” “อ่าฮะ โย่วๆ” ฉันกลอกตาทำเป็นไม่สนใจ “คุณคือกรวีร์รึเปล่าคะ?” “ว่าไงนะฮะ? ผมไม่ได้ยิน” “โย่ว
อ่าฮะ” “คุณชื่อกรวีร์รึเปล่าคะ?” ฉันเร่งเสียงเพิ่มขึ้นอีกหน่อย พยายามไม่ตะโกนออกไป แม้จะหงุดหงิดขนาดไหน แล้วเขาทำยังไงกับฉันรู้มั้ย? เขาโยกตัวพร้อมกับเอียงคอใส่ ขณะที่ผู้หญิงข้างๆ ยังคงทำท่าจวกตับเป็ดกินไม่หยุด “ฮะ?” “โย่วๆ” ฉันเม้มปาก อยากจะเอาหลุยส์เก๊ฟาดปากทั้งคู่ใจจะขาด แต่ต้องห้ามใจเอาไว้ ไม่งั้นงานฉันคงพังยับค่ะ T^T และมันจะต้องส่งผลต่อความพึงพอใจของท่านผู้บริหารอีกทอดหนึ่งแน่นอน ฮือ อยากจะบ้าตาย “สักครู่นะฮะ” จู่ๆ คุณสามีก็พูดเสียงแผ่ว หยุดโยกตัว ก่อนจะดึงบางสิ่งบางอย่างออกจากหู ถ้าให้เดาคงเป็น
เฮ้อ! หวังว่าหลังจากนี้เราคงคุยกันรู้เรื่องสักทีนะ “อ่ะ
คุณพูดอีกรอบสิ” “คุณชื่อกรวีร์รึเปล่าคะ?” “กร?” “กรวีร์ รัตตินนท์ค่ะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงซะจนมันโผล่พ้นขอบแว่นกันแดด “คุณมีธุระอะไรกับเพื่อนผมเหรอฮะ?” “คะ?”
เพื่อน? =O= ฉันหน้าชาทันที รู้สึกเหมือนตัวเองกลายร่างเป็นตัวตลก “ใช่ฮะ ไอ้อัลพักอยู่ข้างห้องผมนี่” “=O=;” “นี่ห้อง 2117 นะคุณ”
ไม่รู้จะสรรหาคำแก้ตัวยังไง นอกจากจะซ้ำเติมตัวเองว่า วันนี้ล่ะค่ะวันโง่ของฉัน
หลงทางไม่พอ ดันสะเออะกดกริ่งแทนที่จะรูดคีย์การ์ดเข้าไปอีก! ไม่งั้นฉันคงรู้ตัวว่าทักผิดห้องเร็วหน่อยล่ะ เพราะถ้ารูดไม่ติด ก็ต้องเอะใจแล้วว่าเอ๊ะ! มันไม่ใช่
ใช่มั้ย ช่างเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว เหมือนกับหน้าฉันไง มันแตกไปแล้ว U_U ฉันเงยหน้ามองตัวเลข 2116 ตรงผนัง ก่อนมองต่ำลงมาเรื่อยๆ จนหยุดที่คีย์การ์ดในมือ
ชัวร์ รับรองว่าคราวนี้เป้าหมายไม่มีพลาด ว่าแล้วฉันก็รูดปื๊ด ทำให้ช่องไฟเล็กๆ จากสีแดงเปลี่ยนเป็นเหลือง ซึ่งนั่นจะหมายความว่ายังไง ถ้าไม่ใช่ประตูถูกปลดล็อคแล้ว! กรี๊ดดด ดีใจประหนึ่งได้รับรางวัลโนเบล ไม่รอช้า ฉันรีบหมุนลูกบิดทันที ตามด้วยผลักมันออก ทำให้ฉันเห็นสภาพห้องอย่างชัดเจน ภายในห้องยังคงคอนเซ็ปต์ค่ะ ขาวเสมอต้นเสมอปลาย และ
ฉันยืนมองเฟอร์นิเจอร์ทรงยุโรปแปลกตาแบบบ้านไม่เคยมีอยู่อย่างนั้นนิ่ง ไม่รู้นานเท่าไหร่ ก่อนที่ฉันจะสะดุ้ง รู้ตัวว่าตัวเองควรจะก้าวเข้าไปข้างในสักที โดยไม่ลืมปิดประตูอย่างเงียบเชียบ
อดชมไม่ได้ว่าฝีมือคนแต่งห้องยอดเยี่ยมจริงๆ การตกแต่งลงตัว ทุกอย่างเด่นหมด! แต่เชื่อเถอะค่ะว่าไม่มีอะไรเด่นไปกว่าโซฟานุ่มๆ ขนาดสามคนนั่งตรงหน้าแน่ๆ แหงสิ
ในเมื่อตรงนั้นมีคนคนหนึ่งจับจองอยู่นี่นา โดยจากตรงนี้ ฉันสามารถเห็นแค่ช่วงไหล่ด้านหลังเขาเท่านั้น อ้อ รวมถึงผมสีน้ำตาลเข้มนั่นด้วย เขาคือกรวีรี รัตตินนท์ใช่มั้ย? ไม่ผิดตัว? ฮือๆ รู้สึกประหม่าชะมัด เพราะเหตุการณ์เมื่อกี้ทำฉันเสียเซลฟ์ไม่ใช่น้อย U_U แถมระดับความตื่นเต้นกับการเจอหน้าคุณสามีก็ลดฮวบๆ จนแทบไม่เหลืออีก คราวนี้ถ้าไม่ใช่นายกรบ้าอะไรนั่น ฉันคงได้แบกความอาย หนีออกประเทศจริงๆ แล้วนะ TOT “มาแล้วเหรอ”
! ฉันสะดุ้งวาบกับเสียงทุ้มนั่น “คะ?” เขาหมายถึงฉัน? “ครับ” กรี๊ด! เขาหมายถึงฉันจริงๆ ด้วย สะ
แสดงว่าคนตรงหน้านี่ก็คือนายกรวีร์ไม่ผิดเพี้ยนสินะ งั้น
ฉันลองประกาศใส่หลังเขาเลยดีมั้ย ว่าฉันเป็นภรรยาปลอมๆ ของเขาน่ะ ตะ
แต่ตลกไปมั้ง ขืนพูดอย่างนั้นออกไปมีหวังเขาคงได้ตกใจตายพอดี แบบจู่ๆ ก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาขออยู่ด้วยอ่ะ เอ๊ย! ไม่สิ ในกรณีของฉันเรียกมาจีบ เอ่อ
รู้สึกความอัปยสอดสูจะไม่ต่างกัน “จะยืนตรงนั้นอีกนานมั้ย?” เสียงเขาทำฉันสะดุ้งอีกครั้ง ให้ตาย ฉันจะอยู่กับเขาได้เหรอเนี่ย ขนาดแค่เสียง ฉันก็เป็นซะแบบนี้แล้ว “มานั่งคุยกันดีๆ ดีกว่ามา” หือ!! นั่งกับเขานี่นะ? หรือเขารู้แล้วว่าฉันคือคนที่ท่านผู้บริหารส่งมา ฉันยืดหลังตรงพลางเลิกคิ้ว มองผมน้ำตาลเข้มสลับกับโซฟาตรงหน้าอยู่นาน พยายามเดาแต่เดาไม่ออก ว่าคนอย่างเขาจะมาไม้ไหน
ให้เอาตามตรงมั้ย? คือตอนนี้ฉันชักกลัวเขาซะแล้วสิ กลัวว่าเขาจะแอบคิดมิดีมิร้ายกับฉัน T^T มันอดคิดอกุศลไม่ได้นะ ในเมื่อฉันไม่รู้เลยว่าในหัวเขากำลังคิดอะไรอยู่ คิดยังไงถึงได้ชวนผู้หญิงแปลกหน้าอย่างฉันมานั่งด้วย แต่ถ้าปฏิเสธคงจะน่าเกลียดเกินไป แถมงานก็ไม่มีวันเดินหน้า งั้นเอาวะ! นั่งก็นั่ง ฉันเห็นเขานั่งอยู่ริมฝั่งซ้าย เลยกะว่าตัวเองควรจะนั่งชิดที่วางแขนฝั่งขวา จะได้เหลือช่องตรงกลางไว้เพื่อความปลอดภัย
เอาล่ะ ทีนี้ฉันก็หย่อนก้นลงนั่งตามทำเลที่เลือกไว้ กำลังจะช้อนตามองหน้าอีกฝ่าย เสียงกระแอมก็ดังขึ้น “ฉันหมายถึงโซฟาตัวตรงข้ามโน่น” “คะ?” ฉันขานรับอย่างงงๆ ตามด้วยหันขวับ ก่อนจะสังเกตเห็นใบหน้าด้านข้างเขาในที่สุด ตาเรียวไม่ถึงกับเฉี่ยวมาก จมูกโด่งรั้นนิดๆ อย่างคนเอเชีย รวมถึงปากแดงๆ นั่น บอกคำเดียวว่าขนาดฉันเห็นแค่เสี้ยวหนึ่ง ต้องยกนิ้วและตะโกนออกมาดังๆ ว่าเขาหล่ออ่ะ! โอ๊ย! เขาเป็นคนละสไตล์กับชินเลย รายนั้นน่ะจะดุๆ เถื่อนๆ กรี๊ด! >_< ทว่าถึงฉันจะจ้องเขาตาเป็นมันยังไง เขากลับไม่ได้สนใจฉันสักนิด ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาไม่สนใจอะไรเลย นอกจากแล็ปท็อปในมือมากกว่า “หมวยลี่ครับ” สาบานได้ว่าถ้าคนข้างๆ ไม่พูด ฉันคงนึกว่าเขาคือรูปวาด แถมพูดเพราะอีก เทวดา
เทวดาตกสวรรค์หรือไงนะ “คะ?” “เธอช่วยไปนั่งตรงนั้น” นายกรวีร์เงยหน้าทำให้ฉันเห็นรูปหน้าเขาชัดเจนขึ้น โอ๊ย หัวใจจะวาย คนอะไรขนาดมองแค่ด้านข้าง ยังดูออกว่าหน้าหวานเลย ก่อนที่เขาจะผละนิ้วเรียวนั่นจากแล็ปท็อป และชี้มันไปยังโซฟาแบบนั่งคนเดียวฝั่งตรงข้าม “ตัวนั้นครับ” “อ๋อ
ค่ะๆ” ฉันพยักหน้า ตามด้วยย้ายสะโพกตัวเองทันที ส่วนเขากำลังก้มหยิบกาแฟจากโต๊ะที่กั้นระหว่างเราขึ้นจิบ ก่อนที่หัวใจฉันจะเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเห็นหน้าคุณสามีแบบตรงๆ! ยิ่งเวลาปากเขาสัมผัสกับขอบถ้วยนั่น พร้อมกับเหลือบตาดำมองฉัน
ทุกๆ อย่างต่างสะกดจนฉันนั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก เอ๊ย! ไม่ได้สิ งานนี้ห้ามเผลอใจเด็ดขาด! ฉันจะทำผิดต่อชินไม่ได้! “ฉันจะขอพูดตรงๆ เลยนะ” เสียงทุ้มเมื่อกี้ทำฉันสะดุ้ง เกือบปัดกระเป๋าสะพายบนตักตกพื้น “คะ?” นายกรีวีร์วางกาแฟลงก่อนจะยืดหลังพิงโซฟา “ที่เรียกมานั่งคุยด้วยนี่ คือฉันอยากแนะนำให้เธอตัดใจน่ะ” ฉันฟังแล้วปากก็แข็งเป๊กเหมือนโดนแช่ช่องฟิต
ตัดใจ? เขาพูดประโยคแบบนั้นออกมาได้
แสดงว่าเขารู้หมดสินะ ว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ “เธอไม่มีวันทำมันสำเร็จหรอก” “
” “หรือถ้ายังไม่เข้าใจ ฉันก็จะบอกให้เธอรู้อย่างหนึ่งว่าแม่ฉันส่งผู้หญิงมามากแล้ว ซึ่งถ้านับเธอ
” เขาเว้นช่วงไว้ ก่อนจะคลี่ยิ้มหวาน “เธอจะเป็นคนที่สิบสอง” สะ
สิบสอง! ตายจริง นี่เขาไม่ใจอ่อนบ้างเลยหรือไง แบบนี้ฉันจะทำไม่สำเร็จตามที่เขาสบประมาทไว้หรือเปล่านะ T^T “ฉันพอเดาได้ว่าเธอไม่เต็มใจทำหรอก
ใช่มั้ยล่ะ?” เขายิ้มอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ฉันไม่ได้เคลิ้มตามความหวานหรือความหล่อเลย ในเมื่อคำพูดพวกนั้น มันเพิ่งแทงใจดำฉันอย่างจัง ใช่ค่ะ นายกรวีร์พูดถูกต้องทั้งหมด
ใครจะไปอยากทำงานจีบผู้ชายกัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเซ็นสัญญาบ้านั่นไปแล้ว! ฮือ แถมท่านผู้บริหารยังดักทางอีกต่อหนึ่งว่า หากฉันเบี้ยวขึ้นมา ค่าเสียหายจะถูกดับเบิ้ลแบบไม่มีกรณียกเว้น TOT หะ
หกแสนเลยนะ พอๆ กับค่าเช่าอพาร์ตเมนต์เส็งเคร็งนั่นตั้งสิบปีเชียว “แม่จ่ายเธอเท่าไหร่? เดี๋ยวฉันจ่ายคืนให้” แม้เขาจะพูดเหมือนฉันขายตัวยังไงก็เถอะ แต่ฉันพยายามไม่ใส่ใจ เผื่อเขาจะยอมออกเงินให้จริงๆ เฮ้อ ฉันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนตอบ “หกแสนค่ะ” เขาทำตาโตทันที “หกแสน!!” “ค่ะ!” ฉันเผลอตะโกนใส่ “หกแสน” ให้ตาย ตอนแรกเขาจะเสียงดังทำไม ตกใจหมด “ขนาดคนอื่นแสนเดียวยังไม่ถึงเลย” “
” “นี่ตั้งหกแสน
เธอมีอะไรดีกันนะ” ดีตรงที่ฉันเป็นหนี้แม่นายสามแสนนี่ล่ะมั้ง U_U “งั้นพยายามเข้าละกัน” ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้ปล่อยประโยคเมื่อกี้ออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปบนตักขึ้นจิ้มต่อ ท่าทางแบบนั้นทำให้ฉันรู้สึกลำคอแห้งผาก อยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากความน่าอึดอัด ดูเขาเข้าถึงยากจัง
งั้นฉันจะทำยังไงดีล่ะ เริ่มจากการแนะนำตัวเองคร่าวๆ ดีมั้ย? เพราะอย่างน้อยๆ เราก็ควรจะทำความรู้จัก ในฐานะผู้อาศัยร่วมชายคาเดียวกัน “นายกรวีร์” ฉันเรียก ส่วนเจ้าของชื่อก็ผงกหัวน้ำตาลเข้มโดยที่ตาไม่แลฉันสักนิด
ส่องมันเข้าไปสิเจ้าจอสี่เหลี่ยมนั่นน่ะ โอ๊ย ถ้าให้ทาย ฉันว่าคนคนนี้ต้องสอบตกวิชามนุษยสัมพันธ์เป็นแน่แท้ “ฉันชื่อมะ
” “หมวยลี่ หรือนางสาวมายาวี แซ่ตั้ง อายุ 23 ปี เรียนจบคณะนิเทศศาสตร์ ปัจจุบันยังว่างงานอยู่
ใช่มั้ยล่ะ” เขาแทรกเสียงเนือยเล่นเอาฉันลืมบทตัวเองไปซะเรียบ ก่อนที่เขาจะเงยใบหน้าหวานๆ นั่นขึ้น พร้อมกับพูดต่อ “แม่ฉันสืบมาหมดแล้ว” ไม่หมด
นายยังไม่รู้ว่าฉันไม่โสด “ส่วนฉัน เธอรู้แค่ว่าฉันชื่อไซอัลก็พอ” ไซอัล
ดีเหมือนกัน เรียกนายกรวีร์มันยาว เอาล่ะ ฉันควรจะเริ่มงานวันนี้เลย ซึ่งแผนที่ฉันแพลนไว้มันก็ไม่ลำบากมาก ถ้าคนตรงหน้ายอมร่วมมือเป็นอย่างดี
แผนไม่มีอะไรมากค่ะ ฉันก็แค่อยากศึกษาเขา อยากรู้ว่าเขาชอบอะไร เพราะท่าว่างานนี้ฉันคงต้องทำตัวเองเป็นสินค้าหน่อยล่ะ เป็นสินค้า
ที่คอยพลิกแพลงคุณภาพตามความต้องการของตลาด ฉันเปิดกระเป๋าค้นสมุดโน้ตเล็กๆ พร้อมกับปากกาออกมา เพื่อเตรียมการ ‘เก็บข้อมูล’ “คุณชอบผู้หญิงแบบไหนคะ?” “ไม่ต้องพูดเพราะขนาดนั้นหรอก” ไซอัลโยนแล็ปท็อปใส่โซฟา “ทำตัวตามสบายเถอะ ฉันไม่ถือ” “ค่ะ” ฉันจงใจขานรับอย่างเดิม ก่อนจะเห็นเขายิ้มมุมปาก กรี๊ด! เห็นแล้วหัวใจกระตุก “นายชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ?” “ไม่เข้าหาผู้ชายก่อนล่ะมั้ง” “คะ?” เปอร์เซ็นต์ความพิศวาสต่อเขาทั้งหมด พังครืนลงมาไม่ต่างกับตึกเวิร์ลเทรดถล่ม! T[]T สิ่งที่กำลังทำอยู่นี่ใช่ว่าฉันจะชอบนะ มันจำเป็นต่างหากล่ะ! “เอาเป็นว่าเธอลองสังเกตฉันไปเรื่อยๆ แล้วกัน” เขาตบท้ายด้วยรอยยิ้มแบบเดิมๆ ก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบ “ฉันขอถามเธอบ้าง เธอคิดว่าฉันดูเป็นผู้ชายยังไงเหรอ?” ฉันเงียบไปเมื่อได้ยินคำถาม เดี๋ยวยิ้ม
เดี๋ยวกัด เขาคงเป็นมนุษย์เพศผู้ ประเภทที่ฉันเองก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ “คงต้องดูไปเรื่อยๆ เหมือนกันค่ะ” เขาหัวเราะเบาๆ “งั้นเพื่อความสงบสุขของเราตลอดสามเดือน เธอลองบอกคุณสมบัติสามีที่ดีมาสิ เผื่อฉันจะสนใจปฏิบัติตาม” ใบหน้าเปื้อนยิ้มทำให้ฉันชะงักเล็กน้อย แล้วกลอกตาไปรอบห้อง
บางทีอาจมีคำใบ้ซ่อนอยู่ในนี้ก็ได้
ใช่มั้ย มีใครรู้สึกเหมือนฉันบ้างว่าคนตรงหน้าถามคำถามอย่างกับสัมภาษณ์งาน “เธออยากให้ฉันเป็นสามีแบบไหนล่ะ?” “ก็
” ฉันอ้ำอึ้ง ความจริงอยู่มาปูนนี้ฉันก็เริ่มคิดแล้วนะ แต่จะพูดดีรึเปล่าเนี่ย T_T เอาเถอะ พูดก็ได้ “คือสำหรับฉันจะขอเรียกว่าคุณสมบัติสามีที่ดีในอนาคตดีกว่าค่ะ” สาบานได้ว่าฉันเห็นเขาสำลักกาแฟ T^T แต่ไม่เป็นไร มันไม่ได้ทำให้ไซอัลหมดหล่อเท่าไหร่ ในเมื่อคนหน้าตาดีทำอะไรย่อมไม่น่าเกลียด
จริงๆ นะ คติประจำใจของผู้หญิงไทยยังใช้ได้เสมอ “ก่อนอื่นคือสามีฉันจะต้องมีหน้าที่การงานดีค่ะ” เขากลิ้งตาดำขึ้นมองด้านบน “ฉันกำลังอยู่ในการรับช่วงต่อตำแหน่งผู้บริหาร อย่างนี้คงพอผ่านล่ะมั้ง” “ต่อมาสามีฉันจะต้องไม่ทำร้ายฉัน ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ” “ฉันเป็นสุภาพบุรุษน่า” ไซอัลบอกพร้อมกับเอนหลังพิงโซฟา แน่นอนว่ารอยยิ้มหวานนั่นยังไม่จืดจางไปไหน ก่อนที่ไซอัลจะผงกหัวเป็นเชิงให้พูดต่อ ฉันก้มมองมือตัวเองเพื่อนับนิ้ว ไม่งั้นฉันลืมแน่ๆ “ข้อสามคือเมื่อเกิดปัญหา เราจะต้องพร้อมพูดคุยปรับความเข้าใจกัน” “ฉันจะพยายาม
” “ต้องไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นพนัน บุหรี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น” “จิบไวน์นิดหน่อยก็ไม่ได้เลย?” “ไม่เจ้าชู้” “ฟังกันบ้างมั้ยเนี่ย” “ไม่เห็นแก่ตัว” “
” “มีทัศนคติที่ดีต่อการใช้เงินค่ะ คือรู้จักเก็บออมและแบ่งมาให้ฉันใช้บ้าง” “
” “สุดท้ายง่ายมาก คือรักเด็ก” ว่าจบฉันก็ช้อนตาขึ้น ก่อนจะพบว่าไซอัลทำปากเบี้ยวซะแล้ว อะไรกัน คุณสมบัติสามีฉันมันวุ่นวายตรงไหน U_U “เอ่อ
เพื่อความสงบสุขตลอดสามเดือน นายพอจะทำได้สักสามข้อเป็นอย่างต่ำหรือเปล่า?” มุมปากเขาคลี่ออกทันที “เทวดาแล้วล่ะครับ” นายไง
นายไงเทวดา เฉพาะหน้าตานะ ส่วนนิสัยชักจะไม่ “ขอตัวก่อนนะ” ทันใดนั้นเขาก็หุบยิ้มและลุกขึ้น ทำให้ฉันสะดุ้งนิดๆ เกือบทำสมุดกับปากกาหลุดมือ “ส่วนคุณสมบัติภรรยาที่ฉันต้องการตลอดสามเดือน เธอก็ลองเดาเอาเองแล้วกัน ไม่งั้นคงทำฉันตกหลุมรักไม่สำเร็จแน่” เขาว่าพลางโน้มตัวลงหยิบถ้วยกาแฟ ก่อนจะตั้งท่าเดินจากไปที่ไหนสักแห่ง เล่นเอาฉันใจหายวาบ “นะ
นายจะไปไหนเหรอ?” “ขอตัวนั่งเงียบๆ คนเดียวน่ะ” กรี๊ด! T^T สงสัยเมื่อกี้ฉันคงจะเรื่องมากเกินไป จนทำให้เขารู้สึกไม่พอใจสินะ ฮือ ไม่น่าเลย
วันแรกก็ถูกหักคะแนนซะแล้ว “ไว้เราค่อยคุยกันอีกทีตอนกินข้าวเย็น” จู่ๆ ไซอัลก็เอ่ยเสียงเนือยๆ ฉันเลยเลิกเล่นบทโศกกับเล็บตัวเอง ก่อนจะเบือนหน้ามองแผ่นหลังกว้าง ตะกี้เขาเพิ่งพูดถึง
มื้อเย็น? “และเมื่อถึงตอนนั้น เธอช่วยโชว์ฝีมือทำอาหารสำหรับภรรยาที่ดีหน่อย” เขากำลังให้โอกาส? O_O เยี่ยมไปเลย! เพราะถ้าเป็นการทำอาหารล่ะก็ ฉันจะไม่ให้เสียชื่อลูกพ่อครัวเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้ทอด ไก่แช่เหล้า ผักกวางตุ้งผัดหมูกรอบ เป็ดปักกิ่ง กุ้งอบวุ้นเส้น! โอ๊ย นี่แค่ยกตัวอย่างนะ ยังมีอีกเยอะ หึ แล้วฉันจะสอนให้เขาได้รู้ซึ้งถึงคำว่าเสน่ห์ปลายจวักเอง! รับรอง
ต้องกวาดคะแนนที่เสียไปคืนได้แน่ๆ “นายอยากกินอะไร?” เขาหมุนตัวกลับมายิ้มหวาน “รีซอตโต้เห็ดป่า” “คะ?!” มันเรียกว่าอะไรนะ!!!?
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมวยลี่ทำเป็นแค่อาหารจีน...แต่รีเควสจากคุณสามีคืออาหารอิตาเลียน 5555555555 เวรกรรม คนละแนวเลยเฮ้ย แล้วแบบนี้เธอจะไหวมั้ยเนี่ย? เห็นไซอัลคุยกับเธอด้วยนี่ ใช่ว่าจะง่ายๆ นะเออ เห็นมั้ยหมวยลี่เป็นผู้เข้าชิงคนที่เท่าไหร่ 12 แล้ว! O_O สมกับความถึกที่ไซอัลโสดสนิทมา 8 ปีเต็มจริงๆ -_-; ไซอัลคนนี้อาจจะไม่เหมือนเดิมนะ ตอนนั้นพี่แกยังเด็ก แถมนั่นก็มีคนรักอยู่ด้วย การอกหัก ด้วยเวลานานขนาดนั้น เปลี่ยนคนไปเลยจริงๆ 55555
เรื่องนี้พระเอกไม่นิ่ง ไม่กวน สรุปคือไม่รู้ 5555555555 ไม่สิ สรุปคือเขาคือผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องแกล้งหมวยลี่ให้ออกไปจากชีวิตเท่านั้นเอง (นิสัยไม่ดี ขี้แกล้ง) เม้นเอาใจช่วยยัยหมวยลี่ต่อไป แม้พระเอกจะน่ารักขนาดไหนก็ตาม -.,-
ตอนหน้า ตัวละครใหม่โผล่! รับรองเดากันไม่ถูกแหงๆ เพราะว่าเขาไม่ใช่คน!
แต่เป็น...? . . . . วิญญาณ OoO บ้า โปรดลุ้นตอนหน้า ~~
1 เม้น = 1 กำลังใจ
Matesoul my |
ความคิดเห็น